AEl5Nk.gif AEl5Nk.gif


เหตุเกิดที่โรงแรมblPdyV.gif
โดย Tom Mm

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
29/07/66

เต้ยกับพี่ติ่ง blPdyV.gif
โดย ตฤษณา

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

ผิดที่เมย์เองเลยโดนจับขึงพืดblPdyV.gif
โดย Uratarou

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

ฝึกงานที่บริษัทขายหมู่บ้านจัดสรรblPdyV.gif
โดย 子翔吳

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

พ่อเลี้ยงของหนู EP1blPdyV.gif
โดย Ken Ken

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

วันพุธที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ตราบเท่าที่ยังมีชีวิต ตอนที่ 66

ตราบเท่าที่ยังมีชีวิต ตอนที่ 66 “เข้าใจผิดเพี้ยน!?”

 “นายกลัวยัยผมยาวนั่นรึ?” “.................................................” “ฉันขอพูดไว้ตรงนี้...นายมีสิทธิ์ทำตามใจตัวเองไม่ใช่ต้องฟังคนอื่นไปเสียทุกอย่างโดยเฉพาะสุรีย์พรรณ...ยัยนี่ไว้ใจไม่ได้” “แต่เดี๋ยวนี้พี่แคทก็ดีกับผมนะครับ” “นายเชื่อคำพูดกับหลงคารมของยัยนั่นโดยไม่สงสัยก็เท่ากับตายไปแล้วครึ่งตัว...ฮึ!!”
“.................................................” “ฉันก็ไม่ได้บังคับให้นายเชื่อแต่บทเรียนจากอดีตที่เพราะเคยเชื่อคนง่ายนี่แหละทำให้ฉันต้องเข้มแข็งและจะไม่ยอมให้ใครมาหลอกลวงอีก” ...พี่อ๋อมพูดโดยไม่หยุดเดินหรือหันหน้ามามองผม...ในอดีตเธอผ่านเรื่องราวที่น่าเจ็บปวดอะไรมากันแน่?... “เกลียดพี่แคทมากหรือครับ?” “...ไม่ถึงกับเกลียดแค่ไม่ชอบหน้า” (แล้วมันต่างกันตรงไหนหว่า!?) “เฮ้ย!” “?” “อย่าเรียกฉันว่าพี่” “...ทำไมล่ะครับ?” “นายเกิด 6 มีนาคม 2529 ส่วนฉันเกิด 27 เมษายน 2528 อายุเราสองคนไม่ต่างกันมากฉะนั้นไม่ต้องมาเรียกฉันว่าพี่” “งั้นจะให้ผมเรียกยังไง?” “ไม่ต้องพูดครับพูดผมกับฉันด้วยฟังแล้วน่ารำคาญชะมัดเรียกชื่อเล่นเฉยๆก็พอ!!...ฉันเรียกนายว่าบอลส่วนนายก็เรียกฉันว่าอ๋อม” “ถ้าพี่...เอ๊ย!!...อ๋อมต้องการแบบนั้น...ก็ได้ครับ” “ไม่มีลงท้ายโว้ย!!!” “รู้แล้วๆๆๆ” (แล้วอย่ามาเปลี่ยนใจทีหลังเชียวนะ!?) “พูดพี่พูดครับพูดผมให้ได้ยินเมื่อไหร่ฉันจะดีดไข่นาย...หนึ่งคำต่อหนึ่งที” ...สงสัยอยู่กับแม่สาวนี่นานๆเข้ามีหวังไข่ผมบวมเท่าลูกมะนาวแหงๆเลยมั้ง!?...เออ--...ก็เป็นคนแปลกไปอีกรูปแบบ...ลักษณะการพูดการจาดูๆไปก็มีส่วนคล้ายพี่เซคแต่อ๋อมจะแสดงอารมณ์ความรู้สึกออกมาแรงกว่า... “แล้วชื่อจริงของ...อ๋อม” “ศรรัตน์” “ไม่ใช่...ศรบุษราคัมหรือ?” “...รู้มาจากไหน?” “ป้าเอ็มบอก” “งั้นรึ?...ก็ใช่ที่ฉันชื่อศรบุษราคัมแต่ตอนนี้ชอบใช้ชื่อศรรัตน์มากกว่า...โอเคนะ?” “..................................................” “ที่จริงฉันก็ไม่อยากยุ่งกับสุรีย์พรรณหรือหยาดฝน...ไม่คิดจะสนใจสักนิดด้วยแต่ยัยสองคนนั่นมันชอบล้ำเส้นไม่ต่างคนต่างอยู่...นายน่ะ” “?” “ที่หัวอ่อนว่าง่ายกับสุรีย์พรรณเป็นเพราะยัยนั่นหว่านเสน่ห์อะไรใส่นายใช่มะ?” “เปล่านะครับ...โอ้ว!!” (ประเดิมโดนดีดไข่ครั้งแรก...ไวฉิบเป๋งหลบไม่ทัน!?) “บอกว่าอย่ามาใช้ภาษาผู้ดีกับฉัน” “อุ!...พี่แคทไม่ทำแบบนั้นแน่...ฝนก็เหมือนกัน” “คนที่หน้าตาดีมักจะเย่อหยิ่ง...ภายนอกอาจไม่แสดงออกแต่ภายในย่อมมีความถือตัวว่าเด่นดีกว่าคนอื่น...สุรีย์พรรณภูมิใจที่ตัวเองเกิดมาหน้าตาสวยและก็ใช้ประโยชน์จากมันเพื่อหลอกให้คนอื่นยอมเชื่อฟัง” (ไม่ทราบว่าหล่อนอ่านนิยายมากไปหรือเปล่าเนี่ย?) “นายไม่หลงไปชอบยัยนั่นก็ดี...เชอะ!!...แต่เอาแค่เป็นพวกเดียวกับยัยซกมกแอบจิตฉันก็ไม่อยากจะ...” “เดี๋ยวๆๆ...เธอว่าใคร?” “ศรเพทายไง” “พี่เซคเหรอ?” “...ก็มันนั่นแหละ” “อุ๊บ!!...ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ...ซกมกแอบจิต!!!...ฮ่าๆๆๆๆๆ” “ไม่เคยได้ยินล่ะสิถึงตลกนัก” ...เรียกได้กระชากใจวัยรุ่นเหลือเกิน...ผมชักจะชอบอัธยาศัยของอ๋อมเข้าซะแล้วเพราะอย่างน้อยก็ได้รู้แน่ชัดว่าเธอก็ไม่ชอบพี่เซคเหมือนกัน... (ดูเป็นคนโผงผางพูดจาแบบขวานผ่าซากแต่ก็ถือว่ามีความจริงใจ...เราชอบคบกับคนอย่างนี้นะ) “สุรีย์พรรณน่ะยังสู้หยาดฝนไม่ได้เรื่องความเจ้าเล่ห์เพทุบายแต่ต้องชิดซ้ายทั้งคู่หากเอาไปเทียบกับศรเพทาย...ถ้าจะกลัวก็ควรกลัวยัยซกมกแอบจิตนั่น” “เรียกพี่เซคแบบนั้น...เธอไม่โกรธแย่หรือ?” “จะโกรธได้ไงก็ผู้ชายมีตั้งเยอะไม่สนเสือกจิตวิปริตไปชอบเพศเดียวกันนี่หว่า?” “ส่วนที่พี่เซคสั่งคนในหมู่บ้าน...” “หึ!...เป็นแค่ความงี่เง่าของคนหยิ่งผยองน่ะ” “ทำไมคนในหมู่บ้านถึงทำตาม?” “...เกี่ยวข้องกับเรื่องการค้าการขาย...อีกไม่นานนายก็จะรู้ว่าตระกูลนี้ทำอะไรบ้างถึงได้มั่งคั่งมีแต่คนอยากมาเกี่ยวดองด้วย” “..................................................” ...เดินเท้ากันมาเกือบ 10 นาทีก็ถึงเขตรั้วบ้านที่ผมเคยใช้ชีวิตในวัยเด็ก...ลำธารสายเล็กๆที่ไหลลงมาจากภูเขาก็ยังอยู่เหมือนเดิม...ผมจำได้ว่าตอนเด็กเคยมาดักช้อนปลาแต่ไม่ค่อยจะจับได้เท่าไหร่นัก... “!?” “...มีอะไร?” “อ๋อม...เธอ...” “ฉันทำไม?” “เธอ” “ก็บอกมาสิ!!...อ้ำอึ้งอยู่นั่นแหละ” “ผมทรงอะไรน่ะแล้วก็สีนั่นอีก?” ...พออ๋อมเอาฮู้ดลงเผยให้เห็นใบหน้าเท่านั้นผมก็พูดไม่ออก...หญิงสาวไว้ทรงผมสุดประหลาดไม่เหมือนชาวบ้านที่ดูๆไปจะคล้ายกับหัวของสัตว์ชนิดหนึ่ง... (แล้วยอดแหลมสองข้างนั่นหรือว่าจะทำเป็นหู!?) “หัวเสือไง” “เสือ?” “อืม--...สีผมก็เหมือนลายเสือใช่มั้ยเล่า?” “ย้อมเอาใช่ไหม?” “เป็นมาตั้งแต่เกิด...ก็ไม่รู้จะเกี่ยวข้องกับที่ฉันมีพ่อเป็นฝรั่งหรือเปล่านะ?” “ฮ้า!!!...อ๋อมเป็นลูกครึ่งเรอะเนี่ย?...แล้ว...แล้วผ้าก๊อสที่ตาข้างขวานั่นล่ะ?” “ก็นิดหน่อย” ...เห็นแค่ข้างซ้ายผมก็เข้าใจได้ทันทีว่าอ๋อมมีประกายตาที่แสดงออกถึงความไม่เป็นมิตร...คนที่มีดวงตาลักษณะแบบนี้ก็คือพี่เซคกับพี่แคทแต่อ๋อมนั้นให้ความรู้สึกคุกคามมากกว่า...ประมาณว่าหงุดหงิดตลอดเวลาและพร้อมจะหาเรื่องคนอื่นได้ทุกเมื่อ...ผมเจอคนที่ซ่ากว่าพี่แคทแล้วกับได้ความรู้ใหม่เพิ่มเติมว่าสามีคนที่สองของป้าเอ็มเป็นฝรั่ง... (แต่ปัจจุบันเขาอยู่ที่ไหน?...ยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า?) “อึ้งไปเลยรึ?” “ตาเธอดุชะมัด” “ขนาดนั้นเชียว” “ยังไงล่ะบอกไม่ถูก...มัน...มันเหมือนตาของสัตว์ป่าน่ะ” “พูดถูกใจฉัน...อ่ะเข้าไปเถอะ!...ตอนนี้ธุระของนายสำคัญกว่า” ...รู้สึกมวนท้องกับใจสั่นทันทีที่ก้าวเข้าบริเวณบ้าน...สิบปีจะว่านานก็ถูกจะว่าเดี๋ยวเดียวก็ใช่คล้ายกับว่าเหตุการณ์ต่างๆมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้...พี่แคทยืนอยู่หน้าบ้านคล้ายกับจะรอพวกเรา... “น้องอ๋อมสบายดีเหรอ?” “ไม่เจ็บไม่ไข้อะไร...เธอก็เหมือนกันนี่?” “ผ่านมาเกือบเดือนแล้วตั้งแต่อ๋อมกับคุณอัจฉรา...” “!!!!” “พูดชื่อมันต่อหน้าฉันทำไม?” ...คุณอัจฉราเป็นใครนั้นผมไม่รู้แต่พออ๋อมได้ยินชื่อนี้ก็แสดงอาการเกรี้ยวกราดพร้อมกับดีดอะไรสักอย่างใส่พี่แคท...เริ่มมาก็ทักทายกันดีแล้วไหงถึงเป็นอย่างนี้ไปได้?... “ใจร้อนไม่มีเปลี่ยนเลย” “จะยั่วโมโหฉันรึถึงเอ่ยชื่อนังสารเลวนั่นออกมา?” “ฟังกันก่อนได้มั้ย?...คุณอัจฉราน่ะ...” “ไรห์!!” “โอ๊ะ!!” (ได้ยินปุ๊บนิ้วขยับปั๊บแต่พี่แคทก็ยังรับได้อีกครั้ง...นั่นมันลูกแก้วสำหรับที่เด็กๆเค้าดีดเล่นกันไม่ใช่เรอะ!?) “ฉันจะถือว่าเธอจงใจอยากมีเรื่องหากยังไม่เลิกเรียกชื่อยัยนั่น” “งั้นพี่ไม่ยุ่งด้วยแล้ว...อุตส่าห์หวังดีแต่กลับจะต้องมาเจ็บตัว” “รับรองได้เจ็บสมพรปากแน่และจะไม่ใช่ลูกแก้ว...ที่จริงฉันจะขอบใจเธอกับหยาดฝนที่ช่วยดูแลบอล...เป็นอย่างดีแต่คิดอีกทีเปลี่ยนใจดีกว่า” “ไม่ต้องหรอกจ้ะ...พี่ไม่ได้ทำอะไร” “ไม่ได้ทำแล้วทำไมบอลถึงเกรงใจเธอนัก?...ถ้าไม่วางท่าข่มขู่เขาล่ะก็จะไม่เกิดขึ้นแน่” “ขอย้ำตรงนี้เลยว่าพี่ไม่เคยทำ” “จะทำหรือไม่เดี๋ยวก็รู้...ตาเฒ่าอยู่ข้างในใช่มั้ย?” “...คุณตายังไม่มา” “ชักช้ายืดยาดอีกแล้วตาแก่เอ๊ย!!” “อ๋อมหยุดเสียมารยาทกับคุณตา...ท่านไม่ใช่เพื่อนเล่นนะ” “ฮึ!!...ฉันก็เรียกแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรไม่เห็นตาเฒ่าจะว่าอะไร...โทษทีว่ะ!...ฉันไม่ดัดจริตชอบใช้ภาษาดอกไม้อย่างพวกหล่อน” ...พี่แคทที่ใครหลายๆคนให้ความยำเกรงแต่อ๋อมคงเป็นข้อยกเว้น...ถึงขนาดเรียกคนๆนั้นว่า “ตาเฒ่า” มันก็ชี้ชัดในตัวได้ดีอยู่แล้วนับประสาอะไรกับพี่แคทหรือคนอื่นๆที่จะไม่อยู่ในสายตา... “เสียเวลาเปล่าจริงๆ...ถ้ายังไม่มางั้นฉันพาบอลไปเที่ยวบ้านใต้ก่อนล่ะกัน” “แต่ผม...” “รอมาได้เกือบสิบปีจะรออีกหน่อยไม่ได้หรือไงห๊ะ?” “น้องอ๋อมนั่นแหละที่รอไม่ได้” “อ๋า!!” “นี่เป็นเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิตของบอล...พี่ว่าอ๋อมสมควรจะนั่งรออยู่เฉยๆดีกว่าเที่ยวลากใครไปโน่นมานี่ตามใจตัว” “เฮอะ...เฮอะๆ” “................................................” “วันนี้ถือเป็นวันดีฉันจึงไม่อยากต่อปากต่อคำหรือต้องการจะมีเรื่องมีราวกับใคร...แล้วไปเถอะ” “แต่ถ้าอ๋อมยังดึงดันจะพาบอลไปจากบ้านหลังนี้...พี่ว่า...มันคงจะแล้วกันไปไม่ได้หรอกนะ” “พูดอย่างนี้แสดงว่ายมทูตหนีขุมนรกคิดจะมีเรื่องกับนางพญาเสือให้ได้หรืออย่างไร?...สุรีย์พรรณ” ...เอาแล้วสิต่างฝ่ายต่างสบตามองหน้ากันแต่ประทานโทษเหอะได้ถามผมสักคำรึยังว่าจะอยู่นี่หรือจะไป!?...โธ่~~...คนนี้พี่สาวคนนั้นก็พี่สาว...น่าปวดหัวเหลือเกิน!!!... “?” “................................................” “................................................” “พี่แคท...อ๋อม” (อะไร?...ทั้งสองคนเอาแต่จ้องหน้ากันโดยที่ไม่พูดหรือแม้จะขยับตัวสักนิดเดียว) ...เวลาผ่านไปเกือบสิบนาทีแต่พี่แคทกับอ๋อมก็ไม่มีทีท่าจะเลิกมองหน้าซึ่งกันซึ่งกันอีกทั้งร่างกายยังนิ่งสนิทราวกับหุ่น...