AEl5Nk.gif AEl5Nk.gif


เหตุเกิดที่โรงแรมblPdyV.gif
โดย Tom Mm

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
29/07/66

เต้ยกับพี่ติ่ง blPdyV.gif
โดย ตฤษณา

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

ผิดที่เมย์เองเลยโดนจับขึงพืดblPdyV.gif
โดย Uratarou

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

ฝึกงานที่บริษัทขายหมู่บ้านจัดสรรblPdyV.gif
โดย 子翔吳

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

พ่อเลี้ยงของหนู EP1blPdyV.gif
โดย Ken Ken

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

วันอังคารที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2562

แฝดอันตราย ตอนที่59 ตอนอวสาน

แฝดอันตราย ตอนที่59 ตอนอวสาน   
เรื่องแฝดอันตรายนี้ ผมทำบทจบไว้สองแบบ แบบแรกเป็นการจบด้วยบทแนวดราม่า ส่วนอีกแบบเป็นบทจบแนว happy เชิญเลือกอ่านเอาตามความชอบ หรือจะอ่านทั้งสองแบบสองแนว ก็ตามใจ....

แบบที่1 แนวดราม่า 
ย้อนหลังกลับเมื่อสามวันที่แล้ว หลังจากกองกำลังภายใต้การบังคับบัญชาของผู้การอภิสิทธิ์ ได้เวลาตามที่นัดหมาย ต่างก็ พร้อมลงมือจู่โจมเข้าไปยังอาคารบ่อนกาสิโนย่านทองหล่อ อันเป็นกองบัญชาการของนายพลเดชกับลูกสาวอย่างรวดเร็ว และพร้อมเพรียงกัน จนฝ่ายนายพลเดชตั้งตัวไม่ทัน จึงไม่
สามารถต่อสู้ขัดขวางได้ จึงโดนจับกุมทั้งแก็งค์ ส่วนที่แหลมฉบัง หลังจากที่ผู้การนำทีมไปเอง มีการประทะยิงต่อสู้กันสนั่นหวั่นไหว แต่ท้ายที่สุดนายเทวัญก็ถูกกระสุนสังหารตายในที่ก่อเหตุ สมุนอีกหลายคนต่างถูกจับกุมพร้อมของกลาง อีกหลายคนตายในการต่อสุ้ ทางด้านกองกำลังที่ไปช่วยเหลือคุณหมิวกับชัดชายนั้น หลังจากที่ได้ยินคุณหมิวร้องบอกให้ช่วยชัดชายที่เธอเห็นกับตาว่า เขาถูกยิงจนพลัดตกลงไปในสายน้ำที่ไหลเชี่ยว แม้จะระดมกำลังเจ้าหน้าที่ลงไปค้นหาในน้ำ แต่กลับไม่พบร่างของเขา เนื่องด้วยฟ้ายังไม่สว่าง เครื่องไม้เครื่องมือยังไม่พร้อม จึงโทรศัพท์ไปแจ้งเหตุให้ผู้ก่ารรับทราบเรื่อง พร้อมวางกำลังไว้สี่คน เพื่อตรวจดูสถานการณ์รอบๆ ส่วนอีกสามคนได้พาร่างที่ไร้สติของคุณหมิวกลับมารักษาที่โรงพยบาลในตัวจังหวัด ก่อนจะ ทำการรักษาดูอาการเบื้องต้น แต่คุณหมิวก้ยังสลบไสลไม่ฟื้น จึงได้ทำการย้ายมารักษาตัวต่อที่กรุงเทพ พร้อมแจ้งข่าวให้ มรว.จักรภพและภรรยา รวมทั้งฉัตรชัยรับทราบ จนรุ่งเช้าผู้การอภิสิทธิ์จึงระดมกำลังเหล่าประดาน้ำลงงมค้นหาศพชัดชายอีกครั้ง แต่ไร้วี่แวว แม้จะดำน้ำออกค้นหาเป็น บริเวณที่กว้างขึ้น แต่ยังไร้วี่แววไม่เห็นร่างเห็นศพของเขา ผ่านไปอีกวันกองกำลังค้นหายังไม่ละความพยายาม แต่ดูเหมือนไม่มีอะไรคืบหน้า ไม่มีร่องรอยเบาะแสให้ตามสืบค้นหา รวม ทั้งท้องน้ำอันกว้างใหญ่ที่ดำน้ำออกค้นหาก็ยังไร้วี่แวว จนทั้งหมดลงความเห้นว่าคงต้องรอจนกว่าศพจะลอยขึ้นมา ซึ่งอาจ จะไหลไปตามกระแสน้ำ ไม่อยุ่ตรงจุดเกิดเหตุอย่างแน่นอน จนผ่านไปสามวันแล้วก็ยังไม่มีใครพบศพของเขา แต่ที่โรงพยาบาลคุณหมิวได้สติฟื้นจากการสลบไสล แล้วพอได้ยินเรื่อง ราวทั้งหมดจากบิดามารดา และคุณฉัตร เธอได้แต่นิ่งเงียบไม่พดจาโต้ตอบกับใคร มีเพียงน้ำตาเท่านั้นที่ไหลรินอาบสอง แก้มไม่ขาดสาย จนคุณหมอต้องเข้ามาฉีดยานอนหลับเพื่อให้เธอได้พักผ่อน แต่การกระทำของคุณหมิวนั้นกลับทำให้ฉัตรชัยครุ่นคิดสงสัยว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง ในขณะที่ทั้งสองถูกจับตัวไป แม้คุณหมิวจะกลับบ้านมาพักผ่อนต่อได้แล้ว แต่เธอก็ยังไม่ปริปากเล่าเรื่องให้ใครฟังแม้แต่ผู้เดียว กรมสอบสวนคดีพิเศษจึงสรุปรายงานการปราบปรามนายพลเดชและสมุนออกรายงานให้ทางผุ้ใหญ่รับทราบ พร้อมมอบ เหรียญเกียรติคุณในนามของชัดชายให้กับทางครอบครัวว่าเป็นผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับทางราชการ ผ่านไปอีกหนึ่งเดือนหลังเกิดเหตุ คุณหมิวยังซึมเศร้าแทบจะไม่พูดจากกับใคร มีเพียงแค่จะถามฉัตรชัยทุกครั้งในตอนเย็น หรือหัวค่ำที่ฉัตรชัยมาหาว่าพบคุณชัดแล้วหรือยัง พอฉัตรชัยตอบว่ายังไม่พบ คุณหมิวก็จะปลีกตัวขึ้นไปเก็บตัวเงียบอยุ่บน ห้องนอนตามลำพัง หลายครั้งที่ฉัตรชัยอยู่ค้างคืนด้วย เขามักจะได้ยินคุณหมิวละเมอพึมพำเรียกชื่อของชัดชายเสมอ จน ฉัตรชัยค่อนข้างมั่นใจว่าสิ่งที่เขาคิดไว้ว่าคุณหมิวกับน้องชายตนเองคงมีความสัมพันธ์ที่ล้ำลึกกันในช่วงที่ถูกจับคุมขังหรือ ช่วงที่พากันหลบหนีอย่างแน่นอน หลังจากนั้นกองกำลังค้นหาของผู้การเริ่มถอดใจถอนกำลังกลับกันมาหมด คงปล่อยทิ้ง ไว้ให้เป็นปริศนาว่าชัดชายตายไปแล้วหรือยังคงมีชีวิตอยู่ ส่วนทางบ้านฉัตรชัยและคุณหมิวต่างยังไม่สิ้นความหวัง ตราบใด ที่ยังไม่พบศพของชัดชาย เขาก็ยังเชื่อว่าชัดชายยังคงมีชีวิตอยู่ จนกระทั่งหลังจากนั้นอีกเกือบเดือน ทางผู้การได้โทรศัพท์มาหาครอบครัวฉัตรชัยแจ้งข่าวว่าชาวบ้านที่ทำการประมงใน ลำน้ำสายนั้นพบศพชายไทยนิรนามจากการลากอวนหาปลา แต่ยังไม่อาจระบุได้ว่าเป็นชัดชายหรือไม่จึงอยากให้ฉัตรชัย ไปตรวจดูศพที่เก็บไว้ในโรงพยาบาลประจำจังหวัด ฉัตรชัยจึงรีบไปดูศพพร้อมกับหวานเพียงสองคน โดยไม่บอกให้คุณหมิว รับทราบ พอไปถึงโรงพยาบาลก็ไม่สามารถยืนยันได้เนื่องจากศพนั้นจมน้ำมานานจนหมดสภาพที่จะมองดุได้ออกว่าเป็นใคร จึงต้องรอการพิสุจน์ดีเอ็นเอเท่านั้น ซึ่งฉัตรชัยก็รีบให้ทางโรงพยาบาลเก็บดีเอ็นเอของตัวเขาทันที เนื่องจากการเป็นแฝด ที่เกิดจากไข่ใบเดียวกัน จากนั้นก็พากันขับรถกลับมา แต่หวานได้ร้องขอให้แวะไปที่บ้านชนบทของเธอก่อน เพราะเป็น ทางผ่านอยู่แล้ว ฉัตรชัยจึงยอมทำตาม เขาพาหวานแวะไปที่ตลาดเพื่อพบกับแก้ว แล้วตั้งใจจะรับแก้วกลับมาอยุ่ด้วยกันที่บ้านของมารดาด้วย หลังจากที่แก้วทราบ เรื่องของราวทั้งหมดจากมารดา และลุงฉัตร เธอก็ร้องไห้เศร้าเสียใจกับการจากไปของชัดชายผู้เป็นพ่อ เนื่องจากตลอดเวลา นั้นแม้มีการออกข่าวเรื่องของนายพลเดชแต่ก็ไม่เคยปรากฎในข่าวเลยสักครั้งว่ามีชัดชายกับคุณหมิวเข้าไปเกี่ยวข้องกับ เหตุการด้วย เพราะผู้การอภิสิทธิ์ ปิดข่าวไว้ด้วยเกรงจะกระทบกับความปลอดภัยของทั้งสองครอบครัว ด้วยยังไม่สามาถ ทลายแก็งค้ายาบ้าที่ส่งมาให้นายพลเดชได้นั่นเอง  ครั้นพอฉัตรชัยพาหวานกับหลานสาวกลับมาที่บ้านเรือนไทยหลังเล็กๆของครอบครัวน้องชาย หลังจากปล่อยทิ้งล้างไป เกือบสองเดือน บรรดาสัตว์เลี้ยงสองขาและสี่ขานั้นชาวบ้านต่างพากันเอาไปเลี้ยงให้แทนด้วยความสงสารที่มันขาดอาหาร เกรงว่าจะตายไปเสียก่อน หญ้าขนหญ้าป้อง และวัชชพืชต่างๆ ขึ้นรกบริเวณพื้นดินหน้าบ้านและรอบๆสวนจนดูน่ากลัว สัตว์เลื้อยคลาน จนฉัตรชัยห้ามไม่ให้หวานและแก้วเข้าไปในบริเวณบ้าน เพียงยืนมองอยู่ที่ถนน จนชาวบ้านที่ผ่านไปมา ต่างทักทายกันว่าชัดชายและหวานหายไปไหนถึงได้ทิ้งเรือนไปนานขนาดนั้น ฉัตรชัยปล่อยให้ชาวบ้านเข้าใจผิดคิดว่าตนเองคือชัดชายด้วยไม่อยากอธิบายให้มากความ หลังจากที่ทั้งสามคนยืนดูบ้าน กันอีกไม่นานนักก็ค่อยเดินทางกลับกรุงเทพ..ฉัตรชัยส่งหวานและแก้วที่บ้านของมารดาก่อน จากนั้นก็ไปหาคุณหมิวที่บ้าน ของเธอ พอดีได้เห็นเหตุชุลมุนในบ้านของคุ่หมั้นเนื่องด้วยคุณหมิวเป้นลมล้มพับลงไปหลังจากที่ทราบจากพ่อแม่ว่าฉัตรชัย ไปต่างจังหวัด เพราะผู้การแจ้งข่าวการพบศพ จึงได้พาคุณหมิวไปส่งโรงพยาบาลเพื่อตรวจดูอาการ เพราะคุณหมิวนั้นซูบผอมลงผิดหูผิดตาด้วยความตรอมใจ แต่หลังจาก ที่คุณหมอออกมาจากห้องตรวจนั้น ผลการตรวจยังความประหลาดใจให้กับฉัตรชัยและมรว.จักรภพและภรรยาเป็นอย่างยิ่ง เมื่อพบว่าคุณหมิวกำลังตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้ว ฉัตรชัยจึงรับสมอ้างว่าคงเป็นเพราะตนเองผิดพลาด อย่างที่เคยกราบเรียน ให้บิดามารดาของคุณหมิวรับทราบไว้ก่อนแล้ว งานวิวาห์ระหว่างฉัตรชัยกับคุณหมิวจึงจำเป็นที่จะต้องจัดขึ้นอย่างเร่งด่วน แต่กระนั้นก็ยังมีข่าวดีเล็กๆเมื่อผลการพิสูจน์ดีเอ็นเอ ของศพชายนิรนามนั้นหาใช่ชัดชายแต่ประการใด ทุกๆคนจึงต่างยังมีความหวังว่าเขาน่าจะยังคงมีชีวิตอยู่ เพียงแต่ไม่รุ้เหตุผล ว่าเขาหายตัวไปทำไม ก่อนงานวิวาห์จะเริ่มขึ้นเพียงวันเดียว คุณหมิวได้มาสารภาพความจริงให้ฉัตรชัยและพ่อแม่ของเธอได้รู้ว่าเด็กที่อยู่ในท้องของ เธอนั้น หาใช่เกิดจากฉัตรชัยแต่อย่างใด เธอเชื่อมั่นว่าน่าจะเป็นลุกของชัดชาย เพราะครั้งสุดท้ายที่เธอมีความสัมพันธ์ทาง เพศกับฉัตรชัยนั้น เป็นช่วงที่เพิ่งหมดรอบเดือน ยังอยุ่ในระยะปลอดภัย แต่หลังจากที่เธอถูกจับตัวไปคุมขังและหนีออกมาได้ นั้นมันผ่านระยะปลอดภัยไปแล้วถึงสามวัน เธอจึงมีความสัมพันธ์กับชัดชาย และเธอก็เชื่อมั่นว่าลูกในท้องของเธอนั้นชัดชาย เป็นพ่ออย่างแน่นอน แต่เมื่อฉัตรชัยรับทราบเขากับไม่ยอมเลื่อนกำหนดแต่งงาน