AEl5Nk.gif AEl5Nk.gif


เหตุเกิดที่โรงแรมblPdyV.gif
โดย Tom Mm

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
29/07/66

เต้ยกับพี่ติ่ง blPdyV.gif
โดย ตฤษณา

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

ผิดที่เมย์เองเลยโดนจับขึงพืดblPdyV.gif
โดย Uratarou

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

ฝึกงานที่บริษัทขายหมู่บ้านจัดสรรblPdyV.gif
โดย 子翔吳

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

พ่อเลี้ยงของหนู EP1blPdyV.gif
โดย Ken Ken

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

วันพุธที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ตราบเท่าที่ยังมีชีวิต ตอนที่ 71

ตราบเท่าที่ยังมีชีวิต ตอนที่ 71 “เทพธิดาผู้คลุ้มคลั่ง!!!!...ผีไร้ศาล!?” 

“...รู้สึกแย่ชะมัด~~...ใบหน้ายัยแก่มันยังวนเวียนอยู่ในหัวสมองผม” “ก็ลืมๆไปสิ...ไม่ต้องจำ” “มันง่ายซะเมื่อไหร่ครับ?...พี่ไม่ได้เจอแบบตั้งตัวไม่ทันอย่างผมนี่!!!” “เธอโกรธผิดคนล่ะ” “ผมก็ไม่ได้โกรธพี่แคทหรอก...พี่ม่อนทำเกินไปแล้ว!!...ผมไปทำอะไรให้เธอแค้นเคืองตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” “...ยังน้อยน่ะ” “นี่เรอ
ะน้อย?” “ใช่...เวลานี้น้องม่อนยังเอ็นดูเธออยู่” “............................................” ...เอ็นดูบ้าบออะไรเล่นซะผมอ้วกแตกหมดฟอร์มไม่เป็นท่าเลย!?...สวมหน้ากากหญิงแก่แต่เสือกใส่ชุดนักศึกษากระโปรงสั้นจู๋เสียฉิบ!!!...มีแต่คนสติไม่ดีเท่านั้นที่จะทำ... (แต่จะว่าไปแล้วก็ไม่ได้เลวร้ายไปซะทุกอย่างนะเพราะขาพี่ม่อนน่ะทั้งเรียวยาวและขาวสวยไม่เบาเชียว...เอ้ย!?...ใจอ่อนอีกแล้วนะโว้ย!!!) “ม่อนเธอรูปร่างดีนะ...ว่ามั้ย?” “...นั่นใช่ของจริงหรือ?” “อื้อ!!...นอกจากหน้ากากแล้วที่อื่นของแท้แน่นอน” “เชอะ!!” “...กลับบ้านเถอะ” “ผมขอล้างปากอีกหน่อย” “............................................” “ลำธารที่นี่แปลกนะครับ?” “ยังไง?” “ก็มันไหลผ่านผิวถนนเลย” “ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน?...ที่อื่นก็มีเยอะแยะ” “ผมไม่เคยเห็น” “...เติบโตมาในเมืองก็อย่างนี้แหละ” “อา--...เย็นสดชื่นดีจัง” “แต่เมื่อกี้...เธอไม่ควรจะเอาเท้ากระทืบชมพู่ลูกนั้น” “ก็มันน่าโมโหที่สุด!!!...เอาของกินมาขว้างปาใส่กันแล้วยังมาทำเป็นสั่งสอนให้ผมรู้จักคุณค่า...ถ้าเป็นพี่จะทำยังไง?” “พี่รึ?” “คงจะไม่บอกว่าเก็บขึ้นมาเช็ดๆแล้วก็ยัดใส่ปากหรอกนะ?” “ใช่” “ห๊า?” “พี่จะเอาไปล้างน้ำให้สะอาดก่อนกิน” “บ้า...บ้าไปแล้ว!!” “ตอนเด็กพี่เคยทำ...จะบ้าอะไร?” “เอ๋?” “เดิมทีน่ะพี่ไม่ได้สนิทกับม่อนหรอกนะและออกจะเป็นคนแปลกหน้ากันด้วย...นานๆก็จะเจอหน้าสักครั้ง” ...เพื่อให้ผมหายสงสัยพี่แคทจึงเปิดปากเล่าให้ฟังถึงเศษเสี้ยวหนึ่งของความทรงจำในวัยเยาว์เมื่อครั้งตอนเธออายุ 5 ขวบเศษ... “นั่นเพราะน้องม่อนเป็นคนเก็บตัวไม่ชอบคบหาใคร” “งั้นก็เหมือนพี่น่ะสิ” “ฉันยังเทียบไม่ติด” “อื้อฮือ~~” “วันนั้น...พี่หนีไปเล่นนอกบ้านเพราะเบื่อเลี้ยงฝน” “ฮะฮ่าๆๆ” “หัวเราะอะไรหึ?” “นี่พี่แคทก็รู้จักเบื่อเลี้ยงน้องเหมือนกันแฮะ” “นั่นมันตอนเด็กยังไงก็ต้องมีกันบ้างน่า--...ฟังเงียบๆ!!” (แล้วมาทำเสียงดุใส่เราซะงั้น?) “พี่เดินเรื่อยมาจนถึงป่าด้านหลังหมู่บ้านโยนกบูรพาซึ่งทีแรกก็ไม่รู้ว่าม่อนชอบอยู่ที่นั่น” “.............................................” “อืม--...พี่หลงเดินเข้าไปโดยไม่รู้อะไรจนมาถึงต้นส้มเขียวหวานที่ออกผลเต็มต้นไปหมด...น่ากินมากเลยล่ะแต่ก่อนที่พี่จะเอื้อมมือไปปลิด...” (“หยุดนะเธอ!!...นี่เป็นส้มของม่อน” “ใครน่ะ?...โอ้ย!!!” “เซ่อจริง--...ฉันอยู่บนนี้!!” “แกล้งฉันเรอะ?” “ฮะๆ” “เอ๊ะเธอ?...น้องม่อนลูกป้าเอ็ม” “.............................................” “ถือดียังไง?...ฉันโตกว่าเธอนะ!!!” “โตกว่าแล้วไง?” “เธอก็ต้องเคารพฉันสิแล้วไม่เอาของกินมาปาหัวกันแบบนี้ด้วย!!” “เพราะเธอเข้ามาในเขตของม่อน” “เขตของเธอมันแค่ไหน?” “จากตรงโน้น...ไปถึงตรงนั้น” “บ้า!!...พูดเอาแต่ได้” “ว่าไงนะ!!!” “ว๊าย!?”) “พี่ม่อนทำอะไรหรือครับพี่แคทถึงร้อง?” “ก็...ไม่มีอะไร...คือเธอโมโหที่พี่พลั้งปากว่าพูดเอาแต่ได้” “แล้ว...ต่อจากนั้น” “จะเล่าต่อนี่ไง” (“...ช่างเถอะ” “...นั่น...สุริยะ...สุริยะ” “สุริยะโลหิต” “เธอควบคุมมันได้เหรอ?” “ไม่เห็นจะยากตรงไหนสักนิด” “..............................................” “ม่อนทำได้ตามใจเลยละ” “ตากับเสียงของเธอเปลี่ยนไป...นี่คือสุริยะโลหิตแท้จริง!!!...เก่งจัง...ฉันยังทำไม่ได้เลย” “ฮึๆๆ...อะ...เอาคืนมา...ส้มนั่นเอาคืนมานะ!!” “เธอขว้างมาก็แสดงว่าไม่เอามันแล้ว” “ใครบอก!!” “อื้อ!...หวานอมเปรี้ยวดี...อร่อยจัง” “เธอ...กินเข้าไปแล้ว!!” “ทิ้งไปก็เสียดายแย่” “...เธอไม่ทิ้งส้มที่ม่อนขว้างแต่กินมัน” “?” “งั้น...งั้น” “อะไรของเธอน่ะ?” “คือ...เอ่อ--...คือ...” “ก็พูดมาซี่!!” “มะ...ม่อนยกให้...พี่...พี่...พี่แคทสมกับเป็นพี่สาวของม่อน”) “เฮ่!!!...อะไรกันครับ?” “วันนั้นพี่ได้ส้มกลับบ้านเต็มตะกร้า” “ไม่ใช่!!...ที่ผมจะถามคือพี่ม่อนไม่ได้หวงส้มหรอกเหรอ?” “เปล่าเลย...ม่อนดีใจมากที่พี่กินส้มลูกนั้นและต่อจากนั้นเราสองคนก็เริ่มสนิทสนมกันมากกว่าเดิมด้วยนะ” “ผมงง” “สรุปคือพี่อดคิดไม่ได้ว่าถ้าเมื่อกี้บอลกินชมพูลูกนั้นบางทีม่อนคงจะรู้สึกยินดีเช่นกัน...