AEl5Nk.gif AEl5Nk.gif


เหตุเกิดที่โรงแรมblPdyV.gif
โดย Tom Mm

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
29/07/66

เต้ยกับพี่ติ่ง blPdyV.gif
โดย ตฤษณา

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

ผิดที่เมย์เองเลยโดนจับขึงพืดblPdyV.gif
โดย Uratarou

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

ฝึกงานที่บริษัทขายหมู่บ้านจัดสรรblPdyV.gif
โดย 子翔吳

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

พ่อเลี้ยงของหนู EP1blPdyV.gif
โดย Ken Ken

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

รักไม่นับตัวเลข ตอนที่ 25

รักไม่นับตัวเลข ตอนที่ 25

 รักไม่นับตัวเลข ตอนที่ 25 “ผู้มีพระคุณทั้งในอดีตและในปัจจุบัน!?” (“ฟื้นแล้วๆ!!!!” “........................................” “เคนลูกแม่~~...ขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์!!!!...ต่อไปลูกอย่าทำแบบนี้อีกนะแม่หัวใจจะวายตายแล้วรู้มั้ย?” “เกือบไปแล้วนะไอ้หนู...ซนไม่เข้าเรื่องเข้าราว!!!...แอบหนีแม่มาเล่นน้ำ
คนเดียวตามลำพังได้ยังไงกัน?” “ตรงนี้ลึกซะด้วย...ถ้าไม่ได้แม่หนูคนนั้นโดดลงไปช่วยไว้มีหวังจมน้ำตายแน่ๆ” “ฉันขอขอบใจแม่หนูจริงๆนะจ๊ะ...ชื่ออะไรเหรอ?” “...ชื่อบรีนค่ะ”) “!!!!!!!!!” (อะไรกันนี่?) “ฝันว่าจมน้ำ...นี่เราไม่ได้ฝันถึงมานานแค่ไหนแล้วนะเนี่ย?” ...ใช่...ตอนยังเล็กมากๆผมเคยแอบหนีไปเล่นน้ำในคลองและขาเกิดเป็นตะคริวซึ่งในขณะที่กำลังจะจมก็มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งผ่านมาเห็นแล้วลงไปช่วยชีวิตไว้ได้ทัน... “เราจำชื่อเธอคนนั้นไม่ได้เพราะเวลาผ่านมานานเหลือเกิน...เคยถามแม่เหมือนกันแต่ก็ลืมไปแล้ว...งั้นทำไมวันนี้อยู่ๆก็ฝันถึงล่ะ?” (แถมยังนึกหน้าไม่ออกอีกด้วยเพราะความทรงจำกับสติเวลานั้นมันเลือนรางจริงๆแต่สงสัยคงจะคิดถึงบรีนมากไปจึงเก็บเอาไปฝันแน่ๆ) ...สาวคนรักยังไม่กลับมาที่นี่พร้อมกันและในช่วง 3 วันที่ผ่านมาผมก็เอาแต่นอนพักผ่อนไม่ได้ออกไปไหนเลย... “แต่ยังไงวันนี้ต้องออกไปเพราะหมอนัดไว้” “จะออกไปไหนน่ะลูก?” “หาหมอครับ” “ไปคนเดียวได้นะ?” “ครับ” ...พอทราบข่าวจากน้าจี๊ดว่าผมไม่สบายแม่ที่ทำงานอยู่อ.ห้างฉัตรก็รีบกลับมาบ้านทันที... “แต่แม่ตกใจมากเลย...ไม่เคยคิดจริงๆนะว่าลูกกับหนูบรีนจะเป็นแฟนกัน” “แล้วแม่...จะว่ายังไงล่ะครับ?” “จะว่าอะไรได้เล่า~~...เรื่องนี้มันขึ้นอยู่กับพวกเธอ 2 คนอีกอย่างหนูบรีนก็เป็นคนดี...แม่น่ะมีแต่จะดีใจซะอีก” “......................................” (ยิ้มด้วยความยินดีอย่างนี้จึงยังไม่รู้สินะครับว่าบรีนเคยตั้งท้องและก็แท้งมาแล้ว) “นี่แหละน๊าที่เขาเรียกบุพเพสันนิวาส...ต่อให้จากไปไกลแสนไกลแต่ก็ยังหวนกลับมาครองคู่กันจนได้” “เมื่อกี้ว่าอะไรนะครับ?” “?” “ที่ว่าจากไปไกลแต่กลับมาครองคู่...” “อ้าว!!!...นี่ลูกยังไม่รู้หรอกเรอะ?” “รู้อะไรครับ?” “........................................” “แม่?” “แย่จริงๆเลยนะเราเรื่องสำคัญอย่างนี้ลืมไปได้ยังไงกัน?...เคยสำนึกหรือเปล่าว่าลูกมีชีวิตอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ก็เพราะใครช่วยไว้?” “เอ๊ะ?” “ยังจะทำหน้างง...งั้นแม่จะไม่เป็นผู้บอกหรอก...เคนนั่นแหละต้องไปค้นหาคำตอบด้วยตัวเองแล้วเมื่อถึงเวลานั้นก็จะรู้อะไรเป็นอะไร?” “.........................................” ...................................................................................................... ...ตัวผมมีกำหนดตรวจร่างกายประจำปีอยู่แล้วซึ่งถึงแม้จะเพิ่งกลับมาจากหัวหินแต่ก็ไม่อยากผิดเวลา... “พี่กรรณทำงานอยู่โรงพยาบาลนี้...นั่นไง!!” (พอพยาบาลสาวเพื่อนสนิทของบรีนเห็นเข้าก็เดินมาทักทันที) “วันนี้เคนมาทำอะไรเหรอ?” “ตรวจ...ร่างกายครับ” ...