AEl5Nk.gif AEl5Nk.gif


เหตุเกิดที่โรงแรมblPdyV.gif
โดย Tom Mm

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
29/07/66

เต้ยกับพี่ติ่ง blPdyV.gif
โดย ตฤษณา

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

ผิดที่เมย์เองเลยโดนจับขึงพืดblPdyV.gif
โดย Uratarou

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

ฝึกงานที่บริษัทขายหมู่บ้านจัดสรรblPdyV.gif
โดย 子翔吳

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

พ่อเลี้ยงของหนู EP1blPdyV.gif
โดย Ken Ken

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

วันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

ตำนานนักรัก ตอนที่1

ตำนานนักรัก ตอนที่1 เกริ่นนำ

ผมชื่อทองดี ชายไทยภาคกลางอยู่ไม่ห่างจากกรุงเทพเท่าใดนัก สิ่งที่ผมจะเล่าให้ฟังนั้น มันหาใช่บันทึกนักรัก ที่ผมเป็นผู้เขียนแต่อย่างใด แต่ว่ามันคือคำบอกเล่าของชายชรา ที่เข้ามาพักอยู่ในพรประภาเนิร์สซิ่งโฮม ที่ผมทำงานอยุ่ต่างหาก เรื่องที่คุณตาเสงี่ยม ถ่ายทอดให้ผมฟังยามท่านเหงา โดยมีผมเป็นเพื่อนคุย เพราะไม่คอ่ยมีลูกหลานมาเยี่ยมนั้น จะเป็นเรื่องเท็จจริงประการใด ผมไม่อาจทราบ แต่ผมเห็นว่าเรื่องของลุงเสงี่ยมน่าสนใจ น่าจดจำเอาไว้เป็นบทเรียนของชีวิต แต่ไม่น่าจดจำทำเลียนแบบ ผมจึงถ่ายทอดมา ให้พวกท่านฟังกันอีกที ตามผมมาสิครับ ผมได้พบและรู้จักคุณลุงเสงี่ยมเป็นครั้งแรก ในตอนบ่ายๆวันหนึ่งที่ผมเข้าเวรประจำอยู่หน้าตึก คอยดูแลช่วยเหลือญาติๆของผู้สูงอายุ หรือก็คือคนแก่นั่นแหละครับ ที่เข้ามาติดต่อฝากให้ช่วยดูแล ทั้งแบบชั่วครั้งชั่วคราว ยามที่คนทางบ้านไปท่องเที่ยว
และไม่อยากนำ คนแก่ในบ้านไปด้วย ก็จะนำมาฝากให้เนิร์สซิ่งโฮมคอยดูแล หรืออีกพวกก็เป็นแบบที่มาพักอยู่อย่างถาวร ไปจนกว่าจะตายจากกันไป ซึ่งคุณลุงเสงี่ยมนั้นอยู่ในประเภทที่สอง แม้บ้านจะมีฐานะ เพราะวันที่ลูกสาวและลูกเขยพามาส่งด้วยรถอัลพาร์ดป้ายแดงนั้น แต่คงเป็นเรื่องยุ่งยากที่จะจ้างพยาบาลไปดูแลผู้เป็นพ่อถึงบ้าน หรือจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ที่สุดลุงเสงี่ยมก็กลายเป็นสมาชิกส่วน หนึ่ง ประจำบ้านพักคนชราของพวกเรา ช่วงแรกๆที่คุณลุงเสงี่ยมมาพักที่แห่งนี้ ก็ยังไม่ค่อยสนิทสนมกับผมเท่าใดนัก ผมก็เช่นกัน แค่ทำหน้าที่คอยดูแลช่วยเหลือ เตือนเรื่องทานข้าวทานยา และหลับนอน จนหลายๆวันผ่านไป ก็ยังไม่เคยเห็นลูกหลานมาเยี่ยมเยือนเฉกเช่นคนแก่อื่นๆที่พักอยู่ในนี้ จนสุขภาพของแกเริ่มทรุดโทรม ด้วยโรคเหงาของคนชรา