ไม่แน่...เธออาจยอมถอดหน้ากากให้บอลเห็นใบหน้าแท้จริงก็ได้” “...ไม่อยากเห็น...แล้วผมว่ายังไงพี่ม่อนก็คงจะไม่งามไปกว่าพี่แคทหรอก” “อะไรนะ?” “เพราะผมคิดว่าพี่แคทสวยเป็นที่หนึ่ง” “ลามปามรึ?” “อย่า...อย่าตุ๊ยท้องผมนะ!!...ไม่มีอะไรจะออกมาแล้ว” ...ถึงจะเดินตามหลังและไม่เห็นว่าพี่แคทรู้สึกเขินหรือเปล่าแต่เชื่อว่าเธอคงแอบดีใจมั่งล่ะเพราะขึ้นชื่อผู้หญิงยังไงก็ต้องชอบละเมื่อมีคนชมให้ฟังว่าตัวเองสวย... (ฮุ!?) “..............................................” (บั้นท้ายงามแท้ๆน้อพี่สาวเราคนนี้...ของจริงไม่มีฟองน้ำยัดซะด้วย) “..............................................” (ภายใต้กระโปรงจีบที่ชายบานพลิ้วนิดๆเมื่อยามต้องลมมีกางเกงชั้นในสีดำสนิทเหมือนเส้นผมของเจ้าหล่อน) “..............................................” (เห็นแค่ขอบวับๆแวมๆแต่มันก็รู้สึกซู่ซ่าดี...อูย~~...ลมได้โปรดช่วยให้พัดแรงกว่านี้อีกหน่อยสิ!!) “อุ๊บ!!” “..............................................” “ขอโทษครับ...ผมเดินไม่ระวัง” ...เวรจริง!!!...ผมเอาแต่มองบั้นท้ายสวยๆของพี่แคทเพลินเลยไม่รู้ตัวว่าเธอหยุดเดินตอนไหนจึงเข้าไปชนหลังเต็มเปา...ผมผละออกขณะที่ญาติสาวผู้พี่นั้นนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะหันกลับมามองด้วยสีหน้าอันเงียบเฉย... “ผมเปล่ามีเจตนาไม่ดีนะครับ” “.............................................” “พี่...พี่แคท” “ยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ” “ก็...” “มัวมองอะไรล่ะถึงเดินไม่ระวัง?” “...เปล่า” “โกหก...พี่ว่าสิ่งนั้นคงจะสวยหรือไม่ก็...เซ็กส์ซี่น่าหลงใหลเสียจนเธอไม่อาจละสายตามองไปได้...สินะ?” “นี่พี่แคทรู้อยู่แล้ว?...หนอยแน่~~...อัจฉริยะจริงจริ๊ง!!” “เงียบไปเลยนะ!!...จ้องมองก้นฉันอย่างไม่เกรงอกเกรงใจแล้วยังจะมาโวย...ไม่เอาเรื่องก็ดีเท่าไหร่แล้ว” “ครับๆ...ผมต้องกราบขอประทานอภัยอย่างสูงคร้าบ~~” “เดี๋ยวเถอะ!...หือ?” “.............................................” “อะไรของเธออีก?” “ผม...ผมของพี่หอมจัง” “...เชย...มุขจีบสาวของเธอนี่มันเชยจริงๆ” “มุขจีบอะไรครับ?...ผมไม่เคยใช้” “แล้วก็เอามาใช้กับพี่เนี่ยนะ?” “ก็บอกว่าไม่เคยใช้” “............................................” “ผมอยากกลับไปที่กระท่อมนั่นอีก” “...กลับไปทำไม?” “ก็...” “อยากดู...อีกเหรอ?” “มะ...ไม่ใช่...ผมมีอะไรจะบอก” “งั้นบอกตรงนี้เลย” “มันไม่ค่อยสะดวก” “แล้วบอกไม่ใช่...ตาคนลามกนี่” “จริงๆ...ผมจะบอกว่ามีอย่างอื่นที่นอกไปจากนั้น” “อะไร?” “พี่แคทว่ามุขจีบสาวของผมเชย...งั้นผมจะพิสูจน์ให้เห็นว่าที่แท้มันไม่ได้เชย” “หัดรู้จักละอายใจซะมั่ง!!!” “!?” ...บรรยากาศกำลังไปได้สวยแต่ไหงถึงพังครืนไม่เป็นท่าแบบนี้?...พี่แคทที่ตอนแรกดูจะอารมณ์ดีและมีรอยยิ้มที่มุมปากจู่ๆก็แสดงอาการโมโหฉุนเฉียวสะบัดหน้าเดินลิ่วไปเลยถามว่าโกรธอะไรก็ไม่ตอบ... (รับมือยากจริงๆญาติสาวผู้พี่ของเราคนนี้...เอาใจไม่ถูกแล้ว) “ผมขอโทษครับที่พูดจาอะไรไม่สมควร” “............................................” “พี่” “ฉันพูดได้เลยว่าต่อให้เธอหมอบกราบแทบพื้นก็ยังไม่สาสมกับความผิด” “ขนาดนั้นเชียว?” “ยังจะมีหน้ามาย้อนถาม!!” (หุบปากดีกว่ามั้งเรา...ขืนยังพูดมากอีกเดี๋ยวคงได้มีกำปั้นลอยมาเข้าเบ้าตา) “นั่นเสียงอะไรครับ?” “...นี่มัน” “เข้าไปดูกันเถอะ” “เดี๋ยว!!!” “!?” “...นึกแล้ว” “เฮ่ย!!” ...ไอ้ลูกกลมๆสีเงินขนาดเท่าปลายนิ้วก้อยนี่มันคืออะไรกันแน่?...เจ้าวัตถุนี้พุ่งวาบอยู่ในอากาศด้วยความเร็วก่อนฝังเข้าไปในต้นไม้ซึ่งอยู่ห่างจากหัวผมประมาณแค่ไม่ถึง...ห้าเซ็น...หวุดหวิดไปแล้วไอ้เอกคเชนทร์!!!!...ตะกี้ถ้าพี่แคทไม่ยื่นแขนมาผลักล่ะก็โดนหัวเต็มเปาแถมเผลอๆอาจเข้าตากลายเป็น “ไอ้คุณชายหกบอดเดี่ยว” ไปเรียบร้อย!?... “พวกเธอทำอะไรกัน!!!” “สุรีย์พรรณ...เธอก็จะมาสะสางต่อจากเมื่อคืนด้วยเรอะ?” “พี่แคทอย่ามายุ่งเรื่องของฝนนะ!!” “ฝน...นั่น” ...ตาดำสองข้างของฝนเปลี่ยนเป็นสีแดง!?...ได้ยินมาว่าทั้งเธอและพี่แคทจะใช้ความโกรธที่รุนแรงเพื่อเป็นเชื้อปะทุในการเกิดภาวะสุริยะโลหิต...นี่เป็นภาพที่ผมไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นที่เด็กสาวขี้เล่นน่ารักอารมณ์ดีอย่างฝนจะระเบิดความโกรธจนแสดงออกมาเป็น “ตะวันเลือด” ที่ให้เลือกได้ก็ไม่อยากจะเห็นมัน... “อ๋อม...หยุดยั่วยุฝนเดี๋ยวนี้!!” “ฉันยั่วยุตรงไหนวะ?” “ก็ที่เธอไม่หยุดสู้ทั้งๆที่ฝนเข้าถึงสุริยะโลหิตแล้วน่ะสิ” “เรื่องอะไรจะหยุดในเมื่อฉันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าและ...” “...............................................” “ฉันเป็นฝ่ายได้เปรียบอยู่” “พี่แคท...ที่ขาของฝนมีเลือดไหลออกมาครับ!!!” “...ดรรชนีเล็บเสือ” “ถูกต้อง...น้องสาวของเธอเนี่ยดื้อและก็เร็วชะมัดยาดฉันเลยต้องหาวิธีหยุดไง...หึ!!...ฝีมือดีจริงๆ...ฉันยิงลูกแก้วไปจนหมดก็ไม่โดนสักนิดจึงต้องใช้...ลูกเหล็ก” “บอกว่าไม่ด้อยกว่าแต่ก็ไม่ยอมใช้” “ฝน...น้องระงับความโกรธและใจเย็นก่อน” “...กำลังดูถูกฉันงั้นสิ?” “จะพูดแบบนั้นก็ไม่ผิดหรอกค่ะ...พี่อ๋อมน่ะตั้งใจ...” “ป้อม...