ไม่กล้ามองหน้าพยาบาลสาวเต็มตาจริงๆด้วย...อายเหมือนกันนะก็เพราะเธอคนนี้คือผู้หญิงคนแรกในชีวิตวัยหนุ่มของผมนี่นา... “รู้ใช่มั้ยว่าบรีนจะมาเย็นพรุ่งนี้?” “ครับ” “ดีจริงๆ...ผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆและวินาทีเฉียดตายมาได้...คราวนี้ทั้ง 2 คนก็จะได้อยู่ด้วยกันซะที...เคนทำได้ดีมากเลยนะ” “...........................................” “จะบอกให้รู้...ช่วงเวลาก่อนบรีนจะไปอยู่ที่หอพักเธอเคยอาศัยอยู่กับพี่และชอบพูดให้ฟังเสมอๆว่าดีใจอย่างที่สุดที่จะได้กลับมาพบกับเคนอีกครั้งหลังจากห่างเหินกันไปนาน” “หา?...ที่พี่กรรณบอกว่าหลังจากห่างเหินกันไปนาน...มันอะไรน่ะครับ?” “เอ๊ะ!!!...อย่าบอกนะว่าเธอ...?” “..........................................” “จำไม่ได้...ไม่รู้งั้นเรอะ?...บรีนไม่เคยเล่าให้ฟังเลยหรือไง?” ...ผมส่ายหน้าแทนคำตอบซึ่งนั่นทำให้พี่กรรณเอามือท้าวเอวและเป่าปากด้วยเพราะคงเซ็งในอารมณ์... “โธ่เอ้ย!!...2 คนนี่ทำไมช่างบ้าบออะไรอย่างนี้นะ?...บรีนปิดปากเงียบไม่ยอมพูดส่วนนายก็ยังเซ่อซ่าจำอะไรไม่ได้อีกด้วย...มานี่เลยๆ!!!” ...พี่กรรณพาผมไปตรงที่ๆไม่มีคนพลุกพล่านแล้วก็เล่าเรื่องในอดีตให้ฟังซึ่งทำให้ผมตกใจจนตาค้าง... “จริง...จริงหรือครับเนี่ย?” “ก็อย่างที่พูดไปนั่นแหละ...ไม่มีคำไหนที่จะโกหก” ...จากที่พี่กรรณเล่า...ในวัยเด็กของผมเมื่อ 14 ปีที่แล้วบรีนเคยมาเที่ยวบ้านอาและวันที่ผมจมน้ำเธอซึ่งขี่จักรยานผ่านมาพบเข้าโดยบังเอิญจึงได้ช่วยเหลือไว้...งั้นที่เห็นบรีนอยู่ในความฝันนั่นก็เป็นความจริงน่ะสิ!!!!... “ผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตผมในตอนนั้น...ที่แท้ก็คือบรีนเองหรอกหรือ?” “หึ!!...ทีนี้คงเข้าใจแล้วสินะว่าเธอกับเพื่อนรักของฉันคนนี้มีสายใยผูกผันกันมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว...คนอื่นอาจจะไม่แต่กับบรีน...เธอคอยเฝ้าคิดถึงแต่เคนคนเดียวมาโดยตลอด...ความรักมันได้เพาะบ่มเกิดขึ้นนับตั้งแต่บัดนั้น” “..........................................” (ขนลุกซู่เลย...นี่แหละคือเหตุผลที่บรีนไม่ยอมรับรักของนายรุจ) “ดังนั้นพี่จึงมีความเชื่อว่าพวกเธอทั้งสองจะต้องเป็นเนื้อคู่กันอย่างไม่ต้องสงสัย...อ้อ!!...แล้วไม่ใช่เพียงแค่นี้” “?” “นั่นคือ...” “เอ่อ--...จะกลับแล้วหรือครับคุณหมอ?” “ก็งานของดิฉันมันเสร็จสิ้นไปหมดแล้วนี่” ...หญิงสาวใส่เสื้อเชิ้ตผูกเนคไทมีหูฟังคล้องคอสวมเสื้อกาวส์ทับอีกชั้นและอยู่ในสถานที่แห่งนี้เกือบทุกคนก็คงจะต้องบอกว่าเป็นหมอแน่นอนเพียงแต่แววตาที่หนักแน่นใบหน้าอันอิ่มเอิบและท่วงท่าที่มีสง่าราศีของสาวเจ้ากลับทำให้ผมลืมนึกถึงเรื่องของบรีนไปชั่วขณะหนึ่ง... “ใช่...ศัลยแพทย์หญิงศรเพทาย...หัวหน้าแผนกศัลยกรรมโรงพยาบาล...” “ศร...เพทาย...ไม่เห็นมีชื่อในกระดานเลยนี่ครับ?” “เธอได้รับเชิญให้มาผ่าตัดมะเร็งลำไส้ใหญ่เมื่อสัปดาห์ก่อนเป็นกรณีพิเศษ...ไม่ใช่หมอในโรงพยาบาลนี้หรอก” ...แต่ผมว่าถ้าเอาหูฟังกับเสื้อคลุมออกหญิงสาวคนนี้ก็ไม่ใช่หมอแล้วล่ะครับ...อย่างน้อยก็กางเกงที่ใส่เป็นยีนส์ขาสั้นจุ๊ดจู๋เลย(ขอย้ำว่าสั้นมากๆ)โอ้ว!!...แล้วจะว่าไปเธอก็มีรูปร่างทรวดทรงหน้าตาพอใช้ได้ทีเดียว... “เข้าใจที่ดิฉันพูดแล้วใช่มั้ยคะ?” “ขอบคุณคุณหมอมากครับที่ช่วยแนะนำ...เอ่อคือ--...วันนี้...ที่บอกไปธุระนี่พอจะบอกได้ไหมครับ?” “ก็ไม่มีอะไรมาก...แค่กลับไปร่วมงานวันเกิดคุณตาค่ะ...ในฐานะหลานสาวคนโตจะทำเฉยไม่ไปไม่ได้...ดิฉันขอตัวนะคะ” “ดะ...เดี๋ยว!!” “โฮะ?...รู้สึกว่าคุณหมอหนุ่มจบใหม่ท่าทางจะคว้าแห้วไปกินแล้วนะ...เมื่อวานก็ได้ยินข่าวลือมาว่าจะชวนไปดินเนอร์แต่ถูกปฏิเสธเพียงชั่วกระพริบตาเอง” “..........................................” (แถมทำตาละห้อยอีกด้วยนะก็เพราะสาวเจ้าเอามือล้วงกระเป๋าข้างหนึ่งพลางเดินลิ่วตัวตรงจากไปชนิดไม่หันหลังกลับรวมทั้งไม่ยอมเหลียวมองหรือแวะคุยกับใครเลย) “ผมหยิกเป็นลอนๆสีน้ำตาลเข้มนี่มันช่างดูเฉียบขาดไม่เบาจริงๆ...