ที่จะมีขยับก็คือผมของพี่แคทและชายผ้าคลุมของอ๋อมเมื่อยามต้องลมเท่านั้น... “โฮ่~~...คู่นี้อีกแล้วเหรอ?” “ฝน” “ได้ยินเสียงคนเถียงกันเลยออกมาดู...เดาไม่ผิด” “จะตีกันมั้ยนั่น?” “คงไม่หรอก...มีวิธีอื่นที่นอกจากการใช้กำลังตัดสินเยอะแยะไปน่ะ...อืมแต่ว่า...” “อะไร?” “แบบนี้อาจจะครึ่งชั่วโมงขึ้นไป” “ตั้งครึ่งชั่วโมงเชียว!!” ...วิธีที่พวกเธอแสดงออกมาให้ผมเห็นในขณะนี้ช่างสุดยอดมาก...มันเป็นการวัดสมาธิและความนิ่งว่าใครจะมีมากกว่ากันสินะ?... (ให้ยืนนิ่งเหมือนรูปปั้นแบบนั้นเป็นเราล่ะเมื่อยตาย!!!) “ตั้งแต่เด็กแล้วที่เจ๊สองคนนี่ชอบมีเรื่องกระทบกระทั่งกันบ่อยๆแต่ใช่ว่าจะจบลงด้วยการต่อยเตะเสมอไป...ใช่ๆๆ...เคยไปว่ายน้ำแข่งกันด้วยนา--” “เหรอ?” “ว่ายข้ามแม่น้ำไปกลับเชียวแหละ” “อ๋อ~~...เฮ้ย!?” “พูดจริงๆนะแข่งกันหลายครั้งแล้ว...แม่น้ำน่านที่อุตรดิตถ์น่ะ” ...นี่สองพี่สาวของผมจะบ้าบิ่นเกินไปหรือเปล่า?...ถ้าพลาดขึ้นมาก็จมน้ำตายเอาง่ายๆเลยนะ!!!!... “แต่ส่วนใหญ่พี่อ๋อมจะชนะเพราะเธอว่ายน้ำเก่งที่สุดในหมู่พวกเรา” “เก่งอย่างเดียวไม่พอ...ใจต้องกล้าด้วย” “แฮ่ม!...มีอะไรกันน่ะจ๊ะ?” (ได้ผล...พอป้าเอ็มส่งเสริมกระแอมทั้งสองสาวก็เลิกจ้องตากันทันที) “...เปล่าแม่...ฉันแค่อยากจะขอบคุณสุรีย์พรรณเท่านั้นเอง...ฉันรู้สึกซาบซึ้งมากๆที่ทั้งสุรีย์พรรณและหยาดฝนต่างช่วยกันดูแลว่าที่สามีในอนาคตจนมาถึงทุกวันนี้” “จะเอามาเป็นบุญคุณกันได้อย่างไรคะพูดเกินไปแล้วแต่ฝนว่าพี่อ๋อมจะรีบร้อนไปหน่อยมั้ย?” “รีบร้อน?” “เพราะคนรักของบอลก็จะมาที่นี่ด้วยล่ะ” “...หมายถึงสองพี่น้องวิชานาถ?” “เอ่อไม่...กุนไม่ได้มา” “เหมาะเลยเพราะฉันก็อยากเจอหน้าพวกนังแมวขโมยนั่น!!!...จะเฉดหัวไล่ให้มุดลงใต้ดินไปซะอย่าได้มายุ่งกับบอลอีกและก็...” “....................................................” “ถ้ามีใครขวางฉันจะไม่ปล่อยมันด้วย” ...อ๋อมปรายตาไปทางพี่แคทแล้วก็พูด...แสดงว่าเธอรู้ตื้นลึกหนาบางของทุกๆคนรอบตัวผมเป็นอย่างดีชนิดที่ไม่ต้องสืบหรือก็คือใครแสดงออกกับผมอย่างไรบ้างนั้นไม่มีเล็ดรอดสายตาของอ๋อมไปได้... “ไงหลานๆ” “!?” “สวัสดีค่ะคุณตาคุณยาย...สุขภาพยังแข็งแรงมากเลยนะคะ” “เออๆ...เจ้าเองนับวันก็ยิ่งสวยเฉียบขาด...เหมือนยายเขาสมัยสาวๆเลย” “ตาพูดผิดไปหน่อยนึง...หลานแคทน่ะสวยกว่าฉันอีก” “ตาจ๋า~~...ฝนมาแย้ว!!” “โอ๊ยเบาๆ...เดี๋ยวหลังมันจะเดาะเอา...เมื่อไหร่จะเลิกเหมือนแม่เจ้าสักทีเนี่ยน๊า~~” “แต่ยายว่าแบบนี้ก็ไม่เลว...หลานฝนเป็นตัวของตัวเองดี” “เฮอะ!” “วันนี้มาได้ถึงนี่แล้วรึเจ้าอ๋อม?” “เห็นแล้วยังจะถาม” “อ้าวลืมไป!...เจ้าเองก็สวยขึ้นทุกวันๆ” “ตาแก่!!...ใครอยากได้คำชมแบบเสียไม่ได้นี่กันห๊ะ?” “เออแน่ะ!?...ผู้หญิงอะไรว๊าไม่ชอบที่ชมว่าสวยแต่ดูแต่งตัวเข้าสิ?...อากาศเย็นยังจะโชว์สะดืออยู่ได้” (ชายเสื้อลอยเหนือสะดือนุ่งยีนส์ขายาวแต่งตัวแบบพวกจิ๊กโก๋...ไม่ๆ...ถ้าผู้หญิงต้องเรียกว่าจิ๊กกี๋มั้ง?) “ฉันจะแต่งตัวยังไงก็ช่างเหอะว่าแต่วันก่อนยังด่าฉันว่าระวังจะขึ้นคานอยู่เลยนี่หว่า?” “ก็ดันเล่นบ้าๆบอๆกับข้าก่อนนี่โว้ย!!” “สม!...ใครปล่อยให้งูบนหัวมันโผล่ขึ้นมาเล่า?...นี่ยายยังไม่รู้ใช่มั้ยล่ะ?” “หึๆๆ...ปล่อยเค้าไปเถอะ” “....................................................” “แล้วพ่อคนนั้น...ไม่เจอตั้งนานไม่คิดจะทักทายกันมั่งรึ?” ...ไม่ได้เห็นกันเป็นสิบปีสองผู้เฒ่าดูแก่ชราลงไปมากทีเดียว...หัวใจมันทั้งกลัวทั้งเกรงแต่ก็พยายามตีสีหน้าเรียบเฉย...ผมยกมือไหว้คุณย่าแต่อีกคนไม่ด้วยอ้างเหตุผลว่า... “ผม...ทำใจไม่ลง” “พ่อบอล” “เธอ...จะอวดดีเกินไปแล้วนะ!!” “หนวกหูน่ะสุรีย์พรรณ!!” “อ๋อมไม่เกี่ยว...บอลขอโทษคุณตาเดี๋ยวนี้!!!” “ผมทำอะไรผิดไม่ทราบ?” ...ใครจะว่าผมไร้สัมมาคารวะต่อผู้ใหญ่ก็ช่างแต่มันทำใจไม่ได้จริงๆเพราะในวันที่แม่ตกบันไดจนถึงแก่ความตายคนๆนี้ก็อยู่ด้วย...อยู่ในความทรงจำอันเลวร้ายของผมมาตลอดสิบปีนี้... “บอลขอโทษคุณตาก่อนเถอะนะ...ฝนขอร้อง” “ไม่!!” “พี่ไม่คิดเลยว่า...” “เอ้ยๆๆ!...ยังไม่รู้ความจริงแล้วจู่ๆจะให้เขามาญาติดีด้วยนี่ฉันว่ามันไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไหร่นะตาเฒ่า” “พวกเจ้าใจเย็นๆกันก่อน...อย่ารีบตีโพยตีพายไปให้เกินพอดี” “.....................................................” “.....................................................” “เอาล่ะ...งั้นที่เจ้ามาที่นี่ก็เพื่อ...” “เพื่อมารับรู้ความจริงว่าตกลงแล้ว...แม่ของผมตายด้วยสาเหตุอะไรกันแน่และใครเป็นคนทำ?” “ถ้ารู้ตัวคนร้ายล่ะ?” “ผมจะไม่มีวันยกโทษให้ตลอดชีวิตครับคุณย่า...ต่อให้มันตายกลายเป็นผีก็เถอะ” “บอล!!” “เฮ้ย!!...อย่าเข้าใกล้ว่าที่ผัวของฉันแม้สักครึ่งก้าวไม่งั้นเราได้เห็นกัน” “พูดไม่อายปาก...ฝนชักจะทนไม่ไหวแล้ว!!!” ...