AEl5Nk.gif AEl5Nk.gif


เหตุเกิดที่โรงแรมblPdyV.gif
โดย Tom Mm

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
29/07/66

เต้ยกับพี่ติ่ง blPdyV.gif
โดย ตฤษณา

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

ผิดที่เมย์เองเลยโดนจับขึงพืดblPdyV.gif
โดย Uratarou

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

ฝึกงานที่บริษัทขายหมู่บ้านจัดสรรblPdyV.gif
โดย 子翔吳

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

พ่อเลี้ยงของหนู EP1blPdyV.gif
โดย Ken Ken

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

วันพุธที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ตราบเท่าที่ยังมีชีวิต ตอนที่ 53

ตราบเท่าที่ยังมีชีวิต ตอนที่ 53 “เพลิงพิโรธที่ลุกโชนไม่สมบูรณ์!?”

 “โอ๊ย!...โอย~~” “นายท่าน!!” “พี่!!!...รู้ทั้งรู้ว่าบอลจะเข้ามากันให้หนูแต่ก็ยัง...” “มันสมควรโดน” “ไร้น้ำใจ!!!” “เกะกะนัก!!” “ทำได้ก็ลองดู!!!” ...พี่แคทมุ่งมั่นจะเอากำปั้นยมทูตประทับบนหน้าผมให้ได้แต่ก็ถูกน้องสาวขัดขวางครั้งแล้วครั้งเล่าสาวเจ้าผมยาวจึงเบนเป้าเล่นงานฝนซะก่อน...ด้วยแรงแห่งโทสะที่
เรียกว่า “สุริยะโลหิต” ทำให้เธอกลายเป็นนางมารร้ายที่สามารถประทุษร้ายทุกคนที่ขวางหน้าแม้กระทั่งน้องสาวร่วมสายเลือดของตัวเอง...การโหมบุกชนิดที่ไม่ปล่อยให้คู่ต่อสู้หยุดพักหายใจของพี่แคททำให้ฝนต้องยกแขนสองข้างป้องปัดอุตลุดทว่าเมื่อเจอกับกำปั้นที่รัวต่อยออกมาทั้งบนและล่างกับทั้งซ้ายและขวาก็ไม่อาจจะป้องกันได้หมดจึงโดนหมัดซ้ายชกเข้าที่หัวไหล่อย่างจังและหมัดขวาก็พุ่งตามออกมาเป็นลูกติดพันซึ่งเป็นจังหวะที่ผมถลันเข้าไปแล้วผลก็เป็นดังข้างต้น...แค่หมัดเดียว ผมก็ตัวงอเป็นกุ้งเพราะถูกอัดเข้าที่ท้องเต็มๆ... “อูย~~...จะเรียก...สุภาพบุรุษได้มั้ย?” “ศิเตือนนายท่านแล้วว่าอย่าเข้ามาในห้อง” “ฉันเป็นต้น...เหตุนะ...จะหนีได้ไงเล่า?” “แต่หากนายท่านยังอยู่ที่นี่...” “พี่แคทจะเอาถึงตาย...ฮึ!!...ดูนั่น” “............................................” “ฝนยอมเผชิญหน้ากับพี่สาวที่กำลังอยู่ในอารมณ์โกรธสุดขีดเพียงลำพังแล้วถ้าฉันทิ้งเธอหนีเอาตัวรอด...ฉันจะไม่สามารถมองหน้าใครได้อีก!!!” “ไม่มีใครตำหนินายท่านอย่างนั้นหรอกค่ะ” “คนอื่นจะว่าฉันโง่ก็ช่างแต่ต่อให้ช่วยเหลืออะไรฝนไม่ได้เลย...ฉันก็จะอยู่ที่นี่กับเธอ!!!!” “แกจะต้องเสียใจ...อ๊อก!!!” “แต่ได้ยินที่บอลพูดประโยคนี้ฝนก็ไม่เสียใจแล้ว!!!!” “ฮึ่ม!!!” ...ฝนงัดวิชาคาราเต้ออกมาสู้กับพี่แคททุกรูปแบบจนข้าวของพังยับกระจัดกระจายหมดแถมหลอดไฟบนเพดานยังแตกเพราะโดนอะไรบางอย่างไปก็ไม่รู้พอภายในห้องมืดสนิทสองสาวพี่น้องก็ออกมาสู้กันข้างนอกผลัดกันรุกผลัดกันรับชนิดไม่มีใครยอมใคร...พี่แคทถูกถีบยอดอกหงายท้องหงายไส้แต่ก็ลุกมาเหวี่ยงศอกกระแทกกลางหลังฝนหน้าคว่ำล้มไปได้เหมือนกันแล้วพอจะเข้ามาซ้ำฝนก็คว้ากองหนังสือพิมพ์ฟาดตีพี่สาวจอมระห่ำสุดท้ายหยิบเก้าอี้พลาสติคขว้างใส่แต่พี่แคทปัดได้พลางแผดเสียงร้องลั่น... “ไอ้เด็กบ้า!!!” “ก็บ้าทั้งคู่แหละ” “เอะอะอะไรหา?...