ยังคงปล่อยให้งานดำเนินต่อไปทั้งนี้เพื่อกอบกู้ หน้าให้กับครอครัวของคุณหมิว แล้วตนเองก็ยินดีที่จะรับผิดชอบทุกสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ที่ต่างไปจากเดิมก้คือความสัมพันธ์ระหว่างฉัตรชัยกับคุณหมิวนั้นไม่เหมือนเดิม แม้จะแต่งงานกันไปฉัตรชัยก็ไม่เคยยุ่งเกี่ยว กับคุณหมิวเลยสักครั้ง ด้วยตัวเขารับรู้ได้ว่าบีดนี้ ในหัวใจของคุณหมิวนั้นหาได้มีคนชื่อฉัตรชัยแม้สักนิด เขาจึงแต่งงานกับ คุณหมิวเพียงแต่ในนาม เพื่อรองรับเด็กที่จะเกิดมาในอนคตว่ามีเขาเป็นพ่อตามกฎหมาย แม้คุณหมิวจะพูดคุยกับฉัตรชัยว่าไม่ จำเป็นต้องทำเยี่ยงนี้ก็ได้ ฉัตรชัยน่าจะโกรธ น่าจะเกลียดตัวเธอด้วยซ้ำ ที่ทรยศต่อความรักของเขา แต่ฉัตรชัยกลับนึกย้อนไป ถึงเรื่องกฎแห่งกรรม เขาผิดเมียของน้องชายมาก่อน กงกรรมวงล้อนั้นเลยย้อนมาเล่นงานเขาบ้างให้สูญเสียเมีย สูญเสียคนรัก กลับคืนไปให้น้องชาย เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนครบหนึ่งปีหลังจากเหตุการณ์วันนั้นเกิดขึ้น คุณหมิวคลอดลูกออกมาแล้วเป็นเด็กชาย เธอตั้งชื่อ ว่าชัดชาติ แล้วหย่าขาดจากฉัตรชัย ปล่อยชีวิตของอดีตคู่หมั้นของเธอให้เป้นอิสระ พ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายต่างก้เข้าใจกันดี ถึงเหตุผล จึ่งไม่มีปัญหาอะไรต่อกัน โดยเฉพาะคุณนายแจ่มจรัสมารดาของฝาแฝดต่างก็ยินยอมเมื่อฉัตรชัยมาสารภาพกับ ตนเองว่าเขาประสงค์จะรับหวานเป็นเมีย แล้วพากันกลับไปอยุ่ที่บ้านในชนบท ทรัพย์สินในบริษัทถูกขายเปลี่ยนมือไปให้คน อื่น แต่ฉัตรชัยได้เก็บเงินที่ขายบริษัทไว้ครึ่งหนึ่งใส่บัญชีไว้ให้กับหลานชายคือชัดชาติ ด้วยความหวังว่าสักวันน้องชายของ ตนเองจะกลับมา จะได้ใช้เงินจำนวนนี้สร้างครอบครัวใหม่กับคุณหมิว จากนั้นฉัตรชัยก็กลับไปสร้างบ้านร้างครอบครัวใหม่กับ หวานและหลานสาวคือแก้วนั้นเขาส่งให้ไปเรียนเรื่องการออกแบบด้านเสื้อผ้าที่ต่างประเทศตามความฝันของตัวเธอ จนผ่านไปอีกหนึ่งปีเต็มๆ ที่บ้านในชนบทของฉัตรชัยได้จัดงานเลี้ยงฉลองบุตรสาวที่เกิดจากหวานอายุได้ครบหนึ่งเดือนเต็ม คุณหมิวพาเด็กชายชัดชาติพร้อมกับมารดาของชัดชายมาร่วมงานด้วย ในระหว่างงานเลี้ยงแบบชนบทกำลังดำเนินไปนั้น มีพระภิษุสองรูปครองจีวรสีกรัก แสดงให้รู้ว่าเป็นพระป่าพระธุดงค์ รุปหนึ่งชราภาพแล้ว แต่อีกรูปหนึ่งยังอยู่ในวัยกลางคน พระทั้งสองรูปเดินช้าๆแบบสำรวมเข้ามาที่งาน โดยไม่มีใครได้นิมนต์มา แต่พอท่านทั้งสองเข้ามาถึงหน้างานแล้ว ฉัแตรชัย จึงรีบเดินไปนั่งยองๆตรงหน้าท่านพร้อมพนมมือนิมนต์ท่านเข้ามาเจริญพรในบ้าน แต่พอฉัตรชัยเงยหน้าขึ้นเขาก็ถึงกับชงัก เพราะพระภิษุผุ้เยาว์กว่าอีกรูปนั้น ช่างหน้าตาเหมือนกับตัวเขาเหมือนดั่งเป็นฝาแฝดกันเลยทีเดียวและเรื่องราวของฝาแฝดก็จบลงด้วยประการละฉนี้...สาธุ..................... ...................................................

