AEl5Nk.gif AEl5Nk.gif


เหตุเกิดที่โรงแรมblPdyV.gif
โดย Tom Mm

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
29/07/66

เต้ยกับพี่ติ่ง blPdyV.gif
โดย ตฤษณา

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

ผิดที่เมย์เองเลยโดนจับขึงพืดblPdyV.gif
โดย Uratarou

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

ฝึกงานที่บริษัทขายหมู่บ้านจัดสรรblPdyV.gif
โดย 子翔吳

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

พ่อเลี้ยงของหนู EP1blPdyV.gif
โดย Ken Ken

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

วันอังคารที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

พรหมลิขิต ผิดคิวตอนที่ 20

พรหม ลิขิตผิดคิวตอนที่ 20

        วันนั้นวีรพลไม่ได้ไปทำงาน เพราะคุยกับวีรวัฒน์แล้วโดยวีรวัฒน์ยืนยันจะจัดการเรื่องที่เคลือบแคลงสังสัยเสียเอง วีรพลจึงพาน้องสาวมาเที่ยวตามที่หล่อนขอไว้เมื่อเช้า ขึ้นเซ็นทรัลเวิลด์ เดินต่อไปที่สยามพารากอน สยามเซนเตอร์ เดินเที่ยว ชอปปิ้งจนเป็นที่พอใจแล้วมินตราก็พาพี่ชายไปที่สยามสแควร์เข้าไปที่โรงเรียนกวดวิชาที่หล่อนมาประจำ พาพี่ชายไปรู้จักกับอาจารย์พิเศษ ทำเอาบรรดาสาวๆ พนักงานที่โรงเรียนกวดวิชา ไม่เว้นกระทั่งอาจารย์พิเศษสาว พากันมองวีรพลตาเป็นประกาย ไม่มองได้อย่างไร วีรพลเป็นคนร่างใหญ่สูงโปร่ง หน้าคมสันปนหวาน ยิ่งท่าทางเรียบขรึม ทำเอาบรรดาสาวๆ หัวใจละลายกันเป็นแถบ “น้องมีนจ๋า พี่ชายน้องมีนอ่ะ หล่อบาดใจขนาดนี้ มีแฟนรึยังจ๊ะ คิคิคิ” พนักงานสาวคน
หนึ่งเข้ามากระซิบหยอกเย้าหรือเอาจริงไม่ทราบ ทำตาระริกระรี้ มินตราก็เอียงหน้ากระซิบตอบ “มีแล้วจ๊ะ แต่มีนก็ยังไม่เคยเห็นหน้าแฟนพี่โอ๊ตหรอก เพราะอยู่ต่างจังหวัด พี่หนูเข้าไปปักหลักสร้างบ้านอยู่ต่างจังหวัดนะคะ พี่อ้อย” “ว้า.... รู้มั้ยน้องมีน พี่ล่ะอดอิจฉาผู้หญิงคนนั้นไม่ได้จริงๆ น้องมีนน่าจะพามาให้รู้จักตั้งนานแล้วนะจ๊ะ คิคิคิคิ” “นั่นแน่ เจอหนุ่มหล่อเป็นงี้ทุกทีอ่ะ พี่อ้อย แถวๆ นี้คนหล่อเยอะจะตาย พี่อ้อยจะมาสนพี่โอ๊ตทำมาย สยามสแควร์ก็นี่ก็หนุ่มหล่อระดับพระเอกหนักเยอะแยะไป พี่อ้อยกวาดได้ไม่หมดหรอกจ๊ะ คิคิคิคิ” “หืมม น่าตีนัก มาแซวพี่ แต่พี่ชายน้องมีนนี่ หล่อบาดใจพี่จริงๆ แต่มีแฟนซะแล่ว เฮ้อ.... เมื่อไหร่จะมีแฟนหล่อๆ กับเค้ามั่งน้า...” พูดพลางก็ทำตาลอยละห้อย มีนตราปล่อยให้พี่ชายพูดคุยกับอาจารย์พิเศษได้สักพักก็พากันออกจากที่นั่นขึ้นรถที่สยามเซนเตอร์ ขับออกไปทางสี่แยกปทุมวัน แยกเลี้ยวไปทางแยกราชเทวี เพื่อเข้าถนนเพชรบุรีแล้วกลับเข้าบ้านทางสุขุมวิท เมื่อขับรถมาก่อนจะถึงแยกราชเทวี บรรดารถราก็มากมายต่างเบียดเสียดแย่งวิ่งกันเป็นแถว ยิ่งในวันหยุดบริเวณแถวนี้จะมีคนพลุกพล่านมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเวลาไพรม์ไทม์คือช่วง 4โมงเย็นถึง 4 ทุ่ม การจราจรจึงดูจะเป็นไปด้วยความเชื่องช้า