ผมจึงได้เข้าไปช่วยเหลือสอบถาม ชวนพูดชวนคุย เท่าที่จะมีเวลานั่นแหละ จึงได้เริ่มสนิทกัน จนกระทั่งได้รับทราบเรื่องราวทั้งหมดของลุงเสงี่ยม เท่าที่สติปัญญาของแกจะนึกได้ "ตอนหนุ่มๆนี่ ลุงเจ้าชู้มากเลยรู้มั๊ยนายทองดี เรียกได้ว่าเป็นเพลย์บอยคนหนึ่งเลยละ.." ลุงเสงี่ยมเริ่มเล่าเรื่องราวให้ผมฟังด้วยแวว ตาที่ฟ้าฟางและเส้นผมสีดอกเลา "จริงหรือครับ...แต่ก็คงได้นะ..เพราะลุงรวยมีเงินขนาดนี้ สาวๆคงชอบแหละ..." ผมก็เอออวยไปตามเรื่อง ไม่อยากขัดคอแก "เฮ้ย!..มันไม่เกี่ยวกับเงินทองเล้ย..สาวๆชอบลุงเพราะลุงเอาเก่งต่างหากว่ะ..ฮ่าๆๆๆ.." ลุงเสงี่ยมป้องปากก้มหน้ามากระซิบบอกความลับให้ผมฟังพร้อมหัวเราะอาย่งมีความสุข ทำให้ผมพลอยหัวเราะตามด้วยความขบขัน แม้จะไม่อยากเชื่อ แต่ผมก็เออออไปกับแก "จริงหรือครับ..." "จริงสิวะ..ลุงน่ะเอาเป็นตั้งแต่อายุสิบสองแล้วนะโว๊ย..ไม่อยากจะคุย..." แม้ปากลุงเสงี่ยมบอกว่าไม่อยากจะคุย แต่คราวนี้ผมว่าแกคงคุยโม้เป้นแน่ เพราะคำนวนอายุดูแล้ว ตอนนี้ลุงเสงี่ยมเกือบ80แล้ว ย้อนกลับไป60กว่าปี สมัยนั้นบ้านเมืองยังไม่เจริญก้าวหน้า เท็คโนโลยี่อินเตอร์เน็ตก็ยังไม่มี ผมว่าเด็กอายุแค่12 ขวบ คงขี่ควายแก้ผ้าเล่นน้ำเสียมากกว่าที่จะเย็ดผู้หญิงเป็น แต่หน้าที่ของผมก็ทำให้ต้องพูดเอออวยไปไม่อยากขัดคอคนแก่ ปล่อยให้ลุงเสงี่ยมเริ่มเล่าเรื่องวัยเด็กของแกออกมาช้าๆ "ทองดีรู้มั๊ยว่าสาวคนแรกที่ลุงเอาน่ะ เป็นหลานสาวแท้ๆของลุงเลยนะ..." ผมได้ยินแกพูดถึงกับสำลักน้ำที่กำลังยกดื่มแทบจะทันที รู้สึกตกใจและสงสัยว่าในสมัยนั้นของแก จะมีเรื่องแบบนี้กันจริงๆได้อย่างไร แต่ก็ยังคงนั่งฟังเงียบต่อ "บ้านพ่อแม่ปู่ย่าตายายของลุงน่ะ อยู่ป่าโมกข์ มีที่ดินนับร้อยไร่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาเลยนะ...มีลูกหลานเยอะ ลุงมีพี่สาวตั้ง5คนแน่ะ ลุงเป็นคนสุดท้อง...ลุงจำได้ว่าตอนลุงอายุสัก5ขวบ ที่บ้านลุงก็มีงานแต่งพี่สาวคนโต ตอนนั้นลุงยังเป็นเด็กก็เฮฮาวิ่งเล่นไปตามประสา ยังไม่รู้หรอกว่าแต่งานมันคืออะไร รู้เพียงแต่ว่าวันนั้นมีของกินมีหนังกลางแปลง..มีลิเกให้ดูก็สนุกร่าเริงแล้ว...จนพี่สาวของลุง มีลูกคนแรกเป็นผู้หญิง น่าตาน่ารักดีแก้มงี้ยุ้ยเป็นพวง ลุงก็เห่อหลานคนแรกเหมือนกับคนอื่นๆ วนเวียนไปดูหลานนอนเปล่เห่กล่อมไปตามเรื่อง แต่สักพักเดี่ยวลุงก็ไม่สนใจแล้ว...เพราะที่บ้านลุงมีเรื่อง พี่สาวคนรองหนีตามผู้ชายไป พ่อแม่วุ่นวายตามหากันให้วุ่น ส่วนลุงก็เริ่มเข้าโรงเรียน มีเพื่อนใหม่ มีครูสวยๆให้สนใจมอง โดยเฉพาเรื่องทะลึ่งแอบมุดใต้โต๊ะมองกางเกงในของครูนี่ ลุงเป็นหัวโจกเลยนะทองดี...