พี่บอกให้หยุด!!” “แต่เธอจะดูถูกสิ่งที่ฉันกำลังแสดงออกมาในช่วงเวลาไม่นานต่อจากนี้...ไม่ได้” “ไม่นะฝน!!...พี่ขอร้อง” “และความบังอาจที่จะมาแย่งบอลไปจากฉัน...โทษนี้สาหัสนัก...ยกโทษไม่ได้!!!...ยกโทษไม่ได้อย่างเด็ดขาด!!!!” “พูดได้เต็มปากเต็มคำเชียวนะ...เออ!!...ยกโทษให้ไม่ได้แล้วเธอจะทำอะไรฉัน?” “ฉันเอาแกตายแน่...ศรบุษราคัม!!!!” “!!!!!!!!!!!” “แย่แล้ว!!!...ในที่สุดสุริยะโลหิตแท้จริงก็...” “โอ้ว!!...ไม่ได้เห็นนางฟ้าผู้คลุ้มคลั่งเสียนาน” “หนูขนลุกซู่ไปหมด...พี่ฝนเนี่ยยังกะปิศาจร้ายไม่ใช่นางฟ้านางสวรรค์เลยสักนิด” “...ก็ไม่ผิดล่ะนะ” “แกจะลบหลู่บาทามรณะหรืออย่างไร!!!!” ...ผมรู้จัก “สุริยะโลหิต” เป็นอย่างดีแล้วแต่นี่ตาสองข้างของผมกำลังมองเห็นอะไรอยู่?...สาวน้อยวัย 18 ที่ร่าเริงแจ่มใสได้แม้ยามอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์ใจคนนั้น...หยาดฝน...รอยยิ้มใสซื่อบริสุทธิ์ของเธออันตรธานหายไปไหนแล้วอีกอย่างแค่รู้ว่าอ๋อมกับน้องป้อมจะพาผมไปก็โกรธแค้นโมโหเป็นฟืนเป็นไฟได้ถึงขนาดนี้เชียว... “เดี๋ยวก่อน” “เธอก็จะขวางฉัน?” “ไม่...พี่จะช่วยเธออีกแรง” “สองรุมหนึ่งเรอะ?...ไม่แฟร์นะคะพี่แคท!!!” “...ฉันไม่ขัดข้อง” “อย่างนี้พี่ก็เสียเปรียบน่ะสิ?...หนูไม่เห็นด้วย!!” “ถ้าไม่มีความมั่นใจแล้วพี่จะกล้าตกลงทำไม?...ป้อมจงเชื่อใจพี่” “หนูรู้ว่าพี่เก่งพอจะสู้กับใครก็ได้...แต่...แต่มันก็ไม่ยุติธรรมอยู่ดี” “...สิ่งใดที่ได้มาอย่างยากลำบากสิ่งนั้นจะมีคุณค่ามหาศาล” (พูดประโยคนี้จบอ๋อมก็ปรายตามองมาที่เรา!?) “เธอนี่...บ้าดีเดือดกว่าที่ฉันคิด” “มันท้าทายดีออกโว้ยไอ้น้อง!!” ...จะไม่ให้พูดว่าบ้าดีเดือดได้ยังไงล่ะลองคิดดูสิ?...เจอฝนหรือพี่แคทคนใดคนหนึ่งก็นับว่าหนักหนามากพออยู่แล้วแต่นี่อ๋อมดันบ้าจี้รับคำท้า!?...คนพี่ขึ้นชื่อลือชาว่าหมัดหนักส่วนคนน้องก็เท้าไวแถมกำลังโมโหจัดแล้วอ๋อมจะเอากลยุทธ์อะไรมารับมือ?...ถ้าเล่นทีเผลอก็พอจะมีทางแต่หากสู้กันซึ่งๆหน้าผมว่าไม่นานเธอแพ้หมดท่าแน่... “พี่เองก็มีหนี้ติดค้างอ๋อมอยู่...ขอร่วมวงด้วยคนนะ” “...อย่ามาขัดแขนขัดขาฉันล่ะกัน” “ช่างเป็นพี่สาวที่แสนดีนัก” “ฉันก็แค่อยากให้เธอแพ้ไปเร็วๆเพื่อฝนจะได้หยุดคลุ้มคลั่ง” “น่าสนุกจังว่ะ” “พี่!!...ป้อมจะช่วยอีกแรง” “อยู่เฉยๆเถอะ...น้องเหมาะจะสู้แบบลอบจู่โจมไม่ใช่เผชิญหน้า” “แต่...” “อีกอย่างถ้าฉันชนะสุรีย์พรรณได้อีกคนทีนี้ก็จะหมดข้อโต้แย้งและพวกเรามีความชอบธรรมเต็มเปี่ยมที่จะพาบอลไปจากที่นี่...แม้มันจะเสี่ยงแต่ผลตอบแทนก็คุ้มค่า” “ฝันเฟื่อง...ฉันจะให้แกรู้ว่าแก...คิดผิด!!!” “ไม่ต้องมัวพูดมากนะ...สองพี่น้องเข้ามาพร้อมๆกันได้เลย!!!” “หึ!!...รับมือฉันก่อน” ...พี่แคทเปิดฉากโหมต่อยหมัดรัวใส่อ๋อมซึ่งนับว่าผิดวิสัยอันเยือกเย็นของเธอไปสักหน่อยแต่ผมเข้าใจถึงเหตุผลนั้น...พอหันไปดูอีกทางก็เห็นฝนยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหวแต่ตาจับจ้องญาติสาวผู้พี่จากโยนกทักษิณเขม็งจนผมอดที่จะขนลุกแทนไม่ได้... (ต่อให้สาวเจ้าจะสวยน่ารักมาจากไหนแต่พออยู่ในสภาพสุริยะโลหิตก็น่ากลัวไม่ชวนแลมองทุกครั้งไป) “ฮึ๊บ!!” “ฮ่าๆๆ” “กรอด!!” “เฮอะ!!!” “ไวนัก” “เฮ่ยๆ...ไม่ได้ดีแต่ไวโว้ย!!” “ฮึ่ม!!!” ...เมื่ออยู่ใกล้อ๋อมพี่แคทจะประเคนพายุหมัดใส่แต่หากอ๋อมถอยฉากออกห่างก็จะตามติดอย่างกระชั้นชิดซึ่งมันไม่ใช่ง่ายเพราะอ๋อมเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วรวดเร็วรวมทั้งมีวิธีหลบหลีกที่ไม่ธรรมดา(+ใจกล้ามาก)เช่นแค่ขยับตัวถอยหลังเพียงนิดเดียวแต่พ้นจากระยะหมัดได้หรือไม่ก็กระโดดสูงจนข้ามหัวคู่ต่อสู้... “ฮึๆ...หงุดหงิดแล้วสิ?” “ย้าก!!” “มา!!” “นางเสือบ้าตัวนี้ก็มีแรงเยอะเหมือนกันนี่” “ยอดเลย...ปักหลักดันสู้กับพี่แคทได้ด้วย” “ผู้หญิงเป็นเพศที่บอบบางแต่ไม่ใช่กับพี่แคท...พี่ชายดูเองเถอะค่ะว่าถึกขนาดไหน” (แต่เราคิดว่าพี่สาวเธอก็ไม่ต่างกันนะ) “แรง...เธอเยอะเหลือเกิน...แบบว่ายกบอลขึ้นแล้วก็ทุ่มลงพื้นได้ง่ายๆ” (อุ!!!...ดันเอาเราไปยกตัวอย่าง!?) “อย่านึกว่าจะมีแต่เธอที่แรงควายอยู่คนเดียว” “พี่ก็...ไม่คิดแบบนั้น” “เว้ย!!” (แลกหมัดกับฝ่ามือเสร็จก็มางัดแขนดันกันแต่สุดท้ายพี่แคทก็เหวี่ยงอ๋อมเซไปได้ทั้งที่ตอนแรกสาวเจ้าหัวเสือยังดันสาวเจ้าผมยาวให้ถอยหลังได้) “...สัตว์ประหลาดชัดๆ...พี่ชายมายืนกับหนูตรงนี้รับรองปลอดภัยค่ะ” “พี่ยังไม่รู้เลยว่าทะเลาะอะไรกัน?” “นี่!!” “น้องป้อม...ตีพี่ทำไม?” “พี่ชายเนี่ยนอกจากจะเนื้อหอมแล้วยังซื่อจนเรียกว่าบื้อด้วยแฮะ” “?” “เหตุผลที่ผู้หญิงทะเลาะกันมีไม่กี่อย่างหรอกนะคะ” “หมายความว่า...เพราะ...พี่เหรอ?” ...ถึงว่าสิเมื่อกี้อ๋อมพูดออกมาว่าถ้าชนะพี่แคทกับฝนได้ก็มีความชอบธรรมที่จะพาผมไปจากที่นี่แต่มันไม่ง่ายดายเพราะดูจากสีหน้าของฝนนั้นแสดงออกชัดว่าเธอจะสู้สุดชีวิตจนวินาทีสุดท้ายและบาดแผลที่ต้นขานั่นก็คือคำตอบ... “...............................................” “ทำไมพี่ฝนนิ่งอย่างผิดปกติทั้งที่เมื่อกี้ยังโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ?...เพราะขาเจ็บ...” (น้องป้อมบ่นอุบอิบอะไร?...ท่าทางจริงจังมาก) “หรือว่า...” “อ้าวๆๆ...ต้อนมาให้ฉันอัดนังนี่เหรอ?” “ยะ...หยาดฝน!?” “เฮ้!!...ไหนบอกจะสู้ทีล่ะคนไง?” “ใครพูดแบบนั้นยัยเด็กอ่อนหัด?...