AEl5Nk.gif AEl5Nk.gif


เหตุเกิดที่โรงแรมblPdyV.gif
โดย Tom Mm

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
29/07/66

เต้ยกับพี่ติ่ง blPdyV.gif
โดย ตฤษณา

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

ผิดที่เมย์เองเลยโดนจับขึงพืดblPdyV.gif
โดย Uratarou

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

ฝึกงานที่บริษัทขายหมู่บ้านจัดสรรblPdyV.gif
โดย 子翔吳

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

พ่อเลี้ยงของหนู EP1blPdyV.gif
โดย Ken Ken

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

วันจันทร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2563

เล่ห์สวาทเพลิงราคะ 25 จบ

เล่ห์สวาท เพลิงราคะ ตอน 25 จบ

ศักดาขับรถของตนเองเบี่ยงเข้าถนนสายรองที่แยกออกจากถนนสายหลัก อันเป็นเส้นทางที่จะนำไปสู่บ้านของเด็กสาวที่นั่งเคียงข้างเขา เมื่อรถยุโรปคันหรูนั้นวิ่งเลี้ยวเข้ามาในแนวที่อรอุษาสามารถแลเห็นหลังคา บ้านของเธอในสายตาแล้ว ใบหน้าอ่อนหวานนั้นก็ยิ้มพลางชี้มือไป “พี่ศักเลี้ยวซ้ายที่ซอยข้างหน้า บ้านของษาอยู่หลังที่สองทางขวามือค่ะ” “ครับ” ศักดารับคำ แต่ทันใดนั้นเองแรงกระแทกที่ด้านหลังก็ทำให้รถคันงามนั้นสะเทือนไปทั้งคัน อรอุษาอุทานออกมาอย่างตระหนกเบาๆ ขณะที่จิ้งจอกสวาทแทบจะกลืนคำสบถหยาบคายลงคอไม่ทัน...เพราะภาพลักษณ์ที่เขา กำลังแสดงอยู่...ทำให้ชายหนุ่มได้แต่ขมวดคิ้ว ส่งเสียงห้วนแข็ง “ขับรถยังไง” ชายหนุ่มกดปุ่มสัญญาณไฟกระพริบและขับรถเลี่ยงจอดเข้าข้างทาง ขณะที่มองไปยังกระจกหลังก็แลเห็นรถตู้สีดำคันหนึ่งเคลื่อนเข้ามาจอดที่ด้าน หลัง อรอุษาที่กำลังชะเง้อมองไปด้านหลังผ่านกระจกข้าง ก็หันมากล่าวเบาๆ กับศักดาที่กำลังจะเปิดประตูออกไป “ใจเย็นๆ นะคะ...พี่ศัก...ถ้าตกลงกันไม่ได้ก็เรียกประกันดีกว่า...อย่าทะเลาะกับเขาเลยนะคะ...เอ่อ...แล้วจะให้ษาลงไปด้วยไหมคะ?” ตอนท้ายเด็กสาวถามพร้อมกับกดปุ่มปลดล๊อกเข็มขัดนิรภัย แต่ศักดา
ฝืนยิ้มออกมา รีบกล่าวว่า “น้องษาไม่ต้องห่วง...รออยู่ในนี้แหล่ะครับ...พี่รับปากว่าจะไม่ทะเลาะกับเขาแน่นอน” ว่าแล้วชายหนุ่มก็เดินออกไปจากรถ คราวนี้หน้าบึ้งโดยไม่ปิดบัง...ศักดาเดินไปดูตรงบริเวณท้ายรถที่ยุบเข้าไปพอ สมควร เพราะแรงกระแทกค่อนข้างหนักจากรถที่ตามติดมานั้น “นี่...คุณขับรถเป็นหรือเปล่า?...ผมเปิดไฟเลี้ยวตั้งนาน...แล้วก็ขับรถช้ามากด้วย...ยังดันขับมาชนท้ายอีก” จิ้งจอกสวาทกล่าวด้วยใบหน้าบูดบึ้งกับชายฉกรรจ์ผอมเกร็งที่เดินออกมาดูหน้า รถตู้ ขณะที่อีกฝ่ายไม่ตอบอะไรยืนยิ้มอยู่เฉยๆ จนศักดารู้สึกแปลกๆ ทันใดนั้นชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงเคล้าหัวเราะ “ไง...ไอ้ศักดา...ไม่ได้เจอกันนานนะ” ศักดาใจหายวาบ หันไปก็พบเสี่ยคิ้มยืนหัวเราะอยู่ ใบหน้าหล่อเหลาของจิ้งจอกสวาทซีดเผือด ดวงตาเบิกโพลงอย่างตื่นตะลึง โพล่งออกมาเสียงดังอย่างตกใจ “เสี่ย...เสี่ยคิ้ม!!!” “ใช่...กูเอง...คนที่มึงแอบตีท้ายครัวไงล่ะ” เสี่ยคิ้มกระซุ่นเสียงพูด ศักดาหันซ้ายหันขวาอย่างละล้าละลัง ขยับเท้าจะหนีกลับขึ้นรถ ตี๋กับชดก็ปราดเข้ามาขนาบข้าง ทั้งสองเลิกชายเสื้อแจ๊กเก็ตที่ใส่ให้จิ้งจอกสวาทแลเห็นด้ามปืนที่เหน็บอยู่ ในซองปืนตรงหว่างเอว ใบหน้าหล่อเหลาของศักดาซีดขาวไร้สีเลือด ขาแข้งอ่อนขึ้นมาทันทีทันควัน กล่าวเสียงแหบพร่า “เสี่ย...เสี่ยต้องการอะไร?” เสี่ยคิ้มปรายตาไปยังที่นั่งด้านข้างคนขับ ถึงแม้ฟิลม์หน้าต่างจะมืดจนแลไม่เห็นด้านใน แต่เสี่ยค้าทองตัณหากลับก็เต็มไปด้วยทะยานอยากอยู่ในใจเพราะรู้ดีว่ามีเด็ก สาวแสนสวยนั่งอยู่ข้างใน ความรู้สึกกระหายหื่นพล่านไปทั้งตัว ขณะที่กล่าวเสียงเคล้าหัวเราะว่า “เราไปหาที่เงียบๆ คุยกันหน่อยดีไหม” ศักดาหน้าซีดเผือด สายตายังเหลือบไปยังด้ามปืนในเอวของชายฉกรรจ์สองคนด้านข้างอย่างหวาดหวั่น ปากคอสั่นพูดเสียงตะกุกตะกักแทบไม่เป็นคำพูด “เสี่ยเสี่ยคิ้มผมเสียใจผมผมผิดไปแล้วเสี่ยต้องการให้ผมชดใช้อะไร ผมยอมหมด อย่าอย่าทำอะไรผมเลยนะครับ” เสี่ยคิ้มหัวเราะร่วน “ไม่ต้องตกใจฉันไม่เอาตัวแกไปฆ่าหมกท้องร่องหรอก แต่ถ้าแกยังขืนท่ามากไม่ยอมฟังคำของฉันมันก็ไม่แน่ เฮ้ยไอ้ชดมึงประกบไป” ชายฉกรรจ์ร่างกำยำเตี้ยล่ำผงกศีรษะรับคำ ก่อนจะใช้ไหล่กระแทกลำตัวของศักดาให้ออกเดิน พร้อมกับคำรามเสียงแหบห้าว “อย่าตุกติกนะมึงไม่งั้นกูยิงไส้แตก” ศักดาหน้าซีดขาว เหงื่อกาฬแตกไหลออกมาจนชุ่มโชกไปทั้งใบหน้าและหลังเสื้อ ขณะเดินขาสั่นกลับไปเปิดประตูด้านคนขับ อรอุษามองมาอยู่ก่อนแล้ว แต่จากที่เธอมองผ่านมาจากกระจกข้างรถ และภาพที่ค่อนข้างสลัวท่ามกลางแสงไฟจ้าแยงตาจากหน้ารถคันหลังนั้น ทำให้เด็กสาวไม่อาจจะรับรู้หรือระแคะระคายได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นที่ด้านหลัง รถ สิ่งที่เธอเห็นมีเพียงแต่การที่หลังจากพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่งศักดาก็เดิน กลับมา โดยมีชายคนหนึ่งเดินตาม มาด้วย พอจิ้งจอกสวาทเปิดประตูแล้วกลับเข้ามานั่งหลังพวงมาลัย เด็กสาวก็ถามอย่างเป็นห่วง “เป็นอย่างไรคะตกลงกันได้ด้วยดีไหมคะพี่ศัก” ศักดาใบหน้าเลิ่กลั่ก ขณะที่ประตูด้านหลังถูกเปิดออกเสียงดังผลัวะใหญ่ ทำให้ร่างบางของอรอุษาสะดุ้งอย่างตกใจ และเมื่อเธอหันขวับไป ก็มองเห็นร่างกำยำของนายชดนั้นพรวดเข้ามานั่งในเบาะยาว สร้างความหวาดกลัวให้บังเกิดขึ้นแก่เด็กสาวจนใบหน้าซีดขาว กล่าวโพล่งออกมาเสียงสั่นสะท้าน “พี่ศักพี่ศัก” จิ้งจอกสวาทมีใบหน้าหวาดหวั่น เมื่อพึมพำว่า “น้องษานั่งเฉยๆนะไม่ต้องกลัวพี่จะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยเอง” ดวงตากลมโตที่ปรายหันไปมองใบหน้าคล้ำเกรียมนั้นแว่บหนึ่งที่จ้องตอบมาอยู่ ก่อนแล้ว ดวงตาที่เหลือกลานราวกับดวงตามุสิกกวาดเบิ่งมองมายังใบหน้างามนั้นอย่างไม่ มีปิดบังแววตาอันชั่วร้ายลามกกระหายหื่น...สร้างความรู้สึกหวาดผวาให้เกิด แก่อรอุษาจนต้องรีบเบือนกลับมาทันที ปากงามของเด็กสาวสั่นระริกเมื่อสอบถาม เสียงของเธอแหบโหยราวกับจะร้องไห้ “แล้วแล้วทำไมเขาเขาขึ้นมาในรถคะ” ยังไม่ทันที่ศักดาจะตอบคำถาม นายชดก็ตวาดเสียงดังขึ้นมากลบเสียงของเด็กสาว “หุบปาก...แล้วขับรถตามไปได้แล้ว” เสียงแหบห้าวนั้นเกรียมกระด้าง ใบหน้าดำคล้ำมันพรวดเข้ามาทางเบาะหน้า ขู่ขวัญจนร่างบางของอรอุษาสะดุ้ง ผงะตัวไปชิดขอบประตูอย่างพรั่นพรึง ในเวลานั้นรถตู้คันที่อยู่ด้านหลังนั้นม้วนรถกลับไปรออยู่แล้ว ศักดาไม่มีทางเลือกกัดฟันหมุนพวงมาลัยรถหมุนรถกลับตามไป โดยอรอุษาที่นั่งใบหน้าซีดขาว กล่าวถามโพล่งออกมาอย่างตระหนกตกใจ “พี่ศักนี่มันอะไรกันคะษากลัว” จิ้งจอกสวาทที่ขับรถตามรถตู้ที่วิ่งฉิวนำไปนั้น หันมากล่าวปลอบ “ไม่ต้องกลัวนะครับ...พี่จะไม่ยอมให้มีอะไรเกิดขึ้นกับน้องษาแน่นอน...แต่เราจำเป็นต้องทำตามพวกนั้นครับ” “ทำ..