AEl5Nk.gif AEl5Nk.gif


เหตุเกิดที่โรงแรมblPdyV.gif
โดย Tom Mm

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
29/07/66

เต้ยกับพี่ติ่ง blPdyV.gif
โดย ตฤษณา

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

ผิดที่เมย์เองเลยโดนจับขึงพืดblPdyV.gif
โดย Uratarou

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

ฝึกงานที่บริษัทขายหมู่บ้านจัดสรรblPdyV.gif
โดย 子翔吳

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

พ่อเลี้ยงของหนู EP1blPdyV.gif
โดย Ken Ken

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

วันพุธที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ตราบเท่าที่ยังมีชีวิต ตอนที่ 69

ตราบเท่าที่ยังมีชีวิต ตอนที่ 69 “ดวลหมัดดวลน้ำเมา!!...สะกดจิตเล่นซ่อนแอบ!?”

 “ผมเคยเห็นคุณชายหกวิ่งเล่นมาตั้งแต่เด็ก...เผลอแผล็บเดียวผ่านไป 10 ปีแล้ว” “ที่นี่คือบ้านเกิดของผม...ยังไงสักวันหนึ่งผมก็ต้องกลับมาครับ” ............................................... “เรียกผมว่าบอลเถอะ...คุณชายหกนี่ฟังแล้วมันยังไงก็ไม่รู้ครับ” “แต่พวกเราเรียกกันจนติดปากแล้วจะให้เปลี่ยนก็คงยาก”
“นี่คือการให้เกียรติของชาวบ้านในโยนกจัตุรัสที่มีต่อวิษณุมนตรีจ้ะ” “ไม่นานคุณชายหกก็จะชินไปเองค่ะ” ...ส่วนหนึ่งของการสนทนาที่ผมตระเวนทักทายบรรดาชาวบ้านที่มาร่วมงานเลี้ยงปลายปี...พวกเขาต่างมีอัธยาศัยดีจนไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองว่าถึงจากไปนานแต่ก็ยังได้รับความเคารพนับถือมากถึงขนาดนี้เชียวหรือ?... “บอลคะ!!” “บุศกับน้องโบว์มาด้วยหรือเนี่ย?” “เพิ่งจะถึงเย็นนี้เองค่ะ...พี่บอลแต่งตัวหล่อจัง” “กำลังรออยู่เลย” “สวัสดีค่ะคุณป้อม” “เดี๋ยวพวกเธอไปทักทายตาเฒ่าพร้อมกับฉัน” “จะดีเหรอคะ?” “ดีซี่!!...ฉันอยากเห็นหน้ายัยพวกนั้น...ดูท่าจะตลกดีพิลึก” (งั้นที่ฝนเล่าว่าน้องป้อมอยู่ฝ่ายบุศก็เป็นความจริง!?) “เอ่อ--...นี่คงจะเป็นคุณศรบุษราคัม...ผู้ปกครองหมู่บ้านโยนกทักษิณสินะคะ?” “อ๋า!?” “ฮะๆๆ...พี่อ๋อมกำลังกินอย่าเพิ่งไปชวนคุยเลย...ฉันมีอะไรจะบอกพวกเธอแน่ะ...ทางนี้” “...แต่ว่า” “กลัวจะไม่ได้อยู่ใกล้พี่ชายนักเรอะไงเฮอะ?” “................................................” “ส่วนพี่ชายก็ไปทักทายแขกต่อเถอะจ้ะ” “อะ...อืม” ...น้องป้อมจะมีความคิดแผลงๆอะไรหรือเปล่าเพราะดูมีลับลมคมในยังไงชอบกล?...ถามอ๋อมๆก็บอกไม่รู้และขณะนั้น... “แหมลูกพี่~~...กินคนเดียวไม่ยอมชวนกันมั่งเลย” (เอ๋?...อ๋อมเนี่ยนะลูกพี่!?) “ที่โต๊ะพวกแกก็มีนี่หว่า?” “เขายังไม่มาเสริฟ์เลยครับ” “ว่าแต่กินเป็ดย่างแล้วไหงไม่แกล้มเหล้าด้วยล่ะ?...ฝืดคอแย่” “ฉันรอจะหวดกับยัยศรเพทายอยู่” “อ้าว!!...นัดดวลกันเหรอครับ?” “แบบนี้พลาดไม่ได้แล้ว!!!...ผมจะเทให้ลูกพี่หมดกระเป๋าเลยละ” “ฮะๆๆ...รับรองไม่ผิดหวังแน่” “พวกเราจะคอยดูนะครับ...ไปเหอะ!...วันนี้ลูกพี่กินเหล้าด้วยไม่ได้แล้ว” “เสียดายจังว่ะ” ...กลุ่มคนที่เรียกอ๋อมว่า “ลูกพี่” ดูๆไปก็ล้วนแต่เป็นผู้ชายรูปร่างกำยำบึกบึนกับมีอายุมากกว่าทั้งนั้นเลยแล้วไหงญาติสาวผู้พี่ของผมจึง?... (ครั้นจะถามตอนนี้คงยังไม่ค่อยเหมาะเพราะแม่คุณกำลังยัดเป็ดย่างเข้าไปเต็มปากเชียว) “กลับมาจริงๆด้วยสินะคะ?” “สวัสดีครับคุณพัตรา...ขอบคุณสำหรับคำแนะนำเมื่อตอนนั้นทำให้ผมคิดได้ตั้งหลายอย่าง” “โฮ~~...นี่คือคุณเอกคเชนทร์สินะเนี่ย?” “นี่คุณสุวิทย์เพื่อนสมัยเรียนของดิฉันค่ะ...เจ้าของบริษัทสุวิทย์ขายวัสดุก่อสร้าง” “สวัสดีครับ” (เคยได้ยินโฆษณาทางวิทยุ...บริษัทนี้กิจการใหญ่โตไม่เบาเลยนี่นา?) “หน้าตาไม่เลว..หล่อเหลาคมคายเหมือนคุณเอกภพมากๆ...ผมได้ยินว่าคุณเอกคเชนทร์ไม่ค่อยถูกกับคุณศรเพทายเพราะความเจ้าชู้แต่ผู้ชายก็อย่างนี้แหละนะ...ไม่เจ้าชู้ก็เหมือนงูไม่มีพิษ...ฮ่าๆๆ” “เชอะ!!...ผู้ชายก็ต้องเข้าข้างกัน...คุณศรเพทายมาถึงแล้วแน่ะ” “เป็นเกียรติมากเลยค่ะที่พวกคุณมาร่วมงานเลี้ยงของเรา” “โอ้ยพูดอะไรอย่างนั้นครับ!?...ต่อให้คุณหมอไม่ออกบัตรเชิญผมก็ต้องมาอยู่แล้ว...ยิ่งได้มาเห็นคุณหมอแต่งชุดสวยแบบนี้ก็นับว่าคุ้มค่าสุดๆ” “ต๊ายคุณสุวิทย์!!...ปากหวานซะขนาดนี้ระวังมดจะตอมเอานะคะ” “ฮะๆๆ...ผมยอมๆ” ...พี่เซคมาถึงงานในชุดราตรีผ่าหลังสีแดงสดกับสวมใส่เครื่องประดับให้แพรวพราวไปหมดแต่ที่สำคัญคือหัวลูกศรสีแดงเพลิงที่ส่องประกายวาววับ...นั่นก็คือ “เพทาย” อัญมณีประจำตัวของเธอสินะ?... “เหมาะมาก?” “?” “งาช้างทองคำขาวที่คล้องอยู่น่ะแต่ว่า...เมื่อแกได้มันมาครอบครองแล้วก็ต้องเอาติดตัวไปไหนมาไหนด้วยเสมอซึ่งนั่นคือกฎของตระกูลเราและอีกอย่างสิ่งนั้นมีเพียงอันเดียวในโลกเพราะสั่งทำเป็นพิเศษและสลักชื่อของแกไว้ด้วย...ห้ามทำหายเด็ดขาด” “สลัก...ชื่อผม?” “หมายความว่าต่อไปผู้คนที่รู้จักตระกูลของเราถ้าได้พบเห็นแกที่ไหนก็จะทราบทันทีว่าเป็นใครฉะนั้นต่อไปจะทำอะไรก็ให้คิดถึงเกียรติของตัวเองและของอัญมณีประจำตัวนั่นด้วย” ...จากนั้นผมกับพี่เซคไปสมทบกับพี่แคทและฝนเพื่อยืนรอต้อนรับคุณปู่คุณย่ารวมทั้งบรรดาญาติผู้ใหญ่ทั้งหลายส่วนพ่อก็มาถึงในเวลาใกล้ๆกัน... (อ๋อมกำลังง่วนกับการกินเป็ดย่างอยู่ที่โต๊ะจึงไม่ลุกมา) “แดงทั้งตัวเลยนะเจ้าเซค” “สีโปรดของหนูนี่คะ...ดูคุณแม่สิก็ยังเขียวทั้งตัว” “นี่ก็สีโปรดของแม่จ้ะ” “แม่กับลูกสาวแต่งชุดราตรีเหมือนกันเด๊ะ...นัดกันใช่ไหม?” “เปล่าค่ะคุณยาย...เผอิญใจตรงกันต่างหาก” “โฮ่?...เจ้าบอลก็แต่งตัวเข้าท่าว่ะ!!!...ฮ่าๆๆ” “สวัสดีท่านเอกบดินทร์กับท่านอุทุมพรค่ะ” “อะ...โอ้!?...หนูบุศยานี่เอง...พ่อกับแม่มาหรือเปล่า?” “เปล่าค่ะ...พวกท่านติดงานอยู่ต่างประเทศแต่ฝากความคิดถึงมา” “เออขอบใจๆ...ตามสบายนะหนูๆ” ...พี่แคทบอกให้ผมประคองแขนคุณปู่พาไปนั่งเก้าอี้โดยทีแรกนึกว่าพี่เซคจะแสดงอาการไม่พอใจหรืออะไรแต่ที่ไหนได้...เธอกลับวางตัวเฉยเหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นและมีสีหน้ายิ้มแย้มทักทายแขกเหรื่อที่คืนนี้มากันมากมายซึ่งล้วนแต่มีหน้ามีตาฐานะร่ำรวยตำแหน่งใหญ่โตทั้งนั้น...อื๋อ!?...น้องป้อมกำลังกระซิบกระซาบอะไรกับคุณปู่แล้วจากนั้นสองคนก็หัวเราะกันใหญ่เชียว?... “เจ้าน่ะมันแสบนัก!!” “ชู่ว~~...หยุดขำได้แล้ว...วันหลังจะเอามาให้ตาเฒ่าดูอีก” “ให้มันเบาๆหน่อย...เดี๋ยวข้าก็หัวใจวายกันพอดีสิเว้ย!!!” “ฮ่าๆๆ” “มีอะไรตลกเหรอ?” “ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ” (แต่เราคิดว่าจะต้องมี) “เจ้าบอล” “ครับ” “เต้นลีลาศเป็นไหม?” “พอเป็นครับ” “ดีเลย...ข้าอยากจะให้เจ้าชวนสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มที่อยู่ในงานนี้ออกไปเต้นเปิดฟลอร์หน่อย...คนไหนก็ได้” (เราเคยเรียนลีลาศสมัยม.ปลายแต่ไม่ได้เก่งคล่องอะไรนักกับหลงลืมไปบ้างจนป้าเอ็มมาช่วยสอนให้...คุณปู่จะให้เราเป็นคนเต้นเปิดฟลอร์แต่ผู้หญิงนี่ใช่ว่าจะเต้นเป็นกันทุกคนนะ?) “เพื่อนพ่อบอลก็มางั้นลองชวนดูสิจ๊ะว่ามีใครเต้นได้บ้าง?” “ผมจะลองไปถามดูครับ” “ถ้าไม่ได้ยังไงเดี๋ยวข้าจะช่วยหาคู่เต้นให้เอง” “ย่าอยากเห็นจริงๆเลย” ...รู้มาว่าคุณปู่กับคุณย่าชอบดูการเต้นลีลาศและหากผมไม่สร้างความประทับใจในครั้งแรกก็ดูจะไม่ค่อยโสภาเท่าไหร่!?...สาพอจะเต้นได้แต่บุศก็อยู่ด้วยซึ่งถ้าผมชวนคนใดคนหนึ่ง...ไม่ๆๆ...ไม่ชวนเลยทั้งคู่จะดีกว่า!!...น้องอ้อยกับน้องโบว์(กรณีเดียวกับสาและบุศ)ยังเด็กกว่าผมแล้วแขกเหรื่อในงานอาจจะมองไปในทางที่ไม่ดี...ถ้าอย่างนั้นก็ไม่พ้นลูกพี่ลูกน้องของผมเองสินะว่าแต่ใครเต้นเป็นมั่ง?... “ไม่เป็นว่ะ” “หนูก็ด้วย...ถามทำไมจ๊ะพี่ชาย?” (ไม่เกินความคาดหมาย) “เซคเต้นเก่งนะ...พ่อบอลมีอะไรหรือ?” “ลีลาศ?...แคทกับฝนเต้นเป็นจ้ะ” ...ถ้าชวนฝนไม่แคล้วน้องป้อมมีงอนเพราะคู่นี้เขากินใจกันอยู่และชวนพี่แคทผลลัพธ์ก็คงไม่แตกต่างกันเพราะอ๋อมจะเล่นผมเละแหงๆ...โอ้ย!!!...สรุปจะชวนใครไม่ได้เลยใช่ไหมเนี่ย?... (ไม่--...ยังมีอีกคน...แต่...ไม่อยากเลยตู) “...มีอะไร?” “พี่เซคครับ...จะให้เกียรติเต้นรำกับผมสักเพลงได้ไหมครับ?” “ฉันเหรอ?” “เฮ้ย!!!...นายทำอะไรวะ?” “ที่พี่ชายถามเมื่อกี้ก็เพื่อจะหาสาวเต้นลีลาศ...งั้นทำไมไม่ชวนหนูเล่า?” “เต้นเป็นหรือไงยะ?” “เอ่อก็...” “เจ้าป้อมจะยังไงก็ช่างหัวมันแต่ไหงบอลถึงไปชวนพี่เซคล่ะ?” “วะ...ว่าไงน๊ะ?...ช่างหัวเรอะ?” “หุบปากน่า!!” “พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน...ประเดี๋ยวเถอะสองคนนี้นี่!?” ...ถ้าพี่เซคตกลงก็ถือว่าช่วยรักษาหน้าผมแต่หากไม่งานนี้ก็ได้หน้าแตกอับอายแขกเหรื่อชนิดที่ไม่มีหมอคนไหนรับเย็บละเพราะถึงกับลงทุนคุกเข่าให้ญาติสาวผู้พี่เชียว... “ได้...ฉันจะเต้นด้วย” “จริงเหรอครับ?...งั้น...งั้นผมจะไปบอกคุณปู่ก่อน” (พอคุณปู่กับคุณย่ารู้ก็ดีใจมากรีบให้คนไปบอกวงดนตรีให้เตรียมพร้อม) “นาย~~” “ฟังฉันพูดหน่อย” “รีบว่ามาเลยๆ...ถ้าเหตุผลฟังไม่ขึ้นเรื่องไม่จบง่ายๆแน่โว้ย!!!” ...มีเวลาอีกเล็กน้อยผมจึงอธิบายให้ทุกคนรู้แต่ที่เหลือนอกจากพี่แคทแล้วไม่มีใครยอมหยุดปากกันเลย... “ไม่อยากให้พวกฉันน้อยใจก็เลยไปชวนยัยหมอจิตป่วนนั่นแต่นึกว่าฉันจะใจเย็นได้รึ?” “อ๋อม...ก็เมื่อกี้บอกเต้นไม่เป็นแล้วฉันจะชวนไปให้ขายหน้าหรือยังไงเล่า?” “แต่...” “ไม่มีแต่...น้องป้อมก็เหมือนกันขอให้เข้าใจพี่ด้วย” “...อือ” “พี่เข้าใจเหตุผลของบอล” “เจ๊!...แต่หนูเต้นได้” “แล้วฝนจะอธิบายให้สาฟังยังไง?” “...ก็ไม่เห็นจะต้องอธิบายนี่นา” “นี่เพลงจะเริ่มแล้ว!!...จูงมือฉันออกไปสิมัวช้าอยู่ได้” “คะ...ครับ” “ฮึ่ย~~...ยัยซกมกแอบจิต!!” “พี่เซคทำเป็นวางท่า...น่าหมั่นไส้!!” “หงึ!!...คนที่สมควรเต้นเปิดฟลอร์กับบอลน่าจะเป็นฝนต่างหาก” “.............................................” “โอ้โฮนั่น!?...คุณหนูใหญ่เต้นลีลาศกับคุณชายหก” ...ชาวบ้านพากันพร้อมใจปรบมือเกรียวกราวซึ่งมันทำให้ผมตื่นเต้นจนเกือบจะลืมท่าเต้นทีเดียว...ครั้นเหลือบมองไปที่โต๊ะก็แทบชักหน้ากลับไม่ทัน!!...อ๋อมกับน้องป้อมนั่งหน้าบึ้งมองเขม็งส่วนฝนลุกไปที่โต๊ะของอานิภาเหลือพี่แคทที่คอยปรบมือตามจังหวะเพลงพลางหันไปพูดกับคุณปู่และคุณย่า...ฝ่ายสากับบุศก็ต่างทำหน้าประหลาดใจและแสดงอาการบอกบุญไม่รับโดยไม่ต้องนัดหมายกัน... (เราก็พยายามหาหนทางที่ดีที่สุดแล้วนะ...ลำบากใจจริงๆเล้ย!!!) “ใช้ได้เหมือนกันนี่” “............................................” “เฮ่!!” “ครับ” “พื้นฐานอย่างหนึ่งของการเต้นลีลาศคือมองสบตากับคู่ตัวเอง...แกลืมหรือไง?” “ผมก็มองพี่อยู่นี่ไงครับ...วันนี้พี่เซคแต่งตัวสวยมากๆเลย” “ฉันไม่ดีใจที่แกชมหรอกและที่ใส่ชุดนี้มาเพื่อเต้นลีลาศโดยเฉพาะเพราะคุณตากับคุณยายชอบดู...หึ!...กล้ามากนะที่ชวนฉันมาเต้นเป็นคู่เปิดฟลอร์เนี่ย?” ...เพลง “สุขกันเถอะเรา” ในจังหวะชะชะช่านี่นับว่าง่ายมากๆท่าเต้นก็ไม่ยากหรือซับซ้อนอะไร...คุณปู่คงตั้งใจเลือกเพลงนี้ให้ผมโดยเฉพาะแต่พี่เซคเต้นเก่งจริงๆเคลื่อนไหวร่างกายคล่องแคล่วมาก... “ใช่ครับ...ผมต้องรวบรวมความกล้าเกือบทั้งหมดแล้วมาคุกเข่าต่อหน้าพี่เซคเชียว” “ผิดแล้ว...แกไม่ได้คุกเข่าต่อหน้าฉันแต่คุกหน้าต่อหน้าคนทั้งงานต่างหากฉะนั้นที่ฉันทำไปก็เพื่อรักษาหน้าตัวเองและของตระกูล” “ส่วนผมก็อยากให้คุณปู่กับคุณย่าสำราญใจเท่านั้น” “มาสำนึกเอาตอนนี้มันจะไม่สายไปหน่อยรึ?” “ไม่มีคำว่าสายครับตราบเท่าที่พวกเรายังมีชีวิตกันอยู่” “แต่ทำไมแกไม่ชวนสาวิตรีหรือบุศยาล่ะ?” “ผมไม่ต้องการให้คนไหนน้อยใจ” “ก็เลยไม่ชวนทั้งคู่มันซะเลย?” “อีกอย่างพี่เซคก็ไม่ได้เป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย” “ส่วนได้ส่วนเสีย?” “ไม่มีอะไรหรอกครับ...เอ่อ--...ผมอยากจะถามเรื่องพี่ม่อน...เวลานี้เธออยู่ที่ไหนกันแน่ครับ?” “ก็ไปหาเอาเองซี่!!...เท่าที่ฉันรู้เธออยู่ในงานนี่แหละและถ้าโชคดีได้เจอก็มาบอกด้วย” ...เมื่อเพลงจบเราสองคนก้มคำนับให้ผู้ชมซึ่งได้รับเสียงปรบมืออย่างกึกก้องเป็นเวลานานจากนั้นก็เริ่มมีชาวบ้านกับบรรดาแขกเหรื่อเริ่มชวนกันออกมาเต้นรำเพิ่มขึ้น...พี่เซคสลัดมือที่ผมจับก่อนจะเดินกลับมานั่งที่เดิมโดยคุณปู่กับคุณย่าต่างออกปากชมเชย... “เยี่ยมมากๆๆ...เก่งทั้งคู่เลย” “พี่เซคต่างหากครับที่เก่ง...เธอคอยกำหนดจังหวะและบอกผม” “เอาน่าๆ...เท่าที่ดูเจ้าก็เต้นได้ดี” “ใครสอนพ่อบอลหรือจ๊ะ?” “ผมเคยเรียนสมัยม.ปลายและป้าเอ็มสอนให้ครับ” “ไปสอนกันตั้งแต่เมื่อไหร่คะคุณแม่?” “ก็ที่บ้านน่ะแหละ” “บอลจ๊ะ...พาน้องออกไปเต้นมั่งสิ” “...ฝนไม่เต้น” “ทำไมล่ะ?” “ก็หนูเพิ่งบอกแม่ไปเมื่อกี้แล้วไง” “แต่ว่า...” “บอกอะไรหรือ?” “...ไม่สำคัญอะไรหรอกเจ๊” “ไงล่ะทั้งคู่!!...แม่เคยบอกใช่มั้ยว่าให้สนใจกันมั่ง?” “ฮึ!!...พี่เซคเลยได้ความชอบไปคนเดียวเลย” “แม่เลิกบ่นซะทีเถอะ...แค่นี้ฉันก็หงุดหงิดจะแย่” “บอลคะ...ทำไมไม่ชวนบุศออกไปเต้นล่ะคะ?” “เอ่อ--” “...............................................” “พี่อ๋อมใจเย็นๆ” “ไปคุยกันที่อื่น!!!” ...อ๋อมถลึงตากับตวาดใส่บุศด้วยความฉุนเฉียวจนน้องป้อมรีบบอกให้ออกไปก่อน...บรรยากาศแถวนี้เริ่มจะย่ำแย่ลงเรื่อยๆ...ผมพาบุศออกมาให้ห่างก่อนจะอธิบายให้เธอกับโบว์เข้าใจ... “จะไปสนใจคนอื่นทำไม?...ดีซะอีกทุกคนในงานจะได้รู้ว่าเราเป็นอะไรกัน” “จนป่านนี้พี่บอลก็ยังตัดสินใจไม่ได้อีกหรือคะ?” “อาลัยอาวรณ์กันซะจริงนะ?” “แล้วมันทำไมหรือ?” “สา!?” “พี่บอลยังรักพี่สาอยู่นะคะจึงไม่แปลกที่จะอาลัยอาวรณ์” “อ้อย” “โบว์” “ทุกคนอย่าทะเลาะกันเลยนะก็เพราะผมกลัวจะเป็นแบบนี้ไง...หากใครจะโกรธก็เชิญตามสบายแต่ผมไม่อยากให้คนไหนน้อยใจเสียใจทั้งนั้น” “เจ้าบอล” “ครับ!!” “มานี่ซิ” ...ลำพังตัวผมไม่เท่าไหร่แต่คุณปู่คุณย่ารวมถึงพ่อและญาติผู้ใหญ่ทุกคนจะพลอยไม่สบายใจไปด้วย...ทั้งสาและบุศต่างก็เข้าใจเหตุผลของผมจึงยอมแยกย้ายกันแต่โดยดี... “ศรเพทาย...เรามาเริ่มดวลกันเลยมั้ย?” “เธอจะซัดแต่หัววันเชียวรึ?” “เปรี้ยวปากมานานแล้ว...วันนี้อดใจอุตส่าห์ไม่แตะต้อง” (มิน่าตอนอยู่บนเขามิหวนกลับเราเห็นเธอนั่งกลืนน้ำลายมองขวดเหล้าตาแป๋วเลย) “รอให้คุณตากับคุณยายกลับก่อน...ฉันเกรงใจพวกท่าน” “อะไรนักหนาว๊า!!” “เดี๋ยวเราได้หวดกันเต็มที่แน่...ไม่ต้องกลัว” “ส่วนพี่แคทดื่มได้แต่น้ำผลไม้อย่างเดียวเพราะเหล้าเป็นสิ่งต้องห้าม” “แต่ฉันก็อยากเห็นนะว่าเวลาพี่แคทเมาน่ะจะเป็นยังไง?” “อย่าเลยดีกว่าค่ะพี่ชาย...เมาแล้วบ้าทำลายข้าวของ” “เฮ่!!...ปากน่ะยัยตัวเล็ก” “หนูพูดโกหกซะเมื่อ...อื๋อ?” “เจ๊?” “!?” “น้องป้อมนี่น่ารักจัง...หึๆๆๆ...ช่างพูดช่างจา” “เฮ้ย!?...อย่าบอกนะว่าสุรีย์พรรณ?” “ใคร...ใครเอาเหล้าให้ลูกสาวฉันดื่มหา!?...คุณเหรอ?” “ไม่ใช่ผม!!!...มีพ่อที่ไหนส่งเหล้าให้ลูกสาวกินบ้างเล่า?” “งั้นก็พี่เอ็ม” “จะบ้ารึยัยภา?...พี่ไม่ได้ทำ!!” “อย่ามากอดหนูน๊ะ!!...เหม็นเหล้า~~” “แย่แล้ว!!!...น้องแคทเมาทีไรเป็นได้เกิดเรื่อง...เมื่อกี้ก็ยังดีๆอยู่เลยแล้วทำไม?” (ชักสังหรณ์ใจว่าจะเกิดเหตุกับเรา...นั่นปะไร!!!...จากที่กอดน้องป้อมอยู่ดีๆพี่แคทก็หันขวับมามองเราตาขวาง) “บอล...ทำไมเธอถึงไม่เคยเชื่อฟังในสิ่งที่ฉันสั่งสอนซะมั่ง...นึกว่าตัวเองเก่งแล้วหรือยังไง?” “อะ...อะไรของพี่ครับเนี่ยอยู่ดีๆก็มาตะคอกใส่ผม?...โอ๊ย!!” “เฮ่ยปล่อยบอลเดี๋ยวนี้นะไม่งั้นสวยแน่!!” “ใครไม่เกี่ยวถอยออกไปฉันจะอบรมเจ้าน้องชายไม่รักดีนี่!!...อ้อ~~...รึถ้าอยากจะโดนด้วยก็เข้ามา!!!” ...เวลาสองทุ่มก็เกิดเหตุวุ่นวายขึ้นเมื่อพี่แคทร้องเอะอะโวยวายจนคนทั้งงานพากันแตกตื่น...ญาติสาวผู้พี่คว้าคอเสื้อผมพลางจ้องด้วยสายตาที่โกรธเคือง...ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเวลาหล่อนเมาแล้วจะเปลี่ยนไปได้ถึงเพียงนี้... (ขอถอนคำพูด...เราไม่อยากเห็นเจ้าหล่อนเมาอีกแล้ว) “เจ้าแคทใจเย็นๆก่อน...ค่อยพูดค่อยจากันดีๆ” “ยายขอเถอะลูก~~...ปล่อยพ่อบอลเถอะ” “อย่ายุ่งค่ะ...คุณพ่อถอยไปนะ!!” “โอเคๆ” “ฮึ่ม...ผู้ชายมันก็เป็นเหมือนกันทุกคน” “จู่ๆมาโกรธอะไรผมครับ...ชาวบ้านมองอยู่นะพี่” “อายเรอะ?...ทีอย่างนี้หน้าบางได้แล้วรึ?” “ไม่มีอะไรนะคะ...ทุกคนไม่ต้องกลัว...เอ๋?” “คู่ต่อสู้หล่อนอยู่นี่!!” “ฮึ!” “ว้าก!!!...ไรห์ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” “โอล่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” “พี่ชายรีบถอยออกมาเร็ว!!!” “บอลบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?” “ไม่...ไม่เป็นไร” ...พี่แคทและอ๋อมไม่มีอาวุธในมือธรรมดาจึงไม่น่าจะยากเย็นหากมีคนเข้าไปแยกแต่ความจริงมันไม่ใช่เพราะพวกเธอรัวกำปั้นกับฝ่ามือปะทะกันอย่างรวดเร็วจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เลย... “ไรห์ๆๆๆๆๆๆๆ...หนอย!!!” “โอล่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” “ฮึ่ม!!” “โอล่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” “ยะ...ยังจะเร็วได้อีก...โอ๊ะ!?” “พี่!!!” “เฮอะ!!...ไม่เท่าไหร่ๆ” “ชักลำบากซะแล้วสิ” “ยังไงเหรอ?” “พี่ชาย...มีคนอยู่สองประเภทที่รับมือยากที่สุดค่ะ” “?” “ก็คือคนบ้ากับคนเมา” ...อย่างที่อ๋อมกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้งั้นรึ?...พี่แคทระดมกำปั้นชกใส่เธออย่างถี่ยิบชนิดไม่ปล่อยให้พริ้วหนีได้ง่ายๆแต่อ๋อมก็ปักหลักสู้ไม่ถอยจนฝนถึงกับออกปากชม... “เก่งอย่างไม่ต้องสงสัยเลย” “พี่ฝนเพิ่งจะรู้หรือไงคะ?” “ที่ว่าเก่งนี่คือ...” “แต่ล่ะหมัดที่พี่แคทต่อยออกไปมุ่งสู่จุดสำคัญทั้งนั้นแต่พี่อ๋อมก็กางมือรับได้ทุกครั้งเหมือนกัน...นี่แหละที่ฝนบอกว่าเก่งอย่างไม่ต้องสงสัย” “ฮึ!!...พี่ฝนทำไม่ได้ใช่ไหมล่า?” “พี่แคทใช้ทั้งหมัดตรงรัวชกบนล่างซ้ายขวาแถมยังฮุคกับอัปเปอร์คัทเรียกว่ามาทุกทิศทุกทาง...เฮ้อ!!...จะมีสักกี่คนกันที่สามารถตามความเร็วในการชกของเธอทัน?...ที่พี่เคยเจอแรกๆอาจรับได้แต่ไม่นานการ์ดก็แตกโดนต่อยสลบกลางอากาศ” “แต่อ๋อมยังต้านได้อยู่นะ” “ถ้าไม่ใช่พี่ก็ร่วงไปนานแล้วล่ะค่ะพี่ชาย” “นั่น!!” “จะมากเกินไปหน่อยมั้งสุรีย์พรรณ?...