พี่แกต่างหากที่เรียกให้พวกฉันเข้าไปพร้อมกัน” (ไม่รู้ตั้งใจหรือบังเอิญที่ช่วงจังหวะติดพันพี่แคทเหวี่ยงอ๋อมไปทางที่ฝนยืนอยู่พอดี!?...นี่เป็นเวลาอันคับขัน...ข้างหน้ายมทูตข้างหลังนางฟ้าแล้วแม่เสือสาวจะทำอย่างไร?) “ก็บอกไปแล้วว่าฉันจะเอาจริง...ลองเปิดช่องว่างให้แม้เพียงเสี้ยววินาทีสิ...ฮึ!!!...ท่าไม้ตายล่ะนะ” “พี่อ๋อม!!...บาทามรณะของพี่ฝนจะโจมตีได้ถึงแปดครั้งในช่วงเวลาแค่สองวินาที...อย่าเข้าไปรับตรงๆนะคะ!!!” “...นึกไม่ถึงจริงๆว่าเธอจะหึงหวงบอลมากขนาดนี้แต่ฉันก็ไม่มีทางถอยกลับไปมือเปล่าแน่!!!!” ...แปดครั้งในสองวินาทีมันจะเวอร์ไปหรือเปล่ามนุษย์ที่ไหนจะเตะได้เร็วถึงขนาดนั้น?...ผมมองฝนกับอ๋อมสลับไปมาด้วยหัวใจที่หวาดหวั่นเพราะไม่มีใครยอมถอยกันเลย...ฝนก้าวเท้าซ้ายมาข้างหน้าส่วนอ๋อมยืนกางขากับตั้งมือขวาขึ้นจรดจมูกและก่อนที่ทุกคนจะขยับตัวหรือพูดอะไรต่อ...ลูกสาวคนเล็กของอานิภาก็ยกขาขวาตวัดเท้าเตะใส่ลูกสาวคนที่สามของป้าเอ็ม... “รับไป!!!!” “เฮอะ!!!” “!?” “!!!!!!!!!!!!” “ชิ!!” ...อ๋อมหลบไปทางขวาของตัวเองก่อนที่ลูกเตะที่มีความเร็วอย่างเหลือเชื่อของฝนจะเข้าถึงและการที่สาวเจ้าหัวเสือหนีทันเลยกลายเป็นว่าพี่แคทที่อยู่ด้านหลังเกือบจะโดนลูกหลงแทนจนต้องกระโดดถอยห่างแล้วเวลานี้ทั้งสามคนต่างหยุดดูเชิงกันและกัน...ฝ่ายป้อมทักท้วงว่าพี่แคทกับฝนเล่นอุบายไม่ซื่อ... “หนูน้อยอย่างแกจะรู้อะไรเกี่ยวกับความคิดของพวกฉัน?” “สบประมาทกันเรอะ!!!...ทำไมหนูจะไม่รู้ว่าพี่ฝนเล่นไม่ซื่อกะเล่นงานพี่อ๋อมทีเผลอ?” “งี่เง่า” “...บาทามรณะ...กระบวนท่าเตะที่จะโจมตีแปดจุดสำคัญในร่างกาย...ก้านคอซ้ายขวา,หัวไหล่ซ้ายขวา,บั้นเอวซ้ายขวาและต้นขาซ้ายขวาโดยไม่เจาะจงว่าจะเริ่มต้นตรงไหนก่อนทำให้คาดเดาได้ยาก...เยี่ยมมาก...เธอเตะโดนต้นขาซ้ายของฉัน” “...เสียดายที่แกหลบทันไม่งั้นบั้นเอวข้างซ้ายก็จะโดนด้วย” (นี่แสดงว่าแค่ชั่วพริบตาเดียวฝนเตะออกไปถึงสองครั้งเชียวเหรอเนี่ย?...ช่างรวดเร็วอะไรอย่างนี้และก็เข้าเป้าไปหนึ่งครั้ง) “ต้นขาซ้ายรึ?” “อา--...เพื่อจะลดทอนความเร็วของพี่” “ที่แท้ก็เล็งไว้แต่แรกแล้วเพราะรู้ว่าพี่แคทเร็วสู้พี่อ๋อมไม่ได้” “ถูกต้อง” “และก็เอาคืนด้วยการเตะให้ขาฉันเจ็บแบบที่ฉันยิงลูกเหล็กใส่ขาเธอ” “ไม่ผิด” “แต่คิดว่าสุรีย์พรรณจะเอาชนะได้ง่ายๆหรือในเมื่อฉันก็มีอาวุธหนักเหมือนกัน?” “น้องป้อม...หากอัญเชิญยมทูตปะทะกับดาบเขี้ยวพยัคฆ์แล้วผลมันจะเป็นอย่างไร?” “...เมื่อก่อนพี่อ๋อมกับพี่แคทเคยลองแล้วแต่ใช้กำลังเพียงครึ่งเดียวซึ่งผลก็คือเสมอกัน” “อืม--...น้องถึงพูดว่าดาบเขี้ยวพยัคฆ์สามารถต้านอัญเชิญยมทูตได้...แล้ว...ถ้าหากใช้กำลังเต็มที่?” “หนูก็ไม่รู้ค่ะเพราะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและอีกอย่างคนๆนั้นก็สั่งห้ามไว้แต่...ครั้งนี้คงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้วล่ะพี่ชาย” (คนๆนั้น?) “พี่แคท...ฉันช่วยไม่ให้ยัยน่ารำคาญนี่หนีได้ง่ายๆแล้วแต่ถ้ายังแพ้อีก...มันน่าขายหน้าจนแทบอยากแทรกแผ่นดินหนี” “ไม่ต้องห่วง...มันจะจบก่อนแน่” “บาทามรณะยังน่ากลัวเหมือนเดิมเลย...เจ็บชะมัด...ถ้าเป็นคนปกติเบาะๆกล้ามเนื้อน่าจะฉีกขาดไปแล้ว” “แกก็ไม่เบาที่โดนเข้าไปแล้วไม่ล้มแต่คงเจ็บน่าดู” “หึๆๆ...ก็ขอชมว่าพวกเธอช่างรู้ใจกันแม้แค่มองตาไม่ต้องพูดแต่จะอัดฉันให้ร่วงคาตีน...มันต้องใช้หมัดไม่ใช่ปาก...เข้ามานังยมทูต!!!” “เออ!!” ...จากนั้นยมทูตสาวกับนางพญาเสือก็เริ่มเปิดศึกยกที่สอง...หลายครั้งที่หมัดที่แฝงไว้ความเกรี้ยวกราดของพี่แคทกำลังจะพุ่งเข้าเป้าหมายทว่าอ๋อมกลับพริ้วหลบได้อย่างเนียนตาทั้งๆที่เจ็บต้นขาซ้าย...ผมถามป้อมก็ได้ความว่านั่นคือ “กังฟู” วิทยายุทธของจีน... “แบบในหนังเหรอ?” “ค่ะ...แต่พี่ชายอย่าเอาไปเทียบกันนะคะ” “?” “เพราะที่เห็นอยู่ตรงหน้าคือของจริง...แค่พี่อ๋อมชูฝ่ามือขึ้นก็สามารถข่มขวัญคู่ต่อสู้ได้แล้วถ้าใครโดนซัดเข้าจังๆ...รับรองว่าเจ็บหนักแน่...นั่นไงฝ่ามือซ้ายหลอกและซัดด้วยขวา” “อุ๊บ!!!” “พี่แคทหมัดหนักจริงแต่หากต่อยไม่โดนก็ไร้ผล...หึ!!...โดนบาทามรณะแล้วไง?...พี่แคทก็ยังชกวืดวาดอยู่ดี” “ฮะๆๆๆ” “พี่ฝนหัวเราะอะไร?” “ไม่สรุปเร็วไปหน่อยเรอะ?...อย่างน้อยผู้หญิงคนนั้นก็เป็นพี่สาวฉัน...จะไม่มีปัญญารับมือกับความเร็วเชียวรึ?” “แอ๊ก!!!” (พี่แคทที่โดนไปหนึ่งฝ่ามือก็เอาคืนได้หนึ่งหมัดทันควันด้วยการชกสวนกลับขณะอ๋อมกำลังจะเข้าซ้ำ) “หมัดเคาน์เตอร์ของพี่แคทเร็วยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น...ขนาดฉันยังไม่เคยหลบทัน” “ฮึ่ย~~” “เอาคืนที่ตีเข่าฉันเมื่อคืน” “อึ๊!!...เป็นหมัดเคาน์เตอร์ที่เด็ดขาดมาก...อูย~~...แต่มันใช้ซ้ำสองกับฉันไม่ได้แล้ว!!!” “ใช่...พี่...พี่อ๋อมไม่มีทางแพ้แน่!!!” “ย้าก!!” “โอ๊ว!!” ...สองหมัดสองฝ่ามือที่พุ่งแหวกผ่านอากาศจนเหมือนได้ยินเสียงลม...จากมุมมองคนที่อยู่ตรงกลางอย่างผมเห็นว่าพี่แคทกับอ๋อมฝีมือทันกันและชิงไหวชิงพริบตลอดเวลาเรียกว่าใครเปิดช่องก็คือหายนะมาเยือน...หมัดยมทูตถูกฝ่ามือพยัคฆ์หยุดยั้ง...ฝ่ามือพยัคฆ์ถูกต้านไว้ด้วยหมัดยมทูต... “แกจะทำอะไรต่อ?...แกคิดอะไรอยู่หึ?...นางเสือลำบาก” “........................................” “อ้อ!!...วิธีถนัด...หาจังหวะเผด็จศึกในทีเดียว” “หมัดยมทูตใช้บ่อยๆไม่ดีนะเว้ย~~” “แต่ถ้าไม่เข้าถ้ำเสือ...