AEl5Nk.gif AEl5Nk.gif


เหตุเกิดที่โรงแรมblPdyV.gif
โดย Tom Mm

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
29/07/66

เต้ยกับพี่ติ่ง blPdyV.gif
โดย ตฤษณา

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

ผิดที่เมย์เองเลยโดนจับขึงพืดblPdyV.gif
โดย Uratarou

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

ฝึกงานที่บริษัทขายหมู่บ้านจัดสรรblPdyV.gif
โดย 子翔吳

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

พ่อเลี้ยงของหนู EP1blPdyV.gif
โดย Ken Ken

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

วันพฤหัสบดีที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2558

With No Remorse Chapter 2

With No Remorse Chapter 2

จอภาพที่สว่างอยู่ในห้องมืดสนิทดับลง แล้วหลอดไฟฟ้าก็เปล่งแสงขึ้นแทนที่ ร่างที่นั่งอยู่ในห้องก็ปรากฏขึ้นชัดแก่สายตา คนที่นั่งหัวโต๊ะเป็นชายกลางคนร่างบึกบึนผมแซมขาวประปรายบ่งบอกถึงวัยที่สูง เอาการ อีกสี่คนที่