ฉันชักโมโหแล้วนะโว้ย!!!” ...พี่แคทพุ่งหมัดขวาอันรวดเร็วประดุจลูกธนูที่ถูกยิงออกจากแหล่งเข้าใส่อ๋อมที่กางแขนกากบาทรับจนถอยกรูดเพราะความแรงจังหวะนั้นสาวเจ้าผมยาวก็หวังจะเผด็จศึกด้วยการเงื้อหมัดซ้ายรอท่าแต่สาวเจ้าหัวเสือชิงจับตัวแล้วเหวี่ยงไปทางเวที...พี่แคทแม้เมาขาดสติแต่สัญชาตญาณนักสู้ยังเหลืออยู่จึงดีดตัวขึ้นไปบนเวทีก่อนร่างจะกระแทกกับขอบฝ่ายอ๋อมก็กระโดดตามแล้วเงื้อฝ่ามือเพื่อเอาคืนทว่าหญิงสาววัย 22 กำหมัดชกสวนกลับมา...ดังนั้นผลที่ออกมาก็คือต่างคนต่างโดนฝ่ามือกับกำปั้นเข้าที่หน้ากันทั้งคู่แต่ยังไม่จบเท่านี้...อ๋อมที่ร่วงตกจากเวทีลงมานอนหงายผลึงที่พื้นยังไม่ทันได้ลุกนั่งพี่แคทที่เซผงะไปชั่วครู่ก็กลับมาตั้งหลักได้แล้วกระโดดตามลงมาพลางยกเท้าจะกระทืบแต่อ๋อมกลิ้งตัวหลบพ้นอย่างหวุดหวิด... “...มึนเลยฉัน” “อุ๊!!” “เฮอะ!!...มึนเหมือนกันใช่มั้ยเล่ายัยยมทูตขี้เมา?” “กรอด!!!” “งั้นมาทำให้มันจบเร็วๆอย่าให้ยืดเยื้อจนถึงกับจะต้องใช้ตะวันเลือดเพราะถ้าคนๆนั้นรู้เข้าเรามีหวังซวยกันหมด” (ใครคือคนๆนั้น?) “ฝน...อ๋อมหมายถึงใคร?” “...อาจารย์ของพวกเราน่ะ” “คุณโตโดเหรอ?” “ไม่ใช่ค่ะพี่ชาย...คนที่พี่อ๋อมพูดถึงคือ...” “เจ้าป้อมหลบ!!!” “แว้ก!?” ...อ๋อมกระโดดลอยตัวใช้เท้าถีบพี่แคทกระเด็นมาตรงที่เราสามคนยืนอยู่...ฝนผลักน้องป้อมแล้วดึงแขนผมให้หลบไปอีกทาง...การต่อสู้เข้มข้นกว่าเมื่อกี้ซะอีกนั่นเพราะสาวเจ้าหัวเสือต้องการจะปิดฉากให้เร็วที่สุดซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยฝ่ายน้องป้อมก็ร้องโวยลั่น... “ผลักหนูได้ยังไง?...คนนะคะไม่ใช่สิ่งของ!!!” “สถานการณ์บังคับน่า--” “พี่ฝนจงใจซะมากกว่า!!...หือ?” “.............................................” “ละ...ลุกขึ้นมาอีกแล้ว!!!” “คงยังไม่หมดแรงแค่นี้หรอกใช่มั้ย?” (พูดจบก็กวักมือเรียกนี่มันคือการยั่วยุชัดๆ!?...หูยนั่นไง~~...มองตาเขียวปั๊ดเลย!!!) “บังอาจ!!!” “ดี--...แน่จริงก็เข้ามา!!” “สู้ๆครับลูกพี่!!” “คุณหนูแคทอย่ายอมแพ้!!!” “อะไร?...นี่ไม่ใช่เชียร์มวยนะ!!” “ก็แล้วที่หลานเรากำลังทำอยู่นี่มันต่างกันตรงไหนล่ะ?” “แบบนี้ใครจะกล้ามาขอไปเป็นเมียเนี่ย?” ...แล้วคุณปู่กับคุณย่าก็ถอนหายใจพร้อมกัน...เสียงเชียร์ของชาวบ้านเริ่มจะมีมากขึ้นแต่พวกเราพูดอะไรไม่ออกเลยเพราะรู้สึกอายแขกเหรื่อที่ได้รับเชิญมาและต่อจากนี้พวกเขาคงเอาไปเล่าขานกันอย่างสนุกสนาน... “แม่เอ็มกับแม่ภาเตรียมตัวไว้ให้ดีล่ะกัน” “...อย่างมากก็ถูกดุแหละค่ะ” “ใช่ๆๆ...โดนมาหลายครั้งแล้ว” (ยังมีคนที่สามารถดุป้ากับอาของเราได้อีกเรอะ!?) “อึ๊ก!!...อูย~~” “เป็นไงมั่ง?” “ขอบใจว่ะ...มันอึดจริงๆยิ่งสู้ยิ่งแกร่ง...แบบนี้ไม่ชนะแน่” “นั่น...น้องแคททำอะไร?” “หืม?...มัน...มันเยาะเย้ยฉันนี่หว่า!?...แก!!!” ...เมื่อกี้ที่ถูกอัดกระเด็นมาพี่แคทคงจำได้ว่าอ๋อมพูดจาท้าทายไว้ครั้งนี้เลยเอาคืนมั่ง!?...ญาติสาวผู้พี่เอียงคอกับเสยเส้นผมมือท้าวเอวพลางชายหางตามองทำให้อ๋อมฉุนขาดกระทืบเท้าก่อนจะวิ่งไปรัวฝ่ามือสู้กับหมัดยมทูตให้รู้แล้วรู้รอดอีกครั้ง... “ยังจะเข้าไปแลกหมัดด้วยทำไม?...อย่างนี้พี่แคทก็ยิ้มน่ะสิ” “นั่นสิ...เสียเปรียบไม่ใช่เหรอ?” “ทำไงได้...พี่อ๋อมไม่ยอมใช้ตะวันเลือด” “โอ๊ย!!” (กลัวความซวยมาเยือนขนาดนั้นเชียว?) “หึ!” “บ้า...บ้าเอ๊ย!!” “ฮึ่ม!!!” “ป้องกันเร็วพี่!!!!” “!!!!!!!!!!!!” “เอาะ...อ๊อก!!!” “สะ...สำเร็จแล้ว!!!!” “เมื่อกี้มันอะไร?” “ท่าสวนกลับของพี่อ๋อมค่ะ...ว้าว~~...เด็ดขาดมาก!!!” “ที...ทีนี้...ก็จบได้ซะที...เล่นซะเหงื่อตก” “พี่แคท!?” “เป็นยังไงมั่งลูก?” “แค่สลบไปเท่านั้นเอง...น้ารีบพากลับไปเลยป่ะ” ...ผลจากการดวลความอึดพี่แคทเป็นฝ่ายชนะพุ่งหมัดยมทูตขวาเร็วใส่อ๋อมที่ซัดฝ่ามือโต้ตอบไม่ทันจากนั้นพี่แคทก็จะตามเข้าซ้ำแต่อ๋อมชิงจังหวะเบี่ยงตัวหลบแล้วเอาเข่าตีท้องพี่แคทอย่างจัง...ยมทูตสาวที่พุ่งเข้ามาอย่างไม่ทันระวังเลยเจอการสวนกลับของนางพญาเสืออย่างเต็มที่จนถึงขั้นสลบไปทีเดียว... (แต่อ๋อมเอาแขนรับตัวพี่แคทไม่ให้ล้มไปที่พื้น) “คุณช่วยอุ้มลูกแคทไปที่รถที...หนูขอตัวก่อนนะคะ” “แม่ภาไปเถอะ” “เอ้า!!...ทุกคนฟังทางนี้” “.........................................” “ตอนนี้เหตุการณ์ทุกอย่างปกติแล้ว...เจ้าแคทหลานสาวข้าเวลากินเหล้าทีไรก็จะเป็นอย่างนี้แหละ...ข้าอยากให้ทุกคนเข้าใจกับไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น” “ไม่เป็นไรหรอกกำนัน...พวกเราไม่ปากมากอยู่แล้ว” “เรารู้จักคุณหนูแคทดี...แค่นี้เล็กน้อยครับ” “ถือว่าเป็นการแสดงของคุณหนูทั้งสองล่ะกัน” “แต่คุณอรศินีย์จะว่ายังไงก็ไม่รู้?” “นั่นน่ะซี่~~...เคยสั่งหลานๆไว้ว่าห้ามทะเลาะกันด้วย” “ช่างเหอะ!...เราเป็นคนนอก” “ขอบใจทุกคนมาก...อ่ะ!!...สนุกกันต่อๆไม่มีอะไรแล้วล่ะ” ...อ๋อมยังนั่งหายใจหอบซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ...ผมกะเอาว่าล่าสุดเมื่อกี้เธอรัวฝ่ามือสู้กับพี่แคทเกือบ 30 วินาทีได้ล่ะมั้ง?...แม้การต่อสู้(ทะเลาะ)จะจบไปแล้วแต่ชาวบ้านยังวิพากษ์วิจารณ์ถามกันไปมาเช่นว่าพี่แคทกับอ๋อมใครเก่งกว่ากัน?...บ้างว่าพี่แคทเก่งกว่าซึ่งถ้าไม่เมาก็ไม่มีทางจะแพ้หรอกแต่บ้างก็ว่าอ๋อมต่างหากเพราะเมื่อกี้ก็ยังไม่เอาจริงด้วย... “ยังคุยกันไม่หยุดแฮะ?” “ก็ว่ากันไปนะ” “...เรื่องรัวหมัดนี่ยังต้องยกให้มันจริงๆ” “เจ็บตรงไหนไหมจ๊ะ?” “ไม่หรอกแม่...สบายมาก” “ทีนี้พี่ชายก็เห็นความร้ายกาจของพี่แคทแล้วใช่ไหมคะ? “จะมากเกินไปละยัยตัวเล็ก!!” “มากตรงไหนคะ?...คนเขาก็เห็นกันอยู่ทั้งงาน” “พอทีป้อม!...ไม่ได้ยินที่คุณตาพูดหรือ?” “เชอะ!!” “คนนอกจะว่ายังไงก็ตามแต่พวกเราสมควรหุบปากให้เงียบ...อย่าพูดมากกันอีก” “หึ!...ฉันไม่ถือว่าวันนี้ตัวเองชนะหรอกนะหยาดฝน...จริงอยู่ที่ยัยนั่นใช้พละกำลังเต็มที่แต่เพราะเหล้าที่กินเข้าไปทำให้ขาดสติเลยจู่โจมอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง” “พี่แคทในเวลาปกติจะไม่มีทางหลงกลง่ายๆ” “ใช่...ถ้าให้เลือกได้ฉันอยากสู้กับยัยนั่นในสภาพปกติและแสดงทุกสิ่งทุกอย่างออกมาเต็มที่ดีกว่า” ...อาสนกับอานิภาช่วยกันพาพี่แคทขึ้นรถกลับบ้านทั้งที่งานเพิ่งเริ่มไปยังไม่ทันจะถึงสองชั่วโมง...บัดนี้มีข้อสงสัยอยู่คือถ้าพี่แคทไม่ดื่มเองก็หมายความว่ามีคนแอบเอาเหล้าให้เธอดื่มแล้วมันคนนั้นเป็นใครล่ะ?...อีกอย่างญาติสาวผู้พี่ก็ดื่มแต่น้ำผลไม้แล้วมันจะแยกไม่ออกเชียวหรือระหว่างน้ำผลไม้กับเหล้าน่ะ!?... “ปีก่อนๆก็แบบนี้...เมาแล้วนั่งมองคนนั้นคนนี้ตาหวานเยิ้มคิดว่าไม่มีอะไรแต่จู่ๆก็ลุกมาไล่ต่อยเตะชาวบ้านหนีแตกกระเจิง” “พังโต๊ะเก้าอี้ด้วยค่ะ” “ทำให้งานกร่อยหมด...ฉันก็เบื่อจะตามทุบมันให้สลบ” “อ๋อมน่ะเหรอ?” “นอกจากฉันแล้วมีใครกล้าหยุดเล่า?” “ร้ายจังเลยเจ้าอ๋อม” “ตาเฒ่าพูดอะไร?...เฮอ--...คงจะลืมแล้วสิว่าเคยโดนสุรีย์พรรณบังคับให้ขี่หลังแล้วมันก็พาวิ่งปุเลงๆไปหย่อนทิ้งลงในบึงนั่น?” “อะ...เอ็งจะพูดทำไมวะ?” “กั๊กๆๆๆ...ตาแก่รีบเถียงเลยแฮะ” “เดี๋ยวเหอะเจ้าป้อม!!...ไม่ได้โดนอย่างข้าถึงทำเป็นปากดี” “ก็ไม่เคยโดนน่ะสิและไม่อยากจะโดนแบบตาแก่ด้วยเลยสักนิด” “เจ้าหลานเวร~~” “อะไรของตาห๊ะ?...ทะเลาะหน้าดำหน้าแดงกะหลานอยู่ได้” “ก็ยายฟังเจ้าป้อมมันว่าข้าสิ!!” “เดี๋ยวนี้แม่ป้อมชักจะเอาใหญ่...สงสัยต้องเรียกไปอบรมมารยาทซะใหม่” “หา--...ไม่เอานะ!!!” “แม่อ๋อมก็ด้วย” “อ้าวยาย!!...ฉันไปเกี่ยวอะไรเล่า?” “พูดกับผู้ใหญ่ต้องมีหางเสียง!!!” “อึ๊!!” “สองคนนี่ถูกตามใจซะจนเคยตัว...แย่จริงๆ...แม่ภากลับมาแล้วหรือ?” “เจ้าแคทเป็นยังไงบ้าง?” “หลับไปแล้วค่ะ...กว่าจะตื่นคงเช้า” “ไม่รู้ใครอุตริส่งเหล้าให้น้องแคทดื่ม?...ให้ตายเถอะ” “สุรีย์พรรณกินเองล่ะม้าง!!” “ไม่น่าใช่นะคะ...พี่แคทน่ะรู้ฤทธิ์ของสุราดีกว่าใคร” “เอาละ!!...งั้นข้าก็จะกลับแล้ว” “เฮ่ยตา!?...เพิ่งจะสองทุ่มครึ่งเอง” “ข้าชักจะง่วงว่ะ...นี่มันก็ถึงเวลานอนแล้วด้วย” ...แกล้งพูดไปงั้นแหละแต่อ๋อมดีใจเป็นไหนๆเพราะหวังจะให้คุณปู่คุณย่ากลับบ้านไปซะทีส่วนพี่เซคก็ขยิบตาให้อย่างมีความหมาย... “พี่แคทมีใครอยู่ดูแลหรือเปล่าครับ?” “อาสั่งให้หนูซีกับหนูดีกลับไปบ้านแล้ว” “ผมขอไปดูเธอสักหน่อยได้มั้ย?” “เอาสิ!!...จะเป็นไรไป?” “เอ๋?...บอลมาอยู่นี่เอง” “ฉันจะกลับไปที่บ้าน” “ทำไม?” “อึดๆอย่างพี่แคทโดนตีเข่าสลบทันทีก็แสดงว่ามันต้องรุนแรงมาก...ฉันอยากไปดูน่ะ” “ไม่กลัวเจ๊ลุกมาตื๊บหรือไง?” “ลูกฝน!...พูดอะไรก็ไม่รู้” “ฮะๆๆ...ล้อเล่น...เจ๊สิ้นฤทธิ์ไปแล้วทำอะไรใครไม่ได้หรอก...รีบกลับมาดูพี่เซคกะพี่อ๋อมซัดเหล้าแข่งกันนะ” “ฉันไม่ค่อยอยากดู” ...แต่พูดอะไรมากไม่ดีเพราะอ๋อมก็ไม่ใช่ใครอื่นเป็นลูกพี่ลูกน้องตัวเอง...เอาน่า--...ระหว่างแข่งกับพี่เซคคงจะไม่มัวมามองหาผมหรอกและต้องแอบออกมาเงียบๆไม่ให้สาหรือบุศเห็นเพราะเดี๋ยวจะมากเรื่องมากความกันเปล่าๆ... (ฝนไม่มาด้วยเพราะอยากเห็นกับตาว่าใครจะชนะ) “โอ่ย~~...อากาศเย็นจังวุ้ย!!!” “คุณเอกคเชนทร์” “กลับแล้วหรือเจ้าคะ?” “ยัง...