วีรพลก็ได้แต่เปิดเพลงฮัมตามเนื้อเพลงไปเบาๆ สายตาก็ส่ายมองไปเรื่อยเปื่อย และแล้วเขาก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อมีรถคันหนึ่งที่คุ้นตาออกมาจากซอยเข้ามาปาดหน้ารถของเขา มินตราเห็นพี่ชายหยุดฮัมเพลง ก็เลยหันไปมองเห็นวีรพลจ้องไปยังรถคันหน้า “เอ๊ะ พี่โอ๊ต นั่นรถคุณแม่นี่ คุณแม่มาทำอะไรที่นี่” “นั่นสิ เดี๋ยวๆ มีน ดูต่อข้างหลังอีก 3 คันสิ นั่นมันรถคุณพ่อนี่ เอ... หรือว่าคุณพ่อคุณแม่มาติดต่องานกับลูกค้าเหรอ แต่ก็น่าจะมาคันเดียวกันนะ” “น่านสิคะ ง้านเดียวมีนลงไปหาดีมั้ยคะ พี่โอ๊ต รถติดแหงกอย่างนี้คงไปขึ้นอีกคันได้ทัน” “อย่าเลยมีน เราไปเจอกันที่บ้านดีกว่า เอ้อ... อีกอย่าง มีนอย่าพูดเรื่องนี้กับคุณพ่อคุณแม่เลยนะ เรื่องของผู้ใหญ่ ปล่อยให้เป็นเรื่องของเค้าดีกว่า” “ก็ได้คะ พี่โอ๊ต สงสัยจะนัดมาเจอลูกค้าที่เดียวกัน แต่ปกติวันอาทิตย์คุณพ่อกับคุณแม่ไม่ค่อยเห็นนัดลูกค้านินา” มินตรายังอดสงสัยไม่ได้ แต่ก็คงคิดได้แค่นั้น ตรงแยกข้างหน้า ไฟเขียวก็สว่างขึ้น วีรพลจึงปล่อยให้รถที่ออกมาจากซอยเบียดแซงไปก่อน สีหน้าเขาครุ่นคิดในเรื่องที่เขาเห็น แต่ก็คงคิดได้ในใจเท่านั้น มาบัดนี้เขาชักจะไม่ค่อยชอบอรทัยเอามากๆ ตั้งแต่วันคืนวันเสาร์ เหตุการณ์นั้นยังติดตาเขาอยู่ คงได้แต่เพียงเก็บความคับแค้นในใจเงียบๆ ยิ่งตอนนี้น้องสาวของเขายังอยู่ด้วยทั้งคน จะทำอะไรคงต้องค่อยเป็นค่อยไป เขาไม่อยากให้ทุกอย่างกระทบกระเทือนจิตใจน้องสาวที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไร ต้องมาทุกข์ใจกับการกระทำของแม่บังเกิดเกล้าของเธอ เมื่อนึกถึงแม่ วีรพลก็คว้าหมับไปที่อกตัวเองอย่างไม่ได้ตั้งใจ รูปที่วีรวัฒน์ให้เขาไว้เมื่อเช้าเขายังเก็บมันไว้ในกระเป๋าเสื้อ ทำไมหน้าแม่เขามันถึงละม้ายหรือจะว่าไปแทบจะเป็นคนเดียวกันกับวิภาวรรณ ยิ่งคิดสมองหมอหนุ่มก็เริ่มมึนงง มันเป็นไปไม่ได้แน่ๆ ที่คนรักของเขาจะเป็นคนเดียวกันกับแม่ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ วีรพลอดใจหายวูบไม่ได้ เขาเริ่มสับสนไปหมด หากมันเป็นจริงเขาจะทำอย่างไร แต่แล้วเขาก็สลัดความคิดนั้นออกไป ต้องไม่ใช่ คงไม่บังเอิญถึงขนาดนั้น เมื่อนึกถึงหน้าวิภาวรรณ เขาก็อดคิดถึงไม่ได้ ใบหน้าหวานๆ เริ่มลอยเด่นส่งยิ้มให้เขา แล้วเสียงสัญญาณเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นแทรกภวังค์ความคิดของเขา “สวัสดีครับ....ภาเหรอ อ๋อ คนงานเหรอครับ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ตอนเย็นให้ไปหาผมที่บ้านก็แล้วกันครับ จะได้มอบงานให้ ตอนนี้ผมร่างแปลนสวนกล้วยไม้เสร็จแล้ว ภาละครับเป็นไงบ้าง คิดถึงผมไหม” พูดไปพลางสายตาก็ชื่นบานยิ้มร่ากับการสนทนาผ่านคลื่นโทรศัพท์โดยลืมไปว่ามีคนนั่งอยู่ข้างๆ “ใครคะ พี่โอ๊ต แหม.... เสียงอ่อนเสียงหวานเชียวนะ” “อ่ะ เอ่อ....โธ่ภา....