การจบแบบที่สอง 
 "กรี๊ดดดดดดด..." เสียงกรีดร้องของคุณหมิวดังลั่นก้องทุ่งก้องชายน้ำ เมื่อเธอเห็นชัดเจนว่าพอต่างคนต่างลั่นกระสุนสังหารออกไปแทบจะ พร้อมเพรียงกันนั้น ร่างสุงโปร่งของชัดชายก็โดนยิง เข้าเต็มๆ จนโซเซ แล้วผลัดตกไปจากริมตลิ่ง เสียงตกน้ำดังตุมใหญ่ ส่วนไอ้โจรอีกคนก็โดนยิงเช่นกัน แต่มันกองฟุบอยุ่กับที่ คุณหมิวรีบวิ่งถลาไปหาชัดชาย ทันที่ที่กองกำลังของท่านผู้การก็ มาถึง หน่วยจุ่โจมต่างวิ่งกรูแยกกันไปสองจุด จุดแรกคือวิ่งตามคุณหมิว แต่อีกลุ่มวิ่งเข้าไปหาไอ้เด่นที่นอนฟุบอยู่กับพื้น หลังจากเคลียร์พื้นที่ดูแล้ว จึงรู้ว่าไอ้คนร้ายโดนยิงเข้าหัวใจตายคาที่ ส่วนหน่วยจู่โจมที่วิ่งตามคุณหมิวลงไปนั้นได้ยึดจับ ตัวเธอไว้ทันก่อนที่คุณหมิวจะถลาร่างหล่นลงไปจากตลิ่งที่สุงเกือบห้าเมตรกว่าจะถึงสายน้ำ "ช่วยคุณชัดด้วยค่ะ..." คุณหมิวจำได้ว่าเพียงคำสุดท้ายที่เธอร้องบอกเจ้าหน้าที่ เธอก็เป็นลมล้มสิ้นสติฟื้นกลับมาอีกทีรอบห้องเธอก็สว่างไสว ร่างอ่อนเปรี้ยของเธอนอนอยู่บนเตียงสีขาวสะอาดสอ้าน ที่แขนมีสายน้ำเกลือห้อยติดอยู่ "พี่ชัด...." เป็นประโยคแรกที่คุณหมิวร้องเรียกหาหลังจากลืมตาคืนสติ ฉัตรชัยและพ่อแม่ของคุณหมิวต่างกรูกันวิ่งเข้ามายืน รอบๆเตียง "คุณชัด...ไม่เป็นอะไรใช่มั๊ยคะ..." คุณหมิวยื่นมือไปจับมือของฉัตรชัยมากุมไว้แน่น เนื่องด้วยสายตาเธอยังปรับสภาพจำแนกไม่ออก คิดเพียงว่าบุคคลที่มายืน ข้างเตียงของเธอนั้นเป็นชัดชาย แต่เมื่อฉัตรชัยยื่นมือมาลูบศรีษะของเธอเบาๆอย่างปรอบประโลม คุณหมิวก็ล่วงรู้จากการ สัมผัสว่า เขาผุ้นั้นหาใช่ชัดชาย แต่เป็นฝาแฝดอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นคู่หมั้นและสามีของเธอเท่านั้น น้ำตาของคุณหมิวก็ไหล่ปรี่ ทะลักออกมาอาบสองแก้มพร้อมเสียงสะอื้นไห้ แม้จะยังไม่ล่วงรุ้ว่าชัดชายเป็นอันตรายแค่ไหน แต่เธอกลับมีรางสังหรณ์อย่าง ประหลาดว่า ต่อนี้เป็นต้นไปเธอคงไม่มีโอกาศได้เห็นได้สัมผัสตัวเขาอีกแล้วเป็นแน่ หลังจากนายแพทย์เข้ามาฉีดยาบำรุงให้กับคุณหมิวสักครู่เธอก็ง่วงนอนผลอยหลับไปอีกครั้ง ฉัตรชัยรวมทั้งพ่อแม่ของคุณหมิว จึงพากันเดินออกมาจากห้องพักฟื้น หลังจากปิดประตูเรียบร้อยร้อย ระหว่างที่กำลังเดินไปตามทางเพื่อไปยังห้องพักฟื้นอีก ห้องนั้น "ทำแบบนี้มันจะดีหรือคะคุณฉัตร..." เสียงคุณหญิงพรรณรายสอบถามขึ้นมาเบาๆ ด้วยสีหน้าที่ยังเป็นกังวลอยู่ว่าสิ่งที่พวกเขา กำลังคิดและทำอยู่นั้นมันจะถูกต้องแค่ไหน "ผมว่าดีนะครับ ผมเชื่อมั่นอยุ่ลึกๆว่าสองคนนั้นคงรักกัน..." ฉัตรชัยพูดเรียบๆ สีหน้าวางเฉยไม่มีร่องการของความเจ็บปวด จนกระทั่งเดินไปถึงหน้าห้องพักฟื้นอีกห้องหนึ่ง พอเปิดประตู เข้าไปในห้องที่มีผู้ป่วยชายนอนพักอยู่นั้น มีสายน้ำเกลือโยงระยาง พร้อมเครื่องช่วยหายใจ รอบร่างถูกพันด้วยผ้าก็อตสีขาว หนาเตอะ รอบๆเตียงผู้ป่วยนั้นมีมารดาของฉัตรชัยกับหวานนั่งจับมือกันอยุ่ สายตามองร่างผู้ป่วยที่ยังคงหลับสนิทอยู่บนเตียง "แม่ครับนายชัดเป็นอย่างไรบ้างครับ..." ฉัตรชัยพูดขึ้นเรียบๆ เพื่อสอบถามอาการของน้องชาย "น่าจะหมดห่วงแล้วละลูกฉัตร เมื่อสักครู่หมอเพิ่งมาดู....ก็ยิ้มๆบอกแม่ว่าอีกไม่กี่วันก็ออกจากดรงพยาบาลได้จ๊ะ...แล้วทาง หนูหมิวล่ะลูก..เธอเป็นอย่างไรบ้าง.." "ฟื้นแล้วครับแม่..แต่คงนึกว่านายชัดตายไปแล้วมั้ง..แต่ก้ยังปากแข็งไม่เล่าเรื่องอะไรให้ผมกับคุณพ่อคุณแม่ฟังครับ.." "แล้วเราจะทำอย่างไรกันดีคะคุณพี่ชาย..." คุณนายแจ่มจรัสหันไปถามมรว.