คิดว่าไม่ใช่พี่แคทแต่เป็นฝนต่างหากที่จะเข้าใกล้อ๋อมเพราะผมรู้ดีว่าอารมณ์ของเธอคงคุกรุ่นตั้งแต่ได้ยินประโยค “ว่าที่สามีในอนาคต” เมื่อก่อนหน้านี้...อาสนกับอานิภาที่ทีแรกยืนดูตรงประตูก็คงจะเห็นท่าไม่ค่อยดีเลยเดินออกมาสมทบ(คุมเชิง)... “เจ้าอ๋อมเจ้าฝนหยุด!!...นี่เป็นเรื่องของข้ากับเจ้าบอลเท่านั้นใครก็ห้ามมาวุ่นวาย...เข้าไปข้างใน...คนที่จะบอกความจริงทุกอย่างรออยู่แล้ว” “ฉันก็จะอยู่ด้วย...อยากรู้เหมือนกัน” “ชิ!!” “แม่เอ็มกับแม่ภาคอยดูลูกตัวเอง...อย่าปล่อยให้ตีกันหัวร้างข้างแตกล่ะ” “ลูกฝนห้ามอยู่ห่างจากแม่” “โธ่~~” “มานี่เลยเรา!...ถ้าดื้อล่ะก็แม่ตีแน่” “ฮื่ย!...รู้แล้วน่า--” “เธอมีพี่สาวที่แสนดีจริงๆ” “ผมไม่ได้ทำใจกล้าเพราะมีอ๋อมเข้าข้างนะครับ” “เรียกชื่อเฉยๆรึ?” “อ๋อมไม่ชอบให้ผมเรียกพี่หรือพูดครับกับเธอ” “เห--...พบหน้าไม่ทันไรก็สนิทกันซะแล้ว...ไม่เคยเกิดเลยนะเนี่ย” “...ผมไม่อยากจะขัดใจอ๋อม” “วันนี้...เธอทำให้พี่ผิดหวังมากแต่ถ้ารู้ความจริงแล้วล่ะก็ฉันขอสั่งให้เธอคุกเข่ากราบแทบเท้าขอขมาต่อคุณตา” “ดูพี่แคทจะมั่นอกมั่นใจเหลือเกินว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์?” “แน่นอน...พวกเราทุกคนเชื่อมั่นในตัวคุณตาอย่างไม่มีอะไรให้สงสัย” “ก็ได้!!...ผมจะทำตามที่พี่บอกถ้าตลอดสิบปีนี้ผมเข้าใจผิดเพี้ยนไปเอง” ...ห้องโถงใหญ่ของบ้านสถานที่ที่ผมเคยวิ่งเล่นและไม่ห่างออกไปก็คือบันไดขึ้นสู่ชั้นสอง...โศกนาฏกรรมและฝันร้ายของผมเริ่มต้น ณ ตรงจุดนั้นเมื่อสิบปีก่อนแต่ทว่าความจริงทุกอย่างกำลังจะได้รับการเปิดเผยขึ้นจาก “ลุงเปลี่ยน” ชายชราคนหนึ่งที่เคยเป็นอดีตคนรับใช้ในบ้านหลังนี้... ................................................................................................................................ (“เหงื่อเต็มตัวเชียวออกไปวิ่งเล่นถึงไหนมาตาหนู...แล้วนั่นอะไรจ๊ะ?” “กำไลครับ...ผมซื้อมาให้แม่” “แล้วมีให้ป้าบ้างมั้ยเอ่ย?” “...ตังค์ผมพอซื้อได้อันเดียวเองแต่เดี๋ยวจะขอแม่ไปซื้อมาให้ป้านะครับ” “แหม~~...น่ารักจังเลยหลานป้า...อื๋อ?” “อะไรหรือครับ?” “เหมือนป้าได้ยินเสียงคนเถียงกัน” “?” “เดี๋ยวก่อนแม่ภรณ์!!!...คิดให้รอบคอบอีกที” “หนูตัดสินใจดีแล้วค่ะคุณพ่อ...ในเมื่ออยู่ด้วยกันแล้วไม่มีความสุขงั้นต่างคนก็ต่างไป” “พ่อไปทางแม่ไปทางแล้วเจ้าบอลจะเป็นอย่างไรเล่า?...ที่จริงก็ไม่อยากจะยุ่งเรื่องในครอบครัวใครแต่นี่มันเกี่ยวกับหลานข้าทั้งคน” “บอลต้องอยู่กับหนูค่ะ” “พูดงี้หมายความว่าแม่ภรณ์จะ?...ไม่ได้...ห้ามพาหลานชายข้าไปนะ!!!!” “หนูก็ไม่ได้บอกว่าจะออกจากโยนกอุดรนี่คะ?...แค่จะพาบอลกลับไปบ้านพ่อกับแม่” “ไม่ได้!!...ข้าจะเลี้ยงเจ้าบอลเองส่วนแม่ภรณ์ก็ไม่ต้องไปไหนหรอก...รอให้เจ้าภพกลับมาข้าจะด่ามันให้แสบเลย” “หนูไม่เคยเห็นคุณพ่อจะทำอย่างที่พูด...อย่างไรหนูก็ไม่ใช่สะใภ้ตามที่คุณพ่อกับคุณแม่ตั้งใจไว้แต่แรกและที่ให้ภพกับหนูแต่งงานก็เพราะต้องการลบคำครหา” “ไปกันใหญ่แล้วแม่ภรณ์!!...ต่อให้เจ้าภพไม่ทำแม่ภรณ์ท้องซะก่อนข้าก็มองๆแม่ภรณ์ไว้เหมือนกัน...ไม่เชื่อไปถามตาปุยกับยายทรัพย์ดูสิว่าข้าเคยพูดไว้” “พอเถอะค่ะคุณพ่อวันนี้หนูจะไม่อดทนอีกต่อไปแล้ว!!!...ป่วยการที่จะพูดถึงอดีตที่ผ่านมา” “แม่ภรณ์ใจเย็นๆก่อนข้าขอร้อง...อ๊ะระวัง!!!!” “น้องภรณ์” “แม่!!!...แม่~~~” “ตาเถร!!!!...คุณภรณ์ตกบันไดๆ” “ใครก็ได้รีบเอารถออกเร็ว!!!!!!”) “นายท่านจะพยายามคว้ามือคุณภรณ์แล้วแต่ไม่ทันครับ...วันนั้นผมเช็ดกระจกอยู่ชั้นล่างและเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด” “หมายความว่า...หมายความว่าแม่...แม่ผม...พลัดตกลงมาเองงั้นเหรอ?” “ตอนนั้นคุณภรณ์กำลังเสียใจครับ” “แต่ที่ผมเห็นวันนั้น...คือเขา...เขายื่นมือมาข้างหน้า...ผลักแม่ผมตกบันได” “ไม่ใช่!!...ไม่เป็นความจริงเลยครับ!!!...คุณชายหกเข้าใจในตัวนายท่านผิดมาตลอด...นายท่านพยายามจะช่วยคุณภรณ์ต่างหาก...เรื่องนี้ผมขอเอาชีวิตเป็นประกันเลย!!!!” “ลุง...ลุงไม่ได้โกหกผมเพื่อเขาแน่นะ?” ...ไม่ว่าจะถามกี่ครั้งลุงเปลี่ยนก็ยืนกรานคำเดิม...มันช่างขัดแย้งโดยสิ้นเชิงจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ผมจะไม่เชื่อ...ผมร้อนรนกระวนกระวายนั่งไม่ติดลุกขึ้นยืนร้องชายชราด้วยเสียงอันดังจนอ๋อมที่อยู่ใกล้ๆเอามือตบที่บ่า... “ใจเย็นและฟังให้จบก่อน” “ผมอายุปูนนี้แล้วจะตายวันไหนยังไม่รู้แล้วจะโกหกคุณเอกคเชนทร์ให้ได้อะไรขึ้นมาหรือครับ?...เดินทางขึ้นมาจากระนองผมก็ใช้เงินของตัวเองและขอยืนยันด้วยเกียรติว่าผมไม่ได้รับค่าตอบแทนไม่ว่าจะเงินหรือสิ่งของอะไรจากใครคนใดทั้งนั้น” “...................................................” “เหตุผลที่ผมดั้นด้นมาถึงที่นี่ก็คือเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของนายท่านว่าไม่ได้เป็นผู้ที่ฆ่าคุณรัญภรณ์อย่างแน่นอน...