กิ้กเกิ้กที่หนายกัน นี่น้องมีน น้องสาวผมไง อย่าคิดมากน่า ภาครับ น้องมีนอ่ะ เค้าอยากเจอหน้าว่าที่พี่สะใภ้ อาทิตย์หน้าทำตัวให้ว่างนะ ผมจะพามารู้จักกับยัยจอมจุ้นของผม หรือจะคุยกับน้องมีนก่อนมั้ย นั่งอยู่ข้างๆ ผมเนี่ย วันนี้เขาอยากเที่ยวเลยต้องตามใจทิ้งงานพายัยจุ้นมาเที่ยวเนี่ย ภาจะคุยกับมีนมั้ย....... อ่ะ มีน.... พี่สะใภ้จะคุยด้วย” วีรพลยื่นหูฟังส่งให้น้องสาว ได้ยินสองสาวคุยกันดูท่าทางถูกคอกันดีจนรถจะเข้าซอยเข้าบ้านมินตราจึงวางสาย “แม๊.....มิน่าล่ะ พี่โอ๊ตถึงหลงรักหนักหนา พูดจาอ่อนหวาน ดูเป็นผู้ใหญ่ใจดี ท่าทางจะหวงพี่โอ๊ตน่าดู หึงได้แม้กระทั่งกับน้องสาว ฮิๆๆ แบบนี้พี่ชายมีนจะไปไหนรอดละเนี่ย ดูสิคุยกับมีนครั้งแรกมีนยังอยากคุยด้วยนานๆ เลย แบบนี้ ปิดเทอมมีนไปแน่ๆ จะไปนอนเล่นที่บ้านพี่ภา ห้ามเบี้ยวนะคะพี่โอ๊ต..” “จ้า....ใครจะกล้าขัดเจ้าหญิงจอมแก่น เดี๋ยวก็ได้หัวหลุดจากบ่า หม่อมฉันขอน้อมรับพระราชเสาวนีย์โดยดุษฏี พระเจ้าข้า...” ว่าพร้อมกับขยี้หัวมินตราอย่างหมั่นใส้แกมเอ็นดู สองพี่น้องต่างพูดคุยก็กระเซ้าเย้าแหย่สนุกสนานจนรถวิ่งเข้าถึงบ้าน ทั้งสองลงจากรถ มีหวานวิ่งเข้ามารับของที่ชอปปิ้งเป็นห่อหลายห่อ ป้านิ่มอยู่ที่เรือนใหญ่พูดคุยกับเจ้านายใหญ่ทั้งสองอยู่ วีรพลเดินเข้ามาถึงห้องโถง เห็นวีรวัฒน์กับอรทัยนั่งอยู่ด้วย มีป้านิ่มนั่งอยู่ข้างๆ เท่าที่เดาๆ ทั้งสองคงมาถึงบ้านก่อนเขาไม่นาน เพราะน้ำที่ป้านิ่มเสิร์ฟให้ ยังไม่พร่องเลย วีรพลแทบไม่อยากมองหน้าอรทัยเลย อรทัยนั้นไม่ต้องพูดถึงหล่อนไม่ชื่นชอบเขาแต่ไหนแต่ไรแล้ว สองพี่น้องที่เพิ่งมาถึงห้องโถงต่างก็ถอดสีหน้าทันทีจากที่หัวเราะสนุกสนาน วีรพลมองหน้าผู้ใหญ่ทั้งสองแล้วก็จะเดินขึ้นห้องไป “พ่อครับ โอ๊ตขอตัวเก็บของนะครับ จะเดินทางกลับเย็นนี้เลย พรุ่งนี้ต้องเข้าโรงพยาบาลแต่เช้า เอ่อ... มีน ไปช่วยพี่เก็บของหน่อยนะ ป่ะ ให้พ่อแม่เค้าอยู่คุยกันดีกว่า ผมขอตัวครับ น้าอรทัย หวาน....เอาของมีนไปเก็บที่ห้องละกัน” เขาก้มหัวนิดหนึ่งแล้วก็เดินขึ้นไปที่ห้อง มินตราก็วิ่งตามขึ้นไปที่ห้องของวีรพล หวานสาวใช้หน้าใหม่ก็ถือของที่ชอปปิ้งเดินขึ้นไปที่ห้องมินตรา “พี่โอ๊ต พี่ยังโกรธแม่อยู่เหรอ ไหนว่าไม่โกรธแล้วไง” “มีน น้าอรทัยต่างหากที่ไม่ชอบหน้าพี่ ไม่ยอมรับพี่ แล้วจะให้พี่พูดยังไง พี่ว่ามีนอย่าห่วงเลย รับรองพี่จะพยายามทำให้ดีที่สุด เอ่อนี่... ช่วยเก็บเสื้อพี่เข้ากระเป๋าหน่อย ไม่กี่ชุดเอง เดี๋ยวพี่จะจัดเก็บเอกสาร” “ว้า....พี่โอ๊ตอ่ะ จะทิ้งมีนไปอีกแล้ว เพิ่งไปเที่ยวกันมาแท้ๆ ต้องรออีกอาทิตย์หน้า พี่คะ มีนไม่อยากอยู่บ้านนี้แล้วถ้าคุณพ่อไม่อยู่ด้วย คุณแม่อ่ะ ทำเหมือนมีนไม่ใช่ลูกง้านแหละ พักหลังนี้ไม่ยอมไปส่งมีนไปเรียนพิเศษด้วยซ้ำ ตอนกลับก็มีแต่คุณพ่อไปรับ หรือไม่ก็มีนต้องกลับบ้านเอง จนมีนไม่อยากเรียนต่อแล้วถ้าพี่โอ๊ตไม่มาอยู่ด้วย มีนอยากไปอยู่กับพี่ที่บ้านใหม่ พี่โอ๊ตให้มีนไปอยู่ด้วยนะ” “มีน เรื่องเรียนเรื่องใหญ่นะ พี่ว่ามีนอยู่ที่นี่แหละ ยังไงคุณพ่อก็อยู่ พี่เองก็จะกลับมาที่นี่ทุกเสาร์อาทิตย์ ไม่แน่นะ พี่อาจจะย้ายกลับก็ได้ มีนน่ะ ตั้งใจเรียนก็แล้วกันนะ ปิดเทอม พี่จะขอคุณพ่อกับน้าอรให้มีนไปอยู่ที่บ้านพี่ ตกลงมั้ย” “ก็ได้คะ เดินทางโดยสวัสดิภาพ ขับรถดีๆ นะคะ แล้วก็ฝากบอกพี่ภาด้วยว่า มีนอดคิดถึงไม่ได้ ปิดเทอมเมื่อไหร่มีนไปแน่ๆ คอยต้อนรับน้องมีนด้วยก็แล้วกัน นะคะ” “โอเคจ้า... จัดหมดแล้วใช่มั้ย ป่ะ เดี๋ยวจะไปลาคุณพ่อกับน้าอร พี่อยากจะไปถึงเร็วๆ จะได้นอนพัก พรุ่งนี้ต้องเข้าโรงพยาบาลแต่เช้า” “หูยย.....ไม่คิดจะหยุดพักมั่งเลย เดี๋ยวก็เดี้ยงก่อนหรอก มีนว่าที่พี่รีบกลับคงไม่ใช่งานหรอกมั้ง พี่ภาโทร.มาอ้อนให้รีบกลับละสิ อดคิดถึงแฟนไม่ได้ช่ายม้า.... อย่าเอางานมาอ้างเลย เห็นคุยกับพี่ภากะหนุงกะหนิงขนาดน้าน” “พูดมากยัยจุ้น ป่ะ ถือกระเป๋าอันนั้นไป พี่จะกลับแล้ว อย่าทำเป็นรู้ดีหน่อยเลย อาทิตย์หน้าพี่จะพาพี่สะใภ้มา โอเค๊” .................... วีรพลขับรถออกเดินทางจากกรุงเทพฯตอน 1 ทุ่มไปทางบางนาเข้าสู่ถนนมอเตอร์เวย์ เส้นทางมุ่งสู่ภาคตะวันออก ในใจก็ครุ่นคิดถึงแต่ใบหน้าสวยหวาน ตาคม อีกใจหนึ่งก็อดคิดไม่ได้ว่าทำไมหน้าหล่อนช่างเหมือนแม่เขาเหลือเกิน ถ้าจะนับไล่อายุก็น่าจะใกล้เคียงกัน เขาไม่อยากคิดมากเลยแต่มันก็อดไม่ได้ ควักรูปที่เขาถ่ายกับแม่เมื่อตอนเด็กออกมาจากกระเป๋าเสื้อออกมาดูพลางขับรถไปเรื่อย ตอนนี้มีหลายอย่างที่วีรพลชักจะคิดหนักทั้งเรื่องงานที่บริษัท ทั้งเรื่องแม่เลี้ยง สักพักก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น “ครับ ว่าไงครับ หา!!!.....พี่ปิ่น พี่ภาเป็นอะไร” “หน้ามืดเป็นลมไปคะ วันนี้ตั้งแต่ตอนเย็นแล้ว ปิ่นมาบ้านจะบอกคุณภาเรื่องคนงานน่ะค่ะ เห็นคุณภาหน้าไม่ค่อยมีสีเลือดเลย ปิ่นเห็นท่าทางไม่ค่อยดีเลยขออยู่ด้วย แล้วคุณภาก็เป็นลม ตอนหลังจากคุยโทรศัพท์กับคุณหมอได้ไม่นาน คุณหมออยู่ไหนคะตอนนี้” “เพิ่งเลยบางนามาอ่ะ พี่ปิ่น คงอีกสักสองสามชั่วโมงเร็วสุด เอางี้ เดี๋ยวผมโทรเรียกเจ้าธรณ์กับแพรให้มันไปดูอาการพี่ภาก็แล้วกัน ผมฝากพี่ปิ่นดูแลไปก่อนนะครับ ผมจะรีบไป ครับๆ แค่นี้ก่อนครับ” วีรพลกดเบอร์หาธนธรณ์ฝากให้รีบไปดูวิภาวรรณ แล้วเขาก็เหยียบคันเร่งบึ่งรถเบ๊นซ์คู่ใจวิ่งฉิวไปอย่างร้อนรน........ เมื่อมาถึงบ้าน จอดรถไว้ ข้าวของก็ยังไม่ได้เก็บขึ้นบ้านเลย วีรพลก็แทบจะวิ่งไปที่บ้านวิภาวรรณก็พบปิ่นรออยู่ชั้นล่าง “อาการเป็นยังไงบ้างครับ พี่ปิ่น” “คุณหมอธร ให้ทานยา บอกว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอกคะ ตอนนี้หลับไปแล้วคะ คุณหมอกับคุณแพรกลับไปแล้ว ปิ่นก็เลยว่าจะอยู่ด้วยคืนนี้ คุณหมอขึ้นไปดูที่ห้องนอนก็ได้คะ เดี๋ยวปิ่นขอจัดห้องที่นอนด้านล่าง ขอคุณภานอนที่นี่แหละคะ เชิญคุณหมอคะ” “ครับ ขอบคุณพี่ปิ่นมาก” วีรพลรีบวิ่งขึ้นไปที่ห้องนอนวิภาวรรณมองหน้าสวยหวานขาวผ่อง บัดนี้ออกจะซีดเผือดไร้สีเลือดนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง เขาเข้าไปนั่งข้างๆ กายที่หลับอยู่ ดวงตาเขาหม่นลงด้วยความห่วงใย เย็นวันศุกร์ก่อนไปก็ยังเห็นวิภาวรรณอาการดีๆ ไม่มีท่าทีจะเป็นอะไร เขาคว้ามือวิภาวรรณมากุมจุมพิตเบาๆ สักพักเขาก็จัดการถอดเสื้อเชิ้ตออกเหลือแต่เสื้อกล้ามถอดกางเกงขายาว เหลือแต่กางเกงสปอร์ตเตอร์ขาสั้นบางเบา เขาพาดวางเสื้อและกางเกงไว้ที่เก้าอี้ข้างเตียงนอน แล้วก็ทอดกายอย่างแผ่วเบาเงียบกริบ นอนข้างวิภาวรรณ โอบร่างนั้นเข้ามากอด แน่นไว้ที่อก แล้วผล๊อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลียจากหลายๆ เรื่องทั้งการทำงาน พาน้องเที่ยวและการเดินทางจนรุ่งเช้า เมื่อเขาตื่นขึ้นมา ร่างที่เขานอนกอดเมื่อคืนหายไป เขาหันซ้ายขวาก็ไม่มี จึงลุกจากเตียงเดินลงมาข้างล่าง ได้ยินเสียงกุกกักๆ ภายในครัว ก็เดินตามเสียงนั้นไป มองเห็นจากข้างหลัง ร่างสูงระหงอยู่ในชุดเสื้อคลุมนอน หยิบจับข้าวของอย่างคล่องแคล่ว วีรพลยิ้มโล่งอก เดินเข้าไปโอบกอดจากข้างหลัง ใบหน้าคลอเคลียที่พวงแก้มวิภาวรรณ “อุ้ยย.....ตกใจหมดเลย มาไม่ให้สุ้มเสียงเลย ตื่นนานแล้วเหรอคะ เห็นพลหลับอยู่คงจะเดินทางเหนื่อย ภาเลยไม่อยากปลุก อึ้ย.....อย่าซนสิคะภาทำกับข้าวอยู่” “อะไรกัน ป่วยอยู่ไม่ใช่เหรอ แล้วลุกมาที่ครัวทำไม น่าจะนอนพักผ่อนนะ อุตส่าห์นอนกอดไว้ ยังจะหนีผมลงมาอีก ใจดำจัง ผมละรีบขับมารถแทบจะเหาะให้ได้ เป็นห่วงแทบแย่” กอดหล่อนไปพลางคลุกเคล้าจูบแก้มพัลวัน “อุ้ย ขอโทษคะ ปิ่นนึกว่าคุณภาอยู่คนเดียว” ทั้งคู่สะดุ้งรีบผละร่างออกจากกัน หันกลับมาที่หน้าประตูห้องครัว เห็นปิ่นทำตาโต อ้าปากค้าง วีรพลก็ลืมไปว่าเมื่อคืนปิ่นนอนอยู่ห้องรับแขกที่ชั้นล่าง “พลไปอาบน้ำก่อนเถอะ แล้วค่อยมาทานข้าวกัน ไปซิคะ” วิภาวรรณหน้าแดง รีบผลักไสวีรพลให้ไปอาบน้ำแก้เขิน วีรพลก็อายๆ ปิ่นเหมือนกันรีบเดินผ่านปิ่นออกไปยิ้มๆ เขินๆ วิภาวรรณก็หันกลับมาทำกับข้าวต่อโดยไม่ยอมสบตากับปิ่น “คุณภา เดี๋ยวปิ่นจัดการเองก็ได้คะ เดี๋ยวจะไม่สบายอีก ดูสิคุณหมอรีบมาแต่เมื่อคืน ดูท่าทางยังไม่ได้กลับขึ้นบ้านเลยนะคะเนี่ย ฮิๆๆ คงห่วงคุณภามากเลย มาคะเดี๋ยวปิ่นจัดการให้ คุณภาไปคุยกับคุณหมอเถอะคะ เสร็จแล้วเดี๋ยวปิ่นจัดขึ้นโต๊ะจะเรียกคุณภามาก็แล้วกัน นะคะ เดี๋ยวจะเป็นลมอีก” ปิ่นเข้าไปกุลีกุจอช่วยทำเรื่องกับข้าว วิภาวรรณเองตอนนี้แทบจะไม่อยากมองหน้าปิ่นเพราะอายที่ปิ่นมาเห็นหล่อนกับวีรพล เลยได้แต่พยักหน้ารับแล้วเดินออกจากห้องครัวไป ขึ้นไปชั้นบนที่ห้องนอน เห็นวีรพละกำลังจะเก็บเสื้อกับกางเกงเดินมาที่ประตู พอเห็นหล่อนเขาก็ส่งยิ้มหวานทิ้งเสื้อกับกางเกงเข้ามากอดวิภาวรรณ “ธรมันบอกว่าเป็นอะไรเหรอ ทำไมเป็นลม” “ไม่มีอะไรมากคะ แค่เพลียแล้วก็หน้ามืด ภาก็ไม่รู้เหมือนกันคะ อยู่ๆ ก็เกิดหน้ามืดแล้วฟุบไป ดีนะคะที่ปิ่นเค้ามาบ้านพอดี ไม่ง้านคงจะแย่หน่อย” “แล้วมีอาการอย่างอื่นมั้ย ตอนนี้ดีขึ้นหรือเปล่า” ถามไปสองมือก็ประคองใบหน้ารูปไข่ขาวนวลจ้องสำรวจ “คะ ภาไม่เป็นอะไรแล้ว พลไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะคะ แล้วค่อยมาทานข้าวกัน” “ไม่ ขอกอดเมียให้หายคิดถึงก่อน เฮ้อ... ค่อยโล่งอกไปที ต่อไปนี้ผมจะไม่ให้ภาห่างผมล่ะ เป็นอะไรไปจะได้ดูแลทัน อาทิตย์หน้าภาต้องไปกับผมแล้วนะ ห้ามปฏิเสธ ยัยมีนน่ะเค้าอยากเห็นหน้าว่าที่พี่สะใภ้จะตาย ผมดีใจนะ ที่ทั้งพ่อทั้งน้องเค้ายอมรับภาได้ แค่นี้ผมก็ดีใจแล้ว” วีรพลโอบกระชับร่างอรชรนั้นเข้ามาแนบกาย วิภาวรรณเองก็ซบหน้าที่ไหล่และซอกคอเขาเคลิบเคลิ้มไปกับความรักความห่วงใยของเขา แต่แล้วความคิดชั่ววูบก็แล่นเข้าจับจิตใจหล่อน ตอนที่หล่อนโทรหาเขา “พี่โอ๊ต” เสียงที่มินตราเรียกชื่อเขา วีรพลคือลูกชายหล่อนแน่แท้ ทำไมจะไม่แน่ใจ ทั้งชื่อเล่นชื่อจริงมันตรงกันหมด แถมงานบริษัทที่หล่อนช่วยเขาดูก็เป็นงานที่หล่อนเคยทำมาแล้วทั้งนั้น ชื่อเจ้าของกิจการทุกอย่างเป็นอย่างที่หล่อนคุ้นเคยทั้งหมด วิภาวรรณได้แต่ครุ่นคิดในอ้อมกอดวีรพลโดยที่เขาไม่เห็น ถึงแม้หล่อนจะตัดสินใจแล้วว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหล่อนจะยอมรับมัน แต่ก็อดคิดไม่ได้ที่หล่อนจะมาหลงรักลูกชายและยอมรับลูกชายมาเป็นคู่ชีวิตของหล่อน มันเป็นคู่ชีวิตที่แปลกพิสดาร และคงไม่เป็นที่ยอมรับของสังคมแน่ๆ หล่อนจะทำอย่างไรดี คงจะต้องเก็บเรื่องราวนี้ไว้ในใจ หล่อนไม่อยากคิดไปเบื้องหน้าเลยว่าหากวีรพลรู้เรื่องเขาจะเกลียดชังหล่อนหรือเปล่า วิภาวรรณยอมรับเต็มหัวใจว่ารักเขามาก ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาคือลูกชาย แต่ถ้าหล่อนเก็บเรื่องราวนี้ไว้ไม่แพร่งพราย หล่อนก็จะได้ทั้งลูกชายที่เฝ้าโหยหามานานกลับมาสู้อ้อมอก กับชายคนรักที่หล่อนยอมมอบหมดทั้งหัวใจที่มันเคยแตกสลายไปกับความรักเมื่อครั้งก่อนจนมันแทบจะเย็นชาไปแล้ว แต่ก็มาอ่อนไหวเมื่อได้พบกับวีรพล วิภาวรรณเก็บความรู้สึกเจ็บปวดไว้ในใจ สลัดความรู้สึกกังวลไป ตอนนี้มีแต่ความรู้สึกอบอุ่นในยามที่วีรพลอยู่กับหล่อน วิภาวรรณอยู่ในอ้อมกอดวีรพลเนิ่นนาน จนเขาขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดแล้วกลับมาทานข้าว แล้วออกจากบ้านเข้าตัวเมืองไปส่งหล่อนที่ทำงาน ตลอดการทำงาน วิภาวรรณก็รู้สึกแปลก ทำไมระยะนี้ดูเหมือนหล่อนจะตาพร่าเอาบ่อยๆ จนต้องนั่งเก้าอี้หลับตาเป็นระยะๆ จะว่าไม่ได้พักผ่อนก็ไม่ใช่ “พี่ภาคะ หน้าซีดอีกแล้ว นั่งก่อนคะ อีกหน่อยก็จะเลิกงานแล้ว เดี๋ยวงานที่เหลือแพรทำให้ก็ได้คะ งานของแพรหมดแล้ว วันนี้ลูกค้าน้อย” “จ๊ะ ขอบใจแพรมาก ทำไมพี่เพลียๆ ตาพร่าๆ ไงก็ไม่รู้” “เดี๋ยวเลิกงานแล้ว เรียกพี่หมอพลมาตรวจให้ก็ได้คะ ดีนะคะมีแฟนเป็นหมอ เจ็บป่วยปุบปับก็ช่วยได้ทันที เมื่อคืนแพรเป็นห่วงพี่แทบแย่ นึกว่าเป็นอะไรมาก เห็นพี่หมอบอกว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงค่อยโล่งใจ พี่พลไม่น่าทิ้งพี่ภาให้อยู่คนเดียวเล้ย... ระยะหลังนี่เห็นทำแต่งานๆ ระวังเถอะแพรจะยุพี่ภาให้มีแฟนใหม่ให้เข็ด หึ” “แหม.. แพรก็ พลเค้าก็มีงานของเขานี่ พี่กลับคิดว่าพลน่าสงสารออกต้องวิ่งหน้าวิ่งหลังทั้งงานที่โรงพยาบาลและงานบริษัทคุณพ่อ ไม่แน่นะ พี่อาจจะลาออกจากงานที่ธนาคารไปช่วยงานของพลที่บ้าน พี่ไม่อยากให้เขาบ้างานอย่างเดียว อยากให้ได้พักผ่อนบ้าง เนี่ยพลเขาแทบจะไม่ได้อยู่บ้านด้วยซ้ำ” “แน่....