แล้วจะซัดแม่เสือปากกล้าได้ยังไง?” “เห็นช่องแล้ว!!!” “ขอฉันเถอะ!!!” “!!!!!!!!” “อั๊ก!!!” “อ๊อก!!!” “โดนทั้งคู่!?” “มัน...เก่งจนเทียบชั้นกับยมทูตได้แล้วจริงๆหรือนี่?” ...พี่แคทต่อยหมัดเข้าแก้มของอ๋อมจนหน้าหันแต่อ๋อมก็ตอบโต้พุ่งฝ่ามือกระแทกใส่บริเวณขมับพี่แคทในเวลาเดียวกัน...พี่สาวทั้งสองหงายหลังล้มไปกองที่พื้นก่อนจะรวบรวมเรี่ยวแรงลุกขึ้นมาใหม่...อ๋อมขยับคอเสียงดังกร็อกๆกับถ่มน้ำลายที่มีเลือดปนออกมาด้วยส่วนพี่แคทเอามือกุมหัวกับเหวี่ยงสองหมัดชกลม... “ทั้งสองคนหยุดซะที...ฉันไม่ต้องการเห็นอะไรแบบนี้อีกแล้ว” “หยุดอยู่ตรงนั้น!!” “อ๋อม--...ฟังฉันหน่อย” “นายหุบปากแล้วดูอยู่เงียบๆเพราะนี่คือความตั้งใจของทั้งฉันและสุรีย์พรรณ...นายคงไม่รู้หรอกว่าสมัยก่อนฉันไม่เคยสู้ยัยสองพี่น้องนี่ได้เลย” “อะไรนะ?” “แล้วเหตุผลอีกอย่างที่ฉันจะต้องเข้มแข็งขึ้น...นายไง” “ฉัน?” “ใช่...ฉันเฝ้ารอวันที่จะได้พบกับปกป้องนายถึงพยายามไล่ตามสุรีย์พรรณกับหยาดฝนให้ทัน...แล้วตอนนี้...ฉันก็ทำสำเร็จ” “นับว่าแกพยายามได้ดีมากอันนี้คงต้องขอชมแต่คนที่จะปกป้องบอลน่ะมีอยู่แล้วนั่นคือฉันกับพี่!!!” “อย่ารวมพี่ไปด้วย!” “...พี่แคท” “ฉันแค่ช่วยเหลือน้องสาวไม่มีเหตุผลอื่นและเผลอๆจะซัดเธอซะอีกคนด้วย” “เฮ่ย~~...คู่ต่อสู้อยู่ตรงหน้านี่ว้อย!!...ปากดีนักเดี๋ยววันนี้หล่อนกินน้ำพริกไม่ได้แน่” “นั่นมันเธอมากกว่า...ครั้งต่อไปขอมุมปากข้างซ้ายล่ะกันจะได้หยุดพูดมาก...หือ?” “?” “อะไร?...ตะ...ตาฉัน!!!” “พี่!?” “เฮอ--...ดูท่าจะจบกันได้แล้วสุรีย์พรรณ” “ฮึ!!” “อยู่นี่” “หนอยแน่ะ!!!” “ไม่ใช่ๆ...ตรงนี้ต่างหาก” “ฝ่ามือเมื่อกี้เรอะ?” “เธอต่อยแก้มฉันแต่ฉันฟาดฝ่ามือใส่ขมับเธอ...ตาลายแล้วสินะ” “อุ๊บ!!...อึ๊ก!!!...บ้าจริง--” “งั้นก็...ลงไปนอนเหอะ” “โอ๊ย!!!” “พี่แคท!?” (เพราะตาลายจึงมองอะไรพร่าเลือนและพี่แคทก็ถูกอ๋อมที่ใช้จังหวะล่อหลอกพุ่งกระโดดถีบทั้งตัวจนล้มกลิ้งไปหลายตลบ...หยุดนอนคว่ำในพงหญ้าและก็แน่นิ่งไปเลย) “ฮ่าห์!!!!” ...เท่านั้นแหละฝนที่รอจังหวะอยู่นานก็กระโดดตะแคงตัวพุ่งถีบเท้าไปข้างหน้าโดยไม่ปล่อยให้อ๋อมพักหายใจหายคอ...กระบวนท่านี้ผมเคยเห็นมาก่อนตอนที่ฝนฝึกซ้อมกับพี่แคทที่บ้านของพ่อแต่ตอนนี้ความตั้งใจมันแตกต่างกันสุดขั้วเลย...โอ้โห!?...เตะออกไปแต่ล่ะทีกะจะเอาให้บาดเจ็บอย่างสาหัสทีเดียว... “แก!!!” “เฮ่ยๆ” “ฮึ๊บๆๆๆ” “คิดว่าเตะถีบเป็นอยู่คนเดียวรึ?...อื๋อ!?” “ขอแขนข้างนี้เถอะ!” “ไม่ให้!!!” “งั้นก็ตาย...โอ๊ะ!!” ...ฝนพยายามใช้ความไวพุ่งเข้าจับแขนแต่อ๋อมก็มีวิธีสะบัดหลุดในเวลาอันรวดเร็วทุกครั้งไป...นี่เป็นภาพที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น...ฝนกับอ๋อม...พวกเธอสองคนสู้กันอย่างจริงจังราวกับไม่ใช่ญาติพี่น้องแต่เป็นศัตรูคู่อาฆาตที่จะไม่มีการอ่อนข้อออมมือซึ่งพี่แคทคือตัวอย่างที่ดีเพราะตอนนี้เพิ่งขยับตัวลุกขึ้นนั่งได้... “ย้ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” “ไรห์ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” “ตายๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” “ฮิๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” “อย่าหนีสิวะ!!!” “ไวนักก็เข้ามาเตะหน้าฉันหน่อยเซ่!!” “มึงตาย!!!!” “เก่งแต่ปากว่ะ” “อีเลว!!!” “พี่แคท...พี่เป็นไงบ้าง?” “...ไกลหัวใจ” “แต่ดูจะเจ็บไม่เบา...ในเมื่อแพ้ไปแล้วหนูว่าพี่แคทไปนั่งพักซะเถอะค่ะอย่าฝืนตัวเองอีกเลย” “ใครแพ้?” “ก็พี่ไง” “แค่นี้โค่นฉันไม่ลงหรอก...จะด่วนตัดสินเร็วไปหน่อยมั้ง?” ...พี่แคทมีพายุกำปั้นไว้จัดการคู่ต่อสู้ฉันใดฝนก็มีพายุเท้าไว้เล่นงานศัตรูฉันนั้น...ญาติสาวผู้น้องเป็นฝ่ายรุกคืบทั้งเตะทั้งถีบใส่อ๋อมไม่ยั้งโดยมุ่งเน้นไปที่ต้นขาซ้ายซึ่งอ๋อมก็รู้ทันจึงพยายามหลบหลีกและเอาฝ่ามือคอยต้านรับกับโต้กลับ... “ฝน!!!...อย่าเอาแต่อารมณ์เดี๋ยวจะหมดแรงซะก่อน” “เอ่อ--...ผมเห็นว่า...” “อะไร?” “ขาของฝนจะมีเลือดไหลหรือเปล่า?” “ยะ...อย่าบอกนะว่าเตะมากจนหลอดเลือดที่ขาแตก?...ฝน...พอได้แล้ว!!!” “ฉันไม่หยุดจนกว่านังนี่จะตาย!!!!” “นี่จะเอาให้ถึงตายเลยเชียวเหรอ?” “เด็กนั่นถูกสุริยะโลหิตครอบงำจนบ้าเลือดไปแล้ว” “เฮ้ยเดี๋ยว!!” “?” “เลือดที่เป้าของเธอนั่นมันอะไรกันวะ?” ...นอกจากที่ขาแล้วก็ยังมีเลือดออกตรงจุดสำคัญด้วย...ตายโหง!!!!...เมื่อคืนฝนเพิ่งจะผ่านการเสียสาวและเลือดนั่นก็ต้องไหลออกมาจากช่องคลอดอย่างไม่ต้องสงสัย...แบบนี้ก็เหมือนประกาศให้ใครต่อใครรู้โดยไม่จำเป็นต้องเอ่ยปากพูดน่ะสิ!?... “ยังมีเวลามาเสือกเรื่องของคนอื่นอีก...ท่าทางปากแกจะว่างมาก” “ถ้าหล่อนเก่งจริงก็มาช่วยหุบให้ทีเซ่!!!” “สมควรตาย!!!!” “มาเล้ย!!!” “ดันพูดยั่วให้ฝนโกรธขึ้นไปอีก...บ้าบอคอแตกจริงๆยัยอ๋อม” “ว่าไปการเคลื่อนไหวของพี่ฝนก็ดูจะไม่ค่อยคล่องแคล่วมาตั้งแต่แรก...เลือดออกตรงนั้น...ขยับแข้งขามากเกินไปเยื่อพรหมจารีย์เลยขาดงั้นเหรอ?” “............................................” ...ผมฟังข้อสังเกตของน้องป้อมด้วยหัวใจตุ้มๆต่อมๆเพราะพี่แคทก็อยู่ไม่ห่างกันฉะนั้นจึงได้ยินแน่นอน...เวลานี้มันลุ้นระทึกยิ่งกว่ามีคนล้วงมือมาบีบไข่...จะรอดมั้ยเนี่ยไอ้เอกคเชนทร์?...ไอ้เยื่อนั่นมันไม่ได้เพิ่งขาดหรอกมึงน่ะรู้ดีที่สุด!!!... “กะ...