แม้แต่งตัวจะไม่ค่อยเหมือนหมอแต่ก็มีคำร่ำลือกันว่าการลงมีดของคุณหมอศรเพทายนั้นทั้งแม่นยำและยอดเยี่ยมชนิดหาตัวจับยากเชียวล่ะ...อายุก็ยังไม่มากด้วย” “เท่าไหร่ครับ?” “ราวๆสัก 26 - 27 เท่านั้นเอง” “ฮ้า!!!” (รุ่นราวคราวเดียวกับบรีนและพี่กรรณนี่นา) “อะไร?...ยังมีแก่ใจไปสนหญิงอื่นอีก!!!...เรื่องของบรีนจะเอายังไงกันแน่ยะ?” “.........................................” “เอาเป็นว่าเรื่องที่พี่จะบอกเมื่อกี้...เคนไปรอถามบรีนเอาเองเถอะเพราะเจ้าตัวจะสามารถเล่าเรื่องราวได้ดีกว่าใคร” “หมายถึงเรื่องที่เคยช่วยชีวิตผมไว้หรือครับ?” “ไม่ใช่!!!!...มันเป็นเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับชีวิตนายอีกอย่างหนึ่งซึ่งบรีนยังกุมความลับเอาไว้และไม่เคยบอกให้ใครรู้” ....................................................................................................................................... “สุดยอด!!!...อายุแค่ 26 แต่เป็นถึงหัวหน้าแผนกศัลยกรรม...แล้วสวยป่ะ?” “ก็...เอ้ยเอ๊าะ!!...นั่นไง!!!...เธออยู่ตรงนั้น” ...บังเอิญสุดๆ!!!!...นึกว่าจะไปไหนต่อไหนซะแล้วแต่ที่แท้กลับอยู่แถวๆนี้เองเมื่อผมกับเจ้าเอ๊าะแวะกินข้าวเย็นที่ร้านใกล้ๆมหาวิทยาลัยทางนอกเมืองหลังจากไปวิ่งออกกำลังกายก็พบหมอสาววัย 26 กำลังยกแก้วเบียร์ดื่มอึกๆๆโดยมีคนอีก 3 คนเป็นชาย 2 หญิงอีก 1 ซึ่งต่างแต่งชุดสูทสีดำล้วนนั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย... “โอ้โห~~...ถึงเธอจะไม่สวยอะไรมากมายแต่ท่าทางคอแข็งไม่เบานะเนี่ย” “..........................................” “แล้วนั่นผู้คุ้มกันส่วนตัวหรือเปล่า?” “ถ้างั้นสงสัยเป็นลูกสาวเจ้าพ่อว่ะเคนและในสูทของ 3 คนนั้นท่าจะมีปืนอยู่แหงๆ” “พอแค่นี้เถอะนะครับคุณหนู” “จะเอาเบียร์ฉันไปไหน?...อ๊า~~...ขัดใจจริงเชียว!!!” “คุณหนูดื่มมากเกินไปแล้วนะคะ” “อีกอย่าง...ถ้าคุณหนูรองเกิดมาเห็นเข้าก็อาจจะไม่พอใจได้ครับ” “เฮอะ!!...นี่ไปๆมาๆพวกนายก็กลัวยัยโดราเอม่อนมากกว่าฉันงั้นเรอะ?...เอาคืนมา!!!” “.............................................” “.............................................” “.............................................” ...ผู้คุ้มกันส่วนตัว(?)ทั้ง 3 คนต่างก็ไม่กล้าฝ่าฝืนคำสั่งซึ่งนั่นทำให้เจ้านายสาวกระดกเบียร์สดเข้าปากอย่างสบายใจเฉิบต่อไป...บุคลิกต่างกับตอนบ่ายลิบลับเลย... “ว่าแต่เจ้าแมวหลงทางเมื่อไหร่จะมาสักที?...ปล่อยให้คนอื่นต้องรอมันไม่ใช่สิ่งดี...ใครก็ได้ไปตามหล่อนทีซิ!!” “ท่าจะไม่ไหวว่ะ” “นั่นดิ” ...เสื้อผ้ายังเป็นชุดเดิมกับที่ผมเห็นที่โรงพยาบาลประจำมหาวิทยาลัยซึ่งก็อยู่ไม่ห่างจากนี้มากนักเพียงแค่ถอดเสื้อกาวส์ออกและเผยให้เห็นเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว... “มึงว่าเราจะโดนอัดมั้ยวะถ้าคิดไปทักเธอ?” “อย่าริลองของเลย...หึย~~...จะ...จ้องเขม็งมาทางพวกเราว่ะ!!!...ทำ...ทำไม?” “กะ...กูไม่ได้ทำอะไรเลยนะว้อย!!!!...รึจะได้ยินที่พวกเราพูด?” “ใครจะไปรู้วะ?...ก็เรื่องพรรค์นี้มึงมันไวนักนี่ไอ้เอ๊าะ!!!” “ก็บอกว่ากู!!!...เอ๊ะ?..พวกผมไม่ได้สั่งไอ้นี่” “คือคุณผู้หญิงโต๊ะนั้นบอกให้เอามาให้พวกพี่ครับ” (คุณหมอศรเพทาย!!!) “ว้าว!!...เอาไงดีล่ะเคน?...นี่แสดงว่าเธออยากรู้จักเรานะ” “คุณทั้ง 2 คะ...คุณหนูของเราขอเชิญไปนั่งด้วยกันค่ะ” “กรุณาเร็วด้วยนะครับ...ไม่งั้นคุณหนูอาจจะไม่พอใจ” “........................................” “........................................” (อย่างงี้ก็มีด้วยวุ้ย?) “อ้าวๆๆ...เมียกูโทรตามแล้ว...ขอตัวก่อนนะ” “เอ๊าะ!!...มึงกล้าทิ้งกูเหรอ?” “น่าเสียดายจริงๆ...