ทำอะไรกันน่ะ!?” (แย่แล้ว!!!) ... “น้าเย็น” เจ้าของหอพักวัย 40 ปีผัวเป็นตำรวจยศจ่าอยู่ที่อุทัยธานีมีลูกชายคนนึงเรียนชั้นมัธยมต้นซึ่งบ้านแกก็อยู่หลังหอพักนี่เองและช่วงเวลานี้ของทุกๆวันแกจะเดินขึ้นมาตรวจตราความเรียบร้อย...น้าเย็นเป็นคนปากจัดและไม่ยอมเสียเปรียบใครง่ายๆแถมยังงกอีกต่างหาก...สงสัยผมคงได้โดนไล่ออกก็ครั้งนี้แหละเพราะสองลูกพี่ลูกน้องทะเลาะวิวาทกันจนทำข้าวของๆแกเสียหายไปหลายอย่างไม่ว่าจะหลอด ไฟ,เก้าอี้,ประตู,หน้าต่าง... “............................................” “เสียงดังหนวกหูลงไปถึงข้าง...ว้ายผีหลอก!!!!” ...งานนี้น้าเย็นคงกะจะเฉ่งด่าให้สะใจปากเหมือนทุกทีแต่ขอโทษ!!...พอแกขึ้นมาเห็นหน้าพี่แคทเท่านั้นก็ถึงกับหวีดร้องด้วยความตกใจเป็นลมหมดสติไปเลย(จะมาทำซากอะไรวะเนี่ย?)ซึ่งถ้าผมไม่รู้เรื่องสุริยะโลหิตมาก่อนหน้าและเจอเข้าอย่างนี้ก็คงช็อคตาตั้งไปเหมือนกัน... (เผอิญพี่แคทอยู่ตรงที่สลัวๆตาของเธอเลยมีแสงสีแดงก่ำ...ใครไม่รู้ความก็นึกว่าหล่อนเป็นผี) “โอ๊ว!!” “จะไม่ยอมแพ้เรอะ?” “หนูขอสู้ตาย!!!” “หนอยแน่!!!” “คุณหยาดฝนสู้ไม่ถอยแบบนี้คุณสุรีย์พรรณยิ่งโมโหไปใหญ่” “..............................................” (“ป้าจะบอกให้ตาหนูรู้ว่าสุริยะโลหิตคืออะไร?...สุริยะโลหิตคือภาวะการเปลี่ยนแปลงในร่างกายที่จะเกิดขึ้นในหญิงสาววัยกำดัดของตระกูลวิษณุมนตรี” “เฉพาะผู้หญิงเท่านั้น?” “จ้ะ...วัยกำดัดในที่นี้จะยืนยาวไปจนกว่าเธอผู้นั้นจะให้กำเนิดลูกสาวคนสุดท้องและราวๆหนึ่งปีต่อจากนั้นสุริยะโลหิตในร่างกายจะเสื่อมถอยลงไปตามลำดับ...สุดท้ายไม่มีเหลืออยู่อย่างเช่นป้าหรือนิภา” “ถ้าเป็นลูกผู้ชายและไม่ตั้งท้องอีกล่ะครับ?” “...สุริยะโลหิตก็จะยังคงอยู่จนล่วงเข้าวัยกลางคนและค่อยๆหายไปเองจ้ะ” “..............................................” “ของป้าหายไปหมดตอนอายุเข้า 35 หลังจากคลอดน้องคนสุดท้องไม่นานส่วนนิภาประมาณ 22-23 และพอลูกสาวอายุประมาณ 3-4 ขวบสุริยะโลหิตในร่างกายก็จะเริ่มตื่นพร้อมกับกล้าแข็งมากขึ้นเรื่อยๆ” “สืบทอดจากรุ่นหนึ่งไปอีกรุ่นหนึ่ง...อย่างกับทายาทอสูรเลย!?” “หลักๆที่มองเห็นได้คือดวงตาจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มเพราะมีเลือดไหลเข้าไปในส่วนที่เป็นตาดำ” “มัน...มันไม่เป็นอันตรายหรือครับ?” “ไม่จ้ะเพราะมันไม่ใช่โรคหรือได้รับบาดแผลเพียงแค่มีเลือดไปหล่อเลี้ยงอยู่ใน นั้นมากกว่าปกติ...อ้อ!!...ถ้าเป็นตอนกลางคืนดวงตาจะเรืองแสงได้ด้วยนะจ๊ะ...สีแดงส่องสว่าง” “ผะ...ผมว่ามันจะน่ากลัวเกินไปแล้วครับ...นี่คนหรือภูติผีกันแน่?” ...เดี๋ยวก่อนซิ!?...ดวงตาเรืองแสงได้ในตอนกลางคืน!!!...เหมือนว่าผมเคยได้ยินมาจากที่ไหนมาก่อน?... “เอ่อ--...สุริยะโลหิตจะทำให้ร่างกายเปลี่ยนแปลงไปยังไงบ้างครับนอกจากตาดำเป็นสีแดงเลือดกับสุ้มเสียงที่ห้าวขึ้น?” “ที่เห็นชัดๆคือความป่าเถื่อนเหี้ยมโหด...มันจะเข้าครอบงำจิตใจส่วนที่เป็นด้านดีไว้หมดสิ้น...คิดเพียงอย่างเดียวคือทำอย่างไรก็ได้เพื่อให้ศัตรูล้มลงตรงหน้าในสภาพที่ไม่อาจจะลุกขึ้นต่อสู้อีกครั้ง” “ทำยังไงถึงจะเกิดสุริยะโลหิตครับ?” “...ส่วนใหญ่เกิดจากความโกรธ” “ความโกรธ?” “อืม!!...ต้องมากอย่างผิดปกติด้วย...ยกตัวอย่างง่ายๆ...