AEl5Nk.gif AEl5Nk.gif


เหตุเกิดที่โรงแรมblPdyV.gif
โดย Tom Mm

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
29/07/66

เต้ยกับพี่ติ่ง blPdyV.gif
โดย ตฤษณา

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

ผิดที่เมย์เองเลยโดนจับขึงพืดblPdyV.gif
โดย Uratarou

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

ฝึกงานที่บริษัทขายหมู่บ้านจัดสรรblPdyV.gif
โดย 子翔吳

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

พ่อเลี้ยงของหนู EP1blPdyV.gif
โดย Ken Ken

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

วันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

ตำนานนักรัก ตอนที่ 82

ตำนานนักรัก ตอนที่ 82

ช่วงแรกที่รถพยาบาลฉุกเฉินวิ่งออกจากบ้าน ผมก็ยังขับรถตามหลังเกาะขบวนไปได้เป็นอย่างดี แต่เพียงไม่นาน ผู้ที่ขับรถ ชำนาญและเก่งกว่าผม ก็ค่อยๆแซงหน้าผมไปทีละคันๆ จนกระทั่งผมหลุดออกจากขบวน ฉนั้นกว่าจะตามไปถึงโรงพยาบาล ได้ ทั้งคุณดาและพ่อตาผมก็ถูกนำตัวไปยังห้องฉุกเฉินเรียบร้อยแล้ว คุณวิตามเข้าไปช่วยดูแล ส่วนผมถูกเจ้าหน้าที่หน้าห้องฉุกเฉินตามตัวให้ไปกรอกทำประวัติคนไข้ ถามโน้นถามนี่ จนหลาย คำถามผมก็ไม่สามารถตอบได้ "เอาอย่างนี้ครับคุณพยาบาล..รอให้คนป่วยได้สติก่อนค่อยซักถามรายละเอียด ช่วงนี้คุณก็ช่วยรักษาดูแลให้เต็มที่ และถ้า ต้องอยู่พักค้าง คุณก็จัดห้องที่ดีที่สุดที่คุณมีให้กับทั้งสองได้เลย..เรื่องเงินผมไม่มีปัญหา..." แม้ผมจะเข้าใจดีว่ามันต้องมีพิธีขั้นตอนมากมายตามระเบียบของโรงพยาบาลเอกชนในการรับคนป่วยเข้ารักษาเป็นคน
ไข้ใน แต่ทว่าผมก็ไม่อยากมาเสียเวลาตอบคำถามโน้นนี่ เพราะใจมันร้อนลุ่มอยากตามเข้าไปดูคุณดาและพ่อตาผมในห้องฉุกเฉิน มากกว่า จึงตัดบทตอบไปด้วยสุ้มเสียงแข็งๆ หน้าตึงๆ จนพยาบาลเวรหน้าห้อง ต้องพับเรื่องซักถามไว้ชั่วคราว ผมจึงได้มีโอกาสเข้าไปดูแลทั้งพ่อตาและเมียได้ แต่ก็เพียงยืนดูอยู่ห่างๆ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแพทย์ประจำเวรห้องฉุกเฉิน ที่สุดทั้งคุณดาและพ่อตาผมก็จำต้องเข้าเช็คอินเป็นคนไข้ใน ถูกบุรุษพยาบาลเข็นเตียงแยกกันขึ้นไปนอนรักษาตัวบนตึก ในห้องส่วนตัวใกล้ๆกัน โดยเฉพาะที่ห้องของคุณดา มีทั้งหมอและพยาบาลเดินเข้าๆออกๆ แล้วสุดท้ายก็เข็นเตียงของคุณดา ออกมาจากห้องอีกครั้ง "จะพาเมียผมไปไหนครับ..." ผมร้องถามพยาบาลร่างบางๆ ที่เดินถือสมุดชาร์ตประวัติการรักษาคุณดา ตามหลังบุรุษพยาบาล ออกมาจากห้อง "ห้องทำคลอดค่ะ.." เสียงเล็กๆตอบกลับอย่างรีบร้อน แล้วไม่รอให้ผมซักถามต่อ รีบเดินจ้ำอ้าวตามเตียงของคุณดาไปครั้นผมจะเดินตามเข้าลิฟท์ เธอกลับหันมายกมือห้ามแล้วร้องบอกเบาๆ "สามีคนไข้รอที่นี่ก่อนดีกว่าค่ะ...