เอ้ามึงก็ดูสิเนี่ย!!!” “ไอ้บ้า!!!!...พี่มึงเองไม่ใช่เหรอไง?” “ตอนนี้พี่ก็เหมือนเมียกูแล้วล่ะว่ะ” ...มันช่างเป็นเพื่อนที่ดีเลิศประเสริฐศรีจริงจริ๊ง~~...เอาตัวรอดไปเรียบร้อยแล้วนะเอ็ง!!!... “อืม...นั่นเขาไปไหนซะล่ะ?” “เอ่อ--...พอดีคนที่บ้านโทรตามกลับครับ” “หรือไม่ต้องการนั่งร่วมโต๊ะกับฉัน?” “ไม่ใช่...ไม่ใช่เลยนะครับ” ...อุ!!!...ผู้คุ้มกันทั้ง 3 ที่ย้ายไปนั่งโต๊ะข้างๆกันต่างมองผมเป็นตาเดียวแต่นายสาวกลับโบกมือ... “ช่างเถอะๆ...ยินดีที่ได้รู้จักนะ...ฉันชื่อเซค” (เซค?) “ผม...ชื่อเคนครับและขอบคุณมากที่เลี้ยงเบียร์ผมกับเพื่อน” (ขนาดจะรีบกลับเจ้าเอ๊าะแม่งยังงกแดกหมดแก้วโดยอ้างว่าไม่อยากให้หมอสาวเสียน้ำใจ) “จะสั่งอะไรก็ได้ตามสบายเลย...อือ--...พอดีฉันอยากได้เพื่อนคุยแก้เซ็งน่ะ...นายมีเรื่องอะไรสนุกๆก็มาเล่าให้ฟังหน่อยซิ” “..........................................” ...จู่ๆก็ขอกันแบบนี้แล้วผมจะไปหาเรื่องสนุกที่ไหนมาเล่าล่ะเนี่ย?... “..........................................” “..........................................” ...แววตาอันเรียบเฉยสบายๆของหญิงสาวกำลังจับจ้องมาที่ผม...เดี๋ยวก่อน!!...ในเมื่อเจ้าหล่อนเป็นหมอ... “นี่มันอาจจะไม่ใช่เรื่องสนุกแต่ผมอยากให้คุณหมอช่วยตอบ” “เชิญพูดออกมาได้ตามสะดวก...โอ๋~~...นี่นายรู้ได้ยังไงกันว่าฉันเป็นหมอ?” “ก็ป้ายชื่อที่เสื้อและมีชื่อโรงพยาบาลด้วยส่วนข้างๆนั่นก็คือกระเป๋าใส่เครื่องมือแพทย์ไม่ใช่หรือครับ?” “อ่อ--...ฮะๆๆ...อ่ะ!!...ถามมาสิ” “คุณหมอคิดว่าคนที่เอ็นข้อมือขาดไปแล้วจะสามารถรักษาจนกลับมาใช้ได้เหมือนเดิมมั้ยครับ?” “มันก็...แล้วแต่กรณีนะ...ถ้าพามารักษาได้ทันท่วงทีก็จะมีสิทธิ์กลับมาหายเป็นปกติในเปอร์เซ็นต์ที่สูงแต่มันต้องขึ้นอยู่กับวิธีการรักษา...ฝีมือของแพทย์ผู้รับผิดชอบรวมทั้งการแข่งกับเวลาด้วยโดยถึงกระนั้นก็ใช่ว่าจะกลับมาปกติเต็มร้อยเสมอไป...อายุ...สภาพร่างกายผู้ป่วยคือส่วนหนึ่งของปัจจัยที่เข้ามาเกี่ยวข้อง” “.............................................” “นายเคยเห็นนักฟุตบอลมั้ย?...ที่มักจะมีข่าวเส้นเอ็นข้อเท้าหรือไม่ก็หัวเข่าฉีกขาดแต่ก็รักษาหายแล้วกลับมาลงสนามได้เหมือนเดิม...นั่นน่ะรักษาแบบคอยประคบประหงมจ่ายเงินหนักๆใช้ยาชั้นดีทั้งนั้น” “และอย่างถ้า...โดนเข็มเสียบเข้าล่ะครับ?” “นายจะบอกว่า...ถูกเข็มเสียบที่เอ็นข้อมือ?” “ครับ” “แล้วหมอเขาบอกเรอะว่าเส้นเอ็นข้อมือขาด?” “เปล่า...คือผมเห็นเขาเลือดออกเยอะมาก” “อะไร!!...เลือดออกเยอะมากก็หมายความว่าเข็มนั่นจะไปถูกเส้นเอ็นซะเมื่อไหร่กันเล่า?” “?” “เพราะมันอาจจะไปโดนเส้นเลือดเข้าก็ได้...อย่าเพิ่งด่วนเข้าใจผิด...แต่เข็มเย็บผ้าเล่มแค่นิดเดียวทำไม?” “ไม่ใช่เข็มเย็บผ้าหรอกครับ” ...ตามที่พี่จุนบอก...เข็มที่เสียบอกนายรุจมีความหนาและหนักกว่าทั่วๆไปซึ่งอาจมันทำมาจากเงินหรือไม่ก็ตะกั่ว... “เข็มเงิน...ยาวราวๆคืบหนึ่ง?” “อาจจะเป็นเช่นนั้นครับ” ...คุยถึงตรงนี้ทำไมศัลยแพทย์สาวจึงดูมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันทีเลยนะ?... “เอาละ!!!...ยังไม่ทราบรายละเอียดแน่ชัดเพราะฉันไม่ได้เห็นกับตาแต่ที่ฟังๆจากนายเล่า...อาการนายคนนั้นคงไม่เบาทีเดียว...ก็ดีแล้วที่โดนแค่นี้” (จริงด้วย) “เดี๋ยวก่อน!!...ฉันคิดว่าเมื่อตอนกลางวันนี้ก็เห็นเธออยู่ที่โรงพยาบาล?” “ใช่แล้วครับ...เอ่อ--...คือคนรู้จักของผมบอกว่าคุณหมอ...” “จะชื่อศรเพทายหรือจะชื่อเซคต่างก็เรียกฉันได้ทั้งนั้น...ไม่จำเป็นต้องเรียกคุณหมอเสมอไปหรอกน่า” “งั้นผมเรียกพี่เซค” “เอาสิ” “ว่าแต่นี่คงเป็นชื่อเล่น?” “...มันก็มีที่มาจากชื่อจริงนั่นแหละ” “?” “...เพทายเป็นอัญมณีชนิดหนึ่งซึ่งภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า Zircon” “จึงเรียกรวมแบบสั้นๆว่าเซคสินะครับ?” “โอ้!!!...เก่งมาก” ...