เดี๋ยวฉันจะกลับไปอีก...นี่แค่มาดูพี่แคท” “คุณสุรีย์พรรณนอนอยู่ในห้องเจ้าค่ะ” “ดี!!...ตอนนี้คุณสุรีย์พรรณ...” “ห่มผ้าอยู่หรอกน่ะ” “มีอะไรกันเหรอ?” “ไม่มีเจ้าค่ะไม่มี” ...พี่แคทหลับสนิทจริงๆด้วย...เมื่อกี้ที่ดวลหมัดกับอ๋อมอย่างดุเดือดช่างเหมือนเป็นเรื่องโกหก...เออใช่!!...ลืมถามฝนว่าใครคืออาจารย์ที่สอนวิชาการต่อสู้ให้?... “ก็คุณน้า...เอ๊ยไม่ใช่สิ!!...คุณอาของคุณเอกคเชนทร์ไงล่ะเจ้าคะ” “อานิภาน่ะเรอะ?” “ไม่ใช่เจ้าค่ะ” “...............................................” “เฮ่ย!?” “หวาย~~” “ทำไมจู่ๆก็ลุกพรวดแบบนั้น?” “แต่นั่นไม่สำคัญเท่า...โอ๊ะ!!” “คุณเอกคเชนทร์อย่าดูนะเจ้าคะ!!!” “โอ้ยตา!!!...เล็บๆๆๆ” “พี่ซีไปช่วยพยุงคุณสุรีย์พรรณสิ...เธอจะไปที่ไหนน่ะ?” “ห้องน้ำล่ะมั้งแต่เอ--...ท่าทางแปลกๆนะว่ามั้ย?” “ยังไง?” ...หนูดีเขย่งเท้ากับเอื้อมมือพยายามจะปิดตาผมเพราะพี่แคทนุ่งกางเกงชั้นในสีดำแค่ตัวเดียวนั่นจึงหมายความว่าท่อนบนของเจ้าหล่อนเปลือยเปล่า...อูย~~...บัวสวรรค์คู่งามนั่นช่างมีเสน่ห์เย้ายวนใจนัก... (แต่เราก็เคยเห็นหน้าอกของเธอมาแล้ว) “...ยังกะคนนอนละเมอเลย?” “นั่นสิ” “...ใครๆก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น” “คุณเอกคเชนทร์ก็ด้วยหรือเจ้าคะ?” “อืม--...ยิ่งเวลาเมาน่ะแทบจะไม่รู้ตัวหรอกว่าทำอะไรไปบ้าง” (ยกตัวอย่างเมื่อนานมาแล้วตอนที่เราเมาเหล้าแล้วไปเล่นกับเก๋โดยเข้าใจว่าเป็นสาวนั่นแหละ) ...ญาติสาวผู้พี่เข้าห้องน้ำสักพักก็ออกมายืนนิ่งที่ข้างเตียงนอนโดยไม่พูดจาหรือขยับตัวอยู่พักหนึ่ง!?...พูดได้ไม่เต็มปากว่าจะมีอะไรแปลกไปหรือเปล่าแต่ให้บอกว่าปกตินี่มันก็...เอ๊ะ?...พี่แคทที่ยืนตัวตรงอยู่นานก็หันหน้ามามองพวกเราโดยไม่ทีท่าว่าจะเข้ามาทำร้าย... (แต่ที่จริงเธอจ้องมาที่เรา...อ๋า!?...ยิ้มให้อีกด้วย!!) “เอ่อ--...ผมขอโทษครับที่ถือวิสาสะเข้ามา...จะ...จะออกไปเดี๋ยวนี้แหละครับ” “...............................................” “เธอสองคนดูแลพี่แคทด้วยนะ...ฉันไปล่ะ” “...หยุดก่อน--” “อึ๋ย!!...ผะ...ผมไม่รู้จริงๆครับว่าพี่แคทไม่ได้ใส่เสื้อผ้า!!!” “...............................................” “มะ...ไม่ใช่ความผิดหนูนะเจ้าคะ!!” “ยังไม่มีใครพูดเลยยัยดีก็...” “ฮือ--...หึๆๆ...นาย...เป็นน้องชายของฉันสินะ?” ...พูดจบพี่แคทเดินเข้ามาหาพลางเอามือมาจับปลายคางผมส่วนสองฝาแฝดก็ยืนนิ่งคล้ายกับต้องมนต์สะกด... “เดินมาหาคุณเอกคเชนทร์ทั้งที่ไม่ใส่เสื้อ...คุณสุรีย์พรรณกล้ามาก!!!” “นมใหญ่จังเลยอ่ะ!!...เมื่อไหร่เราจะมีบ้างนะ?” “เข้ามาหา...ฉันเองเลยเหรอ?” “ผมมาเยี่ยมพี่...ยังปวดตรงไหนอยู่...อู้!!” “!!!!!!!!!!!!” “ว้ายตายแล้ว!?” (ยัง...ยังไม่ตายสักหน่อยยัยหนู!!!!...แต่...แต่นี่มันเรื่องอะไรที่จู่ๆพี่แคทก็เข้ามาสวมกอดและประทับจูบบดบี้ริมฝีปากกับเราแบบนี้เล่า?) ...................................................................................................................................................... “ระหว่างคุณหนูใหญ่กับคุณหนูห้าใครจะชนะ...แทงเสียๆโว้ย!!!” “กูว่าคุณหนูใหญ่” “ข้าว่าคุณหนูห้าชนะ” “พี่เอ็มไม่คิดจะห้ามบ้างหรือคะ?” “มีคนพูดว่าถ้าต่อต้านไม่ได้ก็ให้เข้าร่วมไปซะเลย...พี่จะทำอย่างนี้ล่ะ” “งั้นมาแข่งกับภาไหม?” “มันจะไม่ค่อยเข้าท่ามั้ง?...แล้วก็ดูหน้าตาสนซะก่อน” “เหอ--” “...ถ้าภากินเหล้าผมจะให้ไปนอนนอกห้องนะ” “ก๊าด!!...กล้าไล่เมียให้ไปนอนที่อื่นเชียวเรอะ?...คุณนั่นแหละที่ต้องไป!!!” “โอ๊ยเจ็บ!!” “ฮ่าๆๆๆ...ผัวเมียคู่นี้รักกันดี” “เกิดพี่เอ็มเมาแล้วใครจะพาหนูเซคกับหนูอ๋อมกลับล่ะครับ?” “ก็นั่นแหละฉันถึงบอกว่ามันไม่ค่อยเข้าท่า” “เร็วๆจะปิดแทงแล้ว...ใครยังไม่ได้เทรีบเข้ามา” “สูสีว่ะ” “อืม--...ถ้าเสมอกันขึ้นมา?” “เสมอ?” “ก็น็อคทั้งคู่ไง...แบบเมื่อสองปีก่อน” “ถามได้...เจ้ามือก็กินเรียบน่ะสิ” “กติกาเดิม...ผลัดกันดื่มเหล้าให้หมดจอกโดยห้ามลุกขึ้นยืนเด็ดขาด...ถ้าใครลุกหรือไม่จับจอกยกดื่มภายในนับหนึ่งถึงสิบจะถือว่าเป็นฝ่ายแพ้ทันที...อ้อ!!...บอกว่าขอยอมก็เช่นกัน” “เข้าใจง่ายดี” “แต่ฉันว่าเที่ยวนี้มาวางเดิมพันหนักๆกันเถอะ” “เงินเหรอ?” “ไม่ใช่” “ถ้าผู้ชนะเป็นเธอๆต้องการอะไรจากฉัน?” “พี่อ๋อมจะขออะไรพี่เซคน่ะ?” “ไม่รู้ค่ะ...ก็ดูอยู่ด้วยกันเนี่ย” “ศรเพทาย...ฉันอยากให้เธอสนับสนุนบอลขึ้นเป็นเจ้าบ้านคนใหม่” “ฮ้า!?” “ลูกอ๋อม!!!” “แม่ใจเย็นๆ” “ไหน--...พูดอีกครั้งซิ” “ฉันอยากให้เธอสนับสนุนบอลขึ้นเป็นเจ้าบ้านคนต่อไป...หากมีเสียงของเธอเพิ่มมาอีกหนึ่งก็จะเกินครึ่งอย่างแน่นอน” “.................................................” “ว้าว~~...พี่อ๋อมสุดยอด!!!” “อีแบบนี้พี่ว่าได้ดวลกันมันส์หยดยิ่งกว่าก่อนๆชัวร์!!” “ฮืม--...ดูจะมั่นอกมั่นใจซะจริงว่าวันนี้เธอต้องชนะแน่?” “มากทีเดียวล่ะ!!!” “ถ้าฉันแพ้ก็จะให้ฉันออกเสียงสนับสนุนเอกคเชนทร์...เธอน่ะจะค้ากำไรเกินควรไปหน่อยแล้วมั้ง?” “ไม่เกินควรหรอก...หากฉันเป็นฝ่ายแพ้ฉันก็จะไม่สนับสนุนบอลเช่นกัน...แบบนี้ถือว่ายุติธรรมดีไหมล่ะ?” “หึ!...เขาว่ากันว่าในการเล่นพนันขันต่อถ้าเดิมพันยิ่งสูงก็จะยิ่งสนุก...ได้!!!...ฉันตกลง” “สัญญาแล้วนะ” “เริ่มเลยไหม” “................................................” “มีอะไรหรือเปล่า?” “...คือว่าเมื่อสักครู่...” “จริงเหรอ?” “จะให้ทำอย่างไรเจ้าค่ะ?” “เดี๋ยวให้คนมารายงานฉันล่ะกัน...รินเหล้า” “นี่” “?” “ศรมุกดาไม่อยู่ที่นี่แล้ว...ไปไหน?” “...เธอรู้ด้วยเรอะ?” “พูดแบบนี้ถือว่าดูถูกกันนะเฟ้ย!!...ฉันเห็นมันตั้งแต่งานเริ่มแล้ว” “โอ้โห!?...สมกับเป็นคู่ปรับกันจริงๆ...น้องฝนกับน้องป้อมรู้ไหม?” “ฝนก็เพิ่งจะรู้เมื่อช่วงสองทุ่มนี้เองค่ะแต่เห็นแค่ไกลๆนะ...เดินไปตรงโน้นตรงนี้แต่ไม่ทักทายใครสักคนก็เลยมั่นใจว่าต้องใช่แน่” “หนู...ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่แต่ก็รู้สึกจะได้กลิ่นเอื้องสายหลวงเหมือนกัน” “น้องยังต้องฝึกอีกมาก” “แหม--...วันนี้คนมารวมกันเยอะ...กลิ่นแป้งกลิ่นน้ำหอมตลบอบอวลไปหมดเลยแยกออกยากนี่นา...งั้นใช่คนนั้นแน่หรือเปล่าคะ?” “ก็เจ้าคนที่พี่ชี้ให้ดูนั่นแหละ” “เฮ้ย!?...นับวันพี่ม่อนนี่ชักจะเพี้ยนไปกันใหญ่แล้ว!!!...คิดอะไรของเขาน่ะ?” ..................................................................................................................................... “คุ...คุ...คุ...คุณ...คุณสุรีย์พรรณ...จุ...จุ...จูบคุณเอกคเชนทร์” “อุ!!” “อือ~~” “อึ๊ย!!...พี่แคท...พี่เป็นอะไร?” “ฉันก็เป็นพี่สาวของนายไง” “ไม่ใช่...ที่ผมจะถาม...อุ๊บ!!!” (อีกแล้ว...คราวนี้จูบนานกว่าเดิมอีก) “ว้าวๆๆ...ดีเพิ่งจะเห็นคนจูบกันจะๆก็คราวนี้แหละ” “น่าตื่นเต้นมาก!!!...อยากให้พี่เอกะพี่บีมาเห็นจังเลย” “ใช่ๆๆ” (จะดูกันอะไรนักหนา?...เด็กสองคนนี่จะแก่แดดเกินวัยไปหน่อยมั้ย?) “อุ...อู้!!!” ...พี่แคททำไมจึงดูเย้ายวนและมีเสน่ห์มากมายนัก?...อา~~...ดวงตาที่มองผมอย่างเว้าวอนกับแฝงไว้ซึ่งความโหยหานั่นมันช่าง...นี่...นี่ไม่ใช่ญาติสาวผู้พี่วัย 22 ที่ผมรู้จักและคุ้นเคยรวมไปถึงจูบอันร้อนแรงนี้ด้วย... (โอว~~...มือของหล่อนก็พยายามจะถอดเสื้อนอกเราออกด้วย...ไม่ได้การ!!) “พ...พอก่อนครับ!!!” “ใช่...พอซะที...ผู้ใหญ่เขาจะสนทนากันเด็กๆรีบออกไปซะ” “เอ๋?” “...ไปสิ” “เจ้าค่ะๆ” “อย่าเพิ่งไป...โอ๊ะ!!” (คราวนี้พี่แคทกอดรั้งเราทางด้านหลัง...โอ๊ยโหย!!!...ท่านี้เต้านมแนบแผ่นหลังเต็มๆ) “นายนั่นแหละอย่าไป!!” “คือว่า...” “ฉันมันน่ารังเกียจนักหรือ?” “ไม่ใช่หรอกครับ” “งั้นนายก็เห็นฉันเป็นผู้หญิงไม่ดีใช่มั้ยล่ะ?” “ไม่...ผมไม่เคย” “พูดจริงนะ?” “ครับ” “อ๊า~~...ดีใจที่สุดเลย” ...สิ่งที่ไม่เคยเห็นก็ได้เห็น...พี่แคทโผเข้ากอดผมทั้งน้ำตาแล้วหญิงสาวก็ถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน...อา--...ถ้าไม่เมารับรองไม่มีทางได้ยินอย่างแน่นอน... “คืนนี้...ฉันสวยมั้ยคะ?” “เอ่อ--” “ตอบมา~~” “คือว่า...” “ถ้าไม่ตอบหรือโกหกล่ะก็...คิกๆ...ฉันจะถอดเสื้อผ้านายออกทีละชิ้นๆ” (หัวใจจะละลายแล้วเรา...พี่แคททำตาเชื่อมให้พลางพูดจาออเซาะฉอเลาะและเบียดกระแซะชนิดที่ไม่ยอมห่างไปไหน) “รึไม่...ก็จะจูบให้ขาดใจตายไปเลย” “................................................” “พูดเล่นน๊า~~...แบบนั้นฉันคงตรอมใจตายตามไปแน่ๆ...เอ้า!!...ตอบมาสิคะ” “พี่...พี่แคทสวยมากครับ” “แล้ว...นายอยากให้ฉัน...เป็นพี่สาวต่อไปหรือเปล่า?” “พี่หมายความว่ายังไง?” “มานั่งตรงนี้แล้วฉันจะบอก” “ตอนนี้อากาศเย็น...ให้คุณสุรีย์พรรณใส่นี่เจ้าค่ะ” (ชุดซีทรูสีดำ...ลวดลายของมันช่างวาบหวาม...พี่แคทชอบใส่ไอ้นี่เวลานอนเหรอเนี่ย?) “นี่ของพี่ครับ” “ใส่ให้หน่อยสิ” “เอ่อ--...ไม่เหมาะหรอกครับ” “โธ่เอ๊ย!!...แค่นี้ก็ไม่กล้า” ...พี่แคทสวมชุดเสร็จก็ควงแขนพาไปนั่งที่เตียงและเอาแต่ชะม้ายชายตามองจนผมรู้สึกเขินเป็นอย่างมาก...