เดี๋ยวเสร็จเรียบร้อยแล้วคุณหมอจะมาบอก..." ผมจึงต้องยอมหยุดยืนอยู่ที่หน้าลิฟท์ มองร่างไร้สติของคุณดาที่มีสายน้ำเกลือ ระโยงระยางเสียบอยู่ที่แขนของเธอ ปล่อยให้ ประตูลิฟท์ค่อยๆปิดลงอย่างช้าๆ แล้วพาร่างของเธอหายลับไป จึงหมุนตัวกลับ เดินไปยังห้องพักรักษาตัวของพ่อตาผม ที่มี คุณวินั่งเฝ้าอยู่ "คุณวิ..พยาบาลเข็นเตียงคุณดาไปห้องทำคลอด..มันหมายความว่ายังไงครับ..." ทันทีที่ผมเปิดประตูห้องพักรักษาตัวของ พ่อตาเข้าไปก็รีบร้องถามคุณวิทันที "โธ่....คุณดา.." แทนที่คุณวิจะรีบตอบคำถามของผม เธอกลับอุทานออกมาด้วยน้ำเสียงและหน้าตาเศร้าๆ แทน จนผมต้องจับไหล่เธอเขย่า แล้วถามย้ำอีกครั้ง "วิ..เสียใจด้วยนะคะ...คุณดาคงเสียเด็กในท้องไปแล้วละค่ะ..." คำตอบเบาๆของคุณวิ ถึงกับทำให้ผมยืนอึ้ง แม้เด็กในท้องคุณดาจะไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของผมก็ตาม แต่ผมกลับรู้สึก ใจหาย และเศร้าเสียใจจนน้ำตาไหลออกมา จนคุณวิต้องเอื้อมแขนมากอดปลอบ พร้อมกระซิบให้กำลังใจ สักครู่จึงค่อยๆ คลายวงแขนออก "ขอบคุณครับคุณวิ..ผมไม่เป็นไรแล้ว..ว่าแต่พ่อเป็นยังไงบ้างครับ.." ผมรีบร้องถามอาการของพ่อตา ด้วยยังเห็นว่าท่านนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง ที่แขนมีสายน้ำเกลือโยงระยางไม่ต่างจาก คุณดาเลยสักนิด "วิก็ยังไม่ทราบค่ะ...คุณท่านคงอ่อนเพลีย เสียใจ จนความดันขึ้นสูง..แต่อาการอย่างอื่นจะมีมากอีกมั๊ย คงต้องรอให้คุณหมอ มาตรวจซ้ำอีกครั้ง..." คุณวิตอบกลับเบาๆ พร้อมขยับไปยืนข้างเตียงพ่อตาผม ยื่นมือเรียวขาวของเธอไปแตะไล้ตามแขนพ่อตาผมอย่างแผ่วเบา ด้วยความห่วงใย ดูอาการที่แสดงออกมาแล้วผมมั่นใจเลยว่าคุณวิ ทำไปด้วยความรักและความห่วงใยพ่อตาผมในฐานะอื่น มากกว่าฐานะพยาบาลประจำตัวอย่างแน่นอน ผมนั่งรอด้วยความกระวนกระวายใจต่อไปอีกเกือบสองชั่วโมง บุรุษพยาบาลคนเดิมก็เข็นเตียงคุณดาออกมาจากลิฟท์ ผมรีบผุดลุกขึ้นยืน แล้วเดินตรงไปหา คราวนี้นอกจากพยาบาลตัวเล็กๆคนเดิมแล้ว ยังมีคุณหมอวัยกลางคนเดินตามออก มาจากลิฟท์ด้วย "สามีคนไข้ค่ะคุณหมอ..." คุณพยาบาลรีบแนะนำ "คุณกานดาปลอดภัยแล้วครับอาการบอบช้ำทางร่างกายไม่มีปัญหา..