ตาหนูเคยโมโหใครจนอยากจะฆ่าให้ตายหรือเปล่า?” “ผมไม่...” “สำหรับผู้ที่มีสุริยะโลหิตในตัวนั่นแหละคือเชื้อไฟ...โกรธเคือง,เคียดแค้นชิงชัง,ผิดหวังโศกเศร้า,มัวเมาหม่นหมอง” “ไม่เคยเห็นเลยครับผมจึงไม่รู้...พี่แคทกับฝน...” “สำหรับหนูสองคนนั้นถ้าไม่โมโหถึงขีดสุดก็ไม่เกิดหรอกซึ่งต่างจากลูกสาวป้าที่เกิดขึ้นง่ายกว่าแต่ระดับของสุริยะโลหิตจะพอๆกัน” “หมายความว่าสุริยะโลหิตของสองคนนี้จะใช้แรงโทสะเป็นเชื้อ?” “ถูกต้องเลยและถ้าได้เห็นบุคคลอันเป็นที่รักของตัวเองโดนทำร้ายก็จะยิ่งส่งผลมากขึ้นไปอีก” “มันจะเพิ่มพลังทำลาย...ประเภทว่าช่วยให้หมัดหนักขึ้นด้วยหรือเปล่าครับ?” “...ไม่นะจ๊ะ...แค่ขจัดความลังเลกับความกลัวออกไปจากจิตใจเท่านั้น” “อ๋อ!!... เมื่อไม่มีความเกรงกลัว,เมตตาสงสารหรือลังเล...ตั้งใจแน่วแน่ที่จะต่อสู้จึงใช้กำลังออกมาได้อย่างเต็มที่...โจมตีแต่ล่ะครั้งก็จะทำอย่างสุดกำลัง” “แต่ความน่ากลัวที่แท้จริงไม่ใช่ระดับของสุริยะโลหิตนะ...วิชาการต่อสู้ต่างหากล่ะพ่อบอล...หนูแคทกับหนูฝนฝึกศิลปะการต่อสู้มายาวนานเป็นสิบปีจนมีความเชี่ยวชาญอย่างลึกซึ้ง...รู้ว่าส่วนไหนในร่างกายคือจุดบอดหรือจุดตายและรู้ว่าโจมตีไปแล้วจะส่งผลอย่างไรบ้างแต่หากใครที่พวกเธอตัดสินแล้วว่านี่เป็นศัตรูไม่ต้องให้รอตะวันเลือดออกมาหรอกจริงไหมจ๊ะ?” “พวกเธอไม่เคยบอกผมเลย” “เอ่อ--...ที่ไม่พูดก็คงเพราะว่ามัน...ไม่น่าดูน่ะ”) “โอ๊ย!!” “ก็บอกว่าไม่ได้ผลยังไม่เข้าใจอีก...ลูกไม้เดิมใช้ไม่...อั๊ก!!” “ยังไม่จบหรอก!!” “เจ้าเด็กนี่!!!” “ฮึ่ย!!!” ...ในสถานที่แคบๆนี่แขนมีประโยชน์กว่าขาซึ่งฝนก็รู้จึงหาจังหวะล่อหลอกเพื่อรุกเข้าถึงตัวและใช้วิชาบิดข้อต่อแต่พี่แคทไม่หลงกลสะบัดหลุดทุกครั้ง...ที่ป้าเอ็มว่ามันไม่น่าดูนั่นก็เพราะมีเลือดจำนวนมากไปหล่อเลี้ยงอยู่ในส่วนตาดำและส่องสว่างได้หากอยู่ในที่มืดอีกทั้งน้ำเสียงยังเปลี่ยนไปคือห้าวทุ้มไม่ แหลมเล็กอย่างปกติและดังก้องกังวานฟังแล้วน่าเกรงขาม... “อ๊า~~” “ฝน!!!” ...แค่ชั่วเดี๋ยวเดียวที่ผมนึกถึงตอนที่คุยกับป้าเอ็มเรื่องของความลับของสุริยะโลหิตฝนก็ถูกพี่แคทจับตัวได้!!!!... “ความไวนั้นน่ะน่ารำคาญแต่มันจบแล้ว” “ไม่...ไม่” “นายหญิงรีบขึ้นมาเร็วๆเข้า...ศิอยู่กับนายท่านค่ะ” “อึ๊!!” “ทำให้ฉันเสียเวลาไปมากนะ...เจ้าเด็กนิสัยเสีย” “!!!!” ...และแล้วพี่แคทก็ทำในสิ่งที่พวกเราไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองคือเธอก้มจูบปากฝนและก็ใช้สันมือตีที่หลังคอน้องสาว...ในหนังประเภทบู๊ดุเดือดผมเห็นบ่อยถ้าโดนฟาดจากบริเวณนั้นก็สามารถทำให้คนเราสลบได้... “อย่า...อย่านะ!!” “นอนอยู่ตรงนั้นแหละ” “บะ...บอล...หนี--” ...ฝนพูดได้แค่นั้นก็ทรุดฮวบหมดสติไปและวินาทีนั้นพี่แคทก็หันขวับจ้องมาที่ผม...ศิจึงตัดสินใจขั้นเด็ดขาดชักปืนออกมาจากเอวแต่ทว่า... “คนที่จะเอาชนะฉันได้ไม่มีอีก...แล้วทางหนีของแกก็ปิดตัวลงด้วย” “หยุดเถอะค่ะคุณสุรีย์พรรณ...อย่าให้ดิฉันต้องลำบากใจเลย” “...............................................” “!!!” “ชักช้า!!!” “ว้าย!!” “พี่แคท!!!...ศิไม่รู้เรื่องอะไรเลยนะ” “หุบปาก!!...ฉันจะไม่ละเว้นไอ้อีหน้าไหนที่บังอาจมาขัดขวาง...หือ?” “ได้โปรดอย่าทำร้ายนายท่าน...ศิขออ้อนวอนคุณสุรีย์พรรณเถิด” “............................................” “............................................” “แกมีความภักดีกับไอ้สารเลวนี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ในเมื่อเจ้านายของแกก็มีอยู่?...สิ่งที่พวกแกสามพี่น้องกำลังกระทำคือการทรยศเนรคุณ!!!” “ไม่...ไม่ใช่นะคะ!!” “อย่ามาแก้ตัว!!!” ...หลังจากศิโดนแย่งปืนจากมือก็ถูกเตะล้มคมำแต่ยังตะเกียกตะกายคว้าข้อเท้าของพี่แคทพลางอ้อนวอนไม่ให้ทำร้ายผมทว่าหญิงสาวผมยาวไม่ยอมฟังและใช้ด้ามปืนทุบที่ท้ายทอยของศิจนสลบไปอีกคน... “ไม่มีใครช่วยแกได้อีก...แค่ยืดเวลาออกไปเท่านั้น” “เอาเลย!!...พี่แคทอยากจะทำอะไรก็เชิญ!!!...ปืนในมือนั่นไงเล่า” “สำหรับคนอย่างแกน่ะใช้ไอ้นี่สนุกกว่า...อัญเชิญยมทูต!!!!” ...พี่แคทตวาดเสียงดังกึกก้องแล้วกำหมัดสองข้างยกแขนขึ้นเสมอระดับอกพลางพุ่งเข้ามาจับคอด้วยมือซ้ายจากนั้นมันก็เหมือนทุกสิ่งรอบๆตัวสว่างจ้าหรือว่าผมจะถึงแก่ชีวิตแล้วกำลังเดินทางไปสู่อีกโลกหนึ่ง!?...โลกที่มีคุณแม่รัญภรณ์... .................................................................................................................... “?” “.....................................................” “สมุดปกแข็งในเสื้อ...ใครกัน?” “.....................................................” “ศศิธร?...ไม่เลว” “หยุดเดี๋ยวนี้!!!” “พวกแก!!...ฮึ่ย~~” “ล็อคคอไว้!!!...ออกแรงเต็มที่ไม่ต้องกลัว” “ใครสั่งพวกแกมา?” “กรุณาหยุดได้แล้วค่ะคุณสุรีย์พรรณ!!...เหตุผลของคุณไร้ความชอบธรรมแล้ว!!!” “มันยังไม่จบแค่นี้หรอก!!...ไร้ความชอบธรรมรึ?...ปล่อยเซ่!!!” “ต่อให้เก่งแค่ไหนแต่ถูกประชิดตัวล็อคคอล๊อคแขนขาก็ไปไม่เป็น...เมื่อกี้คุณถามใครสั่งมาใช่ไหมคะ?” “กรอด!!!” “ก็คุณแม่ของคุณเอง” “ว่าไงนะ!?” “ฝน!!...ฝนเป็นยังไงบ้างลืมตาดูแม่สิลูก!?...บอล...บอลตื่นสินี่อาเองนะ!!...พี่เอ็มมาเร็วๆเข้า!!!” “...แม่” “ตาหนู!!!...นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย?” “ทำไม...ทำไมถึงมาขวาง?” “เกินไปแล้วนะเจ้าลูกบ้า!!!” “....................................................” “จะลืมตาตื่นได้หรือยัง?” “แม่...ตบพี่...” “ก็ตบให้ตาสว่างไง!!...มีพี่ที่ไหนในโลกทำร้ายน้องๆตัวเองจนบาดเจ็บหมดสติไปตามๆกันอย่างนี้บ้างหา?...แม่ไม่นึกเลยว่าลูกจะเป็นไปได้ถึงขนาดนี้น่าผิดหวังเหลือเกิน!!!...ความใจเย็นสุขุมรอบคอบมันหายไปไหนหมดแล้ว?...ดูซิ!?...ดูให้เต็มๆตาเลยว่าทำอะไรลงไป!!...ต้องให้ฝนหรือไม่ก็บอลคนใดคนหนึ่งตายไปต่อหน้าใช่มั้ยถึงจะสะใจ!!!” “คุณแม่เข้าข้างคนผิด!!!...หากบอลเป็นคนซื่อสัตย์เสียแล้วแคทจะมีเหตุผลอะไรไปยุ่ง?” “จะผิดหรือจะถูกลูกก็ไม่ควรแสดงความป่าเถื่อนอย่างนี้...ปล่อยให้ความเคียดแค้นชิงชังเข้าครอบงำ...แบบนี้จะเป็นตัวอย่างให้น้องได้อย่างไร?...ลืมคำสั่งสอนของแม่หมดแล้วหรือว่าจงเป็นคนใจเย็นทำอะไรให้มีสติกับตัวเสมอ?” “เพราะแคทให้โอกาสบอลปรับปรุงตัวมานานมากเกินพอและที่คุณแม่พูดก็ใช่ว่าจะไม่ทำตามแต่พอเห็นพี่กุนกับสาต้องเศร้าโศกเสียใจแคทจึงทนไม่ได้” “แต่อย่างไรลูกก็เป็นคนนอก...