ทำไมคะ” อรอุษากล่าวเสียงเครือขณะที่นายชดที่นั่งอยู่นั้นกระชากปืนออกมาจากซองข้างเอว ส่งเสียงคำรามดังแหบห้าวราวกับเสียงสัตว์ป่า “หุบปาก ขับรถไปเงียบๆ” พร้อมๆกับคำพูดนั้น ปากกระบอกปืนดำมะเมื่อมนั้นพรวดเข้ามาจ่อที่ต้นคอของศักดา อรอุษาที่นั่งอยู่ต้องหวีดร้องออกมาอย่างตระหนกตกใจ ยกมือขึ้นกุมไปที่ต้นคอตนเอง ดวงตากลมโตนั้นเบิกผวาจ้องไปยังปลายกระบอกปืนที่ส่ายไปมาระหว่างท้ายทอยของ ศักดากับตัวของเธอ ความหวาดหวั่นพรั่นพรึงทำให้ร่างที่เบียดชิดอยู่กับประตูสั่นสะท้านออกมาราว กับจับไข้ ศักดาพยายามกัดฟันระงับความประหวั่นพรั่นพรึง กล่าวเสียงเครียด “ไม่ต้องชักปืนมาขู่ก็ได้ฉันไม่ตุกติกอะไรอยู่แล้วน้องษานั่งเงียบๆนะครับ” นายชดแค่นคำรามคำหนึ่ง สายตาแวววาวนั้นตวัดไปมองใบหน้างามหวานอันเปี่ยมไปด้วยความตื่นตระหนกตกใจ ของเด็กสาวที่นั่งอยู่เบื้องหน้าอย่างกระหยิ่ม ก่อนจะลดปืนกลับไป แล้วว่า “ดีนั่งเงียบๆทั้งคู่อย่าให้กูได้ยินคำพูดอีกแม้แต่คำเดียวนะไม่งั้น ฮะฮะ” ในเวลานั้นรถสองคันวิ่งฝ่าความมืดพากันออกไปตามเส้นทางขามา อรอุษาใจหายเมื่อหันมองกลับไปยังบริเวณที่เป็นที่ตั้งของบ้านเธอ หลังคาที่มองเห็นได้อยู่...บ้านอันเต็มไปด้วยความรักและอบอุ่นปลอดภัยนั้น กำลังถอยห่างไปเรื่อยๆ ตามระยะทางที่รถวิ่งมุ่งหน้ากลับออกไปจนลับตา ดวงตากลมโตของเด็กสาวแสนสวยเต็มไปด้วยประกายแห่งความหวาดหวั่นพรั่นพรึงจน น้ำใสๆ เอ่อขึ้นขังคลอเบ้า ก่อนที่ประกายงามดั่งเพชรนั้นจะหยดรินออกมาต้องไปยังพวงแก้มใส คนพวกนี้ต้องการอะไร ขณะที่ครุ่นคิดอย่างไม่มีทางเข้าใจ ร่างบางงามนั้นสั่นสะท้านสะอื้นไห้อย่างหวาดกลัวจนจับจิต อรนุชไม่รู้ตัวว่าเธอกลิ้งไถลลงมาตามทางลาดชันของไหล่เขานั้นเป็นเวลานาน เท่าใด แต่ในการรับรู้ของเด็กสาวช่วงเวลานั้นเนิ่นนานราวกับนิรันดร์จนไร้ที่สิ้น สุด แต่ทว่าร่างเล็กบางที่ซุกหายเข้าไปในอ้อมแขนกำยำนั้นกลับไม่ได้รู้สึกหวาด กลัว หรือวิตกแม้แต่น้อยนิด ตรงกันข้ามความอบอุ่นที่ถ่ายทอดเข้ามาจากแผงอกที่แข็งแรงนั้นทำให้อรนุช รู้สึกราวกับว่าตนเองนั้นอยู่ภายใต้การปกป้องคุ้มครองจากเกราะคุ้มภัยที่ โอบรัดเธออยู่ ไม่มีทางที่ภัยอันตรายต่างๆ จะแทรกซึมแผ้วพานเข้ามาถึงตัวเธอได้เลย เด็กสาวซุกหน้าลงไปกับหนั่นเนื้อหน้าอกที่หนาบึกบึนนั้น สองแขนบอบบางโอบรัดไปที่กลางลำตัวที่แข็งแกร่งสมชายอย่างแนบแน่น...ต่อให้ เธอจะต้องเผชิญกับชะตากรรมใดๆ ที่น่าหวาดหวั่นรอคอยอยู่ในเบื้องลึกที่ร่างของเธอนั้นกลิ้งดิ่งลงไปราวกับ ไร้ที่สุด อรนุชเฝ้าบอกกับตัวเองว่า...เธอพร้อมที่จะรับเอาไว้อย่างไม่กลัวเกรงตราบ เท่าที่ร่างกำยำที่มอบความอบอุ่นให้กับเธอร่างนี้อยู่เคียงข้างเธอไปตลอด เส้นทาง...ร่างสองร่างที่ราวกับแนบสนิทเป็นเนื้อเดียวกันนั้นกลิ้งลงมาตาม แนวป่าลาด ใบไม้ที่กองสุมกันอยู่ชั่วนาตาปีนั้นช่วยลดแรงกระแทกที่ทั้งสองต้องเผชิญขณะ ดิ่งวาบลงมานั้นไปกว่าครึ่งค่อน แต่กระนั้นคมศรยังรู้สึกร่างกายจะแตกเป็นเสี่ยงๆ เพราะตัวเขานั้นตั้งใจจะรับความกดดันเอาไว้ทั้งหมด จึงพยายามเก็บร่างเล็กบางให้ปลอดภัยให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทำให้หลายๆครั้งตามศีรษะและหัวไหล่ หรือสองแขนที่รัดอรนุชอยู่นั้นกระแทกเข้าไปกับลำต้นไม้ที่เปลือกแห้งกรัง หรือแง่งหินที่ตะปุ่มตะป่ำ จนปวดแสบปวดร้อน เป็นแผลถลอกไปทั้งตัว ชายหนุ่มต้องขบกรามแนบแน่นเป็นสันนูนเพื่อต่อต้านความเจ็บปวดรวดร้าว นั้น...อย่างยาวนาน...จนกระทั่งในที่สุดร่างไถลครูดลงไปหยุดนิ่งอยู่ตรง บริเวณที่เป็นลักษณะแอ่งตื้นๆ มีหมู่ต้นเต็งรังที่ขึ้นหนาแน่น พ่อเลี้ยงปางห้วยสักถอนหายใจยาว แม้ร่างกายจะปวดขัดยอกระบมไปหมด แต่อย่างน้อยก็เก็บชีวิตของเขากับอรนุชให้มีลมหายใจอยู่ดูโลกใบนี้ต่อไปได้ ในท่าที่กำลังนอนหงายกับพื้นดิน สายตาของเขามองขึ้นไปบนฟ้าอันมืดมิด...ดวงดาวที่พร่างฟ้า...รู้สึกสวย งามอย่างบอกไม่ถูก...เป็นผืนฟ้าประดับดาวที่สวยเหลือประมาณทั้งๆ ที่เป็นผืนฟ้าเดียวกับที่เขาเห็นอยู่แทบทุกเมื่อเชื่อวัน... ในเวลานั้นอรนุชเองก็รู้สึกไม่ต่างอะไรกับชายหนุ่ม แต่นอกเหนือจากความโล่งใจที่เต็มตื้นขึ้นมาท่วมท้นนั้นยังแทรกไปด้วยความ เป็นห่วงในสภาพร่างกายของอีกฝ่ายที่พลุ่งขึ้นจับใจ เพราะในเวลานั้นอวัยวะภายในร่างปั่นป่วนดูราวกับว่าจะเคลื่อนย้ายออกไปจาก ตำแหน่งเดิมของมันไปจนหมด ขนาดตัวเธอเองยังรู้สึกถึงแรงกระแทกที่ถาโถมเข้ามาขนาดนี้ คนที่โอบอ้อมปกป้องตัวเธออยู่ตลอดเวลาและรับแรงกระแทกตรงๆ นั้นจะรู้สึกขนาดไหน “คุณสิงห์...คุณเป็นยังไงบ้างคะ?” เด็กสาวเขย่าไปที่ลำตัวกำยำอย่างร้อนใจ แรงเขย่านั้นทำให้คมศรกัดฟัน เจ็บระบมไปทั้งตัว...ครางอู้ บ่นพึมพำลากเสียงยาว “เดี๋ยววววว...เดี๋ยว...หยุดก่อน...ผมไม่เป็นไรหรอก...แต่จะเป็นก็เพราะแรงเขย่าของคุณนั่นแหล่ะ” พูดจบก็ต้องขบฟันด้วยความเจ็บ...ขณะที่อรนุชใจหายวาบ มือเล็กบางที่กำลังเขย่าร่างของคมศรหยุดยั้งไปพลัน กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ...หวาดวิตกกังวลว่าจะไปทำให้ร่างกายของอีกฝ่ายบาด เจ็บ “ขอ...ขอโทษนะคะ...ฉัน...ฉันลืมตัวไป...มัวแต่เป็นห่วงคุณค่ะ...คุณเจ็บมากไหม...?” เมื่อรู้สึกว่าตัวเองนั้นคงปลอดภัยจากคนของไอ้อดิศัยอย่างน้อยก็ช่วงเวลา หนึ่ง ทำให้คมศรเริ่มมีอารมณ์ครึกครื้นขึ้นมา ดวงตาสีเหล็กนั้นเป็นประกายพราวอย่างรื่นรมย์เมื่อว่า “อืมม์...ได้ยินอย่างนี้แล้ว...ผมชื่นใจจัง...เกือบหายปวดเป็นปลิดทิ้งเลย” อรนุชหน้าแดงอุทานออกมาเบาๆ ตาเบิกโพลง ริมฝีปากสั่นระริก..ทั้งโมโห..ทั้งเขินอาย อีตาบ้า..บ้าจริงๆ..เวลาอย่างนี้ยังมีแก่ใจมาพูดเล่นอีก..ร่างเล็กบางนั้น ดิ้นรนออกมาจากอ้อมแขนกำยำนั้นอย่างขัดใจ ใบหน้าเง้างอดสะบัดเสียงห้วน “คนบ้า...เขาอุตส่าห์เป็นห่วง...ยังมาพูดกวนประสาทอีก” คมศรหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะสูดปากอย่างเจ็บปวด...อูยยยยสส...เพราะแรงหัวเราะทำให้อาการปวดนั้น ตึ๊บๆ ขึ้นมาอีก อรนุชใจหายรีบหันหน้ามาละล่ำละลักถาม “คุณเป็นอะไรมากไหมคะ...โธ่...แล้ว...แล้ว.ฉันจะช่วยคุณยังไงได้บ้างล่ะคะ?” พ่อเลี้ยงปางห้วยสักยิ้มเล็กน้อย กล่าวหน้าตาย “ข้อเท้าคุณเป็นยังไงบ้างล่ะ...ถ้าค่อยยังชั่วก็ค่อยๆ...ช่วยประคองผมหน่อยก็แล้วกัน พาผมไปนั่งพิงต้นเต็งใหญ่ต้นนั้นหน่อย” ชายหนุ่มบุ้ยใบ้บอกไปยังต้นเต็งลำต้นใหญ่ประมาณสามสี่คนโอบที่อยู่ห่างไป ประมาณสิบเมตร อรนุชใช้มือนวดไปที่ข้อเท้าข้างที่ปวดขัดของเธอเบาๆ และลองขยับดู พบว่าถ้าไม่ลงส้นเท้าแรงมากก็พอจะเดินได้ ดังนั้นจึงกุลีกุจอเข้ามาพยุงร่างสูงใหญ่ให้ลุกขึ้นยืน พยายามใช้ลำตัวเล็กบางของเธอหนุนร่างของเขา ซึ่งคมศรซ่อนยิ้มอยู่ในความมืด...เหมือนกับไม่ตั้งใจ...แต่วงแขนแข็งแรงนั้น โอบไปที่เอวคอดงามของเด็กสาวเหมือนกับใช้เป็นที่พยุงตัว ปากก็ทำเป็นครางเบาๆ หงิงๆ แต่นัยน์ตานั้นพราวไปด้วยความรู้สึกรื่นรมย์ กลิ่นกายที่หอมรวยรินจากเนื้อเนียนนั้นกรุ่นเข้าจมูกตลอดเวลา ทำให้ริมฝีปากที่ปกคลุมไปด้วยหนวดเคราแย้มยิ้มจนเห็นไรฟันขาวสะอาด อรนุชที่มองไม่เห็นหน้าของคนเจ้าเล่ห์นั้น มีใบหน้าแดงก่ำ กัดฟันแน่น พยายามไม่ใส่ใจกับความร้อนจี๊ดๆ ที่ซ่านอยู่ตรงบริเวณช่วงเอวตัวเองซึ่งความรู้สึกที่แผ่ลามออกมาตามปลายนิ้ว ที่แข็งแรงนั้นกลบความรู้สึกเสียวแปลบตรงข้อเท้าของเธอไปสนิท เด็กสาวจ้ำเดินอย่างเร็วๆ พาร่างสูงใหญ่ไปนั่งพิงต้นไม้แล้วร้องเสียงห้วน “เอาล่ะถึงแล้ว...คุณปล่อยมือได้จากเอวฉันได้แล้ว” คมศรหัวเราะหึหึ...