แล้วคุณศรเพทายก็ยกนิ้วโป้งให้...จากนั้นผมมีความสงสัยเกี่ยวกับเครื่องประดับที่หญิงสาวห้อยอยู่... “ที่แขวนอยู่นั่นคืออะไรครับ?” “หือ?...ก็สร้อยคอน่ะสิถามได้” “ไม่...ที่เป็นคล้ายๆปลายลูกศร” “อ๋อเนี่ยเรอะ?...อัญมณีประจำตัวของฉันเอง...มันก็คือเพทาย 1 ในแก้ว 9 ประการหรือที่เรียกอีกอย่างว่านพรัตน์ไง” “เจียระไนเป็นรูปปลายลูกศรแล้วก็เม็ดโตไม่เบา...ท่าทางจะราคาแพงมาก” “แพงไม่แพงนี่ไม่ทราบและไม่สันทัดแต่รู้แค่ว่ามันเป็นสิ่งที่อยู่ติดตัวมาตั้งแต่เล็กแล้วก็เปรียบเสมือนเครื่องรางที่ช่วยปกปักรักษาส่งเสริมมงคลให้แก่ชีวิตฉันรวมทั้งเป็นที่มาของชื่อ...ศรเพทาย” “นพรัตน์...” “เขาจึงได้ผูกเป็นกลอนไว้...เพชรน้ำดีมณีแดงเขียวใสแสงมรกตเหลืองใสสดบุษราคัมแดงแก่ก่ำโกเมนเอกศรีหมอกเมฆนิลกาฬมุกดาหารหมอกมัวแดงสลัวเพทายสังวาลสายไพฑูรย์” “...แดงสลัวเพทาย” “จะว่ามันเป็นสิ่งนำโชคของฉันก็ไม่ผิดนัก...อย่างน้อยๆเวลาเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานเพียงแค่มองดูมันก็ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและใจเย็นขึ้นเยอะ” “แต่ผมว่าคงไม่ใช่สำหรับตอนนี้” “อะไร?” “ก็เวลานี้พี่ดื่มจนเมาและดุพี่ๆที่มาด้วยตั้งหลายครั้ง...ไม่ใจเย็นแล้ว” “...ปกติไม่ใช่อย่างนี้” “หรือครับ?” “จริงๆ...ปกติตอนไม่เมานี่พี่น่ารักน๊า~~...ทั้งสุขุมเยือกเย็นนิสัยก็อ่อนหวานมากด้วยจึงมีหนุ่มๆมาจีบหลายคนแต่ขอโทษที...พี่ปฏิเสธเรียบตั้งแต่เริ่มอ้าปากแล้ว...ฮึๆๆๆ” (บรรยายสรรพคุณตัวเองให้เพศตรงข้ามฟังพลางหัวเราะร่วนหน้าตาเฉยเลย) “งั้นขณะนี้พี่ก็รู้ตัวว่าเมา?” “.........................................” “และอยากบอกว่าตอนเมากับไม่เมานิสัยจะเปลี่ยนไปเห็นๆ” “เออสิยะ!!...ไม่งั้นเขาจะเรียกว่าน้ำเปลี่ยนนิสัยรึเจ้าหนุ่ม?” ...อายุของผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างกับบรีนก็จริงแต่นิสัยใจคอกลับไปคนละทางกันเลย...รึไม่งั้นก็เป็นเพราะว่าผมยังไม่เคยเห็นอีกด้านหนึ่งของตัวเธอที่อยู่ในโรงพยาบาลและห้องผ่าตัด... “หืม--...หน้าฉันมีอะไรติดอยู่เหรอ?...เห็นมองจริง” “ผมพี่เซคสวยจังนะครับ” (มีกลิ่นหอมด้วย) “ฮึ!!...พูดแบบนี้คิดจะจีบฉันหรือไง?” “ไม่ใช่นะ!!” “งั้นก็แล้วไป...หึๆ...ถ้านายคิดจะจีบรับรองว่าต้องถูกฉันหักอกภายใน 5 วินาที!!!” “.......................................” “ผมพี่ก็หยิกเป็นลอนทั้งหัวมาตั้งแต่เล็กๆ...ไม่สิ...อาจจะตั้งแต่เกิดเลยก็ได้มั้ง?” “สีด้วย?” “ย้อมเอาต่างหากล่ะ” ...เส้นผมสีน้ำตาลเข้มและหยิกเป็นลอนยาวถึงกลางแผ่นหลัง...ยิ่งเป็นหมอตัวจริงเสียงจริงด้วยแล้วก็เลยกลายเป็นตัวเสริมแต่งให้มีมาดดูดีมากขึ้นไปอีก... “แต่พี่เป็นหมอแล้วมาดื่มเหล้าเบียร์กับสูบบุหรี่ในที่แบบนี้มัน...” “ทำไมยะ?...มีกฎหมายมาตราไหนและวรรคไหนห้ามหมอกินเหล้าสูบบุหรี่หึ?...ที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลสักหน่อย” (แป่ว~~) “หมอก็เป็นคนและมีเลือดมีเนื้อ...ย่อมต้องการผ่อนคลายหรือหาเวลาปล่อยอารมณ์กันบ้างสิ” (พูดอีกก็ถูกอีก) “แต่มันไม่ค่อยดีต่อสุขภาพเท่าไหร่...อีกอย่างพี่ก็ดื่มเยอะมากแล้ว” “ฉันรู้ลิมิตของตัวเองดีและนี่มันยังเติมเต็มไม่พอกับสิ่งที่เสียไปเลย” (เติมเต็มอะไรกันหว่า?) “แล้วตัวนายเล่า!!...มีเรื่องกลุ้มใจอยู่ไม่ใช่หรือ?” “หา!!!...พี่รู้ได้ยังไง?” “ฮึๆๆ...ฉันไม่ใช่จิตแพทย์แต่ถ้าเป็นการสังเกตจากสีหน้าก็พอได้อยู่...จะเล่าให้ฟังบ้างได้ไหมล่ะ?” “.........................................” “เผื่อว่าจะช่วยแนะนำอะไรได้ไง...นี่ไม่ใช่ว่าฉันชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้านแต่เพราะสังเกตเห็นแววตานายมันดูมีความขุ่นข้องหมองใจคล้ายกับยังมีปัญหาที่แก้ไม่ตกน่ะ” ...แล้วเรา 2 คนต่างก็เงียบไม่คุยอะไรกันไปพักหนึ่ง...