ญาติสาวผู้พี่ที่มักจะเย็นชากับว่ากล่าวผมแต่เที่ยวนี้กลับมาออดอ้อนพูดเสียงเล็กเสียงน้อยมีจริตมารยา... “ในเมื่อบอกว่าฉันสวยแล้วจะยังอดใจให้เป็นพี่สาวอีกได้หรือ?” “พี่...พี่เมามากแล้วควรจะนอนพักผ่อน” “ฉันเมาตรงไหน?” “กลิ่นเหล้าหึ่งเลยยังจะถามว่าเมาตรงไหน?” “จะหาเรื่องบ่ายเบี่ยงแล้วหนีไปรึ?...ไหนพูดว่าฉันสวยไง!!!” “!?” ...พี่แคทเวลานี้กลายเป็นอะไรไปแล้ว?...พอผมจะขยับลุกก็ผลักให้นอนลงแล้วตัวเองขึ้นคร่อม...นี่แหละหนาคนเมาที่จะไม่มีทางยอมรับง่ายๆหรอก... “แท้จริงแล้วนายรักใครกันแน่น่ะ?” “.............................................” “ไม่ใช่ศกุนตลาหรือสาวิตรีใช่มั้ย?...ในก้นบึ้งที่ลึกถึงที่สุดของจิตใจ...นายยังมีใครอยู่อีกเหรอ?” (พี่แคทเรียกชื่อกุนกับสาแปลกไปจากทุกครั้ง...มีความผิดปกติเกิดขึ้นจริงๆ) “บอกมาเร็วๆซี่!...เอ๋~~...รึจะเป็นฉัน?” “...ผมพูดไม่ได้” “ทำไม?” “เพราะผมเองก็ยังสับสน” “ผู้หญิงที่เคยลิ้มลองมาทั้งหมดไม่มีใครทำให้นายตราตรึงใจได้งั้นหรือ?” “ไม่...ไม่ได้หมายความอย่างนั้นครับ...ไม่เกี่ยวกับเรื่องนั้นเลย” “งั้นถ้านายทำกับฉันแล้วบางทีอาจจะเปลี่ยนความคิด” “อะไร?...เข้า...เข้าใจผิดไปใหญ่แล้วครับ!!...เอ้ย!?...อย่า...พี่อย่าถอดเสื้อผมนะ!!!” ...แล้วดูดู๊~~...แม่หนูสองคนก็แทนที่จะมาช่วยผมกลับนั่งพับเพียบแง้มบานประตูดูกันเฉยเลยวุ้ย!!...ฮึ่ย~~...นี่ไม่ใช่ความรู้สึกที่แท้จริงของพี่แคทฉะนั้นผมจึงตอบสนองด้วยไม่ได้ทั้งที่ในใจก็ต้องการ...ผมเอาสันมือตีที่หลังคอญาติสาวหวังจะให้สลบแต่พี่แคทกลับไม่สะทกสะท้านแถมหัวเราะร่วนอีกต่างหาก... “เมื่อกี้มันเจ็บนะคะ” “อึ๋ย~~” “ทีนี้ตาฉันมั่ง...อึ๊!!” “!?” “..................................................” “พี่แคทๆ...พี่เป็นอะไรไป?” “คุณสุรีย์พรรณสลบไปแล้ว!?” “แหม่~~...กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มเลยเชียว!!!” “พวกเธอ--...ทำไมไม่เข้ามาช่วยฉันเล่า?” “โธ่!...คุณสุรีย์พรรณน่ะน่ากลัวจะตาย...พวกเราไม่กล้าเจ้าค่ะ” “หนูกับพี่ซีจึงตกลงว่าจะดูอยู่ข้างนอกเฉยๆดีกว่า” (ฟังมันพูด) “อืม--” “อะไรเรอะ?” “จู่ๆก็หมดสติไปแบบนี้...ซีว่า...” “นี่คือการสะกดจิต” “สะกดจิตอะไร?” ...หนูดีพูดเรื่องแปลกๆที่ผมนึกไม่ถึงออกมา...การสะกดจิตมันมีแต่ในหนังละครไม่ใช่เหรอไง?... “มีจริงๆเจ้าค่ะ...แล้วก็ไม่ใช่การแสดงด้วย” “โดยเฉพาะคนที่มีพลังจิต...แค่นี้นับว่าง่ายมาก” “ฉันงงไปหมดแล้ว...สะกดจิตพลังจิตอะไรกัน?” “เวลานี้คงเป็นเรื่องยากที่คุณเอกคเชนทร์จะทำความเข้าใจแต่ผู้ที่ทำอย่างนี้ได้มีเพียง 2 คนเท่านั้นเจ้าค่ะ...หนึ่งคือคุณไหม” “...ผู้หญิงที่อยู่ใกล้ๆพี่เซค?” “และสองก็คือคุณศรมุกดา” “พี่ม่อน!?” “ซีเชื่อว่าที่คุณสุรีย์พรรณถูกคลายสะกดกลางคันก็แสดงว่าผู้ลงมือน่าจะอยู่มิห่างจากที่นี่” “น่าคิดจริงๆว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป...มันจะเกิดอะไรขึ้นนะพี่ซี?” “คุณเอกคเชนทร์กับคุณสุรีย์พรรณก็จะ...อึ๊บๆกันน่ะซี่!!!” “ว้าย~~” ...เด็กหนอเด็ก--...สองคนนี้ยังอายุน้อยจึงไม่ฉุกคิดถึงผลได้ผลเสียฉะนั้นไม่ควรไปถือสาแต่ปัญหาคือตัวต้นเหตุนี่อยู่ที่ไหนและเป็นใครกัน?... “หึๆๆๆๆๆ” “!?” “นั่น!?...เสียงคุณศรมุกดา” “อื้ม!!...มิผิดแน่” “หมายความว่าเป็นพี่ม่อนจริงๆ...อยู่ที่ไหนน่ะครับ?” “หึๆๆๆๆ” “ทำไมเสียงหัวเราะของเธอถึงฟังแล้วขนลุกจังนะพี่ซี?” “ใช่...อากาศก็หนาวด้วย...เหมือนผีหัวเราะเลย” ...เสียงที่ได้ยินมันดังราวกับว่าพี่ม่อนอยู่ข้างๆแต่เดินหาในบ้านเท่าไหร่ก็ไม่พบตัว...คงไม่ใช่ปลอมเป็นเด็กแฝดคนใดคนหนึ่งในสองคนนี้!?... “มิใช่เจ้าค่ะ...พวกหนูตัวเล็กแบบนี้คุณศรมุกดาจะปลอมได้ยังไง?” (อ๋อ!!...มีข้อจำกัดคือจะแปลงโฉมเป็นคนที่สูงใหญ่กับรูปร่างเล็กกว่าตัวเองไม่ได้ว่างั้นเถอะ?) “เหตุใดจึงมิกระทำอย่างที่หัวใจร่ำร้องในเมื่อเจ้าเองก็ปรารถนาท่านพี่สุรีย์พรรณอยู่?” “จะ...จะทำได้ยังไงครับเพราะนั่นไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของพี่แคทสักหน่อย?” “แต่นางมีอารมณ์เสน่หาแลต้องการให้เจ้าเป็นผู้ปลดปล่อยนะ” “เลิกเล่นตลกที่ขำไม่ออกซะที...พี่...สะกดจิตพี่แคทใช่หรือเปล่า?” “...เป็นฝีมือของเราเอง” “เห็นไหมล่ะเจ้าค่ะ?...นี่มิใช่เพราะความเมาแต่เป็นฝีมือของคุณศรมุกดา” “ผู้ที่จะประสบความสำเร็จคือผู้ที่รู้จักโอกาส...หากมุ่งหวังจะรอให้โอกาสเดิมหวนกลับสู่ตนบางทีต่อให้คอยจนชั่วชีวิตโอกาสนั้นก็หาได้ย้อนคืนไม่” ...ความหมายคือผมละทิ้งโอกาสที่จะได้มีสัมพันธ์สวาทกับพี่แคทไปแล้ว...โอกาสที่เป็นการเอาเปรียบเพศตรงข้ามนั่นน่ะหรือ?...ไม่มีวัน!!!...ผมจะก่อความผิดซ้ำเหมือนที่เคยทำกับแอมไม่ได้... (ปัจจุบันดาวคณะผู้โดดเด่นและอดีตแฟนของเชนกลับกลายเป็นคนเสียสติที่ไม่อาจจะสื่อสารกับใครๆได้เลย...ช่างน่าสลดใจเหลือเกิน) “พี่ม่อนมาที่นี่...อย่าบอกนะครับว่าตามผมมา?” “ช่างสำคัญตนใหญ่โตเสียจริง...เรามาถึงก่อนเจ้าเกือบครึ่งชั่วโมงเพื่อดูแลท่านพี่สุรีย์พรรณแต่เจ้า...มาทำอะไร?” “ผมก็มาดูพี่แคท” “สมัครใจหรือใครไหว้วาน?” “ความตั้งใจของผมล้วนๆ” “...............................................” ...ประหลาดจริงๆ...ไม่ว่าผมจะไปอยู่ตรงไหนของบ้านก็เป็นต้องได้ยินเสียงพี่ม่อนอย่างชัดเจนแต่หายังไงก็ไม่เจอให้ตายสิ!!!... “ออกมาคุยกันดีๆเถอะครับ...บอกตามตรงว่าผมกลัว” “กลัว?” “พี่คงไม่ได้คิดจะทำร้ายผมใช่ไหม?” “แล้วไปทำความผิดอะไรมาหรือเราจึงจะทำร้ายเจ้า?” “...ผมเปล่า” “เช่นนั้นก็หาได้ต้องหวาดระแวงเรา” (ฝนโทรมา) “ว่าไงเรอะ?” “พี่แคทเป็นไงบ้าง?” “ก็...นอนหลับแล้ว” “งั้นก็รีบกลับมาซี่!!...พี่เซคกับพี่อ๋อมกำลังดวลเหล้ากันสนุกเลย...สิบจอกผ่านไปอย่างสบายๆ” “...ฝน...พี่ม่อนอยู่ที่นี่” “เอ๋?” “นี่เธอไม่รู้รึ?” “ไม่...พี่ม่อนไปทำอะไรล่ะ?” “เธอบอกว่ามาดูแลพี่แคท” “ถึงว่า...ไงเล่าพี่ม่อนสวยใช่มั้ย?” “สวยกะผีสิ...ได้ยินแต่เสียงไม่เห็นตัว” “อ้าว?” “เดี๋ยวจะไปเล่าให้ฟังนะ” ...ก่อนออกจากบ้านผมกำชับให้สองฝาแฝดช่วยดูแลพี่แคทด้วย...ยิ่งดึกอากาศยิ่งหนาวแต่ดีนะที่คว้าเสื้อไหมพรมติดมือ...อ้าวนั่น!?...ในที่สุดผมก็หาพี่ม่อนเจอ...พอออกมาถึงรั้วแล้วหันกลับไปมองด้วยความบังเอิญก็พบว่าบนหลังคามีใครคนหนึ่งนั่งอยู่และไม่ต้องเดาให้เสียเวลาเลย... “ดวงจันทราคืนนี้ส่องแสงงดงามแต่ก็ยังหาได้เพียงพอไม่” (พึมพำอะไรของเขาอีกเนี่ย?) “เรามาพบกับเจ้าตามที่สัญญาไว้” “จำได้ครับ” “ความจริงที่น่าเจ็บปวดเป็นอย่างไรเล่า?...เจ้าคงจะรู้ซึ้งถึงเวลาที่ผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์” “ผมยอมรับว่าเสียใจแต่ก็ดีใจที่ได้รู้ความจริงซะตั้งแต่ตอนนี้” “เจ้าจะบอกว่ามันย่อมดีกว่าปล่อยเวลาล่วงเลยไปยี่สิบหรือสามสิบปีจนมีใครล้มหายตายจากไป...เราเข้าใจถูกใช่หรือไม่?” “ครับ” “เช่นนั้นก็ตามแต่ใจเจ้า” “ผมอยากจะถามว่าพี่ทำแบบนี้ทำไม?...ถ้าพี่แคทรู้คงโกรธพี่แน่ๆที่เอาร่างกายของเธอมาเล่นสนุก” (น่าแปลก!?...ญาติสาวผู้พี่ไม่ยักจะขยับตัวเปลี่ยนอิริยาบถบ้างเลย?...นั่งแบบปกติเป็นใครก็ยังรู้สึกเมื่อยแต่คุณเธอกลับนิ่งไม่กระดุกกระดิกสักแอะ) “ระวังคำพูดนั้นจะย้อนกลับมาทิ่มแทงตัวเจ้าเอง...หึ!...ก็นับว่ายังมีมโนธรรมเหลืออยู่ในใจ...เราขอชื่นชม” “เมื่อกี้หากผมตอบรับความต้องการของพี่แคท...พี่จะทำอย่างไร?” “...วางเฉย” “เห?” “แต่เราก็เชื่อว่าเจ้าคงหาได้กระทำการฉวยโอกาสต่อเพศตรงข้าม” “สรุปคือทดสอบผม?” ...ฟังถึงตรงนี้ผมก็เป่าปากโล่งอกทีเดียวที่ไม่ปล่อยให้ตัณหามาบดบัง...มั่นใจว่าพี่ม่อนที่ปากพูดวางเฉยนั่นแต่เธอจะต้องเอาไปประกาศให้ใครต่อใครรู้อย่างแน่นอน... “เอกคเชนทร์...แม้จะเป็นคนในตระกูลเดียวกันแต่ทว่าสมัยเด็กเราทั้งสองก็มิเคยพานพบหน้า...เช่นนั้นมาเล่นสนุกด้วยกันไหม?” “เล่นอะไรครับ?” “ขึ้นชื่อว่าการละเล่นที่สนุกแลเข้าใจง่ายก็เห็นจะมีแต่เล่นซ่อนแอบ” (โตจนป่านนี้แล้วเนี่ยนะยังจะชวนเราเล่นซ่อนหาอีก?) “เวลานี้สี่ทุ่มตรง...หากในงานเลี้ยงเจ้าสามารถหาเราเจอก่อนเที่ยงคืน...เจ้าอยากรู้อะไรเราก็จะบอกทุกอย่างโดยมิปิดบัง” “ทุกอย่าง...แม้กระทั่งเรื่องของพี่?” “ถูกต้อง” “แต่ก็จะแปลงโฉม?...ผมไม่เคยเห็นหน้าพี่มาก่อนนะและยิ่งปลอมตัวอีก...แบบนี้จะไปหาเจอได้ยังไงครับ?” “อืมนั่นสิ...ถ้าเรามิบอกใบ้อะไรเสียบ้างก็จะถือว่าเป็นการเอาเปรียบเกินไป...เช่นนั้นเราให้สัญญาว่าก่อนถึงเที่ยงคืนจะอยู่ในงานนั้นโดยมิออกจากอาณาบริเวณแม้แต่ก้าวเดียว” “แล้วที่ปลอมตัว?...คืนนี้มีทั้งชาวบ้านและแขกเหรื่อตั้งเยอะแยะ...ผมลำบากแย่” “...เราจะแปลงตนเป็นชาวบ้านของโยนกบูรพา...มิใช่แขกเหรื่อหรือคนจากหมู่บ้านอื่น...เท่านี้คงจะเพียงพอแล้วกระมัง?” ...อ้า!!...เงื่อนไขนี้ค่อยพอไหวหน่อย--...ผมแค่เจาะจงไปที่คนจากโยนกบูรพากับไม่ใช่เด็กและคนรูปร่างสูงใหญ่ก็น่าจะหาเจอได้อย่างไม่ยากเย็น... “เช่นนั้นก็เริ่มเลย...