แก~~” “หมดแรงแล้วรึ?...จงโทษความบ้าบอไม่ยั้งคิดของตัวเองซะ” “อั๊ก!!!” ...แต่ก็ใช่ว่าอ๋อมจะไม่เหนื่อยเพราะหายใจหอบทีเดียวหลังจากถีบฝนกระเด็นเข้าไปที่กองลังกระดาษหลังจากใช้เท้าดวลความเร็วกันอยู่พักหนึ่งจากนั้นอ๋อมที่คงคิดว่าตัวเองชนะแล้วก็ต้องนิ่งงันเมื่อด้านหลังเธอนั้นมีใครบางคนยืนตะหง่านอยู่... “หึๆๆ...สุดท้ายฉันก็...อื๋อ?” “..........................................” “...สุรีย์พรรณ” “แย่แล้วพี่อ๋อม!!...นั่นมัน” “อัญเชิญยมทูตเรอะ?...ฮึ่ม!!!” “ทำอะไรน่ะ?” “จะรวมกำลังทันมั้ย?...ไม่...ไม่น่าทัน!!!...แค่สักหกไม่ถึงเจ็ดส่วน” “..........................................” “ไม่!!...พี่อ๋อมอย่ารับ...รีบหลบเร็ว!!!” “อัญเชิญยมทูต!!!!” “ดาบเขี้ยวพยัคฆ์!!!!” !!!!!!!!!!!!!! ...ได้ยินเสียงกำปั้นกับฝ่ามือปะทะกันดังสนั่นและถ้าไม่โอเวอร์จนเกินไปผมคิดว่ากำลังดูหนังอยู่...อ๋อมประกบมือซ้ายขวาขึ้นเหนือศรีษะและกางแขนออกไปด้านข้างจากนั้นก่อนจะโถมร่างกายพุ่งเข้าไปหาพี่แคทที่ชกหมัดสวนมาพอดี...ฝ่ามือขวาที่มีมือซ้ายประคองข้อแขนไว้นั่นคือ “ดาบแห่งจิตเขี้ยวพยัคฆ์” ท่าไม้ตายที่น้องป้อมเคยพูดถึงแต่อ๋อมก็บ้าบิ่นสุดขั้วไม่ยอมหลบตามที่น้องสาวร้องบอกและตั้งใจปะทะกับหมัดยมทูตของพี่แคทตรงๆด้วยเพราะมั่นใจว่าตัวเองก็มี “อาวุธหนัก” ไว้โต้ตอบ...ยังไม่จบแค่นี้...ผลจากการปะทะกันทำให้พี่แคทถอยหลังไปสามก้าวและอ๋อมยังตามฟาดฝ่ามือใส่ไปอีกสองครั้ง... “การต่อสู้ครั้งนี้...ฉัน...ชนะแล้ว...อุ๊ก!!” “พี่อ๋อม...เจ็บหน้าอกเหรอ?” “...เปล่า” (ปากพูดว่าเปล่าแต่เอามือกุมที่กลางอกกับดูมีสีหน้าเจ็บปวด...เธอคงจะจุกไม่ใช่น้อย) “มือพี่สั่นด้วย...เมื่อกี้รวมพลังไม่พอจริงๆ” “แต่พี่ก็ยืนหยัดอยู่ได้...สุรีย์พรรณ...เธอโค่นฉันไม่ลงเองนะ” “.............................................” “แกก็ยังล้มฉันไม่ลงเหมือนกัน...คิดเรอะว่าแค่นี้จะเป็นฝ่ายชนะ?” “โฮ่?...เลือดไหลเต็มเป้าเต็มขาแบบนั้นยังปากเก่งอีก...ย่อมได้~~” “คนที่จะแพ้คือแกต่างหาก!!!!...หือ” “!?” “นิด!...นี่เธอ?” “นังเด็กนี่!!!...กล้าเอาดาบของเจ้านั่นมาพาดคอฉันเรอะ?” “หนูเป็นตัวแทนของนายหญิงอรศินีย์” “.............................................” “นึกว่าฉันไม่มีปัญญาจะเอาตัวรอดหรือไง?” “เมื่อกี้ที่หนูพูดไปคุณมิได้ฟังเลยหรือเจ้าคะ?” “อะไร?” “หนูพูดว่าหนูมาในฐานะตัวแทนของนายหญิงอรศินีย์” “เชอะ!!...ทำไมจะต้องมาจุ้นด้วยวะ?” ...ผมยังไม่เคยเห็นหน้าเด็กผู้หญิงคนนี้มาก่อนและจังหวะที่เธอตวัดดาบซามูไรมาพาดคออ๋อมก็มองไม่ทันด้วยแต่มันกลับช่วยให้ฝนกับอ๋อมหยุดสู้กันได้... “ปล่อย!!...เลิกเอาดาบของเจ้านั่นมาจี้คอหอยฉันซะที” (เจ้านั่นที่อ๋อมว่าคือใคร?) “มีอะไรจะเทศนากันอีกห๊ะ?” “คำถามแรกที่นายหญิงอรศินีย์ฝากหนูมาคือใครเป็นผู้ที่สอนวิชาการต่อสู้ให้พวกคุณทั้งสาม?” “...น้านีย์” “คุณน้าอรศินีย์” “..................................................” “น้องป้อม...พี่ได้ยินมาว่าอาจารย์ของพี่แคทกับฝนคือโตโดซัง” “ก็ไม่ผิดหรอกค่ะแต่คาราเต้ของอาจารย์โตโดน่ะออกจะเถรตรงไป” “เถรตรง?” “ประมาณว่ายังไม่ดีพอจะเอามาใช้สู้จริง...ถ้าพี่ชายเจอคนร้ายที่ถือปืนแล้วมัวแต่จดๆจ้องๆดูเชิง...จะเป็นยังไงคะ?” “มีหวังโดนยิงตายก่อนน่ะสิ” “ใช่แล้วค่ะ...น้านีย์คือผู้เจนจัดในศาสตร์การต่อสู้หลายแขนงและใช้อาวุธเกือบทุกชนิดได้อย่างคล่องแคล่ว...วิชาซัดเข็มดาวเสือของหนูก็เช่นกันค่ะ” “โอ้โห!!...พี่ไม่เคยรู้มาก่อนเลย” ...น่าประหลาดใจที่อาคนเล็กของเราก็พลอยเป็นนักบู๊กับเค้าด้วย...แม้ความทรงจำในวัยเยาว์จะเลือนรางแต่ผมก็ไม่เคยเห็นเธอไปออกแรงสู้กับใครเลย...หน้าตาเป็นอย่างไรก็จำไม่ค่อยได้แล้วแต่ถ้าเป็นฝาแฝดกับอานิภางั้นคงพอจะนึกออกได้ไม่ยาก... “คำถามที่สอง...นายหญิงอรศินีย์สอนให้พวกคุณมาต่อตีกันเองหรือเจ้าคะ?” “ฉันไม่ใช่คนเริ่มก่อนโว้ย!!” “แต่คุณก็ตกปากรับคำอย่างง่ายดาย” “ศักดิ์ศรีของฉัน...ไม่รับได้เรอะ?” “มันหลีกเลี่ยงได้” “ฉันไม่ทำ!!” “คุณหยาดฝน...คุณเป็นฝ่ายเริ่มต้น” “เพราะยัยนี่บังอาจมาแย่งของๆฉัน...มันผิดหรือที่ฉันจะปกป้อง?” “ของที่ว่า...คุณเอกคเชนทร์?” “ใช่” ...เด็กผู้หญิงมองผมแวบหนึ่งแล้วหันกลับไปพูดต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น...เธอผู้นี้ดุดันเคร่งขรึมแต่อ่อนน้อมไม่กร้าวร้าวและแค่เห็นท่าเก็บดาบเข้าฝักก็รู้แล้วว่าไม่ใช่มือสมัครเล่น... “งั้นคุณสุรีย์พรรณล่ะเจ้าคะ...ปกติคุณรักสงบมิใช่หรือ?” “นิดดูสภาพของฝนก็น่าจะรู้นะว่าพี่ทำไปเพื่ออะไร?” “ด้วยการเข้าร่วมวงก่อเหตุวิวาทกับเค้าน่ะหรือเจ้าคะ?...มันมิอาจช่วยให้อะไรดีขึ้นมาได้” “เออแล้วไงเล่าจะลงโทษใช่มั้ย?...เอาเลยซี่~~...ไม่ต้องมามัวพูดให้มากความ” “แกกับฉันยังไม่ทันรู้แพ้ชนะแล้วจะรีบไปรับโทษทำไมกัน?” “ฮะ...ทำเป็นปากกล้า!!...ขนาดอัญเชิญยมทูตของพี่เธอยังล้มฉันไม่ลงแล้วบาทามรณะติดๆขัดๆแบบนั้นจะทำอะไรได้วะ?” “แต่คุณก็ได้รับบาดเจ็บภายในเพราะฝืนใช้ดาบเขี้ยวพยัคฆ์ปะทะกับอัญเชิญยมทูตตรงๆทั้งที่ยังรวบรวมกำลังมิเพียงพอ” “ถ้าพี่อ๋อมไม่ใช้ก็ได้โดนหมัดพี่แคทเต็มๆ...ฮึ!!...ลองให้พี่อ๋อมรวมกำลังได้เต็มที่ล่ะก็...อัญเชิญยมทูตเมื่อกี้จะถูกกระแทกกลับแน่และแขนกับหมัดของพี่แคทจะหักโดยพร้อมเพรียง” “...........................................” “ตัวแทนของน้านีย์...