จะเล่าออกไปดีมั้ยเนี่ยเพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวอีกอย่างผมก็เพิ่งจะรู้จักกับคุณหมอสาวคนนี้ไม่นาน?... “จะสูบบุหรี่นะ” “เชิญครับ” “.........................................” “ตามใจถ้าจะไม่พูดแต่ก็กรุณาลุกไปจากโต๊ะด้วย...คือเวลานี้ฉันนึกเรื่องจะคุยกับนายไม่ออกแล้ว” ...อันที่จริงผมน่าจะกลับบ้านได้แล้วแต่ในใจก็ยังอยากคุยกับคุณศรเพทายอยู่...เพราะอะไร?...ทั้งที่เธอเองก็ไม่ได้คุยสนุกอะไรมากมายเลยแท้ๆคือมันราวกับมีอะไรบางอย่างในตัวหล่อนที่ดึงดูดความสนใจของผมเอาไว้... “.........................................” “.........................................” “ก็ได้ครับ” “หึ!!” ...ในที่สุดผมก็ตัดสินใจเล่าเรื่องของตัวเองกับสาวคนรักให้ศัลยแพทย์หญิงฟังพอคร่าวๆ... “ตอนเล่าเรื่องเส้นเอ็นข้อมือขาดก็กะแล้วว่าต้องเกี่ยวกับตัวนายเองและเกี่ยวข้องกับความรักที่ฉันไม่ชอบเอามากๆ...แต่เอาน่ะ!!...ยังไงก็พอจะชี้แนะทางสว่างให้ได้” “เวลานี้ผมสับสนและยังคิดไม่ออกว่าควรจะทำยังไงต่อไปเมื่อได้รู้ความจริงที่น่าตกใจ” “อย่างงั้น...เหรอ?...แต่มันก็ช่างเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นชวนให้ลุ้นระทึกและคิดไม่ถึงจริงๆ” “ผมไม่ได้โกหกแม้สักคำเดียวนะครับ!!” “ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่นา--” “...ขนาดเจอเข้ากับตัวเองผมก็ยังไม่คาดคิดว่ามันจะเป็นไปได้เลย” “แล้วสิ่งที่นายยังคิดไม่ตกคืออะไร?” ...คุณศรเพทายถามพลางยกแก้วดื่มเบียร์รวดเดียวหมดหลังสูบบุหรี่หมดไปมวนหนึ่ง...เป็นคอทองแดงตัวจริงโดยแท้เพราะตั้งแต่นั่งคุยกันมาหล่อนแทบจะไม่หยุดกระดกน้ำเมาผ่านลำคอ... “อื้อ!!...รสชาติเบียร์สดนี่ช่างสุดยอดจริงจริ๊ง~~...ให้มันได้อย่างนี้!!!...อะไรนะ?” “...........................................” “เมื่อกี้พูดว่า...เพราะแฟนเคยตั้งท้องกับชายอื่นมาก่อนจะแท้งและก็ไม่ได้บอกนาย...แค่นี้เองเรอะ?” “ชะ...ใช่ครับ...อย่างน้อยๆเธอก็น่าจะบอกกันมั่ง...ไม่รู้ทำไมยังจะต้องปิดบังอีก?” “นี่คือเหตุผลที่กำลังกลุ้มใจ?” “ครับ...ทั้งที่ผมให้ความเชื่อมั่นในตัวเธอและมั่นใจมาตลอดว่าเรา 2 คนจะไม่มีความลับกันอีกต่อไป...แต่...” “สรุปว่าที่เล่ามาทั้งหมดก็คือแค่เนี้ย?...สาเหตุที่นายเกิดความลังเลและไม่รู้ว่าจะสานต่อชีวิตรักกับผู้หญิงคนนี้ต่อไปดีหรือไม่?...มีแค่เนี้ย?” “...ครับ (พูดคำว่าแค่เนี้ยบ่อยจัง?) “แค่เนี้ยจริงอ่ะ?” “.........................................” “ชิชะ!!...ช่างเสียเวลาที่ฟังจริงๆเลยว่ะ” “!!” “ฉันบอกว่าช่างเสียเวลาที่ฟังนายเล่าจริงๆ...ชัดยัง?” “?” “ยังจะมาทำหน้าเอ๋อเหรออีกแน่ะ?...ว่านายนั่นแหละ!!...ฉันขอเดาก่อนเลยว่าคนใกล้ตัวจะต้องให้คำแนะนำกับนายมากเกินพอแล้วนะ” “ครับ...พวกเขาคอยเตือนสติและมักให้ข้อคิดกับผมเสมอ” “นั่นสิ!!...แล้วยังจะมัวมาเสียเวลาคิดมากกับเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องทำไมมิทราบ?...มนุษย์เราน่ะอย่างน้อยก็จะต้องมีข้อด้อยสักอย่างที่ไม่ต้องการให้ผู้อื่นล่วงรู้แม้ต่อให้เป็นคนที่รักกันมากแค่ไหนโดยฉันหรือนายก็ไม่ถือเป็นข้อยกเว้น” “.........................................” “โดยเฉพาะการแท้งลูก...สำหรับผู้หญิงคนหนึ่งแล้วนับได้ว่ามันเป็นความทรงจำที่เลวร้ายยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดทีเดียว!!!!...แม้เด็กในท้องจะเป็นลูกของคนที่ตัวเองไม่ได้รักแต่เด็กก็คือเด็ก...เขาบริสุทธิ์ไร้เดียงสาและยังไม่มีมลทินแปดเปื้อนเหมือนผู้ใหญ่อย่างเราๆ” “พี่เซค...” “ฉันมีความคิดเห็นว่านายควรจะทำความเข้าใจกับสิ่งซึ่งมีชีวิตและมีจิตใจอันแสนละเอียดอ่อนที่เรียกว่าผู้หญิงซะใหม่” “?” “ขอถามและต้องการคำตอบเดี๋ยวนี้...ถ้าเป็นนายๆจะรู้สึกยังไงหรือที่ตัวเองรู้ว่าได้สูญเสียสิ่งสำคัญอย่างลูกในท้อง...