ไม่อยากมีแฟนใหม่ก็บอกแพรเถอะ คิคิคิ... แพรล้อเล่นคะ ยุให้มีแฟนใหม่พี่ภาก็คงไม่สนแล้วล่ะ เดี๋ยวนี้อะไรๆ ก็พี่พลไปหมดแล้ว ตัวเองไม่สบายแท้ๆ ยังจะเป็นห่วงเค้าอีก” แพรวาพูดพร้อมค้อนขวับ “ว่าแต่แพรเถอะ ว่าที่เจ้าบ่าวก็เห็นวิ่งรอกงานโรงพยาบาลกับที่บ้านร้านพลอยไม่ใช่เหรอจ๊ะ เดี๋ยวนี้พากันเห่อว่าที่สะใภ้มากเลยนะ เห็นพากันเตรียมงานเรือนหอกับตำแหน่งคุณนายที่ร้านพลอย พี่ว่าแพรอาจจะต้องลางานที่นี่ไปบ้านคุณธรแล้วล่ะ อย่ามาแซวแต่พี่เลย” “เอ่อ..... แหะๆ ที่บ้านพี่หมออ่ะ มีแต่คนใจดีคุณพ่อคุณแม่พี่หมอก็ไม่ได้รังเกียจอะไรแพรสักอย่าง ตอนนี้แพรก็เทียวไปเทียวมาสองบ้านอยู่อ่ะ เดี๋ยวเรือนหอเสร็จ แพรจะพาพี่ภาไปดูคนแรกเลย ไปนะคะ” “จ้า...พี่ไม่ยอมพลาดหรอก น้องสาวจะเป็นฝั่งเป็นฝาทั้งคน เอ้อ..เสร็จหมดแล้วช่ายมั้ยจ๊ะ ง้านเก็บเข้าแฟ้มเลยจ๊ะ สักหน่อยคุณหมอคงจะมาแล้วล่ะ เดี๋ยวนี้เห็นตรงเวลามาก เลิกงานปุ้บเจอหน้าปั้บ” แพรวาช่วยวิภาวรรณจัดเก็บเอกสารการบัญชีจนครบโดยวิภาวรรณเป็นคนสั่งการจนถึงเวลาเลิกงาน แล้วสองสาวก็กันเดินมาที่ล้อบบี้ แล้วก็เจอธนธรณ์ยืนยิ้มเผล่รออยู่ก่อนแล้ว แพรวาก็เข้าไปคล้องแขนโอบกอดคู่หมั้นยืนเคียงคู่เขา “พี่ภาเป็นยังไงบ้างครับ อาการดีขึ้นมั้ย” “ก็ยังมีหน้ามืดเป็นพักๆ คะ แต่คงไม่เป็นอะไรมาก ไม่ต้องห่วงหรอกคะ” “พี่ภาเค้าแกล้งป่วยไปงั้นแหละคะพี่หมอ พี่พลทำตัวห่างเหิน พี่ภาเลยแกล้งทำให้พี่พลเค้ามาดูแล คิคิคิคิ” “เง้อ ไปว่าพี่เค้า เอ่อ... พี่ภาครับ พลมันติดงานคนไข้ที่โรงพยาบาลน่ะครับ คนแก่แล้วอาการหนักน่าเป็นห่วง พลมันเลยฝากบอกให้พี่ภาไปรอที่ร้านก่อน มันจะไปรับที่นั่น ก่อนนั้นก็เห็นคุณอาวีรวัฒน์โทรมาคุยเรื่องงาน ดูเครียดๆ ด้วย เดี๋ยวนี้ผมล่ะสงสารมันเหมือนกัน ดูหน้ามันเนือยๆ พิกล คงจะงานสุมหัวมากไป เอางี้ เดี๋ยวผมไปส่งพี่ที่ร้านแล้วค่อยกลับนะครับ ไปเถอะ” “คะ ขอบคุณคุณหมอคะ” วิภาวรรณก็ขึ้นรถนั่งเบาะหลังไปกับแพรวาโดยธนธรณ์นั่งขับด้านหน้าคนเดียว ธนธรณ์อดสงสารเพื่อนไม่ได้ตอนนี้วีรพลวุ่นๆ ไปหมดทำงานด้วยกันก็แทบจะไม่ได้พูดคุยกันเลย วีรพลก็สีหน้าอิดโรยแถมตอนนี้วิภาวรรณก็ยังมีอาการไม่ค่อยจะสบายสักเท่าไหร่ ธนธรณ์เลยขอวิภาวรรณให้เขาเป็นเจ้าของไข้ดูแลอาการหล่อนเสียเอง แพรวาก็เห็นด้วย เพราะจะพึ่งวีรพลตอนนี้คงจะทำให้เขาวุ่นมากขึ้น พอไปถึงร้านวิภาวรรณลงจากรถโดยบอกให้ทั้งสองคู่หมั้นไม่ต้องลงไปส่ง หล่อนลงรถเดินเข้าร้านไป วิภาวรรณหมดเรี่ยวแรงที่จะเดินไปตรวจข้าวของในร้าน