ฮ่าๆๆๆๆ..." ลุงเสงี่ยมหยุดเล่าพร้อมหัวเราะขำๆ แล้วยื่นมือคว้ากาน้ำชารินใส่ถ้วย ก่อนจะค่อยๆเป่าจนหายร้อนแล้วดื่มแก้กระหาย ผมฟังมาตั้งนานแล้วแกยังไม่เริ่มเล่าเรื่องที่แกบอกสักทีว่าเคยเอากับหลานสาว แต่ก็ยังไม่อยากขัดคอแก ปล่อยให้แกดื่มน้ำชาจนวางถ้วยลง ลุงเสงี่ยม ก็เริ่มเล่าเรื่องให้ฟังใหม่ "หลังจากพี่สาวคนโตของลุงออกเรือนไปแล้ว ส่วนคนรองก็หอบผ้าหนีตามผู้ชายไป ที่บ้านก็เหลืออยู่เพียงสามสาวกับลุงอีกคน พี่สาวคนที่สามค่อนข้างเจ้าชู้ เปลี่ยนแฟนใหม่อยู่บ่อยๆ จนลุงได้ยินพ่อกับแม่บ่นอยู่เป็นประจำ ตอนนั้ลุงเข้าเรียนป.1แล้ว แต่งนอนร่วมมุ้งร่วมห้องกับพี่สาวทั้งสอง..." "ดะ..เดี๋ยวครับลุง..ลุงว่าจะเล่าเรื่องเอากับหลานสาวไม่ใช่หรือครับ..ผมฟังมาตั้งนานมีแต่เรื่องพี่สาวของลุง..." ผมพูดแทรกคัดขึ้นกลางคัน จนลุงเสงี่ยมหันมาถลึงตาดุๆใส่ มันแสดงให้ผมรู้สมัยตอนแกหนุ่มๆนี่คงเป็นนักเลงไม่ใช่น้อย "อุ๊บ๊ะ..เอ็งนี่ใจร้อนจริง..ตอนนั้นลุงแค่ป.1 หลานสาวลุงก็เพิ่งเดินเตาะแตะ..เอ็งจะให้มันรีบโดนลุงเอาไปถึงไหนวะ...ฮ่าๆๆๆ." ลุง เสงี่ยมแกแสร้งพูดเสียงดังดั่งข่มขู่ แต่สุดท้ายแกก็หัวเราะขำๆชอบใจ เมื่อเห็นผมทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยม "ลุงเล่าเรื่องไปถึงไหนแล้ววะทองดี.." พอลุงเสงี่ยมแกจะเริ่มเล่าต่อ ก็ดันจำไม่ได้เสียอีกว่าเล่าไปถึงตอนไหน ผมต้องเล่าทวนให้แก ฟังซ้ำอีกรอบ คราวนี้แกจึงจำได้และเริ่มเล่าเรื่องต่อ [post]"ไอ้พี่สาวคนที่สี่ของลุงนี่ มันชอบนอนดิ้นและขี้เซา..มีคืนหนึ่งลุงตกใจตื่นตอนดึก เพราะรู้สึกหนักๆตัวเหมือนโดนผีอำ พอตื่นมาปรากฏว่าพี่ไอ้สาวลุงคนนั้นมันนอนดิ้นก่ายขามาพาดบนอกของลุง จนผ่านุ่งผ้าซิ่นถลกเลิกขึ้นไปถึงตูด มิหนำซ้ำมันยังไม่ใส่กุงเกง ในนอนเสียด้วย...ที่ลุงรู้ก็เพราะใช้มือคลำๆจากขาอ่อนของมันจนมาถึงก้น..ไม่พบกุงเกงในเลยสักตัว ตอนแรกก็พยายามผลักขามันออกจากอก แต่มันตัวใหญ่กว่าลุงเยอะ ผลักยังไงก็ไม่หลุด ลุงก็อึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก เลยคิดจะจั๊กกะจี๋ให้มันตื่น ลุงก็คลำลง ไปที่เอวจี๋ๆไชๆมันก็ไม่ตื่นสักที จนเริ่มโมโห กะว่าจะหยิกจิ๋มมันแรงๆ ดูสิว่าคราวนี้จะตื่นมั๊ย แต่พอมือลุงคลำไปสัมผัสนั่นแหละ ถึงกับแปลกใจที่ตรงจิ๋มมันมีขน ไม่ยักกะเหมือนของลุงที่เกลี้ยงเกลา หลานสาวลุงก็จิมเกลี้ยงๆเหมือนกัน ลุงก็เลยคลำๆ สำรวจไปด้วย ความอยากรู้อยากเห็น บอกเอ็งตามตรงเลยว่า ตอนนั้นลุงยังไม่รู้จักเลยว่าเซ็กส์มันคืออะไร ลุงคลำจิ๋มพี่สาวเล่น แค่รู้สึกว่าทำไมมันแปลกไม่เหมือนจู๋ของลุงเลย พอคลำไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกจิ๋มพี่สาวลุงจะมีน้ำลื่นๆออกมา แฉะติดปลายนิ้ว ตอนนั้นยังไม่รู้หรอกว่าไอ้น้ำ แบบนั้นเขาเรียกอะไร แต่มันก็ลื่นนิ้วยิ่งทำให้ละเลงนิ้วได้ลื่นขึ้นๆ ลุงคลำเล่นอยู่แบบนั้นจนตัวเองหลับไปตอนไหนไม่รู้ตัว...