เราจะไปรอเจ้าในงานเลี้ยง” “.............................................” “ยังจะมัวช้าอะไรอีก?” “แล้วพี่ล่ะ?” (ก็ไหนบอกว่าจะไปแต่นี่คุณเธอยังนั่งจับเจ่าตากลมอยู่บนหลังคาบ้านเรานะ?...อูยหนาว~~...ลมพัดแรงจริงๆ) “พี่ม่อนไม่หนาวบ้างหรือไงครับ?” “............................................” “หรือว่าที่อยู่บนนั้นเพราะขึ้นไปแล้วลงไม่ได้?...ให้ตายสิลำบากเราจน...เฮ้ย!!!!!” ...ผมแทบจะช็อคคาที่เมื่อทันใดนั้นร่างของพี่ม่อนก็ตกจากหลังคาลงมากระแทกพื้นขณะตั้งใจไปหาบันไดมาพาดให้เธอลง...แย่แล้ว!!!!...สูงตั้งขนาดนั้นกระดูกไม่หักทั่วตัวแล้วหรอกหรือ?... “พี่!!!...พี่เป็นยังไงบ้างครับ?...พี่!?...เฮ้ยใครก็ได้มานี่เร็ว!!!!” “อะ...อะไรหรือเจ้าคะ?” “พี่ม่อนตกหลังคา!!” “ว้ายตาย!!!” “เธอรีบติดต่อคุณป้า...พี่เซคก็ได้...เร็วเข้า!!!” “เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะ!!...นี่คือหุ่น” “หา?” “มิใช่คนเจ้าค่ะ...มันเป็นหุ่น” “ไหน?...ไหนดูซิ!!” ...บ้าบอคอแตกที่สุด!!!!...ไอ้ที่ผมเห็นเต็มสองตาว่าร่างของพี่ม่อนพลัดตกจากหลังคาลงมานั้นกลับกลายเป็นหุ่นโชว์แบบเสื้อกางเกงอย่างที่มีอยู่ในห้างสรรพสินค้าทั่วไป...หนอยแน่!!!...มีการใส่เสื้อผ้าให้เสร็จสรรพซะด้วยนะแต่วิกผมหลุดไป... “สรุปคือ...ฉันคุยกับเจ้าหุ่นบ้านี่ตั้งนานสองนานเลยเหรอ?” “แต่เสียงเป็นของคุณศรมุกดาจริงๆนะเจ้าคะ” “ใช่...พวกหนูก็ได้ยิน” “สนุกนักหรือไงถึงได้เล่นอะไรบ้าๆ!!!...รู้ไหมว่าผมตกใจแค่ไหนน่ะ?” “ฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” “!?” “สยองชะมัดเลยพี่ซี~~...หนูกลัว” “ยังจะมีหน้ามาหัวเราะเยาะอีกเรอะ?” “หึๆๆ...อุบายตื้นๆทว่ากลับหาได้ดูออกไม่แล้วมันมิสมควรจะให้เราขบขันดอกหรือ?” (ช่างทำได้เจ็บแสบนักเสียแรงที่อุตส่าห์เป็นห่วงเมื่อกี้เราตกใจจนแทบจะสิ้นชีวิตเลยทีเดียวนะ!!!!...เกิดหัวใจวายตายไปใครจะรับผิดชอบ?) “...เราขอขอบใจที่ห่วงใยแลก็ขออภัยที่เอาความรู้สึกของเจ้ามาล้อเล่นแต่ทว่า...” “?” “เอกคเชนทร์เอ๋ย~~...การละเล่นเริ่มต้นขึ้นแล้ว ณ บัดนี้!!” “...ผมต้องหาพี่ให้เจอแล้วจะขอเขกหัวสักทีเถอะ!!!!” “เอ๋!?...ตรงสามแยกนั่นเหมือนจะมีเงาคนนะเจ้าคะ?” “ก็จะเป็นใครซะอีกล่ะยัยดี?” ...แสดงว่าตัวจริงของหล่อนอยู่ข้างหลังผมโดยตลอดแต่แกล้งเอาหุ่นมาหลอกให้หลงกล...เจอแบบนี้โดยไม่ทันตั้งตัวก็ให้รู้สึกปวดกะโหลกจริงๆ!!!...ศรมุกดา ราศีกาญจนา...ลูกพี่ลูกน้องรายนี้ของผมเป็นคนยังไงกันแน่?... .......................................................................................................................................... “แม่คุณเล่นพิเรนทร์แอบไปเอาหุ่นมาจากร้านขายเสื้อผ้าใกล้ๆบ้าน...ระวังจะโดนแจ้งจับข้อหาลักทรัพย์นะนั่น?” “น่าๆๆ” “จะทดสอบฉันก็พอรับฟังได้แต่ไอ้หุ่นบ้านี่...ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไปเพื่ออะไร?” “หยอกเล่น~~” “แต่ฉันไม่ขำ!!!” “ส่วนเรื่องเล่นซ่อนหา...จะไม่ออกจากงานกับปลอมเป็นคนของโยนกบูรพารึ?...อือ--...จะว่าง่ายก็ง่ายจะว่ายากก็ยากแต่ฝนรู้แล้ว” “!?” “พวกเรารู้ว่าพี่ม่อนแปลงโฉมเป็นใคร...จะบอกให้มั้ยล่า?” “ไม่เอา...ฉันอยากแข่งแบบแฟร์ๆ” “แต่ว่า...” “ขืนเธอบอกมันก็หมดสนุกและฉันจะยิ่งโดนดูถูกเยาะเย้ยหนักขึ้นไปอีกด้วย...ปล่อยให้ฉันใช้ความสามารถของตัวเองจนถึงที่สุดเถอะ” “ฮิ!...บอลช่างสมกับเป็นผู้ชายที่ฝนรักจริงๆ” “.................................................” “มีวิธีหรือยัง?” “ตามจากกลิ่นหอมที่เส้นผมไง...เอ--...ดอกอะไรนะ?” “เอื้องสายหลวง” “นั่นแหละ!!...ป้าเอ็มก็เคยบอกแต่ฉันลืม” “พี่น้องสี่ศรจะเป็นกล้วยไม้เอื้องทั้งหมดเลย...พี่เซคเอื้องคำ...พี่ม่อนเอื้องสายหลวง...พี่อ๋อมเอื้องสายน้ำผึ้งและก็เอื้องพญาไร้ใบของเจ้าป้อม” “...อืม” “ดูที่ผมของพี่ไหมสิ” “ทำไม?” “ดอกไม้ที่แซมเส้นผมของเธอก็คือเอื้องสายหลวง...เข้าไปใกล้ๆแล้วลองสูดดู” “ให้ฉันจำกลิ่นไว้สินะ?” “อื้ม!...ในเมื่อบอลจะออกแรงเองงั้นฝนก็ช่วยได้แค่นี้” “ขอบใจมาก” ...แต่ปัญหาคือถ้าจะเข้าไปเพื่อดมผมของสาวเจ้าเฉยๆมีหวังโดนเข้าใจผิดแถมอาจถูกตบอีกต่างหาก!?...ควรออกอุบายว่ามีเรื่องอยากคุยด้วยแล้วคอยหาโอกาสน่าจะดีกว่า... “ยัง...ไม่ยอมอีก?” “ไม่โว้ย!!!” “กี่จอกแล้วล่ะหือ?” “ยี่สิบ” “ไม่ใช่ๆๆ...ไม่ช่าย~~...ยี่สิบเอ็ดต่างหาก” “หล่อนน่ะมั่ว!...เมาก็บอกมาเหอะ...อุ!!” “ฮะๆๆๆ...ตาลายแล้วไง” “หนวกหู!!...อย่าทำเป็นเฉไฉหาเรื่องถ่วงเวลา...เหล้าอยู่ในจอกแล้วรีบซดลงคอไป!!” “เฮอะ!!!...ไม่กลัวอยู่แล้วเฟ้ย~~” ...พี่เซคกับอ๋อมต่างหน้าแดงกรึ่มแล้วก็ชักพูดเสียงอ้อแอ้นั่งเอนไปเอนมาผมว่าอีกไม่นานทั้งคู่คงไปไม่รอด...เหล้าที่สองคนดวลกันอยู่นี้เอามาจากโยนกประจิมโดยแม้จะมีดีกรีไม่แรงเมื่อเทียบกับของที่อื่นแต่ถ้าดื่มมากๆก็ได้เรื่องเหมือนกัน...ผมได้ยินกลุ่มคนที่เรียกอ๋อมว่า “ลูกพี่” คุยกันซึ่งก็ไม่รู้ว่าจริงแค่ไหน?...พวกเขาบอกว่าคนทั่วไปกินแค่ 8-9 จอกก็มึนหัวตื๊บเดินไม่ตรงทางแล้ว... (แต่พี่เซคกับอ๋อมเป็นข้อยกเว้นเพราะทั้งคู่คือปิศาจสุรา...อันนี้ชาวบ้านพูดนะไม่ใช่เรา) “มิได้เจ้าค่ะ...ดิฉันมีหน้าที่รินเหล้าให้คุณหนูใหญ่” “ไม่นานหรอกนะครับ” “อย่างไรก็มิได้” “น่าพี่ไหม--...ฝนทำแทนเอง” “ถึงคุณหยาดฝนจะอาสา...แต่ว่า...” “ห๊ะ!?...น้องฝนจะมารินเหล้าให้พี่รึ?” “ได้เปล่าคะ?” “เอาสิๆๆๆ...ไหมก็ไปหาอะไรกินบ้างเหอะ...ไป” “...เจ้าค่ะ” “ฮี่ๆๆ...เห็นหนูทำก็เลยเอาอย่างหรือไง?” “พูดจาใหญ่โตจริงยัยตัวเล็ก” “ป้อม...รินอีก!!...ไม่ต้องไปสนใจคนอื่น” “พี่ไหวแน่นะ?” “ฮึ๊ย~~...ยี่ห้อศรรัตน์ไม่มีพ่ายให้ใครง่ายๆ” (เออ!!...อยากรู้จังว่าจะคุยโม้ได้อีกนานแค่ไหน?...ตาปรือจะปิดแหล่มิแหล่ยังไม่รู้ตัว) “เชิญทางนี้เจ้าค่ะ” ...ไหมเดินนำผมไปด้านหลังเวทีซึ่งตรงนั้นเป็นที่จัดเตรียมสำรับอาหารไว้เลี้ยงแขก...อา--...เริ่มจะได้กลิ่นหอมอ่อนๆโชยมาแล้ว...นี่น่ะหรือกลิ่นดอกเอื้องสายหลวง?...คลับคล้ายคลับคลาว่าน่าจะเป็นกลิ่นเดียวกับเมื่อครั้งกระโน้นตอนอยู่ในหอสมุดของมหาวิทยาลัยที่สาเรียนอยู่แต่นั่นมันก็นานมากแล้ว...บางทีผมอาจเข้าใจผิดก็ได้มั้ง?... (ตอนนั้นเราก็ยังสะลืมสะลือเพราะเพิ่งตื่นนอนด้วย) “ดิฉันรู้มาว่าคุณหนูรองชวนคุณเอกคเชนทร์เล่นซ่อนหา” “ใช่ครับ” “นางอยากมีเพื่อนเล่นแก้เหงา...หาได้มีเจตนาร้ายดอกเจ้าค่ะ” “แต่พี่ม่อนก็ไม่ปกติจริงๆ” “หากคุณรู้จักคุณหนูรองเป็นอย่างดีจะมิพูดเช่นนี้...อืม--” “?” “ดิฉันมิอาจจะพูดอะไรได้มากเท่าใดนักทว่าเมื่อช่วงหัวค่ำก่อนหน้าที่บ้านหลังนั้นคุณเอกคเชนทร์ก็ได้พบกับคุณหนูรองแล้วมิใช่หรือเจ้าคะ?” “หา!?...ตั้งแต่เมื่อไหร่กันน่ะครับผมไม่รู้เรื่อง?” “อีกทั้งยังได้สนทนากันตั้งหลายประโยค...อ้อ!!...เวลานี้เธอก็กำลังจับตามองคุณอยู่ด้วยนะเจ้าคะ” (แสบมาก!!!...ที่แท้ก็มาคุยกับเราไปแล้ว...ตั้งแต่เมื่อไหร่และเป็นคนไหนกันฟะ!?) “หือ?...กำลังมอง” “เจ้าค่ะ” “..............................................” “?” “หรือว่าคุณ...” “ดิฉันมิใช่คุณหนูรองนะเจ้าคะ!” “.............................................” “คุณ...มาจ้องดิฉันเช่นนี้” “.............................................” “ออก...ออกไปให้ห่างเลยเจ้าค่ะ!!” “ขะ...ขอโทษครับ” ...ที่ผมไปมองหน้าคุณไหมใกล้ๆน่ะเป็นแผนลวงซึ่งความจริงตั้งใจจะดมกลิ่นดอกเอื้องสายหลวงให้ถนัดต่างหากแต่ไม่รู้เข้าใกล้เกินไปหรือเปล่าสาวเจ้าถึงได้พูดอึกอักแบบนั้น?... (เขินอายงั้นเรอะ?) “ดิฉัน...จะเป็นคุณหนูรองไปได้อย่างไรกัน?” “ผมขอโทษครับแต่ก็ไม่ได้คิดร้ายอะไรกับคุณเลย” “หึ!!...ดิฉันมิอาจจะไว้ใจบุรุษเพศได้โดยเฉพาะคุณ” “เอาเถอะครับ...ความคิดคนน่ะมันห้ามกันไม่ได้...ต่อให้ผมประพฤติตัวดีแค่ไหนก็คงจะไร้ประโยชน์สำหรับพวกคุณอยู่ดี” “.............................................” “คุณไหม” “เจ้าคะ” “หยาดฝน...คุณเห็นเธอเป็นคนอย่างไร?” “ร่าเริงแจ่มใสมีหลักการแน่วแน่เป็นตัวของตัวเอง...ดิฉันชื่นชมนางมากเจ้าค่ะ” “เด็กคนนั้นน่ะเชื่อใจและมั่นคงในความรักที่มีต่อผมมาก...คิดว่าคุณไหมก็คงจะรู้” “.............................................” “ฉะนั้นแม้ผู้หญิงในโลกนี้ทุกคนจะไม่เชื่อใจผมก็ไม่เป็นอะไรหรอกนะครับเพราะอย่างน้อยก็มีฝนคนหนึ่ง” ...สี่ทุ่มกว่า...ให้ตายสิเสียเวลาไปมากแล้วผมจะหาพี่ม่อนเจอมั้ยนี่?...เมื่อตัดเด็กเล็กกับคนตัวใหญ่บวกกับชาวบ้านที่กลับไปก่อนหน้าก็ยังเหลืออยู่พอสมควร... “เหตุใดจึงมิขอให้คุณหยาดฝนหรือคุณศรโกเมนช่วยล่ะเจ้าคะ?” “นั่นเพราะผมต้องการใช้ความสามารถของตัวเองครับ...หากเรื่องแค่นี้ยังต้องพึ่งพาคนอื่นกับให้ผู้หญิงออกหน้าผมก็ไม่มีคุณสมบัติจะเป็นผู้นำใครได้” “...ดิฉันจะจดจำประโยคนี้ไว้” “พี่ม่อนบอกว่าจะอยู่ในงานตลอด...ตอนนี้ยังอยู่มั้ยครับ?” “...เจ้าค่ะ” (เอาละ!!...เราจำกลิ่นดอกเอื้องสายหลวงได้แล้ว) “หึๆ” “?” “ต่อให้คุณจดจำกลิ่นเอื้องสายหลวงไปก็ไร้ประโยชน์” “นี่คุณ...” (จะ...จับไต๋เราได้รึ?) “ดิฉันจะบอกให้คุณรู้ไว้...