หา?” “มัน...ต้องเลวร้ายมากๆเลยครับ” “ถูกต้อง!!!...ในเมื่อเลวร้ายก็ต้องอยากลืมโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้และไม่ต้องการรื้อฟื้นมันขึ้นมาอีก...ใช่ไหม?” “จริงด้วย” “ดังนั้นนายก็ควรจะเข้าใจความรู้สึกของแฟนนายซะบ้างสิ” “..........................................” “เธอผู้นี้อยากเริ่มต้นความรักครั้งใหม่กับนายโดยละทิ้งอดีตที่มีแต่รอยแผลทั้งทางร่างกายและจิตใจเอาไว้อยู่เบื้องหลัง...รวมทั้งหวังจะฝากชีวิตในปัจจุบันกับอนาคตข้างหน้าไว้ให้นายดูแลด้วย...งั้นทำไมล่ะ?...ทำไมนายยังจะเฝ้าเอาแต่ขุดคุ้ยสิ่งที่ผ่านเลยมาแล้วเพื่อให้มันคอยกัดกร่อนหัวใจของตัวเองจนจมปลักอยู่แต่ในทะเลแห่งความเศร้าโศกและเป็นทุกข์อีก?” ...คำพูดของคุณหมอสาววัย 26 เปรียบเสมือนอสุนีบาตซึ่งได้ฟาดผ่าลงกลางกระหม่อมของผมอย่างรุนแรง...รู้สึกราวกับหัวสมองมันกลวงโล่งว่างเปล่า... “ถ้าอย่างนั้น...นี่ผมก็กำลังจะทำสิ่งที่ผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง...กำลังจะทำเรื่องโง่เง่าอย่างไม่น่าให้อภัยลงไปแล้วหรือเนี่ย?” “...มันยังไม่สายเกินแก้ไขหรอก” “พี่เซคช่วยเตือนสติของผมแท้ๆเลยครับ...ความคิดอันงี่เง่าไร้สาระมันจะทำให้ผมสูญเสียหญิงสาวอันเป็นที่รักยิ่งไป...ทั้งที่...ทั้งที่ตัวผมเคยยอมสละชีวิตเอาร่างกายเข้ารับลูกกระสุนปืนแทนเธอ” “จริงๆฉันก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญหรือเคยมีประสบการณ์กับตัวในด้านความรักอะไรมาจากไหนมากมายนักหรอกแต่เป็นเพียงหมอคนหนึ่งที่คิดถึงแค่คนไข้และชีวิตในวันๆหนึ่งก็เดินเข้าเดินออกแต่ในโรงพยาบาลกับห้องผ่าตัด...ถึงอย่างนั้นก็อยากจะขอพูดอะไรอีกสักนิด...นายจะเสียเวลาฟังมั้ย?” “ผมจะฟังด้วยความยินดีอย่างที่สุดครับ” “ดี!!...นี่ถ้าเป็นบรรดาน้องๆของฉันทั้งผมยาวผมสั้น...ทั้งผมสีดำผมสีทองหรือกระทั่งผมสีเงิน...รับรองว่าได้เบือนหน้าหนีกับเรื่องพรรค์นี้ไปคนละทิศละทางเลยและจะไม่มัวมานั่งบ่นเป็นยัยเพิ้งอย่างฉันแน่...เอ้า!!...เงี่ยหูฟังให้ดีๆเพราะจะพูดแค่ครั้งเดียว” “.........................................” “ผู้หญิงที่เคยช่วยชีวิตนายไว้เมื่อตอนเด็กๆก็ยังเป็นเธอคนเดียวกับที่กำลังคบหาแฟนกันในขณะนี้ด้วย...ถูกใช่มั้ย?” “ครับ” “แหม่~~...แล้วเธอคนนี้ก็มียังจิตใจห่วงหาอาทรเฝ้าคิดถึงแต่นายมาตลอดทุกลมหายใจและตั้งปณิธานว่าจะต้องกลับมาพบนายอีกครั้ง...อา--...มันช่างเป็นอะไรที่น่าซาบซึ้งและชวนให้อิจฉาซะเหลือเกิน” “พี่หมายความว่า...” “อื้ม!!!...ฉันกำลังจะถามต่อไปนี้ไงว่าในเมื่อนายความจริงทุกอย่างแล้วเรื่องที่นายสมควรจะทำอย่างไม่รีรอก่อนมันจะสายเกินไปคืออะไร?...คิดให้ดีๆแล้วตอบมาซิ” “.........................................” “.........................................” “ใช่แล้วครับ!!!!...สิ่งที่ผมควรจะกระทำก็คือกลับไปหาหญิงอันเป็นที่รักยิ่งกว่าชีวิตคนนั้น...โธ่เอ๊ย~~...ทำไมเรื่องง่ายๆแค่นี้ถึงมัวมาลังเลใจอยู่ได้นะ?” ...นั่นคือบรีนยังจดจำเรื่องราวเมื่อ 14 ปีก่อนได้และเธอก็เฝ้ารอวันที่จะพบกับเด็กชายในความทรงจำครั้งยังอดีตซึ่งนั่นคือตัวผมมาโดยตลอด...เมื่อมีโอกาสปลดปล่อยตัวเองเป็นอิสระหญิงสาวจึงออกตามหาความรักครั้งแรกในชีวิต... “ฮ่าๆๆๆ...เป็นคำตอบที่ดีมากจริงๆไอ้น้อง!!!...ขอชมเชยๆ” “เพราะพี่เซคช่วยผมไว้แท้ๆเลยนะครับ” “ม่ายๆๆ...นายช่วยตัวของนายเองไว้ต่างหากเล่า...โอ้!!...แววตาอันสดใสราวกับดวงจันทราบนท้องฟ้าที่ไร้ซึ่งเมฆหมอกบดบัง...นี่แสดงว่าไม่มีความลังเลเหลืออยู่อีกแล้วใช่ไหม?" (ถูกต้องที่สุด!!!!...บัดนี้เรารู้สึกจิตใจปลอดโปร่งและมีความปลาบปลื้มอย่างบอกไม่ถูก) “เสียงอะไรดัง?” “มือถือของพี่ครับ” “อ้อๆๆ...มี...ข้อความเข้า 1 ฉบับ...ใครส่งฟะ?” “.........................................” “East...