AEl5Nk.gif AEl5Nk.gif


เหตุเกิดที่โรงแรมblPdyV.gif
โดย Tom Mm

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
29/07/66

เต้ยกับพี่ติ่ง blPdyV.gif
โดย ตฤษณา

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

ผิดที่เมย์เองเลยโดนจับขึงพืดblPdyV.gif
โดย Uratarou

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

ฝึกงานที่บริษัทขายหมู่บ้านจัดสรรblPdyV.gif
โดย 子翔吳

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

พ่อเลี้ยงของหนู EP1blPdyV.gif
โดย Ken Ken

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

วันจันทร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2563

เล่ห์สวาทเพลิงราคะ 16

เล่ห์สวาทเพลิงราคะ 16

อรนุชสวมเสื้อแจ็กเก็ตสีดำของคมศรที่ส่งให้ เด็กสาวรับมาใส่โดยไม่พูดอะไรกับเขาสักคำ จนกระทั่งเธอค่อยๆ คลายอาการจุกเสียด ก็ไปนั่งรวมกับฐิติพรรณข้างทาง โอบร่างของพริตตี้สาวที่ยังสั่นๆ เอาไว้อย่างปลอบใจ “ไม่เป็นอะไรแล้วนะ...ไอซ์ไม่ต้องกลัว” เด็กสาวร่างบางปลอบเสียงนุ่มนวล ขณะที่คมศรแลเห็นอาการสั่นเทิ้มของเด็กสาวอีกคนอย่างหยามเยาะ นัยต์ตาที่พรั่นพรึงเพราะความกลัวนั้น เขาก็อ่านออกว่าเด็กสาวนั้นกลัวจริงๆ หึหึ...แต่กลัวจะถูกเปิดโปงมากกว่ามั้ง เมื่อหันไปดูใบหน้าบางใสของเด็กสาวตัวเล็กที่เมื่อครู่แทบจะตกเป็นเหยื่อให้กับเดนนรกกลุ่มนั้น แต่ตอนนี้ทำเป็นเก่ง ทำเป็นเข้มแข็งปลอบใจเพื่อน ชายหนุ่มต้องส่ายหัวอย่างเวทนา ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเล๊ย...ยัยเด็กหัวดื้อ ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือของอรนุชขึ้นมา และเหยียดยิ้มนิดๆ เมื่อเห็นว่าอยู่ใน Silent mode แต่ก็ไม่ได้กล่าวว่าอะไร เปลี่ยนให้กลับไปสู่โหมดปกติ ก่อนจะส่งให้ พูดสั้นๆ “โทรไปที่บ้าน...พวกเขาเป็นห่วง...โดยเฉพาะน้องสาวคุณ ต้องขอบคุณเขาให้มาก...ถ้าไม่ได้เขา...ผมก็คงตามมาหาคุณไม่ทัน....” อรนุชใบหน้าตื่นขึ้นเล็กน้อย รีบรับไปแล้วโทรไปที่บ้าน “พี่นุช..พี่นุช..” เสียงน้องสาวระรัวรับ เด็กสาวร่างบาง
พยายามกรอกเสียงให้เป็นปกติ “ษา..ไม่ต้องห่วง...ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ แค่รถพี่ประสบอุบัติเหตุนิดหน่อย ตอนนี้เรียบร้อยดีแล้วจ้ะ” “อุบัติเหตุ....แล้วพี่นุชเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” เสียงอรอุษาดังร้อนรน อรนุชทำเสียงหัวเราะให้สดใส “ไม่เป็นไร...พี่สบายดีทุกอย่าง...ษาบอกทุกคนไม่ต้องเป็นห่วงนะจ๊ะ...” “พี่นุชอยู่ไหนคะ...ษาจะได้ให้ลุงมากไปรับ” “ไม่เป็นไร...ไม่รบกวนลุงมากหรอก...เดี๋ยวพี่จะกลับไปเอง” “แต่..แต่..พี่นุช...” “เอาเถอะจ้ะ...แค่นี้ก่อนนะ...เดี๋ยวพี่ก็กลับบ้านแล้วล่ะ...” อรนุชพูดตัดบทและปิดโทรศัพท์ จากนั้นก็นั่งจุ่มอยู่ข้างๆ เพื่อนสาวอย่างเงียบๆ ไม่พูดอะไรอีก ขณะที่เด็กสาวร่างบางโทรไปที่บ้าน คมศรก็โทรศัพท์ไปแจ้งตำแหน่งให้ตำรวจ พักหนึ่งรถสายตรวจ และรถพยาบาลก็วิ่งมาถึงที่เกิดเหตุ หลังจากสอบปากคำ และพยาบาลดูอาการของอรนุชแล้วก็อนุญาตให้กลับบ้านได้ “ดิฉันไม่ต้องการแจ้งความ…” คมศรมองดูเด็กสาวร่างบางอย่างหมั่นไส้ ระคนหงุดหงิด เพราะตอนนั้นอรนุชกล่าวยืนยันเสียงแข็งว่าจะไม่แจ้งความ และขอให้ทุกอย่างเป็นความลับ เมื่อเจ้าทุกข์ไม่ยอมแจ้งความ ตำรวจก็เลยได้แต่ต้องพากันกลับไป โดยที่คมศรขอให้รถตำรวจคันหนึ่งช่วยพาฐิติพรรณไปส่งบ้าน ซึ่งก่อนที่จะจากกันไป อรนุชยังเข้าไปกอดเพื่อนสาวเอาไว้ ปลอบใจว่า “ทำใจให้สบายนะ..ไอซ์...แล้วเจอกันจ้ะ..” พริตตี้สาวผงกศีรษะ ก้มหน้างุดๆ ตลอดเวลาไม่กล้าสบตาอันมีประกายกล้าของคมศรเลย เดินดุ่มๆ ตามตำรวจกลับขึ้นไปที่รถ จนในที่สุดเหลือเพียงคมศรกับอรนุช ซึ่งชายหนุ่มผายมือเป็นทีเชิญชวนให้เด็กสาวขึ้นไปในรถของเขา ซึ่งอรนุชอิดออดอยู่นิดหนึ่ง ก็ไม่รู้จะทำอะไรได้ดีไปกว่าก้าวเข้าไปนั่งเคียงข้างคมศรที่ออกรถขับกลับออกไปทางเดิม เมื่อผ่านมาถึงรถของอรนุชที่ยังจอดอยู่ข้างทาง ตอนนั้นรถยกกำลังเตรียมพ่วงฉุดรถของเธอออกไป คมศรก็กล่าวเรื่อยๆ “จะเอาอะไรในรถไหม” อรนุชผงกศีรษะนิดเดียว ไม่ตอบอะไร ชายหนุ่มก็ยิ้มขันๆ จอดรถลง และอรนุชก็เดินเข้าไปหยิบกระเป๋าถือและหนังสือเรียนของเธอกลับออกมา คมศรขับรถไปเรื่อยๆ ก็ปรายตาไปยังเด็กสาวร่างบางที่นั่งจุ้มปุ้กกอดอกเอาไว้แน่น ใบหน้าก้มงุดๆ ไม่มองหน้าเขานิ่งเงียบเป็นหุ่นอย่างหมั่นไส้ ก่อนที่ชายหนุ่มจะเอ่ยเรื่อยๆ ทำลายความเงียบ “เก่งเหมือนกันนี่คุณ...เล่นงานไอ้พวกนั้นได้ไม่เลว...” น้ำเสียงเหมือนกับจะล้อๆ ยียวนพิกลในใจของเด็กสาว ที่ตอนนั้นกำลังรู้สึกสับสนอลหม่านในใจ จะขอบคุณก็ไม่กล้าพูด จะไม่พูดก็น่าเกลียด เลยได้แต่นั่งหน้างุดอยู่กับที่ พอได้ยินเสียงเรื่อยๆ นั้น ก็เป็นช่องให้เธอขมุบขมิบปากพึมพำเบาหวิว “ขอบคุณค่ะ...” คมศรหัวเราะออกมา พึมพำว่า “นึกว่าจะไม่ยอมพูดอะไรกับผมซะแล้วสิ” ดวงตากลมนั้นปรายมองมา อยากจะขุ่นใจให้ แต่ความหวานที่มันล้นอก ก็ทำให้ดวงตากลมโตนั้นมีประกายแววหวานจนปิดไม่มิด คมศรแลเห็นความหวานที่พร่าพรายออกมาจากดวงตาคู่นั้นแล้วอารมณ์ระรื่นจนไม่อยากแหย่ให้เสียบรรยากาศ จึงยิ้มน้อยๆ แล้วว่า “คุณจะกลับบ้านทั้งๆ อย่างนี้น่ะหรือ” คราวนี้อรนุชหันมามองคนพูดได้ตรงๆ พอนึกอะไรได้ ก้มลงดูตัวเอง แม้ว่าจะสวมเสื้อแจ็กเกตสีดำทับอยู่ แต่ข้างในนั้น...