เอื้องสายหลวงเป็นกล้วยไม้ที่ชาวโยนกบูรพาชื่นชอบยิ่งนักซึ่งแทบทุกบ้านจะปลูกกล้วยไม้ชนิดนี้แลเมื่อถึงเวลาออกดอก...กลิ่นของมันจะหอมอบอวลไปทั่วหมู่บ้านทีเดียว” “..............................................” “แล้วอีกประการหนึ่ง...แป้งร่ำกับบรรดาน้ำอบน้ำปรุงฤาเครื่องหอมต่างๆที่หญิงสาวชาวโยนกบูรพานิยมใช้ก็จะมีส่วนผสมของเอื้องสายหลวงด้วยเจ้าค่ะ...ฉะนั้นคุณมาดมเส้นผมของดิฉันก็หาได้เกิดประโยชน์ใดๆไม่” ...พูดจบหญิงสาวก็เดินจากไปพร้อมๆกับเปิดโปงอุบายของผมได้สำเร็จ...บ้าที่สุด!!!...นี่น่ะเรอะพี่ม่อนถึงให้ผมมาหาตัวในงานซึ่งมีคนอยู่เยอะเพราะหากอยู่ตามลำพังก็มีความเสี่ยงสูงที่อาจจะถูกจับได้!?... “ฝนก็ไม่ได้บอกเราซะก่อน...โธ่เว้ย!!” ......................................................................................................................... “พี่ชายลำบากซะแล้วสิ...ไม่เคยเจอหน้าก็ยากอยู่แล้วแต่นี่...” “อืม--...จะแกะรอยจากกลิ่นก็ไม่ได้อีก...พี่ลืมเสียสนิทเลยว่าชาวบ้านจากโยนกบูรพาชอบเอาดอกเอื้องสายหลวงมาเป็นส่วนผสมในเครื่องหอม” “หนูคันปากอยากจะบอกเหลือเกินว่าพี่ม่อนก็อยู่ข้างหลังพี่ชายนั่นแหละ...หนอย~~...เดินไปตรงนั้นตรงนี้แต่ไม่ได้อยู่ห่างเลย” “พอบอลจะมีท่าทีเข้าใกล้พี่ม่อนก็ชิงเดินหลบ” “ทนไม่ไหวแล้ว!!!” “เอ้ยเจ้าป้อม!!...จะทำอะไร?” “ไปบอกให้พี่ชายรู้” “อยากให้ความตั้งใจของบอลเสียเปล่าหรือไงห๊ะ?” “แต่ว่า...” “ฟังที่พี่พูดมั่ง...ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนก็อยากให้ผู้ชายที่ตัวเองรักเป็นคนเก่งเสมอ” “อือ--...อันนี้หนูก็เห็นด้วยแต่พี่ชายเสียเปรียบเกินไป...ต่อให้หาทั้งคืนก็ไม่พบค่ะ” “ปล่อยให้เขาพยายามจนถึงที่สุดก่อนเถอะและจากนั้นค่อยว่ากัน” “...พี่ม่อนนี่ช่างน่าหมั่นไส้นัก!!...หนูว่าไม่ใช่อยากเล่นซ่อนแอบอะไรหรอกแต่เพราะต้องการเห็นพี่ชายเที่ยวพล่านไปตรงนั้นตรงนี้แล้วจะได้หัวเราะขบขัน...เห็นความจริงจังของคนอื่นเป็นเรื่องสนุกอย่างเช่นหุ่นนั่นปะไรล่ะ?...ฟังที่พี่ฝนเล่าแล้วหนูโกรธแทนพี่ชายเลยนะคะ!!!” “จะไปไหนน่ะ?” “พี่ฝนก็มาด้วยสิ” “.................................................” “นี่!!” “?” “ไม่!!...หนูไม่ได้อยากกินน้ำส้ม...เผยตัวออกมาซะดีกว่า” “เจ้าป้อมเบาๆ--” “.................................................” “เฮอดี--...หนูจะไปบอกพี่ชายเดี๋ยวนี้แหละว่าพี่ม่อนอยู่ที่นี่” “...อย่าทำลายความสนุกของพี่เลย...น้องนางศรโกเมน” “อึ๊!!...อะ...อะไรน่ะ?...นั่นคิดจะขู่หนูรึ?” “................................................” “บะ...บอกไว้ก่อนว่าหนูไม่ได้กลัวพี่ม่อนและก็เลิกเล่นอะไรไร้สาระซะที!!!” “ปากบอกไม่กลัวแต่รีบเดินหนีเชียวยัยตัวเล็ก...อ๊ะ!!...เดี๋ยวค่ะ” “...มีอะไรหรือ?” “หากเลยเที่ยงคืนไปแล้วบอลยังหาพี่ไม่เจอ...” “การละเล่นก็จบลงทันที...หาได้มีอะไรมากไปกว่านั้น” “................................................” “น้องนางหยาดฝน” “คะ?” “พี่พอจะเข้าใจขึ้นบ้างแล้วว่าเหตุใดน้องจึงมอบความรักให้เอกคเชนทร์แต่ก็ขอเตือนไว้สักอย่าง” “อะไรหรือพี่?” “บางสิ่งที่สูญเสียไปแล้วก็มิอาจจะได้กลับคืนมา...เข้าใจไหม?” “..............................................” “พี่ฝน” “..............................................” “พี่ฝน!!” “เอ้ยอะไร?” “ผลการดวลออกมาแล้วล่ะ” “ใครชนะ?” “ก็ดูนั่นสิคะ” “อื๋อ?” “ฮ่าๆๆๆๆๆ...ชานะเว้ย~~...อึ๊ก!!” “เดี๋ยวเถอะ!!...นี่แม่นะ” “อุ๊ย!?...คูณแม่ไมแต่งตัวสวยจาง?” “พล่ามมาด้ายว่าชานะ?...ฉานต่างหากโว้ย!!...นี่แม่...แม่อย่าปายเชื่อยัยแอบจิตนั่น” “แล้วลูกอ๋อมพูดกับใคร?...แม่อยู่ทางนี้ย่ะ!” “เออะ...แอวะ~~” “ก๊าก!...ฮ่าๆๆๆ” “น่ารำคาญ!!” “ให้ตายสิ--...ใครมาช่วยพาลูกฉันขึ้นรถที” “ไปส่งคุณหนูศรรัตน์ที่โยนกทักษิณก่อนนะเจ้าคะ” “ไม่ๆ...พาไปนอนที่โยนกบูรพาเลย...เธอสั่งให้ทางนั้นจัดเตรียมห้องไว้...ลูกป้อมก็ต้องไปด้วย” “แม่...หนูน่ะไม่มีปัญหาแต่พี่อ๋อมสร่างเมาเมื่อไหร่รับรองบ้านแตกแน่ๆ” “ก็ให้มันรู้ไป!!...จะเรื่องมากอะไรกันนักหนา?” “แม่จ๋า~~...ใครชนะเนี่ย?” “ไม่มีแพ้ชนะหรอกเพราะหนูเซคกับหนูอ๋อมฟุบพร้อมๆกันเลย” “มีคนนับไว้หรือเปล่าว่ากี่จอก?” “เอ่อก็... 30 จอกพอดีครับ” “เฮ่!!...นายมันเจ้ามือนี่หว่า?” “ฮ่าๆๆๆ...งานนี้ผมกินเรียบครับ” “โธ่ลูกพี่~~...อีกแค่นิดเดียวก็ชนะแล้ว” “ใช่...ไม่น่าเลย” “บ่นอะไรวะ?...ก็เสียแม่งทั้งสองฝ่าย” “ลูกฝนก็กลับบ้านเถอะ” “ยังค่ะ...หนูจะกลับพร้อมบอล” “งั้นก็ตามใจและดูพ่อเราสิเมาไม่รู้เรื่องเหมือนกัน...เดือดร้อนแม่อีกจนได้...อุตส่าห์รอดจากคุณตาแท้ๆ” “ฮะๆๆ” “พี่ฝน” “เมื่อกี้ไปไหนมา?” “ไปคุยกับบุศยา...ชิ!...ยัยนี่น่ารำคาญชะมัดเลย” “เธอเป็นคนพามาก็อย่าบ่นดิ!!” “นี่เพราะยังมีประโยชน์ให้หนูใช้งานอยู่หรอกนะ” “แล้วไม่คิดบ้างรึว่าเธอก็อาจจะถูกพี่บุศหลอกใช้เหมือนกัน?” “หนูเต็มใจให้บุศยาหลอกต่างหาก” “ฮึๆๆ...พี่ก็นึกแล้วแต่อย่าประมาทเป็นเด็ดขาดล่ะยัยตัวเล็ก” “ดูท่าทางพี่จะประเมินผู้หญิงคนนั้นไว้สูงจังเลยนะคะ?” “แน่นอน” “พี่ฝนจะกังวลไปทำไม?...ในสายตาของหนูน่ะบุศยาก็ไม่ต่างอะไรกับเบี้ยตัวหนึ่ง” “นี่เสือน้อย!...พี่บุศไม่ใช่คนโง่ที่เธอจะหลอกใช้งานฟรีๆแล้วก็ถีบหัวส่งได้นะ” “ฮิๆ...คอยดูไปเถอะค่ะพี่ฝน...บุศยานั่นแหละที่จะเป็นคนทำลายตัวเองโดยที่ป้อมแทบไม่ต้องออกแรงอะไรเลย” “ลูกป้อม” “ไป...ไปแล้วค่า~~” “เฮ้ย!?...นี่อย่าบอกว่าเธอกับพี่อ๋อมจะไปนอนที่โยนกบูรพาจริงๆ?” “...ไม่มีทางเลือกนี่นา” “พรุ่งนี้เช้าเกิดอะไรขึ้นพี่ไม่รู้ด้วยนะ” “อย่าขู่กันซี่!!” “เออใช่--” “อะไรอีกคะ?” “แบบนี้เดิมพันเกี่ยวกับบอลก็ถือเป็นโมฆะน่ะสิ” “จริงด้วย!?...ว้า!!...น่าเสียดายจัง~~” ............................................................................................................................................................................. “สุดท้ายก็หาไม่เจอ...น่าเสียดายนะ” “เกินเที่ยงคืนแล้ว...เธอช่วยบอกให้ฉันหายข้องใจหน่อยซิ” “ได้...พี่ม่อนน่ะ...” “...........................................” “อยู่ใกล้มากเลย” “บะ...บ้าจริง!?...ที่แท้ก็ปลอมเป็น...เป็น...” “อื้อ!!...ไม่ผิดตัวแน่” “แล้วเดินผ่านหน้าฉันไปมาเนี่ยเรอะ?...ตอนไปห้องน้ำช่วงหัวค่ำก็ได้คุยกันซะด้วย” “บอลคงคิดว่าพี่ม่อนจะแฝงตัวอยู่ในกลุ่มชาวบ้านเลยไม่ได้สนใจคนเสริฟ์อาหารกับเครื่องดื่มที่ผ่านไปมา” “แต่ฉันไม่ได้กลิ่น...” “โธ่ที่รักจ๋า!!...มีวิธีอีกเยอะแยะนะที่ช่วยกลบกลิ่นให้จางลงได้และยิ่งอยู่ในหมู่คนมากๆด้วย...นี่แหละคือความตั้งใจจะทำให้หลงทาง...ยุทธวิธีล่อหลอกแบบนี้งานถนัดของพี่ม่อนเค้าเลยนะจะบอกให้” “...........................................” “ยังไงก็อย่าคิดมากเลย...ให้ลองไปถามชาวบ้านแทบทั้งหมดก็ไม่รู้กันหรอกว่าพี่ม่อนเข้ามาในงาน” “แต่พวกเธอ...” “เพราะเรารู้จักกันมานานไง...ยิ่งพี่อ๋อมนะไม่มีทางหลอกได้” (“หากคุณรู้จักคุณหนูรองเป็นอย่างดีจะมิพูดเช่นนี้”) “รู้งี้ก่อนเข้างานฉันน่าจะถามอ๋อมซะตั้งแต่แรกแต่คุณไหมก็พูดถูกที่สุด...ฉันน่ะแทบจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพี่ม่อนเลย...ช่างเถอะ!!...มันผ่านไปแล้วแต่อีกใจก็เสียดายที่ไม่ได้รู้เรื่องที่อยากถาม” ...ผมกับฝนร่ำลาบรรดาชาวบ้านแล้วก็พากันเดินกลับบ้าน...ตกดึกยิ่งหนาววุ้ย!!...ฝนกระชับวงแขนใกล้ยิ่งขึ้นซึ่งในฐานะสุภาพบุรุษผมเห็นดังนั้นจึงถอดแขนเสื้อกันหนาวข้างนึงแล้วเอาไปโอบไหล่สาวน้อย...นะ...นี่มันอยู่ในฉากของหนังรักโรแมนติคไม่ใช่เรอะ?... “ขอบใจจ้ะ” “อะ...อืม” “บอลเมามากหรือเปล่า?” “ไม่มากหรอก...เวลาเท่าไหร่นี่?” “...เที่ยงคืนกว่า...ป่านนี้ป้อกับแม่คงจะนอนไปแล้ว” (พ่อกับพวกแม่กวางด้วยเพราะเห็นออกจากงานไล่ๆกัน) “พี่บุศกับน้องสาวไปค้างที่ไหนนะ?” “เมื่อกี้พวกเธอบอกว่าป้อมให้ตามไปที่โยนกบูรพา...คงจะนอนนั่นแหละ...ที่บ้านมีห้องว่างก็จริงแต่แบบนี้ดีแล้วล่ะ” “หึๆ...รถไฟมันจะชนกันโครมใหญ่” ...ชายหนุ่มหญิงสาวเดินควงแขนกันสองต่อสองในค่ำคืนอันหนาวเย็น...อา--...ทุ่งนาต้นข้าว,ลำธารน้ำไหล,ต้นไม้ใบหญ้ายามเมื่อต้องลม...บรรยากาศรอบข้างมันรู้สึกจะเป็นใจให้ยังไงไม่รู้!?...ผมเองก็พยายามคุมสติไม่ให้คิดอะไรฟุ้งซ่าน... (เวรเอ๊ย!!!...เวลาอย่างนี้ดันทะลึ่งไปนึกถึงตอนที่ป้าเอ็มเอากับนายศุกร์ในกระท่อมบนเขาเสียฉิบ) “หนาวจัง” “...อืม” (เด็กสาววัย 18 ยิ่งกอดซบเราแน่นเชียว...ทะ...ทำไงดีล่ะ?...มัน...มันหยุดคิดไม่ได้สักทีเว้ย!!!) “เอ่อ--” “ขา~~...มีอะไรจะพูดเหรอจ๊ะ?” “คะ...คือว่า...” “หือ?” “คือ...ฉัน...ฉันว่าพรุ่งนี้อ๋อม...อุ๊!!” ...ฝนรีบยกมือปิดปากผมพลางส่ายหน้าเหมือนเป็นเชิงห้ามว่าไม่ให้พูดถึงผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าเธอ... “ใช้ไม่ได้นะ!!...อยู่กับฝนแท้ๆแต่บอลกลับพูดถึงหญิงอื่น...พอแล้ว!!!...คืนนี้บอลจะต้องมีฝนคนเดียวเท่านั้น...