ขึ้นชื่อว่าแฟนกันก็ต้องปล่อยให้พวกเขาเคลียร์ปัญหาเอาเอง” “หนูจะไม่ยุ่งด้วยเลยถ้าไม่ใช่พี่กุน” “ยังจะเถียงแม่อีก?...นี่ถ้าแม่กับป้ามาไม่ทันแคทตั้งใจจะทำอะไรกับบอลอีกรึ?...จะเอาให้ถึงแก่ชีวิตให้ได้ใช่ไหมแคทจึงจะมีความสุขได้?” “....................................................” “ตาหนูๆ...ลืมตามองป้าสิ!!!...ตาหนู!!!!” “อึ๊ก!!...อือ-- “พ่อบอล!!...จำป้าได้มั้ย?” “...ป้าเอ็ม” “โอ้ดีจริงๆหลานรักของป้า~~...พวกเธอมาช่วยพาหลานฉันไปที่รถเร็ว!!!...ศิ...เธอลุกไหวมั้ย?” “...ค่ะนายหญิง” “มาฉันช่วย” “นายหญิง!!...นะ...นายท่านหมดสติไปอีกแล้วค่ะ!!!!” “ไม่!!...ไม่เอานะอย่าล้อเล่นกับป้าแบบนี้!!!...รีบพาไปโรงพยาบาลเร็วโทรบอกเซคด้วย...จะปล่อยให้ตาหนูเป็นอะไรไปไม่ได้เด็ดขาด!!!!” “ฝนจะไปรถป้านะคะแม่...พี่แคท” “ฮึ!!” “...พี่” “ท่าทางจะยังไม่หายบ้าเดี๋ยวปล่อยให้แม่จัดการเอง...แคท...เรามีเรื่องต้องคุยกันยาวเลยละ” “...............................................” “หาก...หากพ่อบอลเป็นอะไรไปฉันจะไม่ยกโทษให้หนูแคทเลย!!...นิภา...ต่อไปเธออย่าให้หนูแคทเข้าใกล้พ่อบอลอีก!!!” “พี่เอ็มพูดอะไรเนี่ย?” “ที่หลานชายฉันบาดเจ็บหนักอย่างนี้ก็เพราะลูกสาวของเธอไงเล่า!!” “บอลก็เป็นหลานของภาเหมือนกันนะคะ!!” “โธ่~~...แม่กับป้าเอ็มอย่าเพิ่งเถียงกันตอนนี้ได้มั้ย?” “ก็ดูป้าของลูกสิ...เอะอะก็จะเอาแต่โทษแม่” “เออฉันขอโทษก็ได้พอใจยัง?...บ้าเอ๊ย!!!” “แล้วคุณเจ้าของหอพักนี่ล่ะ?” “หนูฝนเอาน้ำสาดให้ฟื้นก็พอเพราะมันสมกับความเค็มของยัยนี่แล้ว” .......................................................................................................................................... “..............................................” “ฟื้นแล้วหรือลูก?” “ป้าเอ็ม...ที่นี่...” “ห้องพิเศษที่โรงพยาบาลจ้ะ” “...โรงพยาบาล?” “นายหลับไปเกือบสามชั่วโมงเชียว” ...สามชั่วโมง!?...นี่ผมหลับไปนานขนาดนั้นเลยหรือแต่นึกว่าจะต้องตายซะแล้วสิ...อ๊ะ!!...ผมฝันเห็นแม่รัญภรณ์และได้คุยกับท่านด้วยล่ะ!!!...ท่านดูมีความสุขสีหน้าก็ยิ้มแย้มแล้วสั่งให้ผมกลับไปสะสางปัญหาซะเพราะมันยังไม่ถึงเวลาที่ผมจะอยู่ที่นี่... (หมายความว่าคุณแม่ช่วยชีวิตเรา!?) “อุ๊บ!!” “ตาหนูปวดท้องเหรอ?” “มันปวดเสียดๆครับ” “นอนพักสักคืนก็คงหาย” “แล้วเธอเป็นไงมั่ง?” “เล็กน้อยจ้า!!...ไกลหัวใจตั้งแยะ” “แล้วเศกล่ะครับ?...ศิด้วย” “อยู่ห้องข้างๆนี่แหละ...เศกกระดูกซี่โครงหักสามซี่น่ะส่วนยัยศิ...ศุกร์เพิ่งพาไปห้องเอ็กซ์เรย์เพราะบ่นปวดขามาก” “ฝนต้องขอโทษป้าเอ็มกับบอลแทนพี่แคทด้วยค่ะ” “เฮ้อ!!...ทั้งที่ป้าอุตส่าห์ตักเตือนแล้วว่าอย่าปล่อยให้สุริยะโลหิตเข้าครอบงำจิตใจก็เพราะกลัวเหตุการณ์ร้ายอย่างวันนี้จะเกิดขึ้นไง...ไม่เห็นนิภาโกรธขนาดนี้มานานมากๆเลย” “หากป้อรู้ก็จะพลอยผสมโรงโกรธไปด้วยอีกคนแหงๆ” “เพราะกลัวกันว่าพี่เราจะเป็นเหมือนห้าปีก่อนใช่ไหม?” “จ้ะ” “รุ่นป้าน่ะเทียบกับรุ่นหนูไม่ติดเลยจริงๆนะ” “แต่ตะวันเลือดครั้งนี้ของพี่แคทยังมีเมฆมาบดบังอยู่บ้างค่ะ” “ฮ้า!?...นี่ยัง...ไม่ถึงที่สุดเหรอ?” “เดี๋ยวๆๆ...เมฆบังอะไรกันหรือฝน?” “แค่คำเปรียบเทียบเฉยๆ” “หมายความว่าเกิดความลังเล...