อะไรกันหว่า?” “ทิศตะวันออก?” “ไม่ต้องไปสนใจ...โอ้!!...เดี๋ยวขอต่ออีกแก้วแก้ง่วงดีกว่า” ...ตั้งแต่ 6 โมงเย็นจนเกือบจะ 2 ทุ่มแล้วแต่คุณศรเพทายก็ยังไม่เลิกคบหากับน้ำเมา... “อีสต์ๆๆ...หวา!!!!” “มีอะไรหรือครับ?” “East...งั้นเหรอ?...ไม่...ฉันนี่ไม่น่าลืมไปได้เล้ย~~...ฮึ่ย!!” ...จู่ๆคุณหมอสาวก็พรวดพราดลุกขึ้นพลางมีสีหน้าที่ตื่นตกใจไม่น้อย...ท่าทางก็เหมือนจะมองใครอยู่ด้วย... “โอ่ย~~...หายเมาเลยฉัน!!!...มารับถึงที่เชียวแฮะ” “ใครครับ?” (มองไปทางด้านหน้าก็ไม่มีคนนอกจากเด็กเสริฟ์ของร้าน) “จากข้อความนี้ถ้าฉันนึกออกก็จะรู้ความหมายทันที...เฮ่~~...พวกนายรีบตามเด็กมาคิดเงินเร็ว!!...เราจะไปกันแล้ว” “ยังทานอาหารไม่หมดเลยครับ?” “ก็ห่อกลับสิ!!...และถ้ามัวชักช้านะ...ระวังจะซวยอย่างไม่รู้ตัวเพราะคนที่พวกนายกลัวที่สุดน่ะมาถึงนี่แล้ว!!!” ...ผู้คุ้มกันทั้ง 3 พอได้ฟังต่างก็รีบจัดการตามคำสั่งอย่างไม่รอช้า...ว่าแต่คนที่พวกเขากลัวที่สุดเป็นใครกันนะ?... “ขอบคุณพี่เซคอีกครั้ง...ผมจะไม่มีวันลืมเลยครับ” “ฮะๆๆ...ฉันไม่ได้ช่วยอะไรนายสักนิด...ไม่ต้อง...ถือเป็นบุญเป็นคุณกันร้อก~~...เพราะยังไงพวกผู้ชายในความคิดของฉัน...ก็ไม่มีวัน...เปลี่ยนแปลง...นั่นคือมันห่วยแตกเหมือนกันทั้งหมด!!!!” “............................................” “อ๊ะ!!!...เดี๋ยวก่อนๆ...ฉันยังติดใจกับเรื่อง...” “?” “พอจะรู้หรือเปล่าว่าใครเป็นซัดเข็มใส่อดีตสามีของแฟนนาย?” “คือ...ผมเข้าใจว่าเป็นเด็กผู้หญิง” “เด็ก...ผู้หญิง...ตลกน่ะ!!!” “ไม่ตลกแน่นอน...อายุเธอราวๆสัก 13 – 14 ขวบ...มันไม่น่าเชื่อใช่มั้ยล่ะครับ?...ผมเล่าให้ใครฟังแต่ก็ไม่มีใครยอมเชื่อ” “...อายุ 13 – 14...ส่วนฉัน 26 ซึ่งถ้าจะว่ากันก็คือเป็นพี่ใหญ่กับน้องเล็ก...แล้วเด็กคนนั้น...เค้ามีลักษณะพิเศษอะไรบ้างไหม?” “เอ่อ--...ที่เด่นๆเลยคือเธอมีผมสีทองและก็มีสีดำแซมเป็นริ้วๆรอบหัวคล้ายลายบนตัวเสือครับ” “อื้มๆๆ” ...นัยน์ตาของพี่เซคเบิกโตขึ้นซึ่งดูท่าจะสนอกสนใจเรื่องราวของน้องป้อมไม่ใช่น้อยทีเดียว!?... “แต่งตัวก็เฉี่ยวไม่เบา...ใส่ถุงน่องและกางเกงขาสั้นข้างยาวข้าง...สวมหมวกฟาง...ที่ตาซ้ายยังมีผ้าก๊อสปิดไว้อีกด้วย” “โอ้!!...แปลกจริงเลยนะแถมยังบังเอิญมากๆอีกต่างหาก” “บังเอิญ?” “อ้า!!!...แบบว่า--...ก็...หายากไงที่จะมีคนท่าทางแปลกๆอย่างนั้น...ที่จริงมันทั้งแปลกและก็ไม่ธรรมดาตั้งแต่ใช้เข็มเงินเป็นอาวุธแล้วละ” “ชื่อก็ยังประหลาด...เสือน้อย” “ต๊าย!!...อยากเห็นหน้าเด็กคนนี้อีกสักครั้งจัง...ฮะๆๆๆ” “แต่ชื่อเล่นจริงๆชื่อป้อม” “คิกๆๆ...เอาเข้าไป” “หัวเราะอะไรหรือครับ?” “อ๋อ!!...ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ” “หรือพี่ไม่เชื่อผม?” “ไม่ๆๆๆ...เชื่อสิจ๊ะแถมเชื่อโดยสนิทใจเลยด้วย...แหม~~...ช่างน่าภาคภูมิใจเหลือเกิน” “ภาคภูมิใจ?” “อ่า--...ก็ที่เด็กหญิงคนนั้นทำความดีช่วยชีวิตนายไว้ไงเล่า~~...โอ๊ะๆ!!” “ระวังครับคุณหนู!!!” “เดินไหวนะครับ?” “ไหวซี่~~...เอ๊ะๆๆ?...แล้วพวกนายซื้อเบียร์กระป๋องให้ฉันเรอะเปล่าน่ะ?” “ปละ...เปล่าค่ะ” “ฮื่อ~~...ขัดใจจริงเชียว!!!...คืนนี้ฉันได้ฟังเรื่องราวดีๆแล้วเกิดความสุขใจก็เลยอยากจะไปฉลองต่อบนรถจนถึงบ้านบูรพา...หล่อนรีบไปหามาเดี๋ยวนี้นะยะ!!...โอ้!!...โชคดีนะเจ้าหนุ่ม...ขอให้สุขสมหวังในความรักในเร็ววันจ้ะ” “................................................” ...ถ้าเรื่องดีๆที่พี่เซคพูดถึงก็คือช่วยชี้แนะทางแห่งแสงสว่างให้ผมก็ขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ครับ... “ชีวิตของเรานี่ช่างโชคดีอะไรอย่างนี้นะที่ได้มีโอกาสรู้จักและตอบแทนต่อผู้มีพระคุณทั้งในอดีตและในปัจจุบัน” ........................................................................................

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น