ใบหน้าบางใสแดงก่ำขึ้นทันที ถามอุบอิบเบาๆ “ทำ..ทำไงดีคะ...” คมศรมองใบหน้าเล็กๆ ที่ก้มงุด อย่างเอ็นดู นัยน์ตาระรื่นพราว อือม์...อย่างนี้ก็ดีอย่าง...ไม่แว้ดๆ...แต่แม่แมวเหมียวตัวน้อย...ฉันพอใจให้เธอขู่ฟ่อๆ ใส่ฉันมากกว่านะ ชายหนุ่มเปลี่ยนเส้นทางรถ และขับไปสักครู่หนึ่งก็เลี้ยวรถเข้าไปในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เมื่อเข้าไปจอดเรียบร้อย คมศรก็ทำสัญญาณให้เด็กสาวลงจากรถ แต่อรนุชยังคงนั่งจุ้มปุ้กอยู่ไม่ขยับตัว ใบหน้างามนั้นแดงระเรื่อไม่หาย “จะไปไหนคะ” เสียงถามนั้นยังคงแผ่วเบาเหลือเกิน คมศรหัวเราะพลางว่า “ผมจะพาคุณไปร้านที่เขาขายชุดนักศึกษา ไปหาซื้อเสื้อใหม่ หรือจะไปซื้อกระดุมมาซ่อมก็เรื่องของคุณ...กลับไปอย่างนี้...ต่อให้มีสิบปากเหมือนทศกัณฑ์...ก็ไม่มีใครเชื่อว่าคุณหรอกว่าแค่รถเสีย” อรนุชนึกขัดใจตัวเองครามครัน ที่ความมั่นใจ ความเก่งกล้าสามารถที่ตัวเองเคยคิดว่ามีอยู่ ตอนนี้พร้อมหน้าพร้อมตาโบยบินหายไปไหนหมด รู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นเด็กเล็กๆ ไม่ประสีประสาต้องให้ชายหนุ่มบอกบทตลอด คิดดังนั้นก็รวบรวมจิตใจ ฮึด เชิดหน้าเล็กๆ ขึ้น ก้าวออกไปจากรถ ท่ามกลางสายตาแวววาวขอคมศรที่มองมา ฮือม์...อย่างนี้ค่อยเหมือนแมวเหมียวตัวน้อยของฉันหน่อย อรนุชเดินกอดอกตัวเองแน่น เดินตามชายหนุ่มร่างสูงต้อยๆ ซึ่งเดินไปเดินมาตั้งนานก็ยังไม่ไปไหน วนไปเวียนมาจนกระทั่งเด็กสาวร่างบางสงสัย หยุดเดินเงยหน้าขึ้นถามเบาๆ “คุณ...คุณทำไมเดินไปเดินมาอยู่กับที่คะ” คมศรซ่อนยิ้มไว้ในหน้า กล่าวเสียงรื่นรมย์ “ผมน่ะคนบ้านนอก เคยมาห้างดังๆ อย่างนี้เมื่อไหร่ล่ะ แค่เห็นก็ตาลายไปหมดแล้ว ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ที่เดินๆ ก็นึกว่าเจ้าถิ่นอย่างคุณจะรู้ทางดีน่ะสิ ผมก็เดินไปเรื่อยๆ ตามที่คุณเดินนั่นแหล่ะ” อรนุชอ้าปากค้าง ใบหน้าใสนั้นแดงเป็นริ้วๆ ด้วยความโมโห ตาบ้า...ตาบ้า...ตาบ้า....ฮึ...วันนี้..วันนี้...ออกจะทำดีเหลือเกิน....ทำไมนะ...ไม่ทำดีให้ตลอดไป.....ดูซี..ยังมาทำยิ้มยั่วอีก...กวนประสาทจริงๆ...