พอวันหลังๆที่พี่สาวลุงดิ้นเอาข่ายมาก่ายอีก ลุงก็คลำสำรวจอยู่บ่อยๆ แล้วก็เริ่มก้าวหน้าคลำขึ้นไปถึงนม เป็นกระเปาะเล็กๆ เท่าผลส้ม แต่ ในตอนนั้นลุงคิดว่าทำไมนมพี่สาวลุงมันใหญ่เหลือเกิน สงสัยมันจะโดนมดตานอยต่อยมาแน่..." ลุงเสงี่ยมหยุดเล่าไปชั่วครู่ พร้อมยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบกลั้วคออีกครั้ง แล้วกระแอมเรียกเสียงก่อนจะเริ่มเล่าต่อ "ลุงคะ..ได้เวลาทานยาแล้วค่ะ...." แต่ก่อนที่จะเริ่มเล่าเรื่องให้ผมฟังอีกครั้ง เสียงคุณวิ พยาบาลประจำศูนย์ก็ร้องขัดขึ้นที่ด้านหลัง พร้อมเดินถือถ้วยยาและน้ำตามเข้ามายื่นส่งให้ "ลุงไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อยหนูวิ..ทำไมต้องให้ลุงกินยาด้วย.." ผมได้ยินเสียงลุงแกร้องถาม แต่ก็ยื่นมือมาไปรับถ้วยยาเทกรอกใส่ปาก ตามด้วยน้ำ แล้วกลืนเข้าไปอย่างไม่บิดพริ้ว "อ๋อ..มันเป็นยาบำรุงน่ะค่ะ..ทานแล้วคุณลุงจะได้แข็งแรงไงคะ.." คุณวิตอบยิ้มๆ แล้วค้อมตัวลงมารับถ้วยยาจากมือลุงเสงี่ยม โดยไม่ระมัดระวังว่าคอเสื้อชุดพยาบาล ว่ามันจะหย่อนกว้าง จนผมมองเห็นสายตาลุงเสงี่ยมจ้องรอดผ่านเข้าไป ก็เลยแกล้งกระแอมเตือนเบาๆ จนลุงแกสะดุ้งหันขวับมามอง ผมก็แกล้งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ จนคุณวิเดินจากไปนั่นแหละ ลุงแกเลยหันมาต่อว่าผมแบบขำๆทีเล่น ทีจริง "ไอ้เจ้าทองดี..คราวหลังเอ็งกระแอมขัดอีก ลุงจะไม่เล่าเรื่องให้ฟังอีกแล้วนะโว๊ย...." แกพูดพร้อมถลึงตาดุใส่ผม "โธ่ลุงครับ..ดูนมคุณวิไปแล้วมันช่วยอะไรคุณลุงได้...ผมถามจริงๆเหอะ..ลุงเห็นนมคุณวิแล้วยังสู้ได้อีกหรอครับ...." ผมมร้องถามแกไปด้วยความขบขัน อายุเกือบ80ปีของแก บวกกับโรคประจำตัวอีกเพียบ ทั้งความดันหัวใจและเบาหวาน มันไม่มีทาง ให้มะเขือเผากลายเป็นสากกะเบือเป็นแน่ "ชิชะๆๆๆ..เอ็งพูดดีไปเถอะ..คอยดูนะวันหนึ่งลุงจะเอาคุณวิให้ได้...ฮ่าๆๆๆๆ..." ลุงเสงี่ยมคุยโม้ แล้วจบด้วยการหัวเราะขำๆอย่างอารมณ์ดี พอจะเริ่มเล่าต่อ ผมก็บอกแกว่าพรุ่งนี้แล้วกัน เพราะผมยังมีงานที่ต้องทำ อีกหลายอย่าง จากนั้นผมก็เดินจากแกไป ทำงานตามหน้าทีประจำวันจนออกเวร

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น