ปล่อยมือจากเอวน้อยนั้นอย่างเสียดาย...บ่นพึมพำ “แหม...ใจร้ายจัง” อรนุชครึ่งยิ้มครึ่งบึ้ง ก่อนจะกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “หยุดพูดเล่นเถอะค่ะ...ลองสำรวจตัวเองให้ดีว่ามีกระดูกหักหรือเดาะที่ไหนบ้างหรือเปล่า...เราตกกันมาตั้งสูงนะคะ” เด็กสาวพูดพลางทำหน้าสยองเมื่อเงยหน้ามองย้อนกลับขึ้นไปด้านบน ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองไถลลงมาถึงบริเวณนี้ได้จริงๆ ขณะที่คมศรเองก็ฟังคำของอรนุชลองขยับแข้งขาและหมุนศีรษะหลังไหล่ตัวเอง และพบว่านอกจากอาการปวดแสบเนื่องจากแผลถลอก และการปวดระบมตามกล้ามเนื้ออันเกิดจากแรงกระแทกที่ตัวเขาไถลไปชนตามแง่งหิน หรือต้นไม้แล้ว ก็ไม่มีอะไรมากจนบาดเจ็บถึงกระดูก อรนุชทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าข้างๆคมศร ดวงตากลมโตเบิ่งมองมายังชายหนุ่มที่กำลังสำรวจอาการตัวเองอยู่อย่างเป็นห่วง พ่อเลี้ยงปางห้วยสักหรี่ตาลงเล็ก น้อยอย่างเจ้าเล่ห์ แกล้งสูดปากอย่างเจ็บปวด ทำให้ร่างเล็กบางนั้นผวาเข้ามาดูอาการทันทีอย่างร้อนใจ ก่อนที่วงแขนกำยำนั้นจะตวัดรัดร่างน้อยนั้นเข้ามากอดไว้ ดวงตาสีเหล็กนั้นพร่างพราว...รื่นรมย์นัก...พอมองเห็นดวงตาคู่นั้นถนัดๆ แก้มบางใสของอรนุชก็ร้อนวูบ เด็กสาวทำตาลุกวาว เข่นเขี้ยวกล่าว “เจ้าเล่ห์นักนะ...ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้” “ไม่ปล่อย...ตอนนี้ผมหนาวจะตาย...อย่างนี้ค่อยอุ่นหน่อย” อากาศยามค่ำคืนบริเวณป่าโปร่งหย่อมนั้นเริ่มเยือกเย็นขึ้นดั่งคำของชายหนุ่ม ว่า เวลานั้นพ่อเลี้ยงปางห้วยสักก้มหน้าลงไปยิ้มกว้างกับใบหน้าใสที่เงยขึ้นข่ม ขู่ อรนุชดิ้นรนอย่างโมโหที่เสียรู้ แต่ก็ไม่กล้าออกฤทธิ์ทุบตีร่างหนานั้นเพราะเกรงจะไปกระทบกระเทือนร่างกายที่ บอบช้ำอยู่ก่อน ทว่า...วงแขนแข็ง แรงที่รัดเข้ามาราวกับปลอกเหล็กนั้น ถ่ายทอดไออุ่นเข้าไปในร่างเล็กบางที่อย่างช้าๆค่อยๆสงบอาการลงก่อน ในที่สุด...เด็กสาวจะซบหน้าไปกับอกกว้างแข็งแรงนั้น ถอนหายใจออกมายาว...เธอจะหลอกใจตัวเองไปอีกทำไมกัน...ความรัก...นี่หรือ... สิ่งที่เธอไม่เคยนึกไม่เคยฝันจะบังเกิดขึ้นกับตัวเอง...ความผูกพันธ์ที่ช่าง งดงามเหลือเกินนี้มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ...อรนุชไม่รู้...แต่ ความรู้สึกนั้นมันเอิบซ่านรุนแรงตั้งแต่คราวก่อนที่เขาเข้ามาช่วยเธอเอาไว้ จากการตกเป็นเหยื่ออารมณ์ของเด็กอันธพาลพวกนั้น... และคืนนี้...ก็ยังเป็นเขาที่เข้ามาช่วยเธอให้พ้นจากภัยอันโหดร้าย...ที่มัน ช่างหยาบช้าและน่าสยดสยองในความรู้สึกนึกคิดของเด็กสาว...จะมีอะไรที่เลว ร้ายไปการถูกข่มขืนแล้วฆ่าทิ้ง...ในกลางป่าเขาที่เธอจะต้องตกตายไปอย่างไร้ ค่าและเจ็บปวดอย่างที่คงไม่มีใครรู้ว่าชะตากรรมอันเลวร้ายใดที่บังเกิดขึ้น กับตัวเธอเอง...ตอนนี้...ในเวลานี้...อรนุชรู้สึกเหมือนกับตัวเองตายแล้ว เกิดใหม่...โอกาสที่ได้การประทานมาจากฟ้าเบื้องบน...ผ่านอุ้งมืออันแข็งแรง ของคนร่างใหญ่ที่กอดเธออยู่...เธอจะยังต้องการอะไรมากไปกว่าความอบอุ่นจาก อ้อมอกที่ไม่ต่างอะไรกับเกราะอันคุ้มครองปกป้องผองภัยจากภยันอันตรายทั้งมวล นี้อีกล่ะ “ขอผมกอดคุณนิ่งๆ อย่างนี้สักพักนะ...อรนุช” เสียงของคมศรเนิบลึก น้ำเสียงที่หนักแน่นมั่นคงแต่นุ่มนวลแผ่วหวาน ชำแรกเข้าไปในโสตประสาทของเด็กสาวแสนสวย จนใบหน้านั้นแดงระเรื่อ หลับตาพริ้ม เบนหน้าเอนซบเข้าไปในอกกว้างนั้น แขนข้างหนึ่งบีบแนบกับตัวเองขณะที่อิงแอบร่างเล็กของตัวเองเปิดรับไออุ่นที่ หลั่งไหลเข้ามาอย่างเต็มตื้นในความรู้สึก แขนบอบบางอีกข้างหนึ่งสอดกระหวัดรัดไปกลางลำตัวหนานั้น...แนบแน่น...แม้ไม่ มีเสียงอนุญาตลอดออกมาจากเรียวปากงาม...แต่การแสดงออกนั้นมันกระจ่างยิ่ง เสียกว่าหมื่นคำพูด...พ่อเลี้ยงปางห้วยสักก้มหน้าลงไปสูดลมหายใจลึกยาวกับ ศีรษะเล็กๆ ที่ซบอยู่กับอกตนเองนั้นนิ่งนาน ราวกับจะเก็บความหอมที่กรุ่นจากผมดำขลับกลุ่มนั้นให้ตราตรึงไปในใจของเขา ชั่วนิรันดร์... พ่อเลี้ยงอดิศัยมีใบหน้าถมึงทึง เมื่อนายคำกับพวกกลับมายังกระท่อม “พวกมันพากันโดดลงไปในหุบด้านตะวันตกครับ...พ่อเลี้ยง” นายคำรายงาน ใบหน้ามีร่องรอยหวาดหวั่น...ด้วยรู้อารมณ์ของพ่อเลี้ยงปางเทพนิมิตรดี... ซึ่งชายหนุ่มก็มีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างเกรี้ยวกราดอย่างที่ทุกคนคาดคิด “ไอ้พวกสวะ...แค่คนสองคน...แถมคนนึงยังเป็นแค่เด็กสาวด้วย...เสือกไม่มี ปัญญาเก็บ...ไอ้พวกนรกเอ๊ย...มึงไม่รู้เหรอว่าโอกาสดีที่กูจะเก็บไอ้สิงห์ อย่างนี้มันหาได้ที่ไหนง่ายๆ อีกวะ...บัดซบจริงๆ” อดิศัยพูดพลาง ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ดวงตามีร่องรอยแห่งความโกรธและความเสียดายที่ปิดไม่มิด...ทุกอย่างเป็นอย่าง ที่เขาพูดจริงๆ...โอกาสอย่างนี้จะหาที่ได้อีก...ไอ้สิงห์มันหลุดมายังถิ่น เขาคนเดียวอย่างนั้น...สมุนคนหนึ่งเอ่ยขลาดๆ “แต่...แต่พวกมันทิ้งดิ่งกันไปอย่างนั้น...บางทีก็อาจจะไม่รอดนะครับ...พ่อเลี้ยง” พ่อเลี้ยงปางเทพนิมิตรตาลุกวาว สำรากออกมาดังลั่น “ไอ้เหี้ย!!!...โง่แล้วยังอวดฉลาด...ไอ้สิงห์มันไม่กระจอกอย่างนั้นหรอก...ถ้ากูไม่เห็นศพมัน...กูไม่วางใจว่ามันตายแน่นอน” นายคำถลึงตามองดูชายฉกรรจ์ที่พูดนั้นอย่างไม่พอใจ...ที่พูดจาไม่ใช้สมอง... เพราะ...ดีไม่ดีตัวเองก็จะซวยไปด้วย...ใครเล่าจะกล้าล้อเล่นกับอารมณ์อันดุ ร้ายของพ่อเลี้ยงปางเทพนิมิตร...พ่อเลี้ยงอดิศัยพยามยามระงับอารมณ์อันเดือด ดาลให้สงบลงเพื่อใช้ความคิด ชายหนุ่มนิ่งอึ้งดวงตาสาดประกายวูบวาบอยู่ชั่วครู่ใหญ่ ก่อนจะพึมพำกับตนเอง “ถ้าพวกมันตกลงไปในหุบนั้นแล้วไม่ตาย...คงจะพยายามวกกลับไปยังปางของมัน...ก็ต้องผ่านมายังทางใต้หุบ” พอได้คิดดั่งนั้น พ่อเลี้ยงอดิศัยก็หันไปสั่งการนายคำ “ไอ้คำ...มึงไปเตรียมคน...พยายามกระจายกันดักอยู่ตรงหุบทางใต้นั่นแหล่ะ...ถ้าไม่ตายมันต้องมาทางนั้นแน่” นายคำเห็นเจ้านายที่มีเพลิงโทสะอันเกรี้ยวกราดเริ่มสงบอารมณ์ลงได้ก็ค่อยเบาใจ รีบก้มศีรษะรับคำอย่างนอบน้อม “ไม่ต้องห่วงครับนาย...ผมจะไปเกณฑ์คนที่ปางสกัดมันเอาไว้ให้ได้” ทันใดนั้นเองสมุนคนหนึ่งของพ่อเลี้ยงอดิศัยก็วิ่งตาเหลือกเข้ามา “พ่อเลี้ยงครับ...มีกลุ่มคนกำลังตรงมาทางนี้...ดูจากไกลๆ น่าจะเป็นพวกตำรวจ” ดวงตาของพ่อเลี้ยงปางเทพนิมิตรสาดแสงวูบ สบถด่าอย่างหยาบคายออกมา ก่อนจะหันไปยังนายคำ “ไอ้สัตว์เอ๊ย...ไอ้เหี้ยสิงห์มันคงแจ้งตำรวจให้ตามมา...ไอ้คำมึงหลบลงไปจากดอยก่อน” นายคำรีบรับคำอย่างนอบน้อม ก่อนจะผละตัวหายไปจากบริเวณนั้นพร้อมม้าในคอกปางห้วยสักที่เขาขับมา ขณะที่อดิศัยปรับสีหน้าให้เป็นปกติ เดินไปที่หน้ากระท่อม และยืนรอคอยอยู่ สารวัตรอรุณนำกำลังตำรวจกลุ่มหนึ่งตรงเข้ามาอย่างรีบร้อน ใบหน้าของนายตำรวจนั้นเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด ขณะ ที่พ่อเลี้ยงอดิศัยทำเป็นยิ้มเดินเข้าไปหา “สารวัตรอรุณ...ไม่ทราบว่ายกกำลังตำรวจมาที่นี่ทำไมครับ?” ข้างๆนายตำรวจหนุ่มยังมีคนของปางห้วยสักตามมาด้วยคือธงชัยองครักษ์ประจำตัว ของคมศรนั่นเอง ตอนนั้นใบหน้าของชายหนุ่มกระด้างกล่าวเสียงเครียด “พวกเราได้ยินเสียงปืน...