หยุดเข้าใจผิดเสียทีเถอะครับคุณเอกคเชนทร์” “...................................................” “เวลานั้นพ่อบอลอยู่ที่หน้าบ้านกับป้า...จำได้ไหม?” “...จำได้ครับ” “ป้าก็ทันเห็นจังหวะที่แม่ภรณ์ตกลงมาข้างล่างซึ่งคุณพ่อก็ยื่นมือจะช่วยดึงแต่ไม่ทัน...พ่อบอลเข้ามาทีหลังป้าจึงเห็นแค่ตอนที่คุณพ่อยื่นมือออกมา” “ฉะนั้นบอลก็เลยเข้าใจผิดคิดว่าคุณพ่อผลักภรณ์จนตกบันไดเสียชีวิต...ในงานศพบอลชี้หน้าด่าคุณพ่อว่าเป็นฆาตกรและไม่ยอมรับฟังอะไรเลยจนกระทั่งพี่ภพพาบอลออกจากโยนกจัตุรัส...อาขอยืนยันว่าที่พี่เอ็มพูดมาเป็นความจริงทุกประโยคทุกคำ” “..................................................” “ตรงกับที่ฉันรู้มาจากทวด” “อ๋อม...เธอรู้อะไร?” “ทวดของเราศรเพชรรัตน์...ในวันที่แม่ของนายตกบันไดท่านยังมีชีวิตอยู่และก็เห็นเหตุการณ์ด้วย” “ใช่ครับ...คนที่อยู่ ณ ตรงนั้นก็มีผม,ท่านศรเพชรรัตน์,นายท่านเพียงสามคนเท่านั้น” “หนึ่งเดือนก่อนที่ทวดจะเสียท่านได้เล่าให้ฉันฟัง...บอล...ฉันไม่มีนิสัยชอบแก้ต่างให้ใครแต่ครั้งนี้มันเกี่ยวข้องกับนายฉะนั้นฉันจึงต้องพูด...ตาเฒ่าไม่ใช่คนที่ฆ่าแม่ของนาย...มันคืออุบัติเหตุ” “..................................................” “พี่พยายามบอกเธอตั้งหลายครั้งแต่เธอไม่ยอมฟัง” “แหมเจ๊!!...มันยากที่จะเปลี่ยนความคิดกันนี่คะ” “แล้วทำไม...ทำไมถึงเพิ่งมาบอก?” “ก็อย่างที่อานิภาพูดไปเมื่อกี้ไง...ตอนนั้นบอลเสียใจมากร้องให้ไม่หยุดใครจะอธิบายยังไงก็ไม่รับฟังเอาแต่ตะโกนด่าว่าคุณพ่อเป็นฆาตกร...คนเราน่ะถ้าลองไม่เปิดใจให้ใครมันก็ไร้ประโยชน์” “ใช่ค่ะคุณ...พี่ภพก็คงจะละอายใจถึงไม่พาบอลกลับมาที่นี่” “แต่ถึงวันนี้พ่อบอลโตและมีเหตุผลพอจะคิดเองได้แล้วป้าจึงตัดสินใจเชิญลุงเปลี่ยนมาเพื่อเล่าความจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมด” ...มันช่างตรงกันข้ามกับที่ผมเข้าใจอย่างสิ้นเชิงดุจพลิกผืนฟ้าคว่ำแผ่นดิน...นายท่านคนปัจจุบันไม่ใช่ฆาตกรที่ฆ่าแม่ของผมแต่มันเป็นอุบัติเหตุและนี่คือเหตุผลสำคัญที่พ่อเคยเปรยว่าทำผิดต่อแม่ไว้มาก...ผมได้แต่พูดซ้ำไปซ้ำมาว่า... “ไม่มีฆาตกร...ไม่มีฆาตกร” “ป้าก็อยู่ในรถคันที่พาแม่ภรณ์ไปโรงพยาบาลด้วย...แม่ภรณ์พูดอะไรกับพ่อบอลก่อนหมดลมนะ?” “...แม่สิ้นใจก่อนจะถึงโรง'บาล...ท่านบอกว่า...อย่าโกรธคุณปู่นะลูก” “ใช่แล้วจ้ะ” “จากนั้น...แม่เอามือลูบแก้มผมแล้วยิ้มก่อนจะหลับตาจากนั้น...ท่านก็ไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย” ...ในที่สุดเรื่องราวทั้งหมดก็เชื่อมต่อกันประดุจเชือกที่ถูกมัดรวมเป็นเส้นเดียว...น้ำตามันไหลเอ่อออกมาอย่างไม่ต้องให้สมองออกคำสั่ง...ทุกอย่างมันเป็นอย่างนี้นี่เอง... “บอลน่าสงสารจังเลย...เอ๊ะจะไปไหนเหรอ?” “ปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวดีกว่านะ” “แต่พี่แคท...ฝนกลัวบอลจะ...” “พวกเราแค่คอยดูอยู่ห่างๆก็พอแล้ว” “หึ!!...เดี๋ยวค่อยเข้าไปปลอบล่ะกัน” ............................................................................................................................ “เกือบจะสองชั่วโมงแล้ว...บอลเป็นยังไงบ้าง?” “สงบใจลงได้เยอะแต่ยังไม่พูดไม่จากับใครเลยค่ะ...ป้าเอ็มกับแม่ช่วยดูแลอยู่” “ธรรมดา...ตลอดสิบปีที่จำฝังใจแล้วจะให้มายอมรับได้ง่ายๆมันก็ใช่ที่” “แต่นับว่าโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นจากเมื่อครึ่งปีก่อน” “ช่วยขยายความหน่อยซิ” “ตอนนั้น...พี่พยายามอธิบายอยู่หลายครั้งแต่บอลไม่สนใจและยังโมโหใส่พี่ด้วย” “อย่าว่าแต่เจ๊เลยค่ะ” “ฉันก็ไม่ได้ชอบหน้าตาเฒ่าสักเท่าไหร่แต่ความจริงก็คือความจริงที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง...ตาเฒ่าน่ะทุกข์ใจมามากพอแล้ว” “สิบปีที่ถูกหลานชายแท้ๆเข้าใจผิดว่าเป็นฆาตกรสมควรจะจบสิ้นลงได้เสียทีค่ะ” “และทีนี้ขึ้นอยู่กับบอลว่าจะทำอย่างไรต่อ” “ถ้าเป็นเธอจะทำยังไง?...สุรีย์พรรณ” “ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าก้มกราบแทบเท้าขอขมาต่อคุณตา” “...เธอล่ะหยาดฝน?” “หนูก็จะทำแบบเดียวกับพี่แคท...แล้วพี่อ๋อม...” “อืม--...นั่นสินะ” ...ผมได้ยินประโยคที่สามสาวลูกพี่ลูกน้องคุยกันทั้งหมด...เมื่อครู่รับปากพี่แคทไปว่าถ้าความจริงเกี่ยวกับการตายของแม่ได้เปิดเผยว่ามันคืออุบัติเหตุที่ไม่มีใครเป็นฆาตกรก็จะ... “พ่อบอลจ๊ะ...ปู่กับย่าจะกลับแล้ว” “.....................................................” “หากมีอะไรจะพูดกับพวกท่านก็พูดซะเลยนะ...อย่าเก็บเงียบไว้” “ครับ” “...สน...คืนนี้เอ็งกับแม่ภาไปค้างที่โยนกบูรพา” “ผมทราบดีครับคุณพ่อว่าจะต้องโดนอะไรบ้าง” “งั้นฉันกับแม่ภาต้องเตรียมสุราอาหารไว้รอซะแล้ว” “ต้องงี้ซี่ยาย!!!...หือ?” “พ่อบอล” “เอาสิ...