แต่ว่า...ผมขอแสดงความเสียใจด้วยที่ไม่สามารถช่วย เหลือเด็กในท้องได้..." คำตอบของคุณหมอ เหมือนดั่งที่คุณวิคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าจริงๆ ว่าบัดนี้ ผมสูญเสียทารกในท้องของคุณดาไปให้กับความ ป่าเถื่อนของไอ้คนโรคจิตทัดเทพ ซึ่งมันก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่า ทารกในครรภ์ของคุณดา เป็นเลือดเนื้อเชื้อไข ของตัวมันเอง "ขอบคุณครับคุณหมอ..." ผมพยายามอดกลั้นใจ กล่าวขอบคุณนายแพท์ท่านนั้นไปเบาๆ แล้วหมุนตัวกลับเดินเข้าห้องไปดูคุณดาที่นอนหลับ ไร้สติบนเตียง สักครู่ทั้งหมอทั้งพยาบาลต่างก็ทะยอยเดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้ผมอยู่ตามลำพัง จนกระทั่งได้ยินเสียงเปิด ประตุเข้ามา จึงหันไปมองเห็นคุณวิเดินเข้ามา "คุณดาเป็นยังไงบ้างคะ.." "คุณดาปลอดภัยครับ..แต่.." แม้ผมตอบไม่ได้มากไปกว่านี้ คุณวิแกก็เข้าใจ ยื่นมือมาลูบแขนปลอบผมเบาๆ "คุณวิกลับบ้านไปก่อนเถอะครับ..ผมอยู่ดูแลทางนี้เอง...." เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ที่ผมและคุณวิต่างจ้องมองร่างไร้สติของ คุณดากันเงียบๆ จนผมต้องเอ่ยขึ้นมาเบาๆ "คุณนั่นแหละควรกลับบ้านค่ะ..ทางนี้วิดูแลเองได้..คุณควรไปเอาเอกสารต่างๆทั้งของคุณดาและคุณท่านมาที่โรงพยาบาล ในวันรุ่งขึ้น...ว่าแต่มันเกิดอะไรขึ้นกับคุณดาคะ..เธอถึงได้...เป็นแบบนี้...เมื่อบ่ายแก่ๆก่อนออกจากย้าง วิก็เห็นคุณดายังเป็น ปรกติ..." แม้มันจะมิใช่เวลาที่คุณวิจะถาม เพราะความข้องใจอยากรู้เรื่องก็ตาม แต่ผมก็ไม่ได้โกรธต่อว่าเธอ ด้วยรู้ดีว่าเธอถามเพราะ ความเป็นห่วง ครั้นจะตอบตามตรงว่าสาเหตุที่ทำให้คุณดาเป็นแบบนี้ เพราะไอ้ทัดเทพ ผมก็เกรงว่าจะไม่เหมาะสม จึงหุบ ปากไม่ยอมตอบ คุณวิก็ไม่กล้าซักถามต่อ "ถ้างั้นผมฝากคุณวิดูแลคุณดากับพ่อด้วยนะครับ..ป่านนี้ที่บ้านคงวุ่นวายกันน่าดู แล้วผมจะมาใหม่พรุ่งนี้เช้าครับ" เมื่อผมกลับมาถึงบ้าน ปรากฏว่าทั้งสาลี่และมะลิต่างนั่งรอการกลับมาของผม แล้วรีบซักถามอาการของคุณดา และพ่อตาผม จนแทบตอบไม่ทัน จึงต้องเล่าเรื่องทั้งมหดให้สองพี่น้องรับรู้ จากนั้นก็ปลีกตัวขึ้นไปรื้อกระเป๋าถือของคุณดา ตรวจดูเอกสาร ต่างๆจึงทราบว่าคุณดานั้นมีบัตรที่เธอทำประกันชีวิตไว้ ส่วนของพ่อตาผมมีเพียงบัตรประชาชนเก่าๆใบหนึ่งที่ใช้ยืนยันว่า แกชื่ออะไรนามสกุลอะไรเท่านั้น ผมจึงเก็บบัตรทั้งสองยัดลงในกระเป๋าสตางค์ส่วนตัว