จักรภพเบาๆ "ทั้งสองคนก็เป็นลูกชายคุณแจ่มจรัสทั้งคุ่นี่ครับ...ทำแบบนี้ลูกสาวผมเสียหายนะ..ยังไงก็ต้องมีคนรับผิดชอบ.." แม้คำพูดจะดูเหมือนจริงจัง แต่น้ำเสียงของคุณชายกลับสบายๆ เพราะรู้อยู่กับใจอยู่แล้วว่า ทั้งฉัตรชัยและน้องชายฝาแฝด ต่างก็เป็นคนดีทั้งคู่ ถ้าลูกสาวของตนเองจะเลือกใครเป็นคู่ครอง ตนเองก็พอใจยินดีทั้งนั้น "ขอบคุณค่ะคุณชาย...ดิฉันต้องจัดการให้สมฐานะชาติตระกูลของหนูหมิวอย่างแน่นอนค่ะ..." คุณนายแจ่มจรัสอมยิ้มพรายที่เธอจะได้คุณหมิวมาเป็นลูกสะใภ้ ไม่ว่าจะเป็นสะใภ้โตหรือเล็กก็ตาม ทั้งนี้เป็นเพราะว่าฉัตรชัย ฝาแฝดคนโตได้เล่าเรื่องความสัมพันธ์ของตัวเขากับหวาน เมื่อครั้งปลอมตัวไปอยุ่ต่างจังหวัดหมดแล้ว รวมถึงความสัมพันธ์ ระหว่างตัวเขากับคุณหมิวด้วยเช่นกัน ส่วนคุณนายแจ่มจรัสก็เล่าเหตุการณ์ที่ทำให้เธอตกใจจนก้าวเท้าพลาดตกบรรไดให้ ฉัตรชัยฟังจนหมดเช่นกัน สิ่งนี้เลยเป้นสาเหตุให้ฉัตรชัยต้องการพิสูจน์หัวใจของคุณหมิวก่อนว่า เธอรักใครกันแน่ระหว่าง น้องชายกับตน ฉัตรชัยไม่อยากทำพลาดอีกครั้ง ถ้าคุณหมิวรักนายชัดได้ เขาก็ยินดีหลีกทางให้น้องชาย เพราะสำนึกในใจ เตือนว่าตนเองก็แย่งเมียน้องชายมาแล้วคนหนึ่ง ถ้าน้องชายจะชิงเอาคู่หมั้นคืนไปบ้างก็สมน้ำสมเนื้อกันดี แต่ทั้งนี้คงต้องพิสุจน์ใจของคุณหมิวเท่านั้นเองว่ารักใครกันแน่ เพื่อจะได้ไม่ผิดใจฝืนใจกันในภายหลัง ส่วนเรื่องของทาง ผู้ใหญ่นั้นทุกอย่างได้พูดคุยกันในระหว่างที่คุณหมิวและชัดชายยังพักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาล จนเข้าใจกันดี หลังจากนั้นผ่านไปอีเจ็ดวันคุณหมิวก็ออกจากโรงพยาบาลกลับไปบ้านได้ คงเหลือเพียงชัดชายคนเดียวที่ยังคงต้องรักษา ตัวต่อไปอีกสักพัก ในวันที่คุณหมิวจะได้ออกจากดรงพยาบาลนั้น ฉัตรชัยเป็นผู้ขับรถมารับเธอ "น้องหมิวครับ พี่ได้คุยกับคุณพ่อคุณแม่ของน้องหมิวเรียบร้อยแล้วนะครับว่า..เอ่อ..เราจะแต่งงานกันในปลายเดือนนี้เลย..." ฉัตรชัยพุดขึ้นในขณะที่กำลังขับรถพาคุณหมิวไปส่งบ้าน "ปลายเดือนนี้เลยหรือคะ...เอ่อ..ไม่เร็วเกินไปหรือคะคุณพี่..." คุณหมิวได้ยินคำพูดของคุ่หมั้นถึงกับหน้าถอดสี "ช้าเกินไปด้วยซ้ำ...ความจริงแล้วพี่อยากแต่งงานกับน้องหมิวเสียวันนี้เลยด้วยซ้ำ..เพราะน้องหมิวก็แข็งแรงดีแล้วนี่ครับ...." ฉัตรชัยพูดจบก็เอื้อมมือไปคว้ามือคุณหมิวมากุม ส่งสายตาเจ้าชุ้หวานหวามใส่เข้าไปจ้องมอง แต่คุณหมิวหลบตา พร้อมกับ ค่อยๆชักมือกลับคืนมาช้าๆ เนียนๆแบบไม่ทำให้ฉัตรชัยรู้สึกผิดสังเกตุ "แล้วเรื่องของพี่ช.เอ๊ยคุณชัดล่ะคะ...จัดการเรียบร้อยแล้วหรือคะ........" ท้ายเสียงคุณหมิวสั่นเครือพยายามหน้าซ่อนหยาดน้ำตาที่เอ่คลอเบ้า ที่คุณหมิวถามนั้นหมายถึงว่าจัดงานศพของชัดชาย เรียบร้อยแล้วหรืออย่างไร "อ่อ..ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วครับ..." ฉัตรชัยก็ทราบความหมายในคำพูดของคุรหมิวเป็นอย่างดี เพียงแต่ทำเป็นไขสือสร้าง ความเข้าใจผิดให้คุณหมิวต่อไป "แล้วเรื่องของนายพลเดชกับพวกเค้าล่ะคะ..." คุณหมิวพยายามหาเรื่องมาพูดคุย ด้วยไม่อยากให้ฉัตรชัยวกกลับมาคุยเรื่อง แต่งงานต่อในระหว่างที่ใจเธอยังไม่พร้อม ฉัตรชัยจึงเล่าเรื่องของนายพลเดชให้ฟังตั้งแต่เริ่มแรกจนจบ ว่านายพลเดชกับแอนนี่ดดนจับ ส่วนลูกสมุนตายในการต่อสุ้ หลายคน ถูกจับก็อีกหลายคน จนกระทั่งรถมาถึงบ้านมรว.