อ้าวว่าไงจ๊ะ?...เหรอจะไปเดี๋ยวนี้แหละ” “?” “ตาหนูเพิ่งฟื้นก็อย่าขยับตัวกับคิดอะไรมากเลย...พักผ่อนเยอะๆ” “ครับ” “พบใครคะ?” “...คุณหมอจ้ะ” “อ๋อ!!” “.............................................” “ฉันจะเฝ้านายเอง...อยากให้ทำอะไรก็บอกมาได้” “เธอก็พักซะบ้างเถอะ” “ฝนไม่เป็นไรหรอก” “...สารู้เรื่องหรือยังนะ?” “มาเยี่ยมตอนบอลหมดสติเมื่อสักครู่ใหญ่แล้ว” “เฮ่!?...มาแล้วรึ?” “อื้อ!!...แต่มาไม่นานหรอกเพราะป้าเอ็มคอยกันท่า...น้องอ้อยก็มาแถมพี่กุนกับคุณลุงยังโทรถามอาการด้วยละ” “ฉันไม่รู้จะพูดยังไงดี...ขอโทรศัพท์หน่อย” “เอ้า!” “............................................” “...ฝนกดให้มั้ย?” “ฉัน...ฉันไม่กล้า...” “............................................” “............................................” “เอางี้...ถ้าบอลยังไม่สบายใจกับไม่รู้จะพูดอะไรงั้นก็ฟังสิ่งที่ฝนจะเล่าต่อไปนี้ก่อนแล้วกัน...เกี่ยวกับที่พี่แคทไม่รู้...ไม่สิ!!...จงใจจะทำเป็นไม่รู้ต่างหาก” “?” ................................................................................................................................. “แคทก็บอกคุณแม่ไปแล้วไงคะ...ถ้านายบอลไม่ได้คบกับพี่กุนและเขาจะไปมีผู้หญิงอีกสักกี่คน...แคทจะไม่ยุ่งไม่สนใจแต่ขอเกลียดชังไปจนวันตาย” “...ตรงข้ามกับน้องเราเลยแฮะ...เด็กนั่นนับวันก็ยิ่งชอบบอลมากขึ้นๆ” “ไม่เข้าใจเลยสักนิด...ไอ้ผู้ชายคนนี้มันมีอะไรดีตรงไหนถึงได้มีผู้หญิงมารุมรัก?...เจ้าชู้หัวดื้อแถมปากเสียอีก” “หนูไม่รู้จริงๆเหรอ?” “...ไม่รู้ค่ะ” “ไม่อ่ะ!...แคทรู้แล้ว” “.............................................” “แม่ขอโทษที่ตบหน้าหนูแต่มันก็เป็นวิธีเดียวกับที่ยายของหนูใช้กับแม่น่ะ” “ได้ผลชะงัดเลย” “แต่แม่แปลกใจที่ตะวันเลือดดับง่ายเหลือเกิน...เวลานั้นลูกสับสนอยู่เหรอ?” “...ประมาณนั้นค่ะ” “งั้นก็ใช่แล้ว!!...ฝนบอกแม่ว่าระหว่างต่อสู้เราจงใจทิ้งโอกาสที่จะทำร้ายบอลให้บาดเจ็บสาหัสไปถึงสองครั้ง” “คุณแม่เชื่อ?” “อื้อ!!...เชื่ออย่างสนิทใจด้วยจ้ะ...ครั้งแรกคือแคทจงใจทิ้งดาบคงโมเคียวไว้โดยไม่ไปแตะต้องอีก” “เพราะมันหลุดจากเอวหนูไปแล้วก็สู้ติดพันกับฝนจนหยิบมาไม่ได้ต่างหากค่ะ” “เหรอ?...แล้วครั้งที่สอง...รอยฝ่ามือที่สมุดจะอธิบายยังไง?” “นั่น...” “ที่ทำให้บอลสลบไปแคทใช้อัญเชิญยมทูตใช่มั้ย?” “...........................................” “มันไม่ใช่เลย...อัญเชิญยมทูตที่สันต์สอนลูกไม่ใช่การใช้ฝ่ามือแต่เป็นหมัดต่างหาก...หมัดซ้ายขวาที่โจมตีทั่วร่างของศัตรูหลายสิบครั้ง” “...หนูเปลี่ยนใจในเสี้ยววินาทีสุดท้าย” “แคทลังเลใจสินะที่เห็นบอลปกป้องฝนและมีผลให้สุริยะโลหิตกลายเป็นเพลิงพิโรธที่ลุกโชนไม่สมบูรณ์!?” “...เมฆดันมาบังซะได้” “หึๆๆ...ลูกแม่ยังมีน้ำใจให้บอลอยู่...ตะวันเลือดถึงได้สลายไปอย่างรวดเร็วแต่ยังไงสองสามวันนี้ก็อย่าเพิ่งออกไปไหนเลยนะจ๊ะ...อยู่แต่ในบ้านดีกว่าเดี๋ยวจะหาว่าสุดสวยไม่เตือน” “...........................................” “อ้อ!!...มีอีกเรื่องนึงที่แคทควรจะรู้ไว้” “?” ..................................................................................................................... “เจ๊ไม่มีเจตนาจะเอาชีวิตใครเลยตั้งแต่แรกและนี่คือหลักฐาน” “สมุด...