เพื่อเอาไว้แสดงให้เจ้าหน้าที่โรง พยาบาลในวันรุ่งขึ้น จากนั้นก็ล้มตัวลงนอนก่ายหน้าผากครุ่นคิดเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมา โดยเฉพาะผมต้องหาวิธีเอาคืน ไอ้ทัดเทพและสมุนบริวารของมันอย่างสาสม พอวันรุ่งขึ้นผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว จึงขับรถไปเยี่ยมคุณดาอีกครั้ง พอขึ้นไปถึงชั้นที่คุณดาพักรักษาตัว พยาบาลประจำ เวรในตอนเช้า รีบตรงเข้ามาหาผม เมื่อทราบว่าผมเป็นสามีของคุณดา "เอ้อ..คุณคะ..เดี๋ยวสายๆวันนี้ คุณหมอวิโรจน์ขอพบนะคะ..." "คุณหมอวิโรจนน์...ต้องการพบผมเรื่องอะไรครับ..." ผมย้อนถามกลับด้วยความงุนงง แต่ก็คาดการว่านายแพทย์ท่านนี้ คง เป็นคุณหมอที่ดูแลรักษาคุณดาเป็นแน่ "เอ้อ..ดิฉันไม่ทราบค่ะ..รอพบแล้วคุณหมอท่านจะบอกเองดีกว่า..." พยาบาลสาว พูดยิ้มๆเสียงเรียบเย็น แล้วหมุนตัวเดินผละไป ผมจึงได้เข้าไปเยี่ยมคุณาในห้อง เมื่อเปิดประตุเข้าไป ก็เห็น เธอหันหน้ามามอง แล้วพอมองเห็นว่าเป็นผม เธอก็เบะปากทำท่าจะร้องไห้ ผมจึงเร่งเดินเข้าไปกอดปลอบเบาๆให้กำลังใจ "คุณ...ลูก...ลูกไม่อยู่แล้ว...ฮืออออ.." "ไม่เป็นไรหรอกครับคุณดา...อย่าคิดมาก...ยายหนูคงมีบุญมาแค่นี้...ไว้เราค่อยมีลูกกันใหม่ได้นี่ครับ..." ผมร้องปลอบเบาๆ พยายามอดกลั้นความเสียใจ ไม่แสดงออกมาให้เธอเห็น "ขอบคุณนะคะ..ที่คุณรักแก แม้จะรู้ว่าแกไม่ใช่..." คุณดาร้องบอกเสียงสะอื้น จนผมต้องยื่นมือไปปิดปากเธอไว้ก่อนที่เธอจะ พูดออกมาจบประโยค "ผมรักแกครับ...ชิวิตแกบริสุทธิ์เกินกว่าจะรับรู้ว่าพ่อเลวๆคนนั้นมันทำกับแก...คุณดาไม่ต้องเสียใจหรอกครับ..ไว้เราค่อยมี ลูกกันใหม่ก็ได้..." ผมต้องพูดย้ำอีกหลายครั้ง เพื่อให้ความหวังกับคุณดาว่า จะมีลูกใหม่กับผม จนเธออ่อนเพลียสิ้นเสียงร่ำไห้ และนอนหลับ ไปในอ้อมกอดของผม จนผมต้องค่อยๆ ขยับตัวอย่างแผ่วเบา ออกมานั่งรอหมอวิโรจน์ที่โซฟาภายในห้อง จนครู่ใหญ่ หมอ วิโรจน์จึงเข้ามาตรวจดูอาการของคุณดาอีกครั้ง จนเรียบร้อยจึงเอ่ยปากชวนผมออกมาพูดคุยกันนอกห้อง "อาการคุณดาเป็นอย่างไรบ้างครับหมอ..." ผมรีบร้อนถามด้วยความร้อนใจ [post]"เอ้อ...อาการทั่วไปที่เกิดจากการตกเลือดและการบอบช้ำทางร่างกาย...เรียบร้อยดีครับ..แต่ว่า...ผมคงต้องขอตัดชิ้นเนื้อที่ ปากมดลูกคุณดาไปตรวจดูก่อนนะครับ.." ตอนแรกที่ผมได้ยินคุณหมอวิโรจน์บอก ก็ยิ้มดีใจ ที่คุณดาไม่มีอาการเป็นอะไรมาก แต่พอได้ยินคำว่าแต่ว่าเท่านั้น ผมถึง กับใจสั่น แล้วหน้าซีดลงทันทีที่หมอวิโรจน์พูดจบ "ตัดชิ้นเนื้อไปพสูจน์..