มันเกิดอะไรขึ้น” พ่อเลี้ยงปางเทพนิมิตรหัวเราะยียวน ไม่สนใจคนติดตามของคู่อริ หันไปยังนายตำรวจตงฉินผู้มีชื่อกระฉ่อนในการปราบปรามอิทธิพลเถื่อน “พวกผมก็แค่นึกสนุกๆ ซ้อมมือกันเล่นๆ เท่านั้นแหล่ะครับ...สารวัตร...แล้วโน่น...ไอ้แสง” อดิศัยบุ้ยใบ้ไปยังลูกสมุนที่ถูกปืนของคมศร ตอนนั้นถูกพยาบาลลวกๆ โดยการห้ามเลือดและพันแผลเอาไว้แล้ว กำลังนั่งกับพื้นพิงผนังกระท่อมอยู่ ใบหน้าซีดขาวด้วยความเจ็บปวดและการสูญเสียเลือด “มันเสือกเซ่อ...ซุ่มซ่ามทำปืนลั่นใส่ตัวเอง” ในเวลานั้นธงชัยยืนตัวสั่น...ใบหน้าเกรียมกระด้าง...ในใจนั้นรุ่มร้อมกังวล ในตัวของเจ้านายเหลือประมาณ ซึ่งสารวัตรอรุณตบบ่าของชายหนุ่มเป็นสัญญาณให้ใจเย็นๆ ไว้ก่อน ขณะที่เดินเข้ามาตรงหน้าพ่อเลี้ยงอดิศัยกล่าวขึ้นว่า “พวกเราได้รับการแจ้งความว่ามีการลักพาตัวเด็กสาวคนหนึ่งไปจากปางห้วยสัก” พ่อเลี้ยงปางเทพนิมิตรทำใบหน้าซื่อ อุทานออกมา “เหรอครับ...แหม...น่าตกใจจริงๆ...แล้วไม่ทราบมันเกี่ยวอะไรกับที่สารวัตรพาคนมาที่นี่ครับ” สารวัตรอรุณยังมีสีหน้าเป็นปกติ ขณะที่ธงชัยนั้นรู้สึกอึดอัดจนอยากกระแทกหมัดใส่ใบหน้าที่กำลังตีซื่อนั้น ให้เต็มเหนี่ยว แต่สิ่งที่ทำได้เพียงแค่ยืนกำหมัดแน่น ดวงตาเบิกกว้างอย่างขุ่นแค้นเท่านั้น “ถ้าไม่รบกวน พวกเราอยากจะค้นพื้นที่ตรงนี้...พ่อเลี้ยงคงไม่ว่าอะไรนะครับ” สารวัตรมือปราบยังพูดอย่างใจเย็น พ่อเลี้ยงอดิศัยยักไหล่แบมือ “เชิญครับ...พวกผมบริสุทธิ์ใจ...เชิญสารวัตรตรวจดูรอบๆ ได้ตามสบายเลยครับ” Hew โพสเมื่อ 2011-2-1 08:19 ธงชัยไม่รอช้า ปราดเข้าไปในกระท่อมเป็นคนแรก ขณะที่พันตำรวจตรีหนุ่มหันไปยังตำรวจติดตามให้กระจายกันดูรอบๆ ว่ามีสิ่งผิดปกติอะไรหรือเปล่าพ่อเลี้ยงอดิศัยยืนกระหยิ่มยิ้มย่อง ขณะที่ธงชัยกลับออกมาจากกระท่อมด้วยใบหน้าที่แสดงความผิดหวัง ร้อนรุ่มในใจ และเมื่อตำรวจที่ไปตรวจสอบดูรอบๆ กลับมาบอกว่าไม่มีร่องรอยอะไรผิดปกติ พ่อเลี้ยงปางเทพนิมิตรก็หัวเราะร่วน “เห็นไหมครับ...พวกผมไม่ได้ทำอะไรอย่างที่มีคนคิดจะใส่ไคล้” พูดไปปรายตามองไปยังคนติดตามของคมศร ที่แสดงอาการฮึดฮัดแต่นายตำรวจหนุ่มรีบเข้าไปขวางเอาไว้ กระซิบเบาๆ “ตอนนี้เรายังทำอะไรไม่ได้...กลับไปตั้งหลักก่อนดีกว่าครับ...รวบรวมคนแล้ว ค่อยกลับมาใหม่...ผมเชื่อว่าพ่อเลี้ยงสิงห์เอาตัวรอดได้...ตอนนี้คงหลบไป อยู่ที่ไหนสักแห่ง...ผมเชื่อเช่นนั้นจริงๆ” พันตรีหนุ่มกล่าวจบแล้วก็หันไปยังพ่อเลี้ยงอดิศัยแล้วว่า “ถ้าเช่นนั้นผมคงไม่รบกวนพ่อเลี้ยงแล้ว...ลาก่อนครับ” นายตำรวจยกมือขึ้นแตะปีกหมวกเป็นเชิงกล่าวลาตามธรรมเนียม ก่อนจะพยักหน้าและดึงตัวธงชัยให้เดินกลับไปกับตน ขณะที่ชายหนุ่มคนติดตามของคมศรนั้นแสดงอาการไม่ยินยอมพร้อมใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ตอนนั้นก็ไม่สามารถที่จะดึงดันอะไรไปให้มากกว่านี้ จึงได้แต่ขบกรามเป็นสันนูน เขม้นมองพ่อเลี้ยงปางเทพนิมิตรอย่างโกรธแค้นเกรี้ยวกราดอีกครั้งก่อนจะสะบัด หน้ากลับออกไป พอลับร่างนายตำรวจหนุ่มแล้ว นัยน์ตาของพ่อเลี้ยงอดิศัยก็หดเล็กลงอย่างใช้ความคิด ‘กูลืมไปสนิท...ไอ้สารวัตรอรุณคงขนคนมาควานหาตัวไอ้สิงห์...ชะ...ไอ้ห่า นี่...ดวงแข็งนัก...เห็นทีจะคอยดักจับอย่างเดียวไม่ได้...ดีนะที่ในหุบ สัญญาณมือถือคงไม่มี...ไอ้เหี้ยสิงห์มันติดต่อใครไม่ได้...และไอ้พวกสารวัตร หน้าโง่คงขึ้นไปกระจายค้นกันบนดอย...’ มือไวเท่าความคิด พ่อเลี้ยงปางเทพนิมิตรต่อสายไปยังนายคำที่ล่วงหน้าลงจากดอยไปแล้ว “ไอ้คำ...มึงไปตามมือดีๆ ที่ถนัดแกะรอยจากในเวียงมาสักสี่ห้าคน ส่วนหนึ่งทำตามแผนเดิมคือกระจายดักไอ้สิงห์ที่หุบทางใต้ ส่วนมึงนำพวกมือดีตามเข้าไปควานหาตัวมันในหุบ...กูไม่แน่ใจว่าไอ้สารวัตร อรุณมันจะเป็นก้างขวางคอหรือเปล่า...แต่พวกมันคงเสียเวลาค้นบนดอยสักพัก ใหญ่...มึงพอมีเวลา...รีบเข้าไปล่าตัวไอ้สิงห์กับอีเด็กนั่นและเก็บพวกมันซะ ในหุบนั่นแหล่ะ” “ครับพ่อเลี้ยง...ไม่ต้องห่วงผมจะพยายามควานหาตัวมันให้เจอให้ได้...ยิ่งมี นังเด็กนั่นไปด้วย...ผมเชื่อว่าน่าจะมีร่องรอยให้สาวได้ไม่ยาก” พ่อเลี้ยงอดิศัยผงกศีรษะอย่างพอใจ ทันใดนั้นเองเสียงเรียกเข้าอีกสายก็ดังขึ้น ชายหนุ่มยกมือถือขึ้นมาก็แลเห็นเบอร์ที่เขาต้องรีบเปิดรับ “เออ แค่นี้ล่ะ” ชายหนุ่มตัดสายของลูกน้อง และเปิดรับสายที่เรียกเข้ามาใหม่นั้น พร้อมกรอกเสียงลงไป “ครับ...ผมอดิศัยพูด” เสียงทางปลายสายนั้นดังขึ้นมาครู่หนึ่ง ใบหน้าของพ่อเลี้ยงปางเทพนิมิตรก็ผงกศีรษะ “ฝากบอกกับท่านว่าไม่ต้องเป็นห่วง...ขอบคุณมากที่แจ้งข่าวมาบอก...เราเองก็ ระวังอยู่เหมือนกัน...สายของเราก็แจ้งเตือนมาว่าพวกนั้นกำลังกวดขัดหนักใน สินค้าล๊อตใหม่” พ่อเลี้ยงอดิศัยหยุดฟังเสียงทางปลายสายที่ถามไถ่มา ก็หัวเราะตอบว่า “โอว...เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วง...ทางนี้ไม่มีปัญหาในการเก็บของอย่างแน่ นอน...แต่ไม่ต้องกังวลนะครับ...เราคงดึงเอาไว้ไม่นาน...เพราะพวกผมจะพยายาม เบี่ยงเบนความสนใจของพวกนั้น...คิดๆไว้แล้วว่าอาจจะให้ข่าวลวงไปก่อน...แล้ว ค่อยระบายสินค้าออก...น่าจะดำเนินการได้ในไม่ช้านี้แหล่ะครับ” ชายหนุ่มหัวเราะร่า เมื่อได้ฟังคำจากอีกด้านหนึ่ง “แน่นอนครับ...ฝากบอกท่านด้วย...ว่าผมคงไปกราบท่านเร็วๆ นี้” จากนั้นเมื่ออีกด้านวางสายไปแล้ว อดิศัยก็หันไปยังสมุน “ของถูกส่งมาครบหรือยังวะ” “เกือบครบแล้วครับพ่อเลี้ยง...อีกสักอาทิตย์หนึ่ง” ชายฉกรรจ์ที่ยืนด้านหลังตอบ พ่อเลี้ยงอดิศัยผงกศีรษะอย่างพอใจ ก่อนจะเดินย้อนกลับไปที่รถกระบะคันเล็ก โดยมีคนติดตามทั้งหมดรวมทั้งนายแสงที่บาดเจ็บนั่งอยู่ที่ด้านหลัง พากันหายลับไปในความมืด เมื่อรถที่ตามติดกันไปนั้นหลุดออกมาบริเวณชานเมือง สองฟากทางนั้นเริ่มมีทุ่งนากว้างใหญ่สุดลูกตา จากถนนสายหลัก รถตู้นำหน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นถนนสายรอง และวิ่งฝ่าความมืดเข้าไปในตามเส้นทางถนนภายในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง ยิ่งรถวิ่งลึกเข้าตามเส้นทางที่ค่อนข้างเปลี่ยวท้ายหมู่บ้าน ก็ทะลุออกไปยังเส้นทางแคบๆ ตัดผ่านทุ่งหญ้าแฝกที่สูงท่วมหัว ภาพที่มองเห็นจากด้านนอกนั้น ยิ่งเวลาผ่านไปก็ยิ่งบีบเค้นไปในหัวใจอันบอบบางของอรอุษาจนตัวสั่นสะท้าน ดวงตากลมนั้นหลั่งน้ำตาไหลรินออกมาอย่างประหวั่นพรั่นใจ “คุณพ่อคุณแม่ขา...ช่วยลูกษาด้วย...ษากลัวเหลือเกินค่ะ...ษา...