ตาสิงห์บ้า.. เด็กสาวร่างบางขมุบขมิบปากเจริญพรยาวเหยียด ก่อนจะเชิดหน้าและเดินนำไปทันที โดยมีชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ยิ้มกว้างขวางเดินตามไปอย่างรื่นเริงใจ ……………….. คมศรเคลื่อนรถมาจอดหน้าประตูบ้านของอรนุช ตอนนั้นเด็กสาวร่างเล็กบางเปลี่ยนชุดนักศึกษาที่เพิ่งซื้อมาใหม่แล้ว ส่วนตัวเดิมที่กระดุมขาดหมดแล้วนั้นชายหนุ่มเก็บเอาไว้ บอกว่าจะเอาไปทิ้งเอง อรนุชไม่ต้องการให้ใครสงสัยอะไรก็เห็นดีด้วย “เอาล่ะ ผมส่งคุณลงตรงนี้นะ” ชายหนุ่มพูดยิ้มๆ อรนุชไม่พูดอะไรทั้งนั้น เปิดประตูก้าวออกไป พอเด็กสาวปิดประตูกลับ คมศรก็ขยับจะขับรถออกไปทันที อรนุชก็รีบเคาะกระจกเรียกไว้ก่อน คมศรยิ้มกว้างขวาง เมื่อลดกระจกลง และเห็นใบหน้าเล็กๆ นั้นยื่นเข้ามา พูดเบาๆ ใบหน้าแดงระเรื่อสวยจับตาคนมอง จนแทบจะเอื้อมมือไปหยิกที่แก้มใสนั้น “แล้ว..แล้ว...ที่ฉันแพ้พนันยิงปืน...คุณจะให้ฉันทำอะไรคะ” ชายหนุ่มยิ้มระรื่น กล่าวเรื่อยๆ “ผมยังคิดไม่ออกนะ...เอาไว้ก่อนแล้วกัน...พรุ่งนี้ผมจะกลับบ้านที่ต่างจังหวัดแล้วล่ะ...เอาไว้คุณตามผมไปที่บ้าน...แล้วผมจะบอกให้คุณฟังอีกทีแล้วกัน” อรนุชทำหน้างงๆ เหมือนกับคิดว่าตัวเองหูฝาดไป กล่าวทวน “คุณ...คุณ...ว่า...ฉัน..ฉัน..จะตามคุณไปบ้านที่ต่างจังหวัดหรือคะ” คมศรหัวเราะเอื่อยๆ ผงกศีรษะรับคำ “ใช่ อีกสองสามวันมั้ง เราคงได้เจอกัน...” ใบหน้าบางใสนั้นแดงก่ำ ด้วยความโมโห นี่เขานึกว่าฉันเป็นใคร...ฉันนี่นะ...จะตามผู้ชายไปถึงบ้าน...อีตาบ้า...บ้าที่สุด...บ้า...บ้า...บ้า ดวงตากลมโตนั้นพองขึ้น ไม่ต่างอะไรกับแมวเหมียวตัวเดิมที่ขู่ฟ่อๆ ใส่เขา คมศรหัวเราะเสียงดัง โบกมือให้ “ลาก่อนนะ...แล้วเจอกัน” ปากงามอ้าค้าง อรนุชชี้นิ้วไปจะพูดอะไร แต่อีกฝ่ายก็ออกรถไปก่อน ทิ้งไว้เพียงแต่เสียงหัวเราะที่แว่วมา เด็กสาวร่างบางโมโหสุดๆ กระทืบเท้ากับพื้นอย่างขัดใจ ทันใดนั้นเองแรงกระเทือนก็ทำให้ความบอบช้ำที่ถูกทำร้ายที่ท้องน้อย ก็แปล็บขึ้นมาจนต้องนิ่วหน้า ร้องลั่นในใจ “ตาสิงห์บ้า…ตาบ้า...บ้าที่สุด” จากนั้นอาการที่เขม็งบิดเกลียวที่ท้องน้อยค่อยๆ ผ่อนคลายอาการลง อรนุชลูบคลำท้องน้อยตัวเองอย่างช้าๆ นุ่มนวล หวนนึกถึงวินาทีนั้นที่เธอเห็นชายหนุ่มเข้ามาช่วยเหลือตัวเธอให้รอดพ้นจากชะตากรรมที่เลวร้ายที่สุดของชีวิตลูกผู้หญิงจะเผชิญ....ความหวานอบอุ่นสายหนึ่งที่ตลอดชีวิตเธอไม่เคยรู้จักนั้นมันท่วมท้นจนจับใจ....อบอุ่น...สวยงามเหลือเกิน...ความรู้สึกนั้นตื้นตันจับใจจนเธอน้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไว้ไม่ได้ ความหวานที่พลุ่งขึ้นจนจับจิตในบัดดลนั้น ทำให้สายตาของอรนุชที่ค้อนให้กับรถที่ค่อยๆ หายลับไปกับเส้นทางนั้นมันช่างอ่อนหวานเหลือประมาณ ริมฝีปากงามที่ราวกับกลีบกุหลาบต้องน้ำค้างยามเช้าพึมพำเบาหวิว “อีตาสิงห์บ้า...” แต่ทว่าเสียงที่ลอดผ่านออกมา....มันช่างหวานกระไรปานนั้น

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น