อะไรครับ.." ผมรีบร้อนถามด้วยความกังวล ลางสังหรณ์มันบอกกับผมทันทีว่า เมื่อหมอมาขออนุญาต แบบนี้ เรื่องคงไม่ใช่เล็กน้อยเป็นแน่ "ให้ผลพิสูจน์ออกมาก่อนดีกว่าครับ ผมจึงค่อยบอกให้ทราบ..." หมอวิโรจ์พูดออกมาด้วยเสียงและสีหน้าเคร่งขรึม แต่การ ให้ผมรอคำตอบนี่มันช่างทรมานใจจนผมอดโพล่งถามออกไปตามที่คิดไม่ได้ "หมอหมายความว่า..คุณดาเมียผม อาจเป็นมะเร็งที่ปากมดลูกใช่มั๊ยครับ..." "เราก็หวังว่ามันจะไม่ใช่ครับ...ใจเย็นๆครับคุณ บ่ายๆเย็นๆนี้ ผลก็จะออกมาแล้ว..." ลองว่าหมอวิโรจน์พูดออกมาแบบนี้แล้ว มันน่าจะเกินกว่า90% ที่คุณดาเมียผมจะเป็นมะเร็งปากมดลูก เพียงแต่ว่ามันยัง เป็นมะเร็งในระดับขั้นไหนเท่านั้นเอง แต่มันก็แทบทำให้เข่าผมทรุด จนต้องเดินคอตกไปทรุดตัวนั่งรอฟังผลที่โซฟา จนสายๆคุณวิก็แวะเข้ามาดูแลคุณดา พอเธอมองเห็นผมนั่งอย่างคนอ่อนแรงอยู่ที่โซฟาก็แปลกใจ รีบตรงมาทรุดตัวนั่งข้างๆ แล้วสอบถาม "คุณหมอสันนิษฐานว่าคุณดาจะเป็นมะเร็งที่ปากมดลูกครับ..ตอนนี้กำลังส่งชิ้นเนื้อไปพิสูจน์.." ผมตอบให้คุณวิทราบ พร้อมมอบเอกสารบัตรประจำตัวทั้งของคุณดาและพ่อตาผม รวมถึงบัตรประกันสุขภาพของคุณดา ให้คุณวิช่วยเป็นธุระจัด การให้ จากนั้นเธอก็อยู่นั่งคุยปลอบใจผมสักครู่ใหญ่ จึงลุกออกไปจัดการธุระที่ผมมอบหมายให้ จวบจนกระทั่งเย็น ที่เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ผมก็ได้รับคำยืนยันจากนายแพทย์วิโรจน์ ว่าคุณดาเป็นมะเร็งปากมดลูกจริงๆ แต่เป็นเพียงขั้นที่2 วิธีการรักษามีหลายขั้นตอน เริ่มจากวิธีแรกนั้นก็คือ ต้องตัดปากมดลูก และท่อรังไข่ทิ้ง เพราะมันลุกลาม ไปถึงจุดนั้นแล้ว "เอ้อ..แล้วหลังจากตัดมดลูกทิ้งแล้วคุณดาจะเป็นยังไงครับ.." ผมถามออกไปด้วยสุ้มเสียงแห้งๆสั่นๆ แม้ไม่อยากรู้คำตอบ แต่ ผมก็จำเป็นต้องรู้ "เอ้อ...คุณดาจะมีบุตรอีกไม่ได้แล้วครับ แต่ไม่สำคัญเท่ารังไข่ เมื่อถูกตัดมันจะสร้างฮอร์โมนอีกไม่ได้ เมื่อระดับฮอร์โมนต่ำ คุณดาอาจจะเข้าวัยทองก่อนเวลาอันควร และมีผลข้างเคียงอีกหลายอย่างครับ...ถ้ารักษาวิธีนี้แล้วได้ผล ก็ไม่ต้องใช้เคมี บำบัดครับ.." "ครับ..คุณหมอจัดการได้เลยครับ..." ผมตอบออกไปด้วยสุ้มเสียงแห้งๆ แล้วลืมนึกไปเสียสนิทว่าผมนั้นเป็นเพียงสามีของ คุณดาเพียงพฤฒินัยเท่านั้น หาได้มีผลทางกฏหมายแต่อย่างใด

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น