กลัวจริงๆ” เด็กสาวคร่ำครวญหวนไห้ในใจ ราวกับว่าบิดามารดาของเธอที่ล่วงลับไปแล้วจะสามารถมีฤทธิ์ดลบัลดาลให้เธอพ้นภัยได้ฉะนั้น รถตู้ที่นำหน้าแล่นผ่านถนนไปอีกช่วงใหญ่ จนกระทั่งเข้ามาจอดตรงบริเวณที่มองไปเห็นแค่ไกลๆว่ามีบ้านไม้ของชาวบ้านที่ อยู่ห่างไปลิบๆ ตรงริมบึงแฝกสภาพรอบด้านนั้นมืดสนิทวังเวงอย่างน่าหวาดหวั่นกดดันจนอรอุษา ผู้อ่อนเยาว์ถึงกับตัวสั่นระริกกำมือเล็กๆของเธอแนบแน่น ดวงตาเบิกโพลงอย่างหวาดผวาในสิ่งที่เธอกำลังเผชิญ ศักดาเคลื่อนรถคันงามของเขาไปจ่อท้าย เมื่อรถนิ่งแล้วนายชดที่ด้านหลังก็ส่งเสียงแหบห้าว “ออกไปจากรถ” จิ้งจอกสวาทหันมามองเด็กสาวข้างกาย ที่ตอนนั้นใบหน้างามเต็มไปด้วยรอยทางของหยาดน้ำตาที่ไหลรินออกมาจากดวงตากลม สวยนั้น ชายหนุ่มกล่าว ปลอบใจ “ไม่ต้องกลัวนะน้องษาพี่ไม่ยอมให้ใครอันตรายน้องษาแน่นอน รอพี่ในรถนะครับ” “ไม่ได้ลงไปด้วยกันทั้งหมดนี่แหล่ะ” นายชดตวาดเสียงเหี้ยม ศักดาหันไปพูดเสียงแข็ง “ให้น้องษารออยู่ในรถก็ได้ฉันจะลงไปตกลงกับพวกแกเอง” “ฮ่ะฮ่ะไม่ต้องมาสะเออะเสนอความเห็นกูบอกให้ลงก็ลงไปหูหนวกไม่ได้ยินเรอะ” ตอนท้ายหน้าเหี้ยมๆนั้นหันมาตวาดอรอุษา ซึ่งสร้างความความพรั่นพรึงแก่เด็กสาวจนรีบปลดเข็มขัดนิรภัยและเปิดประตูออกไปจากรถทันที อีกด้านหนึ่งศักดาก็เปิดประตูลงไป อรอ เมื่อริมฝีปากที่ร้อนแรงของคมศรแตะลงไปอย่างแผ่วเบาบนกลีบกุหลาบนุ่มที่ กำลังสั่นระริก สัมผัสที่อรนุชรับรู้เป็นครั้งแรกในชีวิตของเธอนั้นก็ส่งผ่านคลื่นความ รู้สึกที่รุนแรงและเสียวสะท้านไปจับขั้วหัวใจ ความรู้สึกที่พล่านขึ้นมาอย่างรวดเร็วนั้นทำให้ร่างเล็กบางสะท้านไหวกระตุก เกร็ง สองมือกำแน่น อาการนั้นบังเกิดขึ้นพร้อมๆกับเสียงครางดังอย่างแผ่วเบาในลำคองามระหง พ่อเลี้ยงปางห้วยสักวางมือของเขาลงไปบนสองบ่างามนั้น นิ้วอันแข็งแรงทั้งสิบบีบไปอย่างเบาๆ บดมือของเขาช้าๆค่อยๆเคลื่อนการนวดเฟ้นหัวไหล่ไปจนถึงต้นแขนบางอย่างเนิบนาบ การกระทำของชายหนุ่มนั้นผ่อนคลายการรัดรึงของอารมณ์ที่บีบคั้นในใจของอรนุช ลงไป ทำให้ร่างเกร็งของเด็กสาวค่อยๆ สงบลง พร้อมๆ กับอาการที่ใบหน้างามนั้นแหงนขึ้นเล็กน้อย ปากบางอ้าออกสั่นระริก คมศรเคลื่อนใบหน้าประกบปากเม้มไปยังกลีบกุหลาบงามที่เผยอออกมารอรับนั้นด้วย อารมณ์ปรารถนาที่คุกกรุ่นในใจ ความนุ่มเนียนที่สัมผัสได้เร่งปฏิกิริยาทำให้เลือดในกายของชายหนุ่มไหลเวียน อย่างรวดเร็ว ลมหายใจของเขาหนักหน่วงขึ้น คราวนี้เสียงครางดังแผ่วมาจากช่วงคอแข็งแรงของพ่อ เลี้ยงหนุ่มบ้าง ความรู้สึกที่พลุ่งพล่านขับให้เขาใช้ลิ้นลากไล้สัมผัสไปบนกลีบงามบอบบางที่ ถูกดูดเข้ามาในปากตัวเอง Hew โพสเมื่อ 2011-2-1 08:21 รสชาติของความหวานสั่น สะเทือนเข้าไปถึงขั้วหัวใจของคมศร ขณะเดียวกันก็ก่อให้เกิดความเสียวสะท้านที่แลบแปลบปลาบซ่านจากเรียวปากงาม นั้นแผ่ลามไปทั่วร่างของเด็กสาว เสียงครางของอรนุชสะท้านขึ้นประสานกับเสียงของคมศร...สำเนียงแห่งความรู้สึก ที่แผ่ออกมาราวกับสื่อไร้สภาพที่เคลื่อนเข้าจับใจของคนทั้งคู่...ทำให้ต่าง ฝ่ายต่างรับทราบถึงความรู้สึกของกันและกันอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง... ปากงามที่เผยอออกครางครวญ เปิดโอกาสให้คมศรประกบริมฝีปากของตัวเองเข้าไปอย่างแนบแน่น เนื้อแนบเนื้อจนแทบเป็นหนึ่งเดียวพร้อมๆ กับลากลิ้นของตนเองไล้ไปตามกลีบปากนุ่ม รสสัมผัสนั้นกระเพื่อมความรัญจวนใจให้แผ่ลามเกาะกินไปทั่วอณูความรู้สึกของ เด็กสาว ขับเร้าการตอบสนองของอรนุชให้เป็นไปโดยที่เธอไม่รู้ตัว เด็กสาวขยับเรียวปากของตัวเองเปิดรับการจุมพิตที่แสนหวานนั้นอย่างเต็มใจ และเปิดทางให้ลิ้นอุ่นๆ ของเขาเข้ามากระหวัดพันกับลิ้นนุ่มชุ่มชื้นของตน...สองลิ้นเกี่ยวพันโลมรัด กันอย่างสุดเสน่หาเร้าความเสียวซ่านรัญจวนให้พล่านขึ้นเต็มโพรงปากนั้น ทำให้ร่างบางของอรนุชสั่นกระตุกไปทั้งตัว เสียงครางดังขึ้น...แรงขึ้น...ทรวงอกตูมตั้งนั้นสะท้อนถี่ มือที่จำเดิมกำแน่น คลายออกตะปบไปที่แขนกำยำของคนที่ทอดตัวตะแคงข้างๆ ตัวเธอ นิ้วเรียวราวกับลำเทียนปักเล็บจิกไปในผิวกายอันแข็งแกร่งสมชายของคมศร ส่งผ่านความรู้สึกภายในของเธอถ่ายทอดกลับไปสู่ตัวของชายหนุ่มที่รับทราบผ่าน ความรู้สึกเจ็บแปลบที่ปลายเล็บนั้นกดเข้ามากับผิวเนื้อตนเอง เสียงครางของเขาผสานกับเสียงของเธอเป็นจังหวะจะโคนที่แทรกซึมเข้าสู่โสต ประสาทของทั้งสองนั้นราวกับเป็นมนต์สวาทพาให้ทั้งคู่ล่องลอยไปกับภวังค์เสน ห่าแห่งวิมานกลางไพร ความรัญจวนใจเร่งเร้าให้ริมฝีปากที่ประกบแน่นกันแน่นนั้นบดเบียดอย่างเร่า ร้อน ลมหายใจแรงกระชั้นสั้น และเสียงครางที่ผสมผสานเป็นหนึ่งเดียว ท่ามกลางความอ่อนหวานของบทเพลงแห่งการจุมพิตนั้น คมศรพาอรนุชลีลาสดื่มด่ำกับความรู้สึกที่เต็มอิ่มและพร่าพรายจนเพริดแพร้ว จนเมื่อความหวานนั้นลดตัวกลับไป ปลายลิ้นเรียวของเธอก็เป็นฝ่ายเคลื่อนตามติดไปแทนที่ คมศรครางหนักๆ ในลำคอบ้าง เมื่อความชุ่มชื้นของอรนุชนั้นแผ่ซ่านเข้ามาในปากของเขากลับกัน... ท่ามกลางเพลิงแห่งความรัญจวนที่พลุ่งพล่านร้อนแรงในใจของทั้งสอง ริมฝีปากของชายหนุ่มและเด็กสาวสอดประสานบดเบียดกันจนแทบเป็นเนื้อเดียวก่อน จะคลายออก และรวมตัวกลับเข้ามาหากันอย่างโหยหาเป็นจังหวะต่อเนื่อง อย่างช้าๆ ทว่าเร่าร้อนเหลือประมาณ หลอมละลายวิญญาณของคนทั้งคู่เข้าหากันเป็นหนึ่งเดียว ในห้วงความรู้สึกที่ตัวเองเหมือนกับจะล่องลอยไปในภวังค์ที่ไร้ที่สิ้นสุด อรนุชที่แหงนหน้าน้อยๆ รับการจุมพิตสัมผัสอันอ่อนโยนของริมฝีปากอุ่นของคมศรที่บรรจงประกบไปตามวง หน้างามล้ำนั้นอย่างละลานใจ พ่อเลี้ยงหนุ่มสูดลมหายใจหนักๆ ขณะที่จรดจมูกโด่งของตัวเองนิ่งนานไปบนผิวแก้มบางใส รับเสพกลิ่นกายที่หอมเย็นเข้าไปเต็มปอด...ความเต็มอิ่มที่ท่วมท้นเข้ามาทำ ให้เสียงครางของเขาดังขึ้นในลำคออย่างไม่ข่มกลั้น...ริมฝีปากของชายหนุ่ม เคลื่อนไปจุมพิตอย่างบางเบาบนเปลือกตาคู่งาม ขณะที่ขนตางอนยาวที่หลับพริ้มอยู่สั่นไหวกระพือราวกับปีกผีเสื้อ คมศรจูบไล่ไปตามพวงแก้มอิ่ม ปากอุ่นของเขาไต่ไปตรงติ่งหูขาวใส ขบเบาๆ และกระซิบเสียงแผ่ว “คุณเป็น...คนพิเศษสำหรับผม อรนุช พิเศษจริงๆ” โสตประสาทที่ได้รับรู้เสียงที่ผ่านเข้ามาราวกับล่องลอยอยู่ไกลเหลือเกิน ความวาบหวามที่หลั่งล้นออกมาจนท่วมท้นความรู้สึก ทำให้ปากงามของอรนุชเผยอขึ้นครางครวญ ขณะที่มือหนักแน่นของคมศรที่กระชับอยู่ตรงต้นแขนงามคู่นั้น เอื้อมสอดเข้าไปภายในปกเสื้อแจ๊กเก๊ตตัวหนาที่เขาให้เธอใส่เพื่อกันหนาว และดันให้คลายออกไปจากหัวไหล่บาง ความรุ่มร้อนที่บังเกิดขึ้นกลางอก ทำให้ร่างเล็กบางนั้นแอ่นสะท้าน ปล่อยให้เจ้าของเสื้อแจ๊กเก๊ตตัวนั้นทวงเสื้อคืนกลับไป... ความหนาวยะเยือกแผ่ซ่านเข้ามากระทบผิวกายอันบางใสนั้นวูบหนึ่ง แต่ความรู้สึกสั่นสะท้านนั้นเกิดเพียงแค่ช่วงลัดนิ้วเดียว เพราะมืออุ่นของคมศรนั้นลากไปตามลำแขนของเธออย่างช้าๆ ความร้อนที่เกิดขึ้นไปตามแนวระนาบโลมไล้ของชายหนุ่มกลับทวีความร้อนแรงขึ้น จนกลบความรู้สึกหนาวสั่นของเด็กสาวไปจนสิ้น มือของชายหนุ่มที่ร้อนผะผ่าวค่อยๆ เลื่อนไปกระชับตรงลำตัวบางงาม และไต่ขึ้นไปโอบอุ้มฐานปทุมอันงดงามคู่นั้น อรนุชส่งเสียงร้องครางออกมา ปากงามเผยออ้า เสียงสั่นสะท้านนั้นพร่าพราย ร่างกลับเกร็งขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อรับรู้การสัมผัสที่กระชับเข้ามาตรงบริเวณทรวงอก มือของเด็กสาวกระตุกไปคว้าข้อมือหนาของคมศรเอาไว้อย่างรวดเร็ว ลมหายใจกระชั้นถี่ ใบหน้าซีด นิ้วเล็กเรียวนั้นกำข้อมือของอีกฝ่ายแน่น แรงต้านบางอย่างในส่วนลึกขับดันให้เธอพยายามผลักมือนั้นออกไป แต่มันช่างอ่อนแรงเสียเหลือเกิน และเมื่อพ่อเลี้ยงหนุ่มประกบจูบต่อเนื่อง ริมฝีปากประทับตรงกลับไปที่กลีบปากงามที่กำลังเผยอขึ้นครวญคราง ลิ้นของชายหนุ่มที่ลากโลมเข้าไป ก็ค่อยๆ ทำให้มือขาวบางที่กำลังกุมข้อมือแข็งแรงของเขานั้นอ่อนเปลี้ยจนหลุดทิ้งลงไป จิกนิ้วขยำกองใบไม้ที่ปูรองอยู่บนพื้นอย่างเสียวซ่าน ร่างบิดเร่าๆ เมื่อมือของคมศรขยับได้สะดวกขึ้น