AEl5Nk.gif AEl5Nk.gif


เหตุเกิดที่โรงแรมblPdyV.gif
โดย Tom Mm

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
29/07/66

เต้ยกับพี่ติ่ง blPdyV.gif
โดย ตฤษณา

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

ผิดที่เมย์เองเลยโดนจับขึงพืดblPdyV.gif
โดย Uratarou

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

ฝึกงานที่บริษัทขายหมู่บ้านจัดสรรblPdyV.gif
โดย 子翔吳

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

พ่อเลี้ยงของหนู EP1blPdyV.gif
โดย Ken Ken

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

วันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2563

กามลิขิต ชีวิตหฤหรรษ ตอนที่ 28

กามลิขิต ชีวิตหฤหรรษ ตอนที่ 28
โดย saradio

ในตอนนั้นทุกคนต่างเป็นห่วงกลาง เพราะผู้หญิงตัวคนเดียวไปญี่ปุ่นทั้งที่ ภาษาเธอก็ไม่รู้ แล้วเธอจะอยู่ยังไงได้ตั้ง 3 ปี แต่ตอนนั้นทุกคนก็ทำอะไรไม่ได้ได้แต่รอฟังข่าวจากมิซากิอย่างเดียว นางอย่างจะไปทำบุญไหว้พระเพื่อขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยคุ้มครองปกปักรักษาน้องสาวให้แคล้วคลาดปลอดภัย เมื่อนางพูดถึงพระผมเลยนึกถึงหลวงพ่อขึ้นมาได้ ตั้งแต่กลับมาไทยยังยุ่งๆ อยู่เลยยังไม่มีโอกาสแวะไปเยี่ยมท่านสักครั้งก็เลยจะถือโอกาสนี้แวะไปเยี่ยมท่านซะเลย ผมเลยพาสาวๆ ขับรถไปเชียงใหม่บ้านเกิดผมไปที่วัดที่หลวงพ่อเลี้ยงดูผมมา และพาบรรดาเมียทั้งหลายไปกราบนมัสการท่าน หลวงพ่อเห็นทีแรกจำไม่ได้ นึกว่าเศรษฐีที่ไหนมาทำบุญเพราะเห็นท่าทางูมิฐานมีสง่าราศี แต่เมื่อผมเข้าไปใกล้ๆ หลวงพ่อถึงจำได้ ทักว่า "อ่าว ไอ้ใหญ่ นึกว่าใคร" "แล้วหลวงพ่อนึกว่าใครละครับ" ผมทำหน้าซื่อพูดกวนท่านเล่น เหมือนสมัยอยู่วัด จนหลวงพ่อต้องชักสีหน้าพูดว่า "กูไม่ได้นึกว่าใครหรอก มันเป็นคำอุทาน ไอ้นีนี่ กวนตีนพระมันบาบนะเว้ยไปไป ขึ้นไปคุยบนศาลา" ผมเลยตามท่าน ไปบนศาลาโดยมีบรรดาเมียผมยกเครื่องถวายสังฆภัณฑ์ตามหลังมาด้วย เมื่อหลวงพ่อนั่งเรียบร้อยบนอาสนะผมก็คลานเข้าไปกราบที่ตัก หลวงพ่อลูบหัวผมอย่างชื่นใจ พูดว่า ดีๆ แล้วนาง แอน และก้อย ก็กราบตาม แล้วถวายสังฆภัณฑ์ โดยมีผมเป็นคนยกถวายให้ เมื่อเสร็จแล้วหลวงพ่อก็ถามว่า "เออ..บรรดาสีกานี่ เป็นใครกันมั่งหละ" "อ๋อ เมียผมหมดเลยครับ" "ห๊ะ ..หา..." หลวงพ่อดูจะตกใจ พร้อมกับอาการยิ้มเขินเล็กน้อย ของ นาง แอน และก้อย แล้วหลวงพ่อก็หัวเราะพูดว่า "ดีนะ กูไม่เอามึงบวชตอนนั้น ไม่อย่างนั้นวัดกูแตกแน่ๆ บ๊ะรักใคร่กันกลมเกลียวดีแท้ มาด้วยกันได้ มา มา เข้ามารับพร" สาวๆ ก็เขยิบเข้ามา พนมมือ ข้างหน้า แล้วก้มให้หลวงพ่อสวดให้พรแล้วพรมน้ำมนต์ หลังจากนั้นผมก็คุยกับหลวงพ่ออีกนานโข เพราะไม่ได้เจอกันเกือบ 10ปีแล้วหลวงพ่อก็เหมือนมีเรื่องนึกขึ้นได้ พูดโพล่งออกมาว่า "บ๊ะ มั่วแต่คุยเรื่องอืนจนเกือบลืมไป ความจริง กูก็ตามหามึงอยู่เพราะมีข่าวจะบอกแต่ติดต่ออะไรไม่ได้ พอนานเข้าก็ลืมไปเลย แต่กูก็ไม่รู้จะบอกมึงยังไงดีมันเป็นข่าวที่หน้าดีใจและเสียใจในเวลาเดียวกัน" "อะไรครับหลวงพ่อ" ผมถามสีหน้าฉงนหลวงพ่อจึงตั้งใจพูดว่า "เมื่อก่อนตอนที่มึงถูกเอามาทิ้งไว้หน้าวัด กูไม่รู้ว่าใครเอามึงมาทิ้งไว้แล้วใครเป็นแม่มึง แต่ตอนนี้กูรู้แล้ว" "จริงเหรอหลวงพ่อ แล้วแม่ผมเป็นใคร" ผมถามอย่างตื่นเต้นดีใจ แต่หลวงพ่อกลับมีสีหน้าไม่สบายใจนักก่อนพูดว่า "มึงทำใจดีๆแล้วฟังนะ เมื่อ ประมาณ 3-4 ปีที่แล้วแม่มึงมาตามหามึงที่นี่ กูถึงรู้ว่าเขาคือคนที่เอามึงมาทิ้ง ตอนนั้นแม่มึงป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายแล้วเลยอยากเจอหน้าลูกก่อนตาย แต่กูก็ติดต่อมึงไม่ได้ แม่มึงก็เลยขอบวชอาศัยอยู่ที่วัดรอมึงกลับมาแต่ก็อยู่ได้ไม่นาน แม่มึงก็ป่วยหนักจนรักษาไม่ได้ แล้วก็เสียชีวิตไปในที่สุด" ผมฟังว่าแม่ตายแล้ว รู้สึกมึนจนสมองไม่สั่งงานชั่วขณะและหูอื้อไปหมดรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก ตอนนั้นรู้สึกเสียใจน้ำตาไหลออกมาเอง คิดว่าถ้าแบบนี้ปล่อยให้ผมไม่รู้เลยยังจะดีกว่า "แล้ว..หลวงพ่อเผาศพแม่ที่นี่หรือเปล่าครับ" ผมถามเสียงแหบพร่า เบาจนแทบจะไม่มีเสียง จน นาง แอนและก้อยรู้สึกสะเทือนใจแทนผม จนน้ำตาไหลไปเหมือนกัน หลวงพ่อพยักหน้า แล้วถอนหายใจจากนั้นก็ยันตัวลุกขึ้นพูดว่า "เกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดา มึงก็ทำใจเถอะวะ มากูจะพาไปดูที่เก็บอัฐิแม่ของมึง" ผมลุกขึ้นอย่างไม่ค่อยมีแรงและเดินตามหลวงพ่อไปด้วยใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จนหลวงพ่อพาผมเดินมาถึงช่องเก็บอัฐิที่กำแพงวัดแล้วชี้ไปที่ช่องหนึ่งที่มีรูปภาพฉาบผิวกระเบื้องของผู้หญิงคนหนึ่งติดอยู่แล้วพูดว่า "นี่ไงแม่ของมึง" เมื่อผมเห็นต้องมองตัวแข็งทื่อเพราะผู้หญิงในภาพเป็นคนเดียวกับผู้หญิงที่ผมตามหาให้ท่านประธาน แถมชื่อที่เขียนข้างล่างภาพก็ตรงกันคือ จิตตรา จันทร์แจ่ม ผมพูดอะไรไม่ออก ในสมองคิดอย่างสับสน เพราะถ้าผมเป็นลูกของเธอแล้วพ่อของผมเป็นใคร คงไม่ใช่ท่านประธานหรอกนะ ถ้าใช้ก็หมายความว่า ผมกับเรกะก็เป็นพี่น้องต่างแม่กัน หลวงพ่อยังพูดต่อไปว่า "รูปนี่เป็นรูปสมัยเขาถ่ายตอนสาวๆ ตอนเขาเสียรูปปัจจุบันเขาไม่มีกูก็เลยเอารูปเก่าของเขาที่มีติดตัวมาด้วยไปอัดกระเบื้องทำให้ นี่ก็ยังไม่ได้แจ้งตายเลยเพราะเอกสารประจำตัวก็ไม่มีเธอมาอยู่ที่นี่พร้อมกับสมบัติติดตัวมาไม่กี่ชิ้นเท่านั้น" ตอนนั้นผมไม่ได้ฟังหลวงพ่อเรื่องรูปถ่ายอะไรนั้นแต่อยากรู้เรื่องความสัมพันธ์ของผมกับท่านประธาน รีบถามหลวงพ่อว่า "หลวงพ่อครับ เธอเคยบอกหลวงพ่อมั๊ยครับ ว่า พ่อผมเป็นใคร" "ก็เคยบอกอยู่ แต่ไม่ได้บอกชื่อบอกแค่ว่าเป็นชาวญี่ปุ่น" คำพูดของหลวงพ่อ ยิ่งตอกย้ำความคิดผม จนผมถึงกับทรุดเข่าลงกับพื้นทำอะไรไม่ถูกสมองอื้ออึ้งไปหมด บ่นพึงพำแต่ว่า เรกะเป็นน้องผม เรกะเป็นน้องผมมันเป็นอย่างนี้ไปได้ยังไง โลกตั้งกว้างใหญ่ ทำไมต้องโคจรมาพบกันแบบนี้ หลวงพ่อเห็นผมเหมือนขาดสติรับรู้ไปชั่วครู่ก็ไม่รู้จะพูดอะไร ปล่อยให้ผมทำใจก่อน สักพักเห็นผมพอควบคุมสติได้บ้างแล้วก็พาไปดูกุฏิที่แม่ผมเคยบวชชีตอนอยู่ที่วัด หลวงพ่อยังเก็บข้าวของๆแม่ไว้ รอให้ผมมาเอาเพื่อไว้ดูต่างหน้า ในของๆแม่ มันมีรูปถ่ายอีกหลายใบ แต่ละใบจะถูกฉีกภาพคนที่ถ่ายคู่เธอทิ้งทั้งหมดถึงผมไม่เห็นก็รู้ว่าคนที่ถ่ายภาพคู่เธอเป็นใคร นอกจากนั้นยังมีสมุดบันทึกที่แม่เขียนเล่าเหตุการณ์ไว้เป็นภาษาญี่ปุ่น แต่ไม่เอ่ยชื่อใครเกี่ยวกับเรื่องที่เธอถูกหักหลัง จนถูกตำรวจออกหมายจับตามล่าตัว ทั้งที่เธอกำลังท้อง เลยเป็นเหตุให้เธอเมื่อคลอดผมต้องเอาไปทิ้งไว้ที่วัดเพราะต้องหนีคดี