เธอพูดอย่างนั้น?” “เจ้าค่ะ” “งั้นฝากอะไรมาบอกเล่า?” “ผลแพ้ชนะ” “อะไรนะ?” “แม้หนูจะมิต้องพูดประโยคที่นายหญิงอรศินีย์ฝากมาแต่พวกคุณทั้งสองก็คงรู้อยู่แก่ใจว่าใครเป็นฝ่ายชนะ” “แต่มันยังไม่ถึงที่สุด...ยังไงก็มีความผิดที่ใช้ท่าไม้ตายมาสู้กันเองงั้นก็มาตัดสินให้รู้ดำรู้แดงกันไปเลย!!!” “คุณหยาดฝน...การฝ่าฝืนข้อห้ามของนายหญิงอรศินีย์มีโทษกำหนดไว้อยู่แล้ว...มิสมควรถลำลึกอีกเจ้าค่ะ” “นิด...พูดต่อไปซิ” “พี่แคท!?” “ลงว่าถ้าคุณน้ารู้นี่ก็ไม่ใช่เรื่องเล็กแล้วนะฝน” “ก็บอกมาว่าใครชนะ...ฉันหรือยัยนี่?” “คุณคือผู้ชนะค่ะ” ...นิดชี้นิ้วไปที่อ๋อมซึ่งทำให้น้องป้อมดีใจจนยิ้มไม่หุบส่วนพี่แคทถอนหายใจและเดินไปตบบ่าฝนที่ยืนกำหมัดแน่นโดยมีหนูบีกับหนูซีเอาผ้ามาช่วยซับเลือดที่ต้นขาให้...ผมจะโล่งใจมากเลยถ้าการต่อสู้จบลงแล้ว... “ตอบมาซิว่าฉันแพ้เพราะอะไร?” “คุณหยาดฝนแพ้เพราะตัวของคุณเอง” “หา?” “ร่างกายของคุณหยาดฝนหาได้ปกติตั้งแต่แรกหรือนั่นก็คือขาดความพร้อม...นี่เป็นข้อห้ามอันดับต้นๆของนายหญิงอรศินีย์ใช่ไหมเจ้าคะ?” “............................................” “แลเมื่อครู่อุตส่าห์ฝ่าฝืนข้อห้ามใช้ท่าไม้ตายแต่ยังล้มคุณศรบุษราคัมมิได้...มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ทั้งที่อีกฝ่ายอยู่ในระยะโจมตี?...คำตอบก็คือไม้ตายที่ใช้ออกไปแต่มิอาจล้มศัตรูได้นี่หาได้สมควรเรียกว่าไม้ตายไม่” “อึ๊ก!!” “ฝน” “บาทามรณะเป็นกระบวนท่าที่ร่างกายท่อนล่างต้องรับภาระหนักยิ่งเช่นนั้นจึงมิอาจใช้ได้บ่อย...หากมิคับขันจวนตัวจริงๆจงหลีกเลี่ยง...ครั้งหนึ่งไม่มีสอง” “เออ!!...จะเอาคำพูดน้านีย์มาตอกย้ำทำไมนักหนา?...ฉันแพ้ก็ได้พอใจหรือยัง?” ...ฝนหน้านิ่วคิ้วขมวดเดินโขยกเขยกโดยมีหนูบีกับหนูซีหิ้วปีกพาไปนั่งเก้าอี้ส่วนหนูเอกับหนูดีหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าพี่แคท...ทีแรกผมนึกว่าญาติสาวผู้น้องจะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ง่ายๆแต่ผิดคาดไปไกลแฮะ!?...คุณอาอรศินีย์นี่ดูท่าจะเป็นที่ยำเกรงของหลานๆมากกว่าที่คิดไว้... “ต่อไป...คุณสุรีย์พรรณเจ้าคะ” “...ฉันก็แพ้เหมือนกันสินะ?” “คุณแพ้เพราะมีจิตใจที่ลังเลราวกับมิรู้ว่าออกหมัดไปเพื่อสิ่งใด?” “ใครว่า?...พี่ทำไปเพื่อฝนไง” “จริงหรือเจ้าคะ?” “ก็จริงน่ะสิ!!...แล้ว...อ๋อมชนะพวกเราด้วยเหตุผลอะไร?” “...ความพร้อมแลการเตรียมใจเจ้าค่ะ” “อ๋อ!!...ฉันเข้าใจแล้วล่ะนิด” “คุณศรโกเมน?” “พี่ฝนเตรียมใจจะสู้แต่ร่างกายไม่มีความพร้อมส่วนพี่แคทร่างกายมีความพร้อมแต่ไม่เตรียมใจจะสู้เพราะลังเล...ใช่มะ?” “.........................................” “ฉะนั้นพี่อ๋อมจึงชนะเพราะมีพร้อมทั้งสองสิ่ง” “แล้วไงอีก?” “ในเมื่อฉันชนะก็จะพาบอลไปจากที่นี่ล่ะ” “แก!!!” “ฟังให้จบก่อน!!...ฉันกับป้อมจะมารับบอลไปกินข้าวเย็นตอนหกโมงไม่ใช่เวลานี้” “อือ--...เหลือเวลาอีกประมาณเจ็ดชั่วโมงค่ะ” “รับไปกินข้าวเย็นแล้วก็จะค้างคืนที่โยนกทักษิณหรือ?” “ไม่ได้ฝนไม่ยอม!!!...บอลจะไปกินข้าวเย็นกับพวกเธอก็ได้แต่เขาต้องกลับมานอนที่โยนกอุดร” “ไม่เอาโว้ย!!” “งั้นมาฟาดปากกันต่อดีกว่า!!!” “คุณหยาดฝนเจ้าคะ...หนูยังทายามิเรียบร้อยเลย” “ทั้งสองคนหยุดก่อน--” “นายหุบปากไป!!” “มะ...ไม่ถามความเห็นฉันบ้างเหรอ?” “โยนกอุดรก็ไม่ได้โยนกทักษิณก็ไม่เอาแล้วจะเป็นที่ไหน?” “โยนกบูรพา” “ไม่มีวันซะละ!!!” “ใช่...หนูไม่ปล่อยให้พี่ชายไปโดนพี่เซคกะพี่ม่อนเย้ยหยันดูถูกหรอก!!” “ที่นั่นดีที่สุดแล้ว...จริงมั้ยคะ?” “ถ้าเป็นโยนกบูรพาก็เสียใจด้วย...พี่เซคเคยพูดไว้” (“ในฐานะที่พี่เป็นผู้ปกครองหมู่บ้านโยนกบูรพา...พี่จะไม่ให้ไอ้ผู้ชายบ้ากามนั่นมาซุกหัวนอนอย่างเด็ดขาด...ถ้ามาก็จะไม่รับประกันความปลอดภัยให้”) “หา!?” “ฮะฮ่าๆๆ...ถึงฉันจะไม่ชอบขี้หน้ายัยซกมกแอบจิตหมายเลขหนึ่งแต่ครั้งนี้มันพูดถูกใจจังว่ะ!!!” “สรุปพี่ชายต้องไปนอนที่โยนกทักษิณ” “ไม่มีทาง!!!” ...อูย~~...ไม่ถงไม่ถามความเห็นกันสักคำเลยว่าผมยินดีจะไปนอนค้างอ้างแรมที่ไหนหรือเปล่า?...จะนอนที่โยนกอุดรอ๋อมกับป้อมไม่ยอมจะนอนที่โยนกทักษิณฝนก็ไม่ตกลงแล้วไปที่โยนกบูรพาพี่เซคก็ไม่ต้อนรับ...อ้าว!?...นี่แปลว่าผมต้องกลายเป็นคนไร้บ้านผีไร้ศาลไปแล้วงั้นเหรอเนี่ย?... ............................................................................................................................................... “พี่ชายเข้าบ้านไปแล้ว” “เอาล่ะยัยนิด...มีอะไรก็ว่ามา” “พรุ่งนี้แปดโมงเช้าขอให้พวกคุณทั้งสี่ไปพร้อมกันที่โยนกประจิม” “เพื่อจะลงโทษหรือ?” “มิใช่ดอก...นอกจากคุณศรโกเมนแล้วต่างก็ได้รับบาดเจ็บกันหมด...นายหญิงมิใจร้ายถึงขนาดนั้นนะเจ้าคะ” “รอให้หายก่อนนั่นแหละ...แต่ว่า...” “?” “อย่าได้บังอาจเอาดาบของเจ้าเอ้มาพาดคอฉันอย่างนี้อีก...ไม่งั้นฉันจะกรีดหน้าเธอซะ!!!” “พี่อ๋อม!?...ทีสู้กับพี่ฝนพี่แคทยังไม่ใช้ตะวันเลือดเลยแล้วไหงถึง...” “ก็มันน่ายัวะมั้ย?...ขนาดเจ้าเอ้ยังไม่เคยทำแบบนี้กับพี่เลย” “หากคุณศรบุษราคัมมีข้อสงสัยก็เชิญไปไต่ถามนายหญิงอรศินีย์เอาเองเถิดเจ้าค่ะ” “หา!!...ยัยน้าบ้านั่นสั่งให้เธอทำ?” “กรณีที่มิยอมเลิกราน่ะเจ้าค่ะ” “ปัทโธ่ว้อย!!!” “งั้นเพื่อตัดปัญหา...