และใช้นิ้วทั้งห้านั้นป่ายคลึงวนไปตามฐานปทุมอันนุ่มนิ่มได้รูปนั้น ก่อนจะเคลื่อนเข้าไปหยอกเย้าปลายอันตูมตั้ง นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้ที่แข็งแรงของชายหนุ่มที่กดเน้นบีบคลึงลงไปรับทราบ ถึงปลายเม็ดเล็กๆ ที่ประดับอยู่บนยอดปทุมนั้นขยายตัวขึ้นสู้นิ้วของเขาถึงแม้ว่าจะผ่านเสื้อ ผ้าและยกทรงที่ห่อหุ้มอยู่ถึงสองชั้น ความรู้สึกที่พลุ่งพล่านทำให้ชายหนุ่มต้องอดที่จะส่งเสียงในลำคอออกมาไม่ได้ ใบหน้าของเขาไล้ต่ำลงมาจากวงหน้างาม ประกบไซร้ไปตามซอกคอขาวที่กำลังแหงนเพริดนั้นอย่างละลานใจ ความรู้สึกที่ร้อนกระเส่าพล่านไปทั่วร่างเล็กบางจนเด็กสาวต้องบิดกายอย่าง สุดระงับ แรงกระชับที่เพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ ตรงทรวงอก ทำให้เธออ้าปากหอบหายใจหนักๆ ครางออกมาเสียงดังขึ้นไปตามความแรงของการประกบของอุ้งมือหนาหนักนั้น ซึ่งพ่อเลี้ยงคมศรที่กำลังไล้จูบไปตามซอกคอขาวผ่องเองก็รู้สึกวาบหวามรัญจวน ในอารมณ์ไม่แพ้กัน เสียงลมหายใจของชายหนุ่มหนักหน่วงขึ้นเฉกเช่นเดียวกับของอรนุช คมปากที่ปกคลุมไปด้วยหนวดเคราเริ่มบดกระชับกรีดไปตามผิวเนื้อบางใสนั้นอย่าง เร่งร้อนมากขึ้น มือของชายหนุ่มที่เริ่มสั่นระริกอันเนื่องจากถูกอารมณ์ภายในขับนั้นลาก เลื่อนต่ำไปตามลำตัวบางงาม ก่อนที่นิ้วอันเร่าร้อนนั้นจะสอดเข้าไปใต้เสื้อยืดโปโลสีขาวที่อรนุชสวมใส่ ความร้อนที่แนบเข้ามาตามลำตัว ทำให้เด็กสาวร่างบางครางออกมาเสียงดัง ร่างสั่นระริก กระตุกวาบๆ ทรวงอกที่แอ่นสะท้านขึ้นมานั้นล้อสายตาจนคมศรต้องซุกไซร้ใบหน้าลงไปสัมผัส ความนุ่มนิ่มนั้นอย่างอิ่มใจ เสียงหายใจของทั้งสองคนกระชั้นถี่ ความเร่าร้อนที่ปะทุขึ้นภายในร่างกายของชายหนุ่มและเด็กสาวหาได้มีความร้อน แรงน้อยไปกว่ากองไฟที่อยู่ข้างกาย มิหนำซ้ำ ยังจะยิ่งรุนแรงมากกว่า ในความรู้สึกของอรนุชนั้นตัวเธอแทบจะหลอมละลายไปกับรสสัมผัสนั้น คมศรเองก็เฉกเช่นกัน ความร้อนที่ระอุอกทำให้ลมหายใจของเขาเร่งร้อน ร่างกำยำนั้นถึงกับสั่นกระตุกไปตามประสาทสัมผัสที่ซึบซับ กลิ่นกาย ความเนียนนุ่ม และปฏิกิริยาที่ตอบสนองทั้งหมดจากเรือนร่างที่สุดงามนั้น...ความหอมหวานที่ แผ่คลุมไปทั่วจิตใจเร้าอารมณ์ปราถรนาของชายหนุ่มจนคุโชน มือของเขารั้งชายเสื้อยืดที่อรนุชสวมใส่นั้นกระตุกเลิกขึ้นไปจนเปิดเผยให้ เห็นผิวกายที่ขาวผ่องปานหยกเนื้อดี โดยเฉพาะเมื่อปทุมถันที่ซ่อนตัวอยู่ในเสื้อชั้นในสีขาวสะอาดนั้นเผยความ งามออกมา ความสมบูรณ์ของรูปสัณฐานที่ราวกับเป็นผลผลิตจากช่างปั้นฝีมือเทพนั้นปรากฏ แก่ดวงตาสีเหล็กที่กำลังเบิกโพลงของเขาอย่างเต็มตา... ความปราถนาที่รุมเร้าทำให้ใบหน้าคร้ามคมนั้นก้มลงไปไซร้ฟอนร่องอกที่อิ่มงาม ได้รูป จมูกโด่งของเขาฝังเข้าไประหว่างกลางก้อนเนื้อนุ่มนิ่มที่สร้างความ รู้สึกกระเส่าร้อนพล่านพลุ่งขึ้นจนเต็มขั้นหัวใจ ปรากฏเสียงครางหนักๆ จากลำคออวบแข็งแรงนั้น ส่วนอรนุชนั้นเล่าการสัมผัสนั้นราวกับเตารีดร้อนๆ ที่นาบเข้ามาบนผิวกายที่อ่อนบางของเธอ จนร่างบิดเร่าๆ เกร็งสะท้านไปจนทั่วตัว เสียงครางครวญดังขึ้นไม่ขาดปาก ความเสียวซ่านรัญจวนฟุ้งกระเจิงครอบ คลุมไปทั่วทุกอณูความรู้สึก และเมื่อแรงจากมือหนานั้นขยับกองเสื้อที่ทบอยู่ตรงหน้าอกเป็นสัญญาณที่เขา ต้องการกระตุกมันออกไป ร่างงามของเด็กสาวก็ขยับอย่างสอดคล้อง แอ่นตัวเหยียดแขนปล่อยให้เสื้อโปโลสีขาวนั้นถูกถอดออกไปจากร่างของเธออย่าง รวดเร็ว คราวนี้ริมฝีปากที่ร้อนแรงสามารถเฟ้นฟอนไปตามร่องเนื้อที่บีบอัดอยู่ภายใต้ ชุดชั้นในเนื้อเนียนนั้นได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น รสสัมผัสที่ราวกับเป็นมนต์สะกด ทำให้ร่างของอรนุชอ่อนเปลี้ยระทดระทวย ยิ่งถูกซ้ำเติมไปด้วยมือหนาหนักที่ปัดป่ายไปตามช่วงตัวที่เพรียวบางและหน้า ท้องที่ขาวเรียบ ก็ยิ่งทำให้เพลิงความรู้สึกที่เร่าร้อนรัญจวนใจนั้นฟุ้งกระเพื่อมไปทั่ว เรือนร่างเล็กบางนั้นจนตัวบิดเกร็งและส่ายกระตุกวาบๆ มือของเด็กสาวนั้นบัดเดี๋ยวกำจิกแน่น บัดเดี๋ยวก็เอื้อมไปเกาะเกี่ยวเนื้อกายของคนที่กำลังเบียดแนบชิดอยู่เคียง ข้างจิกนิ้วลงไปอย่างสุดแรงเพื่อบรรเทาความรู้สึกที่เร่าร้อนพลุ่งพล่านที่ ราวกับทะเลยามฟ้าฝนคุ้มคลั่งนั้น ส่วนพ่อเลี้ยงปางห้วยสักเองนั้นเล่า สัมผัสที่เขาได้รับรู้นั้นมันได้สร้างความรู้สึกที่กระหายใคร่อยากให้เกิด ขึ้นในใจของเขาอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ความเจนศึกสวาทมาจนนับครั้งไม่ถ้วน หาได้มีครั้งใดที่ความเร่าร้อนพลุ่งพล่านจะบังเกิดขึ้นในร่างกายเหมือนครั้ง นี้ ยามที่เขาฝังหน้าลงไปบนก้อนเนื้อที่อบอุ่นเนียนงาม ยามที่มือของเขาลากไล้คลึงไปตามผิวกายที่ละเอียดนุ่มราวกับไร้กระดูก ร่างที่สั่นระริกและแอ่นสะท้านตอบสนอง มันประกอบเป็นส่วนผสมที่ลงตัวและแทรกซึมเข้าไปในจิตวิญญาณรับรู้ของเขาอย่าง รุนแรงและแหลมคมราวกับลูกศรสวาทจากนายพรานสาวที่ปล่อยออกมาล่าสิงห์ร้ายเช่น เขาอย่างถนัดถนี่แม่นยำ ใช่...เรือนร่างที่ตกอยู่ภายใต้การประคองกอดโลมไล้ของเขานี้ สามารถบอกได้เต็มปากว่าเป็นเรือนกายที่สวยสะพรั่งงามไปจนทุกส่วนสัด แต่ชีวิตที่ผ่านประสบการณ์และศึกสวาทมาอย่างโชกโชน เขาไม่มีทางอ่อนไหวจนถึงขนาดนี้...ไม่ใช่สิ่งนี้แน่นอนที่ทำให้เลือดในกาย ของเขานั้นไหลเวียนอย่างรวดเร็วเร่าร้อน ประดุจเด็กหนุ่มเพิ่งแตกพานและรับรู้รสชาติความหฤหรรษ์แห่งเพศตรงข้าม อะไรคือความพิเศษที่เขาไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน? คมศรลากใบหน้าลงไปตามหน้าท้องที่แบนราบที่กำลังสะท้านสะเทือนไปกับการถูกเขา โลมไล้ อาการหอบหายใจกระชั้นถี่ของเจ้าของร่างงามนั้นทำให้หน้าท้องที่ขาวผ่องนั้น เคลื่อนไหวขึ้นลงเป็นคลื่นลอน วงกลมเล็กงามได้รูปที่กึ่งกลางหน้าท้องนั้นส่ายไหวสะเทือนไปตามแรงลิ้นที่ฉก ลงไปอย่างดูดดื่ม ลิ้นของคมศรลากกวาดไต่ไปรอบๆ วงสวยของสะดือนั้น ผสมผสานกับจังหวะประกบปากจูบลงไปดูดผิวกายที่เต่งตึงเนียนนุ่มนั้น การรุกเร้าอันจัดเจนกระตุ้นความรู้สึกที่เสียวซ่านให้เกิดแก่อรนุชจนร่างบาง นั้นบิดไปบิดมา เสียวสะท้านจนต้องส่งเสียงครางครวญอยู่ในลำคอไม่ขาดระยะ ท่ามกลางความรู้สึกที่พล่านอยู่จนจับใจนั้นเด็กสาวเลื่อนมือเข้าไปประคองตรง ท้ายทอยของศีรษะที่กำลังก้มอยู่ตรงกลางลำตัวของเธอ และกดใบหน้าของเขาให้ผสานไปกับจังหวะที่ตนเองแอ่นร่างขึ้นเสนอสนองการโลมไล้ นั้นอย่างสุดรัญจวนจิต คมศรที่รับทราบถึงแรงกดที่มีเข้ามาตรงท้ายทอย และกำลังอิ่มเอมกับผิวกายที่หอมหวานเต่งตึงที่ใบหน้าของเขาฝังอยู่อย่างเต็ม ที่ ทันใดนั้นสมองส่วนหลังที่ถูกมือเล็กบางลูบไล้อยู่ก็สว่างวาบ ใช่แล้ว...ความบริสุทธิ์...ที่ถูกปกปักรักษาอย่างหวงแหน...ซึ่งถ้าเป็นช่วง เวลาอันเป็นปกติอย่าได้หมายว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น..นี่เอง...คือคำ ตอบ เขาที่ผ่านสตรีมาหลากหลาย ทุกคนที่เขาสามารถใช้บุคลิกและความสามารถในการเข้าถึงอย่างเจนจัด และสำเร็จดั่งความปราถนาไปจนได้เชยชมความหอมหวานจากพวกเธอเหล่านั้น แต่ด้วยอุปนิสัย ทัศนิคติ และความคิดของอรนุชนั้น คมศรแน่ใจ ถ้าเหตุการณ์ทุกอย่างไม่ได้ประจวบรวมกันเข้ามาอย่างเหมาะเจาะราวกับเทพ บันดาล เขาไม่มีทางรุกล้ำมาจนถึงขั้นนี้อย่างแน่นอน นั่นเอง...