สมุดจดของฉันทำไม?” “ดูให้ดีๆ” “รอยยุบรูปมือ!?” “ที่บอลสลบไปก็เพราะเจ้านี่...อัญเชิญยมทูต...ท่าไม้ตายที่พี่แคทจะปล่อยพลังกำปั้นได้รุนแรงที่สุด” “ไม้ตาย...อัญเชิญยมทูต...กำปั้น” “แต่รอยที่สมุดนี่เป็นฝ่ามือใช่มั้ย?...อัญเชิญยมทูตจะมีอานุภาพสูงสุดเมื่อกำหมัดต่อยออกไปฉะนั้นพอเปลี่ยนเป็นฝ่ามือพลังทำลายจึงลดลงนั่นแสดงว่าพี่แคทไม่ต้องการให้บอลเจ็บหนัก” “ขนาดส่งฉันนอนโรง’บาลเนี่ยนะไม่หนัก?” “อ่า--...ที่จริงไม่ต้องนอนก็ได้แต่ป้าเอ็มขออนุญาตคุณหมอเป็นพิเศษ” “เพราะอะไร?” “ก็เพราะ...บอลถูกน้าเย็นไล่ออกจากหอพักแล้วน่ะสิ” “ล้อเล่นน่า!?” “เป็นความจริง” “ป้าเอ็ม” “แต่ไม่ต้องกังวลจ้ะ...ป้าจะหาที่อยู่ที่ดีกว่านี้ให้พ่อบอลเอง...อือ--” “มีอะไรอีกครับ?” “ฟังนะจ๊ะ...คุณแม่...ย่าของพ่อบอลน่ะต้องการให้พ่อบอลย้ายออกจากบ้านและห้ามมีอะไรกับแฟนจนกว่าจะเรียนจบ” “ฮ้า!!?” “............................................” “จะไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ?...ผมไม่เคยคิดจะไปข้องแวะกับคนที่นั่นและพวกเขามีสิทธิ์อะไรมาห้าม?” “สิทธิ์ในฐานะปู่กับย่าของบอลไง” “ฝน?” “กำพืดของตัวเองเปลี่ยนแปลงได้เรอะ?...ต่อให้หนีไปจนสุดขอบโลกแต่เลือดที่ใหลเวียนอยู่ในร่างของนายก็เป็นของวิษณุมนตรี...หัดเปิดตามองเสียบ้างอย่าเอาอคติส่วนตัวใช้ให้มันมากนักเลย” “ฉันเปล่ามีอคติ” “มีอยู่ชัดๆ” “ก็บอกว่าไม่!!...ฉันแค่ไม่อยากจะอีนังขังขอบอะไรด้วยเท่านั้น” “นั่นแหละที่เรียกว่ามีอคติ” “............................................” “พี่กุนกับสารวมทั้งหนูอ้อยก็ยอมรับเงื่อนไขแล้ว” “อะไรนะ?” “ยังไม่เข้าใจเรอะ?...ที่ทั้งสามยอมตกลงก็เพื่อไม่ให้ตกเป็นข้อครหาและเป็นการทดสอบไงเล่า...หลานสะใภ้ของวิษณุมนตรีจะต้องมีความประพฤติที่ดีและเป็นที่ยอมรับของทุกคนในตำบลโยนกจัตุรัสฉะนั้นการมีอะไรกันทั้งที่ยังเรียนอยู่กับยังไม่เข้าพิธีแต่งงานจึงเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้” “หนูฝนพูดถูก...หากเรียนจบแล้วบรรลุนิติภาวะแล้วก็จะไม่มีใครว่าได้หรอกจ้ะ...แค่สองปีกว่าๆเองถ้าทนไม่ไหวหรือใจเร็วด่วนได้ก็ไม่สมควรแต่งเข้าเป็นสะใภ้และถึงเวลานั้นป้าจะค้านหัวชนฝาแบบยอมตายกันไปข้างเลย” ...หมายความว่าต่อไปนี้ผมจะไม่สามารถเล่นเสียวกับสามสาวทั้งกุน,สาและก็น้องอ้อยได้จนกว่าจะสำเร็จการ ศึกษา!?...แต่...แต่กับสาวอื่นล่ะ?...ฝนอยู่ในห้องด้วยผมเลยไม่กล้าถามป้าเอ็มจึงได้แต่ปิดปากเงียบ... (ไว้รอถามเธอตอนอยู่กันตามลำพังดีกว่า) “ต่อให้อายุ 20 บรรลุนิติภาวะแต่ยังเรียนไม่จบก็ไม่ได้” “ห้ามจ้ะ!” “ผมสลบไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็เล่นตัดสินใจกันเอาเอง...ไม่คิดจะรอกันบ้างเลย” “บ่นอะไร?...บอลก็ยังกลับไปบ้านนั้นได้นี่นาหรือจะชวนแฟนออกมาเที่ยวก็ได้แต่อย่ามีอะไรกันเท่านั้นเป็นพอ...อ้อจริงด้วย!!...ยังไม่ได้บอกว่าถ้าฝ่ายไหนผิดเงื่อนไขที่ตั้งไว้จะเป็นยังไง?” “?” “ก็อย่างที่หนูฝนพูด...จะชวนไปเที่ยวไปดูหนังหรือซื้อของทานอาหารก็ไม่ถือว่าผิดกติกาแต่ห้ามไปนอนค้างอ้างแรมแอบทำอะไรไม่เหมาะสม...