ตามที่รับปากพี่ไว้” “......................................................” “......................................................” “ยังจะรออะไรล่ะ?” “ไม่...ไม่เอาครับ” “บอลสัญญากับพี่ไว้ว่ายังไง?” “สุรีย์พรรณ...คนเขาไม่เต็มใจจะทำยังบังคับอยู่ได้” “อ๋อมเลิกเข้าข้างบอลอย่างไม่คิดชีวิตซะทีได้ไหม?” “ว่าไงนะ?” “เอาอีกแล้วลูกฉัน--” “ภาชักจะเบื่อแล้วเนี่ย” “ข้าเข้าใจ...ทุกคนไม่ต้องพูดอะไร” “ผมจะไม่ทำแบบในละครน้ำเน่าที่คลานเข่าไปกราบเท้าขอสำนึกผิดเพราะผมก็มีวิธีของผมอยู่” “พูดได้ดีมาก!!...สมกับเป็นว่าที่สามีของฉัน...ที่นี่หมดเรื่องกันแล้วสินะงั้นก็ไปโยนกทักษิณกับฉันซะที!!!” “ใจเย็นหน่อยพี่อ๋อม” “อะไรของเธอวะ?” “บ้า!!!...ป่านนี้ยังจะหยิ่งอีก” “พี่แคทฟังผมก่อน...ทุกคนด้วยครับ” ...นี่น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดเท่าที่คิดออกซึ่งก็ไม่รู้ว่าอะไรมันมาดลใจให้ผมคิดแบบนี้และผลที่จะเกิดขึ้นตามมาในภายหลังก็ยังไม่ไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนด้วย... “ผม...ผมจะขอขมาด้วยการรับสืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลวิษณุมนตรีคนต่อไปเมื่อคุณปู่กับคุณย่าและทุกๆคนเห็นว่าเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมครับ” “!!!” “พ่อบอล...นี่...นี่พูดจริงเหรอ?” “ครับคุณย่า” “สมกับเป็นหลานรักของป้าจริงๆ” “ของนิภาด้วยค่ะ” “มันใช่เรื่องที่จะพูดกันง่ายๆอย่างนี้ได้หรือ?...ทำเป็นคุยโวใหญ่โตอารมณ์พาไปอีกแล้วนะ” “เอาน่าๆเจ๊อย่าเพิ่งโวย...ดีซะอีกที่มีเป้าหมายอันแน่วแน่” “ฮะๆๆๆๆ...นี่นายอ่านใจฉันได้หรือยังไงวะ?...นี่แหละคือวิธีของฉันล่ะ” “มันเป็นแค่ลมปากหรือเปล่าไม่นานเดี๋ยวก็รู้ข้าจะคอยดู...ไปเหอะยาย” “...ดีใจอยู่ใช่มั้ยนั่น?” “ชะ...ใช่ซะที่ไหน?” “เหอๆๆ...ตาแก่ปากแข็งเอ๊ย!!...ไม่ใช่สิ...ปู่หลานปากแข็งทั้งคู่ต่างหาก...ไม่รู้จะอายกันไปทำไม?” “...รู้ทันข้าไปซะหมดเลยนะยาย” “ก็ฉันอยู่กับแกมากี่สิบปีเล่า?” “คืนนี้ฝนจะนอนที่นี่นะแม่” “รู้แล้วๆ...เดี๋ยวแม่จะพามาส่ง” “งั้นแคทจะอยู่ด้วยค่ะ” (กะแล้ว...เธอไม่ไว้ใจให้เราอยู่กับฝนหรอก) ...คุณปู่คุณย่ารวมทั้งอาสนอานิภาและพี่แคทกับฝนนั่งรถมุ่งหน้าไปโยนกบูรพาแล้วส่วนป้าเอ็มยังไม่ไปเพราะพี่เซคโทรบอกว่าจะมารับให้รออยู่ก่อน...นั่นไง... “หมั่นไส้ยัยหมอเพี้ยนนัก...เดินชูคอเชิดหน้าคิดว่าตัวเองเป็นนางพญาผู้สูงศักดิ์นักหรือไง?” “มีเรื่องดีๆอะไรบ้างจ๊ะเนี่ย?...เสียดายพี่มาช้าไปหน่อยเลยอดเป็นสักขีพยาน” “เธอไม่อยู่ด้วยมีแต่จะดีต่อทุกคนต่างหาก” “ใจร้ายจัง” “อ๋อมไปช่วยแม่ขนของหน่อย” “หา?” “เร็ว--” ...อ๋อมไม่กล้าขัดได้แต่บ่นอุบอิบขณะเดินตามป้าเอ็มเข้าไปในบ้านจากนั้นก็มีรถอีกคันหนึ่งเข้ามา...พ่อมาถึงแล้วสากับอ้อยก็มาด้วย...อยากจะคุยปรับความเข้าใจกับพวกเธอจังแต่ป้าเอ็มยังอยู่ดังนั้นคงไม่ดีแน่... (รอหาโอกาสเหมาะๆดีกว่า) “สวัสดีค่ะคุณน้า” “หนูเซคก็เพิ่งมาถึงเหรอ?” “ค่ะ...คืนนี้คุณน้าจะนอนที่ไหนคะ?” “พี่เอ็มจัดเรือนด้านหน้าให้พวกน้าพักน่ะจ้ะ” “เอ๋?...คุณน้าไปนอนที่เรือนหลังก็ได้นี่คะ” “เดินทางมาด้วยกันแต่จะให้แยกนอนกันคนล่ะที่...น้าว่ามันไม่ค่อยเหมาะหรอก” “.................................................” “ขอร้องทุกคนอย่ามองหนูด้วยสายตาหวาดระแวงอย่างนั้นเลยค่ะ...หนูน่ะไม่ได้เห็นด้วยกับคุณแม่ไปซะทุกอย่างหรอกและทุกคนที่มาที่นี่ก็ล้วนเป็นแขกของวิษณุมนตรี...ขาดเหลือสิ่งใดก็ขอให้บอกไม่ต้องเกรงใจนะคะ” ...แต่ผมจะไม่มีวันเชื่อเจ้าหล่อนเด็ดขาดเพราะคนๆนี้เป็นตัวอันตรายดังที่อ๋อมว่าไว้...โอเคเธออาจไม่รู้วิชาการต่อสู้ทว่าอิทธิพลกับอำนาจที่กุมไว้เต็มสองมือนั่นเล่า?... “เธอชื่อสาใช่ไหม?” “ค่ะ” “ฉันขอโทษเธอแทนน้องป้อมด้วย...อย่าไปถือสาเด็กคนนั้นเลยนะ” “...สาลืมไปหมดแล้ว...ไม่ได้คิดอะไรหรอกค่ะ” “งั้นฉันก็โล่งใจจ้ะ” “บอล...ลูกรู้ความจริงหมดแล้ว” “ครับ” ...มาถึงจุดนี้แม้ผมจะรู้สึกโกรธเคืองพ่อแต่ก็พยายามทำใจว่าไม่มีใครต้องการให้ลงเอยแบบนี้หรอกและมันก็ผ่านมานานมากแล้ว...อภัยได้ควรอภัยแต่อีกด้านหนึ่งก็ยังมีความเสียใจหลงเหลืออยู่ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาของปุถุชน... “ผ่านไปสิบปีเพิ่งจะสุขใจได้ก็วันนี้...พ่อดีใจมากๆนะที่ลูกยอมกลับมาที่นี่ซะที” “ผมจะต้องเสียใจไปชั่วชีวิตแน่ๆถ้ายังดื้อดึงไม่ยอมกลับบ้านเกิด...แม่กวางครับ” “จ๊ะ?” “น่าเสียดายที่กุนมาไม่ได้” “สักวันยังไงกุนก็ต้องได้มาอยู่ที่นี่ในฐานะนายหญิง...บอลสัญญากับแม่นะจะต้องทำให้ได้” “แม่อย่าเพิ่งคาดคั้นบอลเลยค่ะ...มันยังอีกนาน” “นานอะไรกัน?...สาจะมัวทำใจเย็นอยู่ไม่ได้นะ!!” “...............................................” “พี่บอลจะอยู่กี่วันคะ?” “ประมาณอาทิตย์นึงแล้วอ้อยกับป้าศรีล่ะ?” “วันที่ 3 จ้ะ...