ไม่สะดวกพาผมไปด้วย และหลังจากนั้นเธอก็หลบซ่อนหนีคดีไปเรื่อยๆ จนเมื่อป่วยใกล้จะตายก็คิดจะมาหาผมก่อนตาย ผมคิดว่าที่แม่ไม่เขียนเอ่ยชื่อใครในสมุดบันทึกเลยแม้แต่คนเดียวเพราะป้องกันสมุดนี้ไปตกอยู่ในมือตำรวจแล้วใช้เป็นหลักฐานสาวไปถึงคิมิยะที่อยู่ญี่ปุ่น ตอนนั้นผมไม่รู้ว่าจะภูมิใจที่มีแม่กับเขาดีหรือเปล่าเมื่อรู้ว่าแม่ตัวเองเป็นนักค้ายาตัวยง จนทำให้ผมต้องลำบากมาเป็นเด็กกำพร้าแบบนี้ แต่เมื่อเรื่องมันผ่านไปแล้วแล้วเธอก็เสียไปแล้วด้วย ผมควรจะอโหสิกรรมให้เธอ เลยพา นาง แอน และก้อยไปไหว้กราบเธอในฐานะที่เป็นแม่ผู้ให้กำเนิด แล้วจากนั้นผมคิดว่าผมมีเรื่องที่จะต้องไปเคลียร์กับท่านประธานโดยตรง --------------------------------------------------------------------------------------------- กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ที่ชั้นด่านฟ้าสระว่ายน้ำของคอนโดหรูแห่งหนึ่งใจกลางเมืองโตเกียว สาวสวยนางหนึ่งในชุดบีกีนี่สีฟ้าที่อวดหุ่นงามน่าฟัด กำลังทำกายบริหารอบอุ่นร่างกายก่อนจะกระโจนลงสระว่ายน้ำ และว่ายออกกำลังกายอยู่ในสระ ขณะนั้น มีผู้หญิงในชุดสูทสาวนักธุรกิจเดินเข้ามาในบริเวณนั้น เธอคือเรกะ ผู้สืบทอดตำแหน่งประธานคนต่อไปของตระกูลคิมิยะ เรกะ เข้าไปนั่งตรงเก้าอี้อาบแดดและเอนหลังมองดูสาวบีกีนี้ ด้วยสีหน้าบูดบึ่งบอกบุญไม่รับ สาวบีกีนี่เมื่อเห็นเธอก็ว่ายเข้าแตะขอบสระตรงตำแหน่งใกล้ๆกับเก้าอี้อาบแดดที่เรกะนั่งและดึงตัวขึ้นจากน้ำ มานั่งขอบสระ มองเรกะด้วยสีหน้ายิ้มแย้มสาวบีกีนี้สีฟ้าก็คือกลางนั่นเอง "ไงเรกะจัง วันนี้สีหน้าไม่ดีเลย มีอะไรหรือเปล่า" "แล้วเธอคิดว่าที่ฉันอารมณ์ไม่ดีแบบนี้เป็นเพราะใครหละ" เรกะตอบอย่างหัวเสีย ในขณะที่กลางหัวเราะเบาๆ และบอกอย่างเอาใจว่า "เล่นน้ำมั๊ย จะได้ใจเย็นขึ้น" "ไม่หละ ฉันไม่ได้เอาชุดมา... ตาบ้านั้นทำได้ยังไง ไปไทย 2 เดือนได้ทั้งเมียเก่าเมียใหม่มาอยู่ด้วยกัน 3 คน ไม่รู้จะมีเพิ่มมาอีกหรือเปล่าฉันละอยากจะจับนายใหญ่ไปถ่วงทะเลจริงๆ" เรกะ อดไม่ได้ที่จะระบายออกมา ทั้งที่กลางไม่ได้ถาม กลางหัวเราะเบาๆกับการบ่นของเรกะที่มีต่อพี่ใหญ่ของเธอ แล้วพูดว่า "ก็เขาเป็นแบบนั้นแหละ ฉันบอกเธอตั้งแต่แรกแล้วนี่ ว่าเธอไม่มีวันครอบครองเขาไว้ได้คนเดียวหรอก" เรกะ ฉุนกึก แต่แล้วก็แสยะยิ้ม พูดว่า "เธออย่าเพิ่งดีใจไป ถ้าเธอรู้ว่าเมียใหม่ของเขาเป็นใครเธออาจจะยิ้มไม่ออกก็ได้" กลางหันไปมองเรกะเหมือนอยากรู้ เรกะเลยพูดว่า "ก็พี่สาว กับน้องสาวของเธอไงหละ" กลางพอได้ยินก็หัวเราะเหมือนไม่ใช่เรื่องแปลก แล้วพูดว่า "พี่ใหญ่กับพี่นางเขารักกันมานานแล้วส่วนก้อยก็หลงพี่ใหญ่มาตั้งแต่เด็ก ฉันว่า 2 คนนี้มาอยู่กับพี่ใหญ่ก็ดีเพราะไอ้กิตผัวพี่นางเป็นคนที่เลวบัดซบเลยหละ มันเคยจะข่มขืนฉันแต่ไม่สำเร็จดีที่พี่นางเลิกกับมันได้" ."นี่เธอไม่หึงเลยเหรอ" เรกะ ถามอย่างข้องใจ กลางกลับยิ้มส่ายหน้า แล้วตอบว่า "ถ้าฉันเป็นคนขี้หึง ฉันจะคุยกับเธอแบบนี้เหรอ ฉันว่านะเธอเลิกหึงพี่ใหญ่เหอะ แล้วรักเขาอย่างที่เราควรจะรัก" "หึ หึ หึ เธอพูดแบบนี้ก็เพื่อจะให้ฉันปล่อยเธอไปใช่มั๊ยรู้มั๊ยในบรรดาผู้หญิงของนายใหญ่ ฉันกลัวเธอที่สุด เธอรู้จักเขาดีอย่างกับพยาธิในกระเพาะและเขาก็พูดถึงเธอบ่อยที่สุดเวลาฉันหลอกถามเขาถึงคนรักเก่า มันบ่งบอกว่าเธออยู่ในใจเขาตลอดเขาอาจจะไม่รู้ตัวก็ได้ว่าเขารักเธอมากกว่านางพี่สาวเธอเสียอีก" "อ๋อ นี่เลยเป็นเหตุให้เธอควบคุมตัวฉันไว้ตั้งหลายปีโดยไม่ให้ฉันไปหาเขาใช่มั๊ย ฉันว่าเธอเลิกคิดว่าใครจะต้องเป็นที่หนึ่งเถอะพี่ใหญ่เขารักทุกคนนั่นแหละ เธอก็อยู่กับพวกเราได้นะ ฉันว่าเธออย่าไปบังคับให้เขาต้องเลือกเลยเพราะเขาจะไม่เลือกใครสักคน" "เชอะ.แต่ฉันจะทำให้เขาเลือก ครั้งก่อนที่ฉันไม่ทำอะไร นามิ ไม่ใช่เพราะฉันเชื่อที่เธอบอกไม่ให้ฉันทำหรอกนะแต่เพราะนามิยอมถอยให้กับฉันต่างหาก แต่ถ้าเธอยังไม่ยอมถอย เธอก็คงต้องอยู่ในตึกนี้ตลอดไปหรือไม่พี่น้องของเธอรวมถึงเพื่อนเธอที่ชื่อแอน อาจต้องมาอยู่ที่นี่หมดก็ได้" กลางหน้าเสียไปเล็กน้อย แต่แล้วก็ยิ้มขึ้นก่อนพูดว่า "ถ้าเธอรู้ว่าพี่ใหญ่รักฉันมาก เธอควรรู้นะว่าถ้าเธอทำร้ายคนที่เขารัก เขาจะรู้สึกกับเธอยังไง ฉันจะบอกให้ว่า เขาจะไม่มีวันรักเธออีกเลย และจะเป็นศัตรูกับเธอด้วย" เรกะ กัดฟันดังกรอด ส่งเสียงดังหึ เธอจ้องกลางเขม็ง ก่อนสะบัดตัวเดินหนีไป ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น