จักรภพ คุณหมิวเลยรีบขอตัวไปพักผ่อนก่อน อ้างว่าเธอยังรู้สึก ปวดๆหัวอยุ่ พอกลับเข้ามาอยุ่ในห้องเพียงลำพังคุณหมิวก้ร้องไห้ครุ่นคิดถึงชัดชาย คิดถึงความผิดพลาดของตนเอง ถ้าใน คืนนั้นตนเองไม่บุ่มบ่ามลงไปจากกระท่อมร้าง ชัดชายคงไม่ถูกยิงจนบาดเจ็บ ถ้าคืนนั้นในกระท่อมร้าง เธอจะยินยอมตอบ คำถามของเขาว่าที่ เธอร้องไห้นั้นหาใช่เพราะความเสียใจที่เสียตัวให้กับเขา แต่เป็นเพราะเธอร้องไห้ออกมาด้วยความสุข และร้องไห้เพราะเธอ เพิ่งรู้ใจตนเองแล้วว่าเธอรักเขาแค่ไหน ถ้าเธอรู้ใจตนเองตั้งแต่แรก คงไม่ตัดสินใจช้าจนถึงวินาทีสุดท้ายเช่นนั้น เธอคงยิน ยอมรักกับเขาให้ความสุขกับเขาอย่างเต้มที่ ถ้าเพียงรุ้ล่วงหน้าว่าชัดชายจะจากเธอไปเร็วขนาดนั้น เธอคงมอบกายให้เขา ได้เชยชมด้วยความสุขสมมากกว่านี้เป็นแน่ แต่ทุกอย่างมันสายเกินแก้ไขอย่างไรได้แล้ว คุณหมิวนอนคิดอยู่จะกระทั่งดึกดื่น ค่อนคืนจึงผลอยหลับ "ว่าอย่างไรคะคุณฉัตร...น้องยอมพูดหรือยังคะว่า...เธอรักใครกันแน่..." คุณหญิงพรรณรายสอบถามฉัตรชัยหลังจากที่นั่งคุย กันที่ห้องรับแขกตามลำพัง "ยังเลยครับคุณแม่..แต่ผมมั่นใจนะครับว่าเธอไม่ได้รักผมแล้ว..." "ทำไมคิดเช่นนั้นคะ..." "ก็พอผมพูดเรื่องการแต่งงาน ดูเหมือนน้องหมิวจะไม่ดีใจ ไม่ยินดียินร้ายน่ะครับ..." "แล้วพ่อฉัตรจะทำอย่างไรดีล่ะลูก..." "ทำแบบนี้ครับคุณแม่......." จากนั้นฉัตรชัยก้เล่าแผนการทั้งหมดที่จะทำให้คุณหญิงพรรณรายรับทราบ คุณแม่ของคุณหมิวรับฟังพร้อมผงกหน้าเห้นด้วย ในบางจังหวะจนสุดท้ายเธอก็เห็นด้วยให้ฉัตรชัยจัดการไปตามแผนที่วางไว้ พอถึงปลายเดือนก่อนวันวิวาห์ จะมาถึงเพียงวันเดียว คุณหมิวจึงมาสารภาพกับบิดาและมารดาพร้อมหน้าคู่หมั้นว่าเธอไม่ อยากแต่งงาน เพราะเธอมอบกายมอบใจให้ชัดชายไปแล้ว พร้อมเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟัง ฉัตรชัยและพ่อแม่ คุณหมิวทำทีท่าตกใจ ทั้งๆที่เรื่องเหล่านี้ ทั้งหมดได้ยินมาจากปากของชัดชายหมดแล้ว "ไม่ได้นะลูก..งานเตรียมพร้อมหมดแล้ว แขกเหรื่อผู้ใหญ่ทั้งนั้น ลูกหมิวจะมาปฎิเสธการแต่งงานกระทันหันแบบนี้ได้อย่างไร..." "แต่หมิวไม่ได้รักคุณพี่แล้วนี่คะ..อย่าฝืนใจหมิวเลยค่ะ..นะคะคุณพี่..." คุณหมิวหันไปขอร้องฉัตรชัยแทน เพราะคาดว่าคงไม่ ได้รับความกรุณาจากพ่อแม่เป็นแน่.. "คงไม่ได้หรอกครับน้องหมิว..พี่เลื่อนหรือยกเลิกไม่ได้ครับ พี่เสียใจ..." ฉัตรชัยแสร้งปั้นสีหน้าเครียดขรึม แต่แอบซ่อนยิ้มไว้ในใจ ณ.เวลานั้นแม้เขายังรักคุณหมิวอยู่เหมือนเช่นเดิมก้ตาม แต่เขากับ คิดใช้เหตุผล ในเมื่อคุณหมิวไม่ได้รักเขาแล้ว กลับไปรักน้องชายเขาแทน เขาก้คงไม่อยากฝืนใจเธอ แต่เขากลับไม่ยอม เลื่อนหรือยกเลิกงานแต่งยังยืนกรานที่จะต้องแต่งงานกับคุณหมิวต่อไป "คุณพี่ใจร้าย...ฮือๆๆๆๆ" คุณหมิววิ่งร้องไห้ออกไปจากห้องหลังจากที่ไม่มีใครเข้าใจเธอเลยสักคน ยังยืนกรานให้เธอแต่งงานกับฉัตรชัยทั้งๆที่บัดนี้ใจ ของเธอมีเพียงแต่ร่างของชัดชายเพียงคนเดียว รุ่งขึ้นพิธีวิวาห์ใหญ่โตก้จัดขึ้นที่โรงแรมหรูใจกลางกรุงเทพ แขกเหรื่อผู้ใหญ่มากับพรักพร้อม ใบหน้าเจ้าบ่าวยิ้มระรื่นรับแขก ตลอดงาน เพียงเจ้าสาวเท่านั้นที่เหมือนหุ่นยนต์ถูกตั้งรีโหมดให้ทำหน้าที่คุ่กับเจ้าบ่าว เธอก็ทำตามด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย แต่แฝงไว้ด้วยความเศร้าเหงา