ที่ป้ามาเพราะอยากให้อ้อยรู้จักที่นี่และมาเยี่ยมเพื่อนด้วย” “ดีจริงๆครับ” (ใครจะไปรู้ว่ามาอยู่ตั้งหลายวันเผื่อมีโอกาสได้รื้อฟื้นความหลัง!?...ป้าศรีก็ไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขสักหน่อย) “ทุกท่านโปรดส่งสัมภาระให้พวกหนูถือเถอะค่ะ” “หนูสี่คนนี่เป็นฝาแฝดกันเหรอเนี่ย?” “ค่ะ...พวกหนูคือคนรับใช้ประจำบ้านหลังนี้...หากทุกท่านต้องการสิ่งใดก็เรียกใช้พวกหนูได้ทุกเวลาค่ะ” (ตอนแรกที่เราเห็นก็ตกใจเหมือนกัน...ได้ยินว่าต้นเดือนก่อนอานิภาเป็นคนพาแม่หนูสี่พี่น้องนี่เข้ามาทำงาน) ...ทุกคนพากันเข้าบ้านเพื่อพักผ่อนหลังจากเดินทางกันมาไกลส่วนผมยังไม่อยู่ข้างนอกฝ่ายพี่เซคเดินมาดักหน้าพลางยิ้มที่มุมปากเชิดหน้ากับมองด้วยหางตาตามด้วยเอ่ยประโยคเสียดสีแสบๆคันๆในสไตล์ของตัวเธอ... “สาวน้อยสาวใหญ่อุตส่าห์เดินทางตั้งไกลมาถึงนี่ทำไมไม่ตามไปดูแลให้สมกับความคิดถึงล่ะไอ้น้องชาย?...แค่คุยกันไม่ผิดเงื่อนไขหรอกจ้ะ...เอ--...รึว่าแอบนัดแนะกันไว้ก่อนแล้วเลยแกล้งวางฟอร์มทำเป็นเฉย?” (อย่า...อย่าไปต่อปากต่อคำด้วย...ก็รู้ๆว่าพี่เซคจงใจพูดจายั่วยุแล้วเราจะไปตกหลุมพรางของหล่อนทำไม?) “ไม่มีใครสั่งสอนหรือไงว่าเวลาผู้ใหญ่พูดด้วยจะต้องทำอย่างไร?...โอ้ใช่ๆๆๆ...ดูท่าต่อมละอายใจของแกคงจะเริ่มทำงานแล้ว” “อย่ามาใกล้ผม!!” “รังเกียจฉันมากนักรึ?” “ที่สุดในโลก...ไม่มีผู้หญิงคนไหนน่าขยะแขยงเท่าพี่อีกแล้วครับ!!!” “แกว่าฉันน่าขยะแขยงแล้วไอ้คนที่แย่งเมียพ่อตัวเองนี่มันสมควรเรียกว่าอะไรห๊ะ?” “................................................” “หึๆ...ทำหน้าแค้นเคืองอย่างนั้นฉันชอบจังเลย...น่ารักดี” “ยัยซกมกแอบจิต!!!...ฉันแค่ลับตาไปเดี๋ยวเดียวหล่อนมาข่มขู่อะไรบอล?” “แบบนี้นี่เอง--...เจ้าน้องชายคนดีของเธอถึงได้กล้าว่าฉันน่าขยะแขยงเพราะมีเธอเป็นเกราะกำบัง” “ก็เธอมันน่าขยะแขยงจริงๆ” “อ๋อม...ช่วยบอกฉันหน่อยเถอะว่าทำไมเธอถึงด่าพี่เซคเป็นยัยซกมกแอบจิต?” “ได้...ก็ยัยหมอเพี้ยนนี่น่ะเวลาออกไหนมาไหนมันไม่ค่อยจะสวมยกทรง...นายว่าเป็นผู้หญิงที่ซกมกมั้ย?” “โอ้โฮผู้หญิงอะไรเนี่ยฉันไม่เคยพบเคยเห็น!?” “แล้วที่แอบจิตคือที่ไม่ใส่ยกทรงก็เพราะอยากจะโชว์คนอื่นไง” “................................................” ...สะใจนักโดนซะมั่ง!!!...ที่แท้พี่เซคก็มีรสนิยมชอบโชว์นี่เอง...ทีนี้จะว่าไงต่อล่ะ?... “เถียงเซ่!!” “ไม่ละ” (ฮ่าๆๆๆ...แก้ตัวไม่ขึ้นเลยยอมรับสารภาพเสียงอ่อยเรอะ?) “แต่ฉันก็ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนเหมือนน้องชายเธอที่มีงานอดิเรกเป็นชู้กับเมียชาวบ้าน...ซ้ำร้ายยังเป็นเมียพ่อตัวเองเสียด้วย” “แล้วไง?...ในเมื่อนังพวกแพศยานั่นเงี่ยนแบหีให้ล่อเองช่วยไม่ได้...บอลไม่ใช่รูปปั้นนี่หว่า!!” (อื้อหือ?...ปากกล้าเหลือเกินพี่สาวเราคนนี้) “เข้าข้างมัน?...ฮึ!...ลงอีหรอบนี้เธอก็คิดจะทอดร่างให้มันเชยชมด้วยสินะ?” “ฉันจะบำเรอกามให้บอลอย่างถึงใจเชียว” “อ๋อมเอ๊ยอ๋อม~~...เธอนี่ไม่สำเหนียกถึงความร้ายกาจของไอ้บ้ากามตัวนี้ซะ...อึ๊!!” “ปากดีนัก!...ถึงจะมีแม่คนเดียวกันแต่ถ้า...เชอะ!!” ...อ๋อมฉุนโกรธที่พี่เซคด่าผมเลยพุ่งเข้าไปจับคางแต่แล้วก็มีผู้หญิงคนหนึ่งพุ่งฝ่ามือมาที่อ๋อมๆจึงรีบปล่อยมือและกางมืออีกข้างรับ...หญิงสาวคนนั้นเป็นฝ่ายโถมเข้ามาโจมตีแต่กลับต้องผงะถอยไม่เป็นกระบวนแสดงว่าอ๋อมมีพละกำลังที่เหนือกว่า... “นึกว่าใคร?...ที่แท้ก็ลูกสมุนของยัยตาต้อกระจก” “ไหมหยุดมือ...ถือว่าฉันผิดก็ได้...ขอให้ยุติแค่นี้เถอะ” “จะง่ายไปหรือเปล่า?...อยากให้หยุดก็ขอโทษทั้งฉันและบอลสิวะ!!” “ฉันขอโทษพวกเธอแน่แต่ขอเป็นในงานเลี้ยงตอนเย็นพรุ่งนี้นะ” “ทำไมต้องเป็นในงานเลี้ยง?...อ้อจริงด้วยๆ!!!...มีเรื่องสนุกรออยู่นี่นา” “รับรองฉันจะเตรียมพร้อมเพื่อเธออย่างเต็มที่เลย” “กติกาเหมือนทุกครั้ง...คนแพ้จะต้องยอมรับทุกคำสั่งของผู้ชนะทุกอย่างนะโว้ย!!” ...จากนั้นพี่เซคกับหญิงสาวผู้ติดตามเดินไปขึ้นรถแล้วออกไปจากบ้าน...ในงานพรุ่งนี้อ๋อมกับพี่เซคมีนัดหมายจะทำอะไรกันนะ?... (แต่มันจะต้องไม่ธรรมดาแน่ๆเพราะอ๋อมที่กำลังโมโหพอได้ยินก็หยุดมือยอมเลิกทันที!?) “บอล” “สาเองเหรอ?” “คือ...” “เฮ่ยหล่อน!!” “?” ...พอดีอ๋อมเหลือบมาเห็นเข้าจึงร้องถามก่อนจะเดินฉับๆไปใกล้แล้วจับคางสาให้เงยขึ้น...ผมเห็นแบบนี้ก็ชักใจคอไม่สู้ดี... “อยู่นิ่งๆ!!” “คุณจะทำอะไร?” “หน้าตาก็ไม่เลวนี่แต่สงสัยลีลาคงจะจืดชืด...น้องชายฉันถึงได้เบื่อ” “พูดอะไรของคุณ?” “ท่าทางก็พอจะมีแววฉลาดไม่น่าถามโง่ๆ” “คุณ!!!” “เธอน่ะรึสาวิตรี?...ผู้หญิงที่น้องชายของฉันคว้ามาทำเมียด้วยเพราะความหน้ามืดตามัวเพียงชั่วขณะหนึ่ง” “นะ...หน้ามืดตามัว?” “ใช่...แต่ปัจจุบันไม่ใช่เพราะเรื่องของเธอกับบอลกลายเป็นอดีตไปแล้ว...ต่อไปอย่ามายุ่งกับเขาอีก!!!” “ตกลงคุณเป็นใครกันแน่?...พบครั้งแรกก็ว่ากันสาดเสียเทเสีย...มันจะไม่เกินไปหน่อยหรือ?” “โฮ่ย!!...