รางวัลที่เขาได้รับ...มันช่างหอมหวาน...และเร้าอารมณ์ปราถนาของ เขาจนคุโชนเช่นนี้... เมื่อตระหนักเช่นนั้น...ลมหายใจของคมศรหนักหน่วงกระชั้นถี่ขึ้นมาทันที... ความต้องการที่ถูกขับอย่างรุนแรงจากภายใน ทำให้มือของคมศรเคลื่อนวาบเข้าไปปลดกระดุมกางเกงขายาวที่อรนุชสวมใส่ก่อนจะ รูดซิปออกไปจนสุด เมื่อยามที่สะโพกผายของเด็กสาวยกส่ายไหวไปตามแรงขับของอารมณ์รัญจวนที่ถูก ปลุกปั่นจากลิ้นของเขาที่ไม่เหินห่างไปจากการโลมเลียตรงหน้าท้องขาว มือแข็งแรงของชายหนุ่มก็กระตุกหมายกระชากกางเกงลงไปตามเพรียวขางามนั้น... อรนุชที่กำลังสะท้านไหวอย่างรัญจวนใจนั้นรู้สึกเหมือนกับมีไฟฟ้าช๊อตขึ้น มากลางใจ ความรู้สึกบางอย่างที่มีความรุนแรงดันพุ่งวาบแทรกความ รู้สึกแห่งดำฤษณาที่กำลังปกคลุมอยู่อย่างหนาแน่นในอารมณ์แห่งรัก ความรู้สึกนั้นกระตุ้นให้ร่างบางทิ้งตัวลงกดตัวแนบกับพื้น พร้อมๆ กับมือน้อยๆ ทั้งสองเอื้อมกลับมายุดยั้งการกระทำของคมศรเอาไว้ ใบหน้างามที่กำลังแสดงความรู้สึกเสียวซ่านรัญจวนซีดขาว อกอูมนั้นสะท้อนไหวขึ้นลงอย่างหอบถี่ แม้สมองที่ควบคุมการรับรู้จะตัดใจ และยอมรับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนั้นอย่างเต็มหัวใจ แต่สัญชตญาณก้นบึ้งของชีวิตที่ถูกอบรมสั่งสอนมาให้หวงแหนและปกปักของที่มี ค่าที่สุดของชีวิตลูกผู้หญินั้นกำลังดิ้นรนเต็มที่ เป็นพลังต่อต้านขุมสุดท้ายที่พยายามยื้อแย่งปกป้อง สิ่งที่ถูกเฝ้ารักษาอย่างหวงแหนตลอดมา แต่ทว่าแรงต้านอันเป็นปราการด่านสุดท้ายก็สั่นสะเทือนลั่นร้าวไปกับ แรงกระแทกของอารมณ์อันเกิดจากใบหน้าที่มีเครารกครึ้มนั้นลากไล้โลมลิ้นไต่ จากท้องน้อยเธอขึ้นไปจนไปฝังหน้ากับร่องอกที่เครียดครัดรัดรึงด้วยชุดชั้นใน บางเบานั้นอีกครั้ง รอยร้าวของกำแพงต่อต้านทวีความแตกแยกไปมากขึ้น ตามจังหวะที่ลิ้นหนาของชายหนุ่มตวัดไล้ไปตามร่องเนื้อที่อิ่มงามนั้น อย่างช้าๆ อาการแข็งขืนก็เริ่มอ่อนแรงไปตามลำดับ เสียงครางครวญจากปากงามสั่นพร่า มือของคมศรที่เฟ้นไปตามลำตัวเพรียวงาม เคลื่อนไปตามแผ่นหลังที่กำลังแอ่นระริกนั้นอย่างช้าๆ ปั่นป่วนอารมณ์ของอรนุชจนสั่นสะท้านไปทั่งตัว และนิ้วมือแข็งแรงที่เจนจัดก็เลื่อนวาบเข้าไปปลดตะขอชุดชั้นในตัวน้อยให้ หลุดจากการรัดรึงอย่างว่องไว รวดเร็วจนเกินกว่าที่เจ้าของจะล่วงรู้และป้องกันได้ทัน... การเคลื่อนไหวของชายหนุ่มนั้นประดุจค้อนไร้สภาพอันมหึมาที่กระทุ้งเข้ามา อย่างรุนแรง ส่งผลให้ปราการต่อต้านนั้นกระเจิงทลาย เมื่อชุดชั้นในบางเบาตัวน้อยถูกกระตุกวาบออกไป เสียงครางของอรนุชดังออกมาสุดๆ ใบหน้างามแหงนเพริด ดวงตาที่หลับพริ้มสั่นกระตุก คิ้วเรียวงามขมวดมุ่น...อาการนั้นบังเกิดเมื่อใบหน้าของคมศรนั้นก้มลงไปเฟ้น ฟอนสองก้อนเนื้อที่อุ่นละเอียดของเธออย่างรวดเร็ว ปากอันร้อนแรงที่โอบอมไปตรงปลายถันที่งอนงาม ลิ้นหนาของเขาเคลื่อนไปตามฐานที่ชูชันปลายยอดสีชมพูอ่อนเป็นวงกลม ไล้ดูดเม้มขมิบอย่างต่อเนื่องจนสติของอรนุชกระเจิดกระเจิง ร่างของเธอกระตุกซ่านระริกๆ สะโพกผายแอ่นไหวไปมาอย่างรัญจวนใจสุดขีด ปากพร่ำร้องออกมาไม่เป็นภาษา แต่มือบางนั้นกลับเลื่อนไปประคองท้ายทอยของเขาให้โลมไล้จมแน่นเข้ามายังตัว เธอในแนบสนิทมากขึ้นอย่างไม่รู้ตัว พริบตานั้น...มือของชายหนุ่มก็เลื่อนกลับไปยังเป้าหมายเดิม พร้อมๆ กันนั้นกางเกงขายาวสีดำก็ถูกครูดออกไปตามเรียวขางามอย่างรวดเร็ว คราวนี้ปราศจากแนวต้านขัดขืนใดๆ อีกเลยแม้แต่น้อยนิด ดวงตาสีเหล็กเบิกวาบเมื่อสุดยอดของความงามตรงเนินสวาทนั้นลอยเด่นอยู่ตรง หน้า ชายหนุ่มครางออกมาอย่างแหบโหยกระสันอารมณ์ มือของเขาลากไปประทับบนเนินนูนนั้นอย่างละลานใจ นิ้วที่คลึงลงไปรับทราบถึงความแน่นที่แสนนุ่มนิ่มนั้นอย่างถนัดถนี่ ร่างเล็กบางของอรนุชกระตุกพล่าน สะโพกผายแอ่นระริกอย่างเสียวรัญจวน ความรู้สึกที่วาบขึ้นมาจนจับจิต นั้นทำให้เด็กสาวอ้าปากร้องครางออกมาเสียงกระชั้นถี่...นิ้วมือแข็งแรงของคม ศรที่ลากไปมา สะกิดผ่านกลีบเกสรที่ซ่อนตัวอยู่ภายในเนื้อผ้าบางเบา สัมผัสกระทบไปกับติ่งงามที่กำลังสั่นระริก นิ้วที่ไล้โลมไปด้วยชั้นเชิงสิงห์สวาทนั้นเคลื่อนวาบไปอย่างนุ่มนวลทว่าหนัก แน่น ปั่นอารมณ์ของอรนุชจนกระเจิดกระเจิง ร่างเล็กบางสะท้านกระตุกวาบ ครางครวญในลำคออย่างสุดรัญจวนใจ สะโพกผายนั้นสะท้อนไหว ท่ามกลางความรู้สึกที่เสียวซ่านที่พล่านไปทั่วร่างของอรนุช เพียงไม่กี่อึดใจตรงบริเวณเป้ากางเกงในตัวน้อยสีขาวสะอาดปรากฏวงน้ำเปียก ชุ่มออกมาอย่างรวดเร็วจนชายหนุ่มสัมผัสได้ นิ้วมือที่เจนจัดนั้นเพิ่มกำลังกดเบียดไปบนร่องหลืบสวรรค์บรรจงสร้างมานั้น อย่างเน้นจังหวะ ปลายนิ้วที่ตัดเล็บไว้เรียบร้อยกดผ่านเนื้อผ้าบางเบาลงไปจนเห็นรูปร่าง ของกลีบเกสรที่สุดงาม คมศรสะกิดนิ้วไปอย่างปราณีตวนกรีดกรายหยอกล้อไปบนจุดศูนย์กลางแห่งความสาว นั้น กระตุ้นจนร่างงามสั่นระริกๆ ความเสียววาบรัญจวนนั้นสะท้านลามไปจับขั้วหัวใจ ความกดดันที่ทบเข้ามาอย่างหนาแน่นราวกับน้ำบ่าที่ทะลักออกจากทำนบที่แตกทำ ให้อรนุชแทบขาดใจ เสียงครางผสานกับอาการหอบกระชั้นต่อเนื่อง นิ้วทั้งสิบที่สวยราวกับลำเทียนของเด็กสาวปะป่ายไปตามหน้าอกอันกำยำของคมศร ขยำมือไปบนสาบเสื้อที่ชายหนุ่มสวมใส่ นิ้วเกร็งกำแน่นราวกับเธอนั้นกำลังจมดิ่งไปในห้วงแห่งอารมณ์รัญจวนที่หลาก เข้ามาในความรู้สึกจนต้องไขว่คว้าหาสิ่งยึดเหนี่ยวเอาไว้ มือขาวบางที่ปัดป่ายไปตามสาบเสื้อน้นถูกแรงขับกระตุ้นบางอย่างที่เร่าร้อน อยู่ภายในทำให้นิ้วมืองามนั้นสั่นระริก ท่ามกลางเสียงครางครวญและร่างของเธอบิดเร่าๆ ไปกับการจู่โจมของเขาที่พุ่งเข้าหาความเป็นหญิงของเธออย่างต่อเนื่องและเจน จัด ความต้องการถ่ายเทและระบายความกดดันที่เกิดขึ้นจากการเล้าโลมนั้นทำให้มือ เล็กของอรนุชสั่นระริก เมื่อพยายามแกะกระดุมเสื้อของอีกฝ่ายออกบ้าง คมศรไม่ปฏิเสธการเคลื่อนไหวนั้นของอรนุช มิหนำซ้ำยังช่วยมือเล็กบางที่สั่นสะท้านไปตามแนวสาบเสื้อของเขาอีกแรงหนึ่ง พริบตาเดียวเสื้อแขนยาวที่เขาสวมใส่ก็ถูกถอดกระดุมออกไปจนหมด เผยให้เห็นแผงหน้าอกสีทองแดงกำยำบึกบึน ซึ่งมือของอรนุชที่กำลังสั่นระริกไปด้วยความความรู้สึกพล่านจากภายในซอกซอน เข้าไปปัดป่ายสัมผัสกับความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อนั้นอย่างรัญจวนใจ...ใบ หน้างามนั้นแหงนเพริดริมฝีปากสั่นระริก... ขณะที่คมศรเองก็ขบกรามแน่น ความละเอียดของนิ้วมือที่เคลื่อนไหวอยู่ตรงหน้าอกนั้น ทั้งปาดทั้งจิกขูดกรีดไปตามเนื้อตัวเขาอย่างรุนแรง แต่ชายหนุ่มหาได้รู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างใด ตรงกันข้ามเมื่อนิ้วเล็กๆ นั้นจิกเข้ามาบนผิวหนัง มันยิ่งเร้าอารมณ์แห่งไฟปรารถนาให้ลุกโชนขึ้นมาอีกเป็นเท่าทวี เสียงครางของเขาดังผสานกับเสียงของเด็กสาวอย่างต่อเนื่อง ความเสียวซ่านที่พล่านในใจทำให้คมศรเร่งมือและนิ้วที่ชำนาญที่กำลังไต่ไปตาม กลีบเกสรแห่งความเป็นหญิงของอรนุชอย่างเร่าร้อน กระตุ้นร่างเล็กบางของเด็กสาวจนสั่นกระตุก สะโพกงามส่ายไหวสะท้อนล้อรับไปกับอุ้งมือที่แข็งแรงนั้น เสียงครางยิ่งดังขึ้นอีกอย่างไม่อาจข่มกลั้นได้ ร่างบิดแอ่นกระตุก ส่งจังหวะให้ทรวงอกที่สะท้อนขึ้นลงของเธอเป็นคลื่นงามยั่วเย้าให้พ่อเลี้ยง หนุ่มต้องฟอนหน้าลงไปกับสองเต้าขาวที่อุ่นละมุน ขบเม้มไปที่ปลายงามสีชมพูทั้งสองข้างสลับวนไปมา ดูดดื่มความหอมหวานอย่างสุดเร้าใจ สร้างความเสียวซ่านให้บังเกิดแก่อรนุชจนต้องยกตัวลอยตามไปทุกครั้งที่ใบหน้า ของชายหนุ่มกระตุกเม้มปลายปทุมถันของเธอติดปากขึ้นมา ทั้งสองส่วน บนและล่างที่ไวต่อการสัมผัสนั้นถูกจู่โจมอย่างต่อเนื่องจากมือและและเพลงปาก ที่ชำนาญการสวาท...