ได้แต่บอกก้อยให้ดูแลแทน หล่อนขอเข้าห้องไปพักก่อน ก้อยเห็นอาการเจ้านายสาวไม่ค่อยสู้ดี ก็พาหล่อนไปในห้องพักดูแลน้ำท่าแล้วจึงออกไปดูแลร้านก่อนที่จะปิดอีกไม่กี่ชั่วโมง จนเกือบสองทุ่มวีรพลจึงขับรถมารับวิภาวรรณ “ขอโทษครับภา ที่ให้รอนาน พอดีคนไข้อาการรุนแรงจนผมก็หมดปัญญายื้อชีวิตเค้าไว้ เลยทำเรื่องส่งให้ญาติมารับกับออกใบรับรองเพื่อส่งให้เขาทำมรณบัตร ก็เลยนานหน่อย ภาเป็นไงบ้างครับ ยังเวียนหัวอยู่มั้ย” “ไม่เป็นไรแล้วคะ นี่พลคะ ภาลืมไปเลยเรื่องที่นัดกับปิ่นเรื่องคนงานที่จะจ้างเค้ามาทำเรื่องสวนกับแม่บ้านอ่ะ ป่านนี้คงกลับบ้านไปแล้วมั้ง พลคะ ดูพลอิดโรยไปมากเลย พักผ่อนบ้างเถอะนะคะ ภาเคยบอกแล้วพลก็ไม่ฟัง ดูสิตาช้ำไปหมดแล้ว” ว่าพลางก็เอื้อมมือไปลูบใบหน้าคมสันที่ตอนนี้ดูซูบซีดอิดโรยของเขาอย่างห่วงใย “ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวก็คงจะชิน อีกหน่อยงานทุกอย่างลงตัวผมก็คงไม่ต้องวุ่นวายมากแล้วล่ะ พรุ่งนี้ผมไม่มีเวรเข้าโรงพยาบาลแล้ว คงได้พักทั้งวัน ภาก็เหมือนกันพรุ่งนี้ภาลาหยุดอยู่กับผมเถอะนะ ผมอยากให้แน่ใจว่าภาไม่เป็นอะไรจริงๆ แล้วก็จะได้คุยกับพี่ปิ่นเรื่องคนงานด้วย อดทนหน่อยนะครับภา ช่วงนี้ผมอาจจะไม่ค่อยได้อยู่กับภาเท่าไหร่ ต้องเทียวไปมาจันทบุรี-กรุงเทพฯ บ่อยครั้ง รอให้อะไรๆ มันลงตัวทุกอย่าง ผมจะดูแลภาให้มากกว่านี้” “ภาก็ไม่ได้ว่าพลสักหน่อยนิคะ แต่เป็นห่วงกลัวพลจะหักโหมงานมากไป อย่าห่วงไปเลยคะ ภาจะอยู่เคียงข้างพลเสมอ ยังไงๆ ก็ห่วงสุขภาพตัวเองบ้างนะคะ นี่พลทานอะไรหรือยัง เดี๋ยวภาจะโทรบอกให้ปิ่นเขาจัดสำรับรอ” “ยังเลยครับ ขอบคุณครับ ไม่ได้เจอหน้าสองสามวันนี้คิดถึงจะแย่ วันนี้ไปนอนที่บ้านผมนะ พรุ่งนี้ไม่ต้องไปทำงานล่ะ เด๋วผมจะโทรบอกแพรวาให้ดูแลแทน โอเคนะ ที่รัก” วีรพลคว้ามือหล่อนมาจุมพิตเบาๆ ตายังจ้องมองหนทาง วิภาวรรณได้แต่มองหน้าเขาดวงตาเต็มไปด้วยความรักใคร่ ทั้งสงสารเขา ถึงแม้เขาจะมีงานมากมาย แต่เมื่อยามที่อยู่กับหล่อนเขาจะทิ้งเรื่องงานและพูดเอาใจหล่อนให้ได้เคลิบเคลิ้มตามทุกที นิสัยและบุคลิกแบบนี้เหมือนกับวีรวัฒน์ยังกับถอดแบบกันมาไม่มีผิด ก็แน่ล่ะ ก็เขาเป็นพ่อลูกกัน เมื่อไปถึงบ้านก็ขับรถเข้าบ้านวิภาวรรณไปเลย เห็นปิ่นวิ่งออกมารับกับโชค วีรพลกับวิภาวรรณทานข้าวเย็นจนอิ่มแล้ว วีรพลก็บอกกับปิ่นและโชคให้อยู่นอนเฝ้าบ้านวิภาวรรณ ส่วนวิภาวรรณเขาให้ไปนอนที่บ้านเขา อ้างว่าหล่อนอาการยังไม่น่าไว้ใจ เกิดอะไรขึ้นจะได้ดูแลทัน ทั้งโชคกับปิ่นก็รับคำ มองหน้าวิภาวรรณกับวีรพลเหมือนจะรู้ทัน ส่งยิ้มเหมือนจะกลั้นหัวเราะให้วิภาวรรณเป็นนัยๆ จนวิภาวรรณเองก็อึกอักเขินอายอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะโบ้ยหน้าไล่ปิ่นกับโชคไปเก็บถ้วยจานไปล้างทำความสะอาดครัว แล้วค้อนขวับทำปากบ่นอุบอิบๆ แล้วรีบเดินขึ้นห้องไปเปลี่ยนชุด...

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น