อย่างนี้รึจะมาเป็นน้องสะใภ้ของฉันน่ะ?...น่าหัวเราะให้ฟันหัก!!!” “สีผมคุณ...เหมือนเด็กผู้หญิงชื่อป้อม?” “หล่อนจำใส่กระโหลกไว้ให้ดี...ฉันเป็นพี่สาวของป้อมและก็เป็นลูกพี่ลูกน้องของบอลด้วย!!” “พี่สาคะ...ป้ากวางให้มาตามไปกินข้าว...” “ใครอีกวะ?” (อูยตาย~~...จะออกมาทำไมตอนนี้ล่ะน้องเอ๋ย!?) “รึว่าเธอก็คืออ้อย?” “...ใช่ค่ะ” “ฮื่อ~~...คนที่ป้อมเกลียดชังที่สุดเรอะ?...ฉันเคยเห็นแต่รูปถ่ายในสมุดบันทึกของยัยซกมกแอบจิต...ดีมาก--...ยกโขยงกันมาพร้อมหน้าทั้งรุ่นแม่รุ่นลูกเชียวนะ...ดีมาก!!” (อ๋อมกระแทกเสียงดังขึ้นแถมมองอ้อยตาเขม็งแบบนี้...ไม่ได้การแล้ว!!!) “พอเถอะอ๋อม!!...สาพาอ้อยกลับเข้าบ้านก่อนแล้วบอลจะอธิบายทุกอย่างให้ฟังทีหลัง” “นี่!...จะลากฉันไปไหน?...ธุระกับยัยพวกนี้ยังไม่จบ” “เอาเหอะน่า--...ตามมา!!” ...ผมตัดสินใจลากแขนออกมานอกรั้วพลางบอกให้เจ้าหล่อนกลับบ้านที่โยนกทักษิณแต่ทว่า... “ใครบอกจะกลับ?...ฉันจะนอนค้างที่นี่” “อ้าว?...ก็ไหนบอกจะพาฉันไปโยนกทักษิณ...ไปเดี๋ยวนี้เลยก็ได้แล้วฉันค่อยกลับมาคนเดียว...” “เรื่องสิ!!...นังพวกแมวขโมยยกโขยงมาเหยียบจมูกกันถึงถิ่นแล้วจะปล่อยนายไว้...เมินซะเถอะโว้ย!!!” “แล้วน้องป้อมจะว่าไง?” “วันนี้เธอค้างบ้านคนไข้ไม่กลับมาหรอก” “คนไข้อะไร?” “ช่างหัวมันก่อน!!...นายน่ะคิดจะแอบย่องไปหาพวกนังแมวขโมยตอนกลางดึกใช่มั้ย?” “ใช่ที่ไหน?...ขืนทำแบบนั้นก็ผิดเงื่อนไขของคุณย่าน่ะสิ” “จริงเร้อ?” “อีกอย่างพี่แคทกับฝนก็อยู่...ใครจะไปทำได้?” “แต่ฉันไม่ไว้ใจสองคนนั้น” “หือ?” “เพราะเป็นพวกเดียวกันฉะนั้นฉันจะค้างกับนายด้วย...ฮึ!!...นายไม่เป็นฝ่ายดอดไปหาฉันก็พอใจแล้วแต่ถ้าพวกนังแมวขโมยทะลึ่งแอบย่องมาเมื่อไหร่ฉันจะจับแก้ผ้าแล้วเอามัดขึ้นเสาประจานไว้กลางสี่แยกจัตุรัส...คอยดูเหอะ!!!!” ...แม้จะถูกใจอัธยาศัยของอ๋อมที่เป็นคนเปิดเผยจริงใจแต่อีกด้านหนึ่งของเธอนี่สิช่างน่าเป็นห่วงยิ่งนัก...สาวเจ้าหัวเสือพูดเสียงดังฟังชัดว่าคืนนี้จะคอยนอนเฝ้าผมที่ปลายเตียงจากนั้นพรุ่งนี้เช้าก็จะรีบพาผมไปยังหมู่บ้านโยนกทักษิณเพื่อพบกับ “ป้อม” หรือ “ศรโกเมน” ลูกพี่ลูกน้องของผมอีกคนหนึ่ง... ...................................................................................................................................... ...แถมท้ายด้วย... “ครั้งนี้ยอมคุณหนูสามต่อหน้าคุณเอกคเชนทร์...ดิฉันเกรงว่า...” “มันจะยิ่งได้ใจใหญ่ใช่ไหม?” “เจ้าค่ะ” “จะว่าไปอ๋อมกับป้อมก็ไม่เคยเกรงกลัวฉันมาตั้งนานแล้วนี่?...ฮึๆ...แต่คนที่จะลำพองใจยังมีอีกนะ” “...คุณเอกคเชนทร์” “อยู่ที่นี่คงจะเล่นมันยากหน่อยเพราะมีนางเสือสองตัวเป็นกำลังหนุนแต่...มันก็เท่านั้นแหละ” “คุณหนูใหญ่จะทำเช่นไรเจ้าคะ?” “ฉันคิดแผนดีๆได้ตั้งหลายอย่างแต่ช่างมันก่อน...พรุ่งนี้มีนัดดวลกับอ๋อมในงานเลี้ยง...แค่คิดก็ตื่นเต้นสุดๆแล้ว” “................................................” “โอ๊ะ!?...ฉันนึกแผนเด็ดๆได้อีกแล้วล่ะไหม!!” “?” “ทีนี้หนทางแห่งความสำเร็จที่มีอยู่เพียงน้อยนิดของเจ้าเอกคเชนทร์ก็จะถูกปิดตายอย่างสมบูรณ์ชนิดที่สองนางเสือหรือใครๆก็ต้องหมดท่า!!!!” “ขอแสดงความยินดีด้วยเจ้าค่ะ” “ฮิๆๆ...ฉันนี่ช่างเหมาะต่อการรับบทเป็นจอมบงการผู้ชั่วร้ายซะจริงๆเลยน๊า~~” ............................................................................................................................................. ...ตัวอย่างในตอนหน้า... “แค่บอลกลับมาวันแรกก็หวุดหวิดจะเสร็จพี่อ๋อมซะแล้ว...นี่มันผิดกับที่แม่พูดนี่นา!!” “ฮื่อ~~...อ๋อมนี่ก็เหลือเกินเลยแต่อย่างว่าแหละ...ถ้าทำเหมือนคนปกติทั่วไปก็ไม่ใช่เธอน่ะสิ” “โอกาสน่าจะมาถึงเร็วกว่าที่คิดไว้จ้ะแม่...ในงานเลี้ยงคืนนี้ไง!!!” ...................................................... “เธอคือเด็กผู้หญิงที่ฉันเคยเจอที่ปากทางเข้าบ้านหลังนั้น!?” “ดีใจจังเลยค่ะที่จำหนูได้!!!...หนูเฝ้ารอมานานแสนนานในที่สุดก็ถึงวันที่จะได้เรียกว่าพี่ชายอย่างเต็มปากซะที” “พี่ไม่อยากจะเชื่อจริงๆว่าเธอคือป้อม...เธอคือน้องสาวของพี่หรือเนี่ย?” ...................................................... “แม่...ฉันรู้แล้วว่าใครคือนังแมวขโมยตัวใหญ่ซึ่งมันอยู่ใกล้บอลมากเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด” “เสียดายที่เมื่อคืนทำไม่สำเร็จเพราะหนูฝนมาขัดจังหวะ...เอ๋?...ลูกอ๋อมคงไม่ได้หมายถึง...” “สองพี่น้องวิชานาถถูกแทงข้างหลังอย่างเลือดเย็น...ยัยนี่มันหน้าเนื้อใจเสือเชื่อถือไม่ได้!!!” ......................................................................................................................... ...เตรียมนับถอยหลังรอกันได้ว่าบอลจะตกเป็น “เหยื่อ” อันโอชะของสาวเจ้าคนใด?...

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น