เร่งเร้าความรู้สึกของเด็กสาวที่เก่งกล้าแก่นแก้วเกิน เพื่อนฝูงพี่น้อง...แต่ทว่าอ่อนเยาว์ไร้เดียงสากับเกมสวาทเหลือเกินนั้นจน แทบขาดใจ เสียงครางครวญนั้นเร่งร้อนและกระชั้นถี่ถี่ ร่างงามเกร็งกระตุกเฮือก...เฮือก...ความรู้สึกที่อรนุชเพิ่งถูกสอนให้รู้จัก กำลังไต่ระดับความรุนแรงขึ้นไปเรื่อยๆ ท่ามกลางเสียงครางครวญของเธอที่ดังขึ้นไปเป็นเงาตามตัว แต่ภายใต้ท่าทีที่กำลังเพริดไปกับเพลิงสวาทที่เขาสอนให้เธอรู้จัก คมศรก็ยังรับรู้และจับกระแสแรงต้านลึกๆ ในร่างเล็กบางนี้ได้...แรงต้านที่ไม่ใช่มาจากสมองและจิตใจ ทว่าพรั่งพรูขึ้นมาจากจิตวิญญาณเนื้อแท้ของเธอที่ซ่อนอยู่ภายใต้จิตสำนึก... พ่อเลี้ยงปางห้วยสักที่เพลิงปรารถนาคุกโชกบอกกับตัวเอง...เขาต้องการ อรนุช...ต้องการฟอนอารมณ์ปรารถนากับความงามแห่งเรือนกายที่อยู่ตรงหน้า... เขาจะไม่ยอมที่ให้มีอะไรมาขวางทางของเขาเป็นอันขาด...ไม่ว่าใคร...ไม่แม้แต่ กระทั่งตัวของอรนุชเอง...คมศรไม่ยอมปล่อยให้เงื่อนไขสุดท้ายที่อรนุชจะใช้ เพื่อปกป้องตัวของเธอจากความปรารถนาของเขา...นั่นก็คือคำปฏิเสธที่ชายหนุ่ม ลั่นวาจาไว้แล้วว่าจะไม่มีวันหักหาญถ้าเธอไม่ยอม...คำปฏิเสธนั้น...พ่อ เลี้ยงหนุ่มตกลงใจเป็นแม่นมั่น...จะไม่ยอมให้ผ่านพ้นริมฝีปากของอรนุชออกมา เป็นอันขาด...สิงห์สวาทที่เจนศึกจับจังหวะที่เร่าร้อนไปกับเพลิงกระสันต์ของ ร่างบางนั้น การกระตุกถี่ยิบ...เสียงครางครวญกระเส่าพร่ากระชั้น...ปลายถันที่แข็งชัน เต่งตึงชูสะท้อนส่งความเครียดครัดเข้ามาสนองกับการโอบอ้อมของปากเขา...และ สะโพกผายงามที่กระตุกยกวาบไหวแอ่นสะท้อนไปกับจังหวะนิ้วอันแข็งแรงของตน เอง... ทุกสัญญาณนั้นที่ราวกับเป็นเครื่องชี้วัดอารมณ์แห่งความรู้สึกที่กำลังพาให้ อรนุชเพริดแพร้วไปฝั่งฝันดินแดนที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน...ก่อนที่นิ้วมือ อันร้ายกาจนั้นจะละออกจากเนินสวรรค์สร้างนั้นเสียแต่กลางคัน...ในเวลาห้วง ขณะที่อรนุชกำลังเดินทางไปถึงจุดหัวเลี้ยวหัวต่อสุดท้ายแห่งอารมณ์กระ สันต์...การสูญเสียแรงขับแห่งอารมณ์สวาทไปอย่างกระทันหัน ทำให้ร่างบางของอรนุชที่กำลังบิดไหวเร่าๆ นั้นถึงกับสะบัดหน้าไปมา ส่งเสียงคราง...ยาวนาน...ะโพกผายบิดไหวเร่าร้อน...อีกนิดเดียวเท่านั้น... นิดเดียวจริงๆ...ด้วยความเหี้ยมและใจที่เกรียมของพ่อเลี้ยงหนุ่มที่ถูกอัด แน่นด้วยเพลิงปรารถนาแห่งอารมณ์สวาท คมศรเหนี่ยวขอบยางของกางเกงในบางเบาตัวน้อยที่เด็กสาวสวมใส่...ความเร่าร้อน ที่ค้างคา...ความปรารถนาการเติมเต็มในส่วนที่ขาดหายไป...ทำให้อรนุชหมดปัญญา ขัดขืน แอ่นสะโพกผายงามขึ้นจากพื้นเปิดทางให้อีกฝ่ายกระตุกอาภรณ์ชิ้นสุดท้ายที่ปก ป้องเรือนร่างให้หลุดออกไปโดยทันที ในเวลากระชั้นตามกัน โดยที่คมศรไม่ต้องการให้จิตวิญญาณของอรนุชได้ตั้งตัวติด พ่อเลี้ยงหนุ่มถอดเข็มขัดตัวเอง และไถลตัวออกมาจากกางเกงผ้าเนื้อหนานั้นทั้งชุดชั้นใน...ความเป็นชายของเขา กำลังแข็งตัวขึ้นเต็มที่...ร่างกำยำของคมศรพลิกขึ้นไปทาบทับร่างขาวเปลือย ที่แบบบาง อรนุชถ่างขางามของเธออ้าโอบร่างกำยำของอีกฝ่ายเอาไว้ด้วยสัญชาตญาณที่ไม่มี ใครจำเป็นต้องสอน แต่ถูกขับจากเพลิงปรานถนาที่คุกโชนในใจ ดวงตาสีเหล็กเบิกโพลง สองตาเบิ่งจ้องไปยังความงดงามที่กำลังฉ่ำเยิ้มไปด้วยสายน้ำแห่งสวรรค์ที่ อาบออกมา กลีบเกสรที่บอบบางชุ่มชื่นและระริกร่ายบ่งบอกถึงความปราถนาที่ต้อง การได้รับการปลดปล่อย คมศรจับไปที่โคนขางามที่ถ่างอยู่นั้นให้ขยับจนได้ตำแหน่งที่เหมาะสม ก่อนที่ปลายแห่งความเป็นชายนั้นจะจ่อประชิดเข้าไป รสสัมผัสที่อวัยวะแห่งความเป็นชายและหญิงกระทบกันทำให้ทั้งคมศรและอรนุช สะท้านวาบออกมาทั้งคู่ กระแสแห่งความรู้สึกร้อนแรงแสบสะท้านนั้นแลกเปลี่ยนไหลเวียนถ่ายเท ผ่านอวัยวะที่ไวต่อความรู้สึกของทั้งสองที่กระทบเข้าหากัน กดดันกระตุ้นจนทำให้เสียงครางของชายหนุ่มและเด็กสาวดังประสานกันอย่างไม่อาจ ข่มกลั้น คมศรขบกราม กดร่างของเขาลงไปช้าๆ รับรู้แรงต้านจากร่างงามซึ่งไม่ใช่แรงต้านของอารมณ์ขัดขืน ทว่าเป็นแรงต้านแห่งสรีระที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง...ช่อง ทางแห่งสรวงสวรรค์ที่แม้จะกำลังระริกรอคอยการปลดปล่อย แต่ความคับแน่นนั้นเป็นแนวต่อต้านตามธรรมชาติที่ทำให้ชายหนุ่มข่มฟันแนบ แน่น...เจ็บแสบ...สองมือของเขาจับหัวไหล่บางนั้นกดไว้กับพื้น เมื่อรับรู้ว่าร่างงามนั้นกำลังจะไถลตัวหนี ก่อนจะเกร็งสะโพกหนาส่งกำลังบดเบียดความเป็นชายของเขาชำแรกเข้าไปในความเป็น หญิงของอรนุชอย่างละลานใจ ส่วนปลายที่ไวต่อความรู้สึกนั้นกระทบเข้ากับปราการด่านสุดท้ายที่กางกั้น อยู่ เมื่อคมศรส่งกำลังเข้าไปเพียงนิดเดียว...แนวต้านที่บางเบาก็ขาดกระจุย... พร้อมๆ กันนั้นขณะที่เสียงครางหนักๆ ของคมศรดังขึ้นอย่างสุขสม... ขณะที่เสียงครวญจากปากบางของอรนชนั้น...เจ็บปวดเหลือประมาณ...ใบหน้างามนั้น แหงนเพริด...บิดเบี้ยว...พร้อมๆ กับอาการนั้นหยาดน้ำตาใสไหลรินซึมออกมาจากหางตาเป็นทางยาว...หยาดน้ำตาแห่ง ความเจ็บปวด...และหยาดน้ำตาแห่งการรับรู้ความสูญเสีย...ความสูญเสียที่อรนุช รู้แน่แก่ใจว่าเธอไม่มีทางเรียกร้องทวงคืนกลับมาอีกตลอดชีวิต...เสียงสะอื้น ดังขึ้นมาแผ่วเบาจากลำคองามระหง พร้อมๆ กับความรู้สึกที่คมศรรับรู้ถึงความอุ่นที่อาบซึมไปทั่วลำกายของตนเอง ร่างกำยำของเขาชะงักหยุดยั้งการเคลื่อนไหวรุกรานนั้น...เปลี่ยนเป็นการทาบ ตัวลงไปประกบจูบลงบนกลีบปากงาม บรรจงบดไปตามกลีบปากที่เต่งผิวนั้นอย่างช้าๆ...เนิบเนียน... ความเร่าร้อนระอุจากปากของชายหนุ่ม ค่อยๆ เกลื่อนอารมณ์ของอรนุชให้ละเลยจากความรู้สึกตรงหน้า และปล่อยตัวล่องลอยเพริดแพร้วไปกับการชักนำของเขา วงแขนบอบบางโอบรัดไปตามแผ่นหลังกำยำที่ทาบทับตัวเธออยู่ ก่อนที่เด็กสาวจะแหงนหน้าคราง เมื่อรับรู้ความแน่นที่สอดลึกเข้ามาอีก...เธอพยายามแยกขาให้กว้างที่สุด แต่ความแน่นที่แหวกเข้ามานั้นก็ยังสร้างความเจ็บปวดรวดร้าวจนต้องครางออกมา อย่างไม่อาจข่มกลั้น...นิ้วงามราวกับลำเทียนทั้งสิบปักไปบนกลางแผ่นหลังของ ร่างใหญ่...จิกแน่น... แต่ทว่าความเจ็บนั้นบรรเทาลงไปอย่างรวดเร็วเมื่อร่างแข็งแรงไม่ได้รุกล้ำ เข้ามาเพิ่มเติม แต่กลับนาบริมฝีปากเข้ามาโอบปลายปทุมถันที่ไวต่อความรู้สึกของเธอ ความชุ่มชื้นจากที่โลมเลียลงมานั้นเป็นไปอย่างเชื่องช้า...นุ่มนวล...ทว่า ความร้อนแรงที่แฝงเข้า รายชื่อผู้ที่ร่วมให้คะแนนโพสต์นี้

1 ความคิดเห็น :

  1. นอกจากภาคต่อต้นฉบับ ผมได้ยังแต่งภาคทางเลือกด้วยครับ ใครสนใจไปตามกันได้

    https://www.readawrite.com/a/374d786ae184b1655c7fd0d92332ca82

    ตอบลบ