เข้าใจมั้ย?” “อ่า--” “เข้าใจมั้ย?” “อื้อๆ...ฉันจะไม่พูดถึงคนอื่นก็ได้แต่ที่บอก...บอกว่าให้มีแต่เธอคนเดียวน่ะ?” “หมายความว่าฝนจะอยู่กับบอลทั้งคืนเลย” “เฮ้ย!!!!!” “ป้อกับแม่และพี่แคทจะไม่ตื่นจนถึงเช้า...ฉะนั้นฝนจะไปนอนที่ห้องบอล” ...เห็นทีจะแย่(?)ซะแล้วเพราะผมก็เมาๆอยู่แถมเกิดอารมณ์เปลี่ยวอยู่ซะด้วยสิเนี่ย!?... “ฝนรอโอกาสเหมาะนี้มานานแล้วล่ะ...บอลได้โปรดช่วยให้ฝนสมหวังซะทีนะจ๊ะ” “จะ...จะ...จะดีเหรอ?” “ดีไม่ดีฝนไม่สนใจแต่ถ้าบอลยังจะบ่ายเบี่ยงอีกก็ไม่ใช่ลูกผู้ชายแล้ว!!!!” “..................................................” ........................................................................................................................................ “เสร็จธุระแล้วเหรอครับคุณไหม?” “...ค่ะ” “ส่วนผมยังไม่เสร็จหรอกแต่หนีออกมาก่อน...ฮะๆๆ” “คุณไหมยังไม่กลับบ้านหรือคะ?” “ยังค่ะ” “แต่คุณหนูม่อนไม่ได้มานี่คะ?” “มาแล้วค่ะ” “เอ๋!?...อยู่ที่ไหนล่ะ?” “ก็...แถวๆนี้แหละค่ะ” “งั้นฝากสวัสดีคุณหนูด้วยนะคะ...กลับแล้ว...วันนี้นายสมหวังทำงานขยันขันแข็งดีจังนะ” “ขอบคุณครับ” “ไปคุยกันตรงนั้นดีไหม?” “ได้สิครับ” “............................................” “คืนนี้มีแต่เรื่องสนุก...ไล่จากการดวลหมัดของคุณสุรีย์พรรณกับคุณศรรัตน์จนมาถึงการดวลน้ำเมาที่ก็ไม่มีผลแพ้ชนะ” “ก็มีแต่คุณหนูสามนี่แหละที่สามารถกินเหล้าสู้กับคุณหนูใหญ่ได้...เธอกินเก่งขึ้นเยอะเลย” “เฮ้ยหวัง!!...มากินเหล้ากัน” “เอาเลยพี่ๆ...ผมจะกลับบ้านแล้วครับ” “...นอกจากนี้ก็ยังมีสะกดจิตกับเล่นซ่อนแอบระหว่างคุณหนูรองกับคุณเอกคเชนทร์” “เอ๊ะ!?...สะกดจิต...เล่นซ่อนแอบ...นี่คุณหนูม่อนมาจริงๆด้วยหรือครับ?” “มาสิคะ...เธอไม่ได้อยู่ไกลเลย” “.............................................” “เพราะขณะนี้คุณหนูรองก็กำลังสนทนาอยู่กับดิฉันไงล่ะเจ้าคะ” ...พอไหมพูดจบชายหนุ่มร่างสันทัดผู้ที่ถูกเรียกว่า “คุณหนูรอง” ก็เดินหายไปด้านหลังต้นไม้แล้วปรากฏตัวออกมาอีกครั้งในรูปลักษณ์ของหญิงสาว(!?)ซึ่งในมือของเขา...เอ้ย!!!...ของเธอถือหน้ากากยางไว้ด้วย!?... “ถูกต้อง...รูปโฉมแท้จริงภายใต้หน้ากากของนายสมหวังชาวบ้านโยนกบูรพาในค่ำคืนอันหนาวเย็นนี้ก็คือเรา...ศรมุกดา ราศีกาญจนาบุตรีคนที่สองที่ถือกำเนิดจากท่านพ่อโยทะกากับท่านแม่ศรมรกต” “เชิญเปลี่ยนเสื้อผ้าเจ้าค่ะ” “.............................................” “ดิฉันก็คาดคิดไว้ก่อนแล้วว่าคุณเอกคเชนทร์มิอาจจะหาคุณหนูรองพบ” “นั่นต้องขอบใจน้องนางหยาดฝนแลน้องนางศรโกเมนที่มิได้เปิดเผยตัวตนของเรา” “เอ๊ะนั่น!?...คุณหยาดฝนกับคุณเอกคเชนทร์!!!” “.............................................” “ควงแขนราวกับเป็นคู่รักกันเลยนะเจ้าคะ?” “...เช่นนี้นี่เอง...เราพอจะรู้อะไรบ้างแล้ว” “?” “หมายความว่าที่ท่านพี่สุรีย์พรรณเมาสุราก็มิใช่เหตุบังเอิญแม้แต่นิดเพราะนางรู้ซึ้งถึงผลเสียของสุราดียิ่งกว่าใครจึงมิแตะต้องมันแน่อีกทั้งเป็นตัวเราเองที่ส่งแก้วใส่น้ำองุ่นให้” “มีคนแอบสับเปลี่ยนแก้ว!!!...ใครหรือเจ้าคะ?” “ไหมลองทบทวนดูซิว่าผู้ใดที่จะมีโอกาสสับเปลี่ยนแก้วได้มากที่สุด?” “...ย่อมหนีมิพ้น...อะไรกัน!?...ผู้ที่นั่งใกล้คุณสุรีย์พรรณที่สุดก็คือคุณอรนิภานี่เจ้าคะ?...ใช่แล้ว!!...แก้วคุณอรนิภาเป็นเหล้าของโยนกอุดรที่มีกลิ่นสีและรสคล้ายคลึงน้ำองุ่น...ดิฉันจำได้!!!” “เป็นเช่นนั้นจริงๆ...ทุกสิ่งถูกเตรียมการมาก่อนล่วงหน้ากับมีการคิดวางแผนอย่างรอบคอบโดยมีท่านน้าอรนิภาเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือ” “แล้วคุณหนูรองจะมิทำอะไรเลยหรือเจ้าคะ?” “ทำอะไรนี่คือขัดขวาง?...น้องนางหยาดฝนมีอุปนิสัยเช่นไรเจ้าย่อมทราบดี...นางมีเหตุผลแลความเชื่อเป็นของตนเองเช่นเดียวกับท่านพี่สุรีย์พรรณในครั้งนั้นอีกทั้งเรายังเตือนสตินางไปแล้ว” “..................................................” “แม้ว่าหนทางข้างหน้าจะเต็มไปด้วยอุปสรรคมากมายเพียงใดแต่ก็ยังคิดเดินหน้าต่อไปตามที่หัวใจของตนเรียกร้องสินะ?...ความรักนั้นทำให้ผู้คนหน้ามืดตามัว...ช่างน่าเบื่อหน่ายนัก” ....................................................................................................................................... ...พอกลับมาถึงบ้านฝนให้ผมไปรอในห้องตัวเองก่อนซึ่งเมื่อถามว่าจะไปทำอะไรเธอก็ไม่ยอมตอบและบอกแต่ว่าไม่นานหรอกแถมสั่งให้ถอดเสื้อผ้ารอไว้ด้วยทว่าใจมันยังไม่กล้าพอจึงถอดแค่เสื้อนอกออกเท่านั้น... (คุณอาทั้งสองหลับในห้องข้างๆส่วนพี่แคทนอนห้องตรงกันข้ามแล้วห้องที่สานอนก็อยู่ไม่ไกลแค่มีระเบียงเชื่อมไปมาระหว่างเรือนหน้ากับเรือนหลังเท่านั้น...เอาไงดีเนี่ย?) “ถอดหมดหรือยังจ๊ะ?” “ยะ...ยัง” “แน่ะ!!...เค้าสั่งไว้ว่ายังไง?” “แล้วเธอไปไหนมา?” “ไป...ปิดประตูที่ระเบียงน่ะ...ทั้งชั้นบนชั้นล่างเลย” (ก็หมายความว่าคนจากเรือนด้านหน้าจะเข้ามาที่นี่ไม่ได้อย่างสิ้นเชิง!?) “อุ๊ย!!...ลืมที่ๆสำคัญห้ามมองข้ามได้ไง?...ต้องแวะไปดูพี่แคทสักหน่อย” ...แต่ก่อนหน้านั้นเด็กสาววัย 18 ถอดเสื้อกระโปรงตามด้วยยกทรงและกางเกงในเป็นชิ้นสุดท้าย...โอ้แม่คุณเอ้ย!!!...มาแก้ผ้าแก้ผ่อนให้ดูต่อหน้าต่อตาแบบนี้มันช่าง...ผมเองก็ไม่ได้เย็ดใครเป็นเรื่องเป็นราวมาพักใหญ่ซะด้วย!!!!... “ฮิๆๆ...มองตาไม่กระพริบเลยเหรอ?” “เธอนี่ยิ่งโตก็ยิ่งขาว...ทั้งที่เมื่อสมัยก่อนทั้งอ้วนทั้งดำ” “เด็กผู้หญิงตัวอ้วนผิวดำผมกระเซิง...บอลพูดถึงใครกัน?” “..........................................” “เอ้า!!...เชิญดูให้เต็มตาซะก่อนเป็นไง?” (แม้หน้าอกของเจ้าหล่อนจะเล็กกว่าพี่สาวแต่ก็ขาวน่าจับน่าดูดไม่แพ้กันและพอกวาดสายตาลงต่ำ...จุ๊ๆๆ...เนินเนื้อที่มีขนสีดำขึ้นปกคลุมนั้น...บะ...บรรยายไม่ถูกเลยว่าเราควรจะทำอย่างไรกับมันเป็นอันดับแรก) “เสียงสั่นนะ?” “ก็...ก็เธอเล่นเปลื้องผ้าให้ฉันดูจะๆนี่นา!!!” “แล้วแบบนี้ล่ะจ๊ะ?” “!!!!!!!!!!!!!” (สาวน้อยวัย 18 หันหลังและโก่งบั้นท้ายมิหนำซ้ำยังเอานิ้วแบะแคมหีให้เรามองเนื้อในอันแดงก่ำเสียตาแทบจะถลนออกจากเบ้าอีกด้วย...เป็นผู้หญิงและลูกพี่ลูกน้องของเรามาทำแบบนี้นี่ใจกล้าชะมัดเลย!!!!) “มะ...ไม่อายหรือไงเนี่ย? “ใครว่า?...ฝนอายสุดๆเลยอ่ะ~~...นี่ขนาดในห้องไม่สว่างเต็มที่นะ” “...ฉันชักจะคอแห้ง...ให้ตายสิวุ้ย!!” “แน่ะ!!...หีเค้ามีแค่นี้เอง...ไม่รู้ว่าเย็ดได้หรือยัง?” “ดะ...ดะ...ดะ...” “หืม?” “ได้--...ได้สิ!!!...เย็ดได้อยู่แล้ว” “จริงเหรอ?” “ตะ...แต่มันเห็นไม่ค่อยชัด” “งั้นขอให้อดใจรออีกนิด...เดี๋ยวเค้ามาจ้ะ” ...ฝนขยิบตาพลางส่งจูบให้ก่อนคว้าผ้าเช็ดตัวมาห่มเดินออกไปจากห้องอีกครั้งโดยบอกว่าเข้ามาคราวนี้ผมต้องนุ่งลมห่มฟ้าไม่งั้นเธอจะเป็นฝ่ายจับลอกคราบซะเอง...เอาสิวะ!!!...ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วมีแต่ต้องเดินหน้าลุยให้สุดตัวอีกอย่างประโยคนั้นของญาติสาวผู้น้องก็ยังดังก้องอยู่ในหัวอยู่เลย... (“ดีไม่ดีฝนไม่สนใจแต่ถ้าบอลยังจะบ่ายเบี่ยงอีกก็ไม่ใช่ลูกผู้ชายแล้ว!!!!”) “ถึงขนาดเปลือยกายโชว์ของลับกับแสดงกิริยายั่วยวนเพื่อจะปลุกอารมณ์ของเรา...จะเป็นลูกพี่ลูกน้องหรืออะไรก็ไม่ต้องไปสนใจอีก...ในเมื่ออยากรู้จักผู้ชายนักงั้นพี่อย่างเราก็ต้องยื่นมือเข้าช่วยล่ะ” ................................................................................................................................................ ...ตัวอย่างในตอนหน้า... “ที่แท้เธอก็เป็นคนวางแผนมาตั้งแต่ต้น!?” “ใช่...แล้วโชคชะตาก็ยังเป็นใจให้อีกด้วย...ฝนตั้งใจมาตลอดว่าจะมอบความสาวให้กับบอลเพียงคนเดียว” “นี่เธอทำเอาฉันขนลุกไปหมดเลยนะ!!...แม้แต่พี่แคทที่เฉลียวฉลาดก็ยังเสียทีให้กับเธอโดยที่ไม่รู้สึกตัว” ........................................................ “จะถามอีกครั้งหนึ่ง...เมื่อคืนเธอเอาใครมานอนด้วย?” “...พี่พูดเหลวใหลน่า!!...ผมนอนคนเดียวแท้ๆจะมีใครอีกเล่า?” “ผู้ร้ายปากแข็ง...คนอย่างเธอนี่ถ้าจับไม่ได้ไล่ไม่ทันก็ไม่มีทางยอมรับจริงๆ...กล้ากะล่อนกับพี่อย่างงั้นเหรอ?” ........................................................ “ยังไงบอลก็ต้องอยู่ที่โยนกอุดรเพราะที่นี่คือบ้านของเขา...หากพี่อ๋อมดึงดันจะพาไปให้ได้งั้นมาเจอกันสักตั้ง!!” “กลางคืนฉันสู้กับยมทูตขี้เมาหนีนรกแต่นี่พอกลางวันก็จะต้องมาต่อกรกับนางฟ้าตกสวรรค์หมาหวงก้างอีกรึ?” “คราวนี้ฝนเอาจริงแน่...จะขอทุ่มสุดตัวเพื่อเอาชนะนางพญาเสือจอมโอ้อวดหยิ่งผยองให้ได้อย่างเด็ดขาด!!!!” .................................................................................................................... ...เฉลยว่าสาวม่อนปลอมเป็นใครและรางวัลปลอบใจที่บอลจะได้ก็คือมีสาวฝนอยู่อิงแอบแนบไออุ่นในค่ำคืนที่หนาวเหน็บ...สุดแสนจะแฮบปี้ซะเหลือเกิน!!!!...

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น