ให้บอลไปนอนที่โยนกประจิมสิ” “พี่แคท...ฝนไม่เห็นด้วย!!” “ไม่มีที่ไหนอีกแล้ว” “หึ!!...ก็ดีเหมือนกัน...บอลจะได้เจอน้านีย์กับเจ้าเอ้ด้วย” “ป้อมว่าก็โอเคนะ” “แล้วพวกเธอจะไปส่งบอลที่โยนกประจิมกี่ทุ่มกี่ยาม?” “ฉันต้องบอกเธอด้วยงั้นรึ?” “...ไม่เกินสี่ทุ่ม” “ป้อม” “หนูให้สัญญา...พอเลยสี่ทุ่มไปแล้วพี่ฝนก็ลองโทรถามน้านีย์เอาเอง” “............................................” “แบบนี้ก็ดีนะ” “...ได้...แต่เธอสองคนต้องกลับไปนอนบ้านตัวเองด้วย” “เออน่ะเรื่องมากจริง!!!...เธอไปคิดคำแก้ตัวสำหรับพรุ่งนี้ดีกว่ามั้งว่าจะตอบน้านีย์ยังไง?” “เหมือนกันนั่นแหละ” “เช่นนั้นหนูจะกลับไปรายงานให้นายหญิงอรศินีย์ทราบเสียก่อน...ขอตัวเจ้าค่ะ” “เข้าบ้านเถอะ...ฝนเดินไหวมั้ย?” “ไหวค่ะ” “เดี๋ยวสุรีย์พรรณ...ฉันมีอะไรจะพูดด้วย” “?” “...ฝนไปก่อนนะ” “............................................” “มีอะไร?” “อัญเชิญยมทูตเมื่อกี้เธอเองก็ใช้กำลังประมาณ 8-9 ส่วนสินะ?” “...แค่แปดในสิบเพราะพี่เจ็บท้อง” “หมายความว่าถ้าไม่เจ็บเธอจะใช้เต็มที่งั้นสิ?” “คงงั้นมั้ง...” “หายนะมาเยือนกันหมดแน่เลยพี่แคท...เอ๋~~...มือพี่น่ะเลือดเพิ่งหยุดไปเมื่อกี้เองเนอะ?” “...สมกับเป็นดาบเขี้ยวพยัคฆ์...หากเธอใช้พลังเต็มที่มือฉันคงโดนบาดเป็นแผลเหวอะหวะไปหมด” “พูดอะไร?...มือฉันก็จะหักเพราะอัญเชิญยมทูตเช่นกัน” “.............................................” “หยาดฝน...เด็กนั่นเรียบร้อยกับบอลไปแล้วคิดว่าเธอคงรู้” “อืม--” “น่าเจ็บใจนัก!!!...ช่างมาตัดหน้ากันซะได้นะพี่ฝน...คิดอยู่แล้วเชียวว่ามันแปลกๆ” “เธอเป็นพี่สาว...จะทำยังไงต่อ?” “เหตุการณ์มันผ่านไปแล้วแก้ไขอะไรไม่ได้...พี่เองก็พลาดที่เมื่อคืนหลงกลแผนของเด็กคนนั้น” “พอมานึกดูดีๆเราก็โดนหลอกกันหมดทุกคนแหละ...แต่ช่างเหอะ...ในเมื่อหยาดฝนทำได้ฉันกับป้อมก็ทำได้เหมือนกัน” “พวกเธอ!!!...เป็นบ้าไปแล้วเหรอ?” “ไม่ได้บ้าค่ะพี่แคท...พวกเราตั้งใจจริง” “ใครก็ห้ามพวกฉันไม่ได้...อ้อ!!...พวกผู้หญิงหน้าด้านในบ้านของเธอ...หลังจากที่พวกฉันกับบอลมีอะไรกันแล้วก็จะจัดการเฉดหัวไปให้พ้นซะทุกคน...ไม่แน่นะ...เริ่มจากคืนนี้เลยก็ได้” “หวังว่าพี่แคทคงไม่ไปพูดให้พี่ฝนรู้หรอกนะจ๊ะ...ฮี่ๆๆ” “................................................” “ไปเหอะป้อม” “ค่า~~” “ทั้งที่ยังไม่มองเห็นหนทางได้เคียงคู่ก็ยังจะมอบสิ่งที่สำคัญที่สุดให้...พวกเธอจะต้องเสียใจแน่แล้วก็ฝน...ทำไมน้องถึงได้หน้ามืดตามัวอย่างนี้?” .............................................................................................................................................. “บาทามรณะที่พี่เคยเห็นน่ะเฉียบขาดและก็รวดเร็วกว่านี้...จังหวะนั้นอ๋อมจะไม่มีทางหลบทันแน่นอน...แต่...” “พี่จะพูดให้ได้อะไรขึ้นมาอีก?...หนูก็บอกไปไม่รู้กี่ครั้งแล้วว่าเพราะเป็นไข้ไม่สบายร่างกายมันเลยไม่ปกติ” “...ใช่...เป็นไข้...ไม่สบาย...ร่างกายเลยไม่ปกติ...โดยเฉพาะช่วงล่างของน้องที่เคลื่อนไหวติดๆขัดๆ” “สีหน้าแบบนั้นแสดงว่าพี่รู้เรื่องทั้งหมด...เอาเลย!!...อยากเฆี่ยนอยากตีหรือจะไปฟ้องป้อกับแม่ก็เชิญ” “ไม่...พี่ไม่ทำแบบนั้นหรอกเพราะงานนี้คุณแม่เกี่ยวด้วยแน่นอน” “ตอนที่เห็นเลือดตรงหว่างขาหนูหรือ?” “...รู้ก่อนหน้านั้นอีก...น้องทำแบบนั้นทำไม?” “เพราะความรักที่เอ่อล้นจนทนไม่ได้ไงคะ” “ผิดพลาด...มันผิดพลาดมาแต่แรกเลย...ฝนต้องเจ็บปวดที่ความรักนี้ไม่มีวันจะสมหวังได้” “แต่ฝนก็ไม่มีวันเสียใจในสิ่งที่ทำลงไป” “เดี๋ยวๆ...เราต้องมาคุยกันให้รู้เรื่องนะ!!!” “หนูไม่มีอะไรจะพูดด้วย!!” “ฝน--...ฝน!!” “.................................................” “แล้วป่านนี้เจ้าตัวต้นเหตุไปอยู่ไหนกัน?...ก่อเรื่องงามหน้าเจาะไข่แดงน้องสาวเราและยังจะมาก้อร่อก้อติกกับเราอีก...ฮึ่ม!!...อยากจะโหดเหี้ยมให้ได้สักครึ่งหนึ่งของพี่เซคจริงๆ...รู้งี้ที่โรงแรมนั่นฉันน่าจะเฉือนทิ้งให้รู้แล้วรู้รอดไปซะ!!!” ......................................................................................................................... ...ตัวอย่างในตอนหน้า... “พ่อนี่แย่จังเลย!...ลืมกระทั่งชื่อลูกตัวเองทั้งที่เป็นคนตั้งให้หนูแท้ๆ” “แบบ...แบบว่ายังไงดี?...พะ...พ่องานยุ่งน่ะหนู...นะๆ...ช่วยบอกชื่อเล่นชื่อจริงของหนูให้...ให้พ่อฟังอีกทีนะ” “แหม~~...งั้นหนูจะบอกแค่ครั้งเดียวอย่าลืมอีกล่ะ...หนูชื่อริน...ชื่อจริงหยาดวารินทร์...วิษณุมนตรี” ............................................ “คะ...คุณคือ...อานีย์เหรอครับ?” “มิได้พบกันเสียนานนะจ๊ะ...หลานช่างรูปงามเหมือนท่านพี่เอกภพเมื่อครั้งยังหนุ่มมิผิดเพี้ยน” “นายหญิงอรศินีย์เจ้าคะ...คุณเอ้สั่งไว้ว่าคืนนี้คุณเอกคเชนทร์จะต้องนอนในห้องนี้เจ้าค่ะ” ............................................ “ผม...ผมปฏิเสธไมตรีที่ฝนยื่นมาให้ไม่ได้” “แล้วจะเอาน้องสาวของฉันไปไว้ที่ไหนแล้วพี่กุนกับสา?...เธอจะทำยังไง?” “ก็บอกแล้วว่าผมบอกปัดไม่ได้!!...ต่อให้ย้อนเวลากลับไปผมก็จะทำแบบเดิม” ................................................................................................................................

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น