หากละเมิดเงื่อนไขก็จะถูกตัดสิทธิ์ห้ามคบหากันอีกต่อไปและพ่อบอลต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่ทางตระกูลหาให้” “ไม่เอาครับ!!!!” “...งั้นรึ?” “ให้ไปแต่งงานกับใครก็ไม่รู้เรื่องอะไรที่ผมจะยอม?” “...........................................” “ก็ทำให้ได้ล่ะกัน...อ้อ!!...สิ้นปีกลับโยนกจัตุรัสได้แล้วนะจ๊ะ” “ทำไมผมต้องไป?” “แน่ะ!...รับปากกับป้าไว้ว่ายังไง?” “อุ!!” (เรื่องของเรื่องคือที่บ้านพักตากอากาศเราดันเผลอรับปากป้าเอ็มไปเสียได้!!!) “ต้องกลับไปนะ...กลับไปฟังความจริงในวันที่รัญภรณ์เสียชีวิต” “มันยังมีความจริงเหลืออยู่ตรงไหนอีกครับ?” “ที่แล้วมาบอลเข้าใจคุณปู่คุณย่าผิดหมด” “ผิดอะไร?...ก็ฉันเห็นกับตาตัวเองว่า...” “แม่รัญภรณ์โดนคุณตาผลักตกจากบันไดจนเสียชีวิต...จะบอกอย่างนี้ใช่มั้ย?” “ใช่!!... ก่อนที่แม่จะตายฉันกอดท่านไว้แน่นและคำสั่งเสียสุดท้ายคืออย่าโกรธแค้นปู่เขาเลยนะลูก...นี่คือคำพูดที่แม่บอกฉันก่อนจะสิ้นใจฉะนั้นฆาตกรที่ฆ่าแม่ก็คือ...” “ผิดแล้ว!!!...คุณตาไม่ใช่ฆาตกรแต่มันเป็นอุบัติเหตุ...กลับบ้านเกิดสิแล้วจะมีคนบอกนายเอง” “ใคร?” “พยานที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดในวันนั้น...เขารับปากกับป้าเอ็มแล้วว่าจะเล่าทุกอย่างให้นายรู้และจะช่วยยืนยันความบริสุทธิ์ให้คุณตากับคุณยายด้วย” “เขา...เขาเป็นใครกัน?” “อดีตคนใช้ในบ้านจ้ะ...อายุ 70 กว่าแล้วแต่ยังจดจำเหตุการณ์ได้...เขาไปอยู่ระนองหลายสิบปีแต่สิ้นปีนี้จะมาร่วมงานเลี้ยงที่โยนกบูรพา...พ่อบอลต้องคว้าโอกาสนี้ไว้ให้ได้เลย” “โอกาสนี้เปรียบดังกุญแจที่จะเปิดหีบแห่งความจริงเมื่อเกือบสิบปีก่อน...มันจะช่วยขจัดความคลาดเคลื่อนและความระแวงสงสัยในใจของบอลนะ” “...............................................” .................................................................................................................................. “พี่เชน” “จ๋า~~” “ไหนบอกจะไปเยี่ยมพี่บอลไง?...ขวัญรอนานแล้วนะ” “อีกแป๊บนึงๆ” “มัวทำอะไรน่ะ?...อุ๊ย!!...มัวแต่ดูหนังโป๊อยู่นั่นแหละ” “นี่ไม่ใช่หนังโป๊ทั่วไปนา--” “ยังไง?” “ดูหน้านางเอกสิ...คุ้นๆมั้ย?” “อือ--...ดูคล้ายคุณแม่?” “น้องขวัญก็เห็นด้วยใช่มะ?” “แต่ภาพไม่ค่อยชัดเลยนะคะ” “ของเก่าเมื่อสิบปีก่อนก็อย่างนี้แหละแต่ถ้าเป็นคุณแม่จริงๆจะว่าไงนะ?” “ไม่ มีทาง!!...ถึงเมื่อก่อนแม่จะเคยเป็นนางแบบปฏิทินกับถ่ายรูปลงหนังสือแฟชั่นแต่ไม่มีทางรับงานเล่นหนังลามกเกรดต่ำอย่างนี้หรอก!!!...ดูสิ...ผู้หญิงถูกผู้ชายรุมตั้งสามคนแน่ะ” “แต่พี่ดูยังไงก็คุณแม่ชัดๆน๊า~~” “พอเถอะรีบไปโรงพยาบาลได้แล้ว!...ดูนานเดี๋ยวก็เดือดร้อนขวัญอีก” “จ้ะๆๆ” “ไม่รู้บ้านนั้นเกิดอะไรขึ้นอีก?...พักนี้มีแต่เรื่องไม่ดี...แล้วตอนนี้คนที่รอชุบมือเปิบก็คือยัยจอยเพราะเอาแต่ซุ่มเงียบตลอดเลย” “อืม--...พี่จะต้องรู้ให้ได้เลยว่านั่นใช่คุณแม่จริงหรือเปล่า?” “หา!?...นี่ยังไม่เลิกคิดเรื่องทะลึ่งอีกเรอะ?” “โอ๊ยเจ็บ!!!” ..................................................

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น