บรรดาญาติต่างมีความสุขดื่มอวยพรให้บ่าวสาวครองคุ่ครองรักกันนาน จนผ่านไปถึงช่วง เวลาที่จะต้องส่งตัวบ่าวสาวเข้าห้องหอ ที่ทางโรงแรมจัดเตรียมไว้ให้ "น้องหมิวเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สบายตัวก่อนสิครับ..." ฉัตรชัยเร่งเร้าด้วยใจที่รอเวลานี้มาเกือบสองเดือนแล้ว หลังจากที่คุณหมิวถูกลักพาตัวไปเขาไม่มีโอกาสอยู่กับเธอสองต่อ สองแบบนี้เลย "ค่ะ..." คุณหมิวรับคำเบาๆพร้อมเดินเข้าไปอาบน้ำ เธอใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำนานเป็นพิเศษ มิใช่เพื่อขัดสีฉวีวรรณเพื่อเตรียมตัวรับ บทรักจากเจ้าบ่าว แต่เธอเข้าไปแอบร้องไห้ด้วยความเหงาเศร้าใจ จนพอตัดใจได้เธอก็เดินออกมาพร้อมคิดอยู่ในใจเพียง ลำพังว่า ถ้าคุณพี่ฉัตรของเธอต้องการ เธอก็จะมอบร่างกายให้เขา ยกเว้นเพียงหัวใจเท่านั้นที่เธอไม่ให้ใครอีกแล้วนอกจาก ชัดชายเพียงผู้เดียว หลังจากนั้นฉัตรชัยก็เข้าไปอาบน้ำบ้าง เพียงไม่ถึงห้านาทีเขาก้เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าเช็ดตัวพันร่างกายช่วงล่างผืน เดียว เขาเดินตรงไปปิดไฟใหญ่กลางห้องเหลือเพียงไฟหรี่แสงสลัวๆตรงโป๊ะโคมไฟหัวเตียง จากนั้นก็ตรงเข้าไปกอดรัดร่าง เพรียวบางของคุณหมิวแน่น พรมจูบด้วยความสเน่หา คุณหมิวนอนแน่นิ่ง ไม่รับรู้แม้ร่างเธอจะค่อยๆถูกถอดเสื้อผ้าชุดนอน ออกไปทีละชิ้นๆจนเปลือยเปล่า เธอก้ยังคงนอนเฉยไม่โต้ตอบไม่ขัดขืน ฉัตรชัยดลมลูบจูบไล้ไปทุกส่วนของร่างกาย จนกระทั่งถึงเนินสาวที่แห้งผาก เขาแลบลิ้นโลมเลียปลุกเร้า แต่คุรหมิวก้ยังนอน นิ่งเฉย เม้มปากแน่นคงกลั้นเสียงครางเสียว แม้ใจเอจะไม่ยินยอม แต่พอโดนโลมลุบไล้ปลุกเร้าความกำหนัดอย่างมีชั้นเชิง ไม่นานนักร่างกายก็ขับสารหล่อลื่นออกมาตามธรรมชาติ จนฉัตรชัยเห็นว่าได้การแล้ว ก็จับขาของคุณหมิวโย้ขึ้นสุง แล้วกาง ออกกว้างก่อนจะแทรกตัวเข้าไป คุกเข่า แล้วใช้มือจับลำอวบอ้วนของเขาค่อยๆกรีดเกรียวไปตามยาวของร่องสาว คุณหมิว สะท้านเฮือกพยายามกัดฟันไว้ไม่ให้ส่งเสียงคราง ความรุ้สึกบอกเธอว่าบัดนี้ปลายลำบานร่าของฉัตรชัยนั้นกำลังจรดจ่อตรง ปากร่องเสียวของเธอ ใจเธอตวัดลอยไปนึกถึงชัดชายอีกครั้ง พร้อมหลับตารอช่วงวินาทีที่ฉัตรชัยจะปักลำยาวของเขาเข้าไป ในโพรงสวาท "อุ๊ยยยย..อ่า..." พอฉัตรชัยปักลำอวบอ้วนเข้าไปในร่องสาวจิงๆ คุณหมิวก็ถึงกับร้องตกใจ รู้สึกว่ามันไม่ใช่แบบนี้ เมื่อร่องสาวของเธอแยกตึง แทบปริ กว่าจะรองรับลำอวบอ้วนเข้าไปจนมิดขอบเงี่ยง คุณหมิวผวาพยายามลุกขึ้นนั่ง ฉัตรชัยก็ดันลำลึงค์เข้าไปอีกพรวด คุณหมิวครางอูย เพราะว่าลำอวบอ้วนนั้นเข้าไปเกินกว่าครึ่ง..ไม่ใช่แล้ว ไม่ใช่แน่ๆ คุณหมิวร่ำร้องอยู่ในใจ เอื้อมมือควานหา สวิทซ์ไฟหัวเตียง พอเจอเธอก็เปิดมันขึ้นจนสว่างจ้า ก้มมองร่องสาวของเธอที่บานแยกอ้ากว้างคาบลำลึงอวบอ้วนไว้เต็มๆลำ.. "ว๊าย.....อูยยย..." คุณหมิวร้องด้วยความตกใจ ร่องสาวบานแยกแทบปริฉีก เมื่อลำอวบอ้วนอัดเข้าไปจนมดสุดโคน .. "พี่ชัด...." คุณหมิวพูดออกมาได้เพียงเท่านั้น แล้วปากเธอก็โดนเขาปิดสนิทด้วยริมฝีปากของเขา ภายในห้องนอนอีกห้องที่ติดกัน หวานกับฉัตรชัยตัวจริงที่แอบฟังอยุ่ข้างประตู ต่างยิ้มให้กันด้วยความรักความสุข แล้วจุงมือ กันไปที่เตียง โรยดอกกุหลาบ เสมือนเป็นเตียงวิวาห์ของอีกคุ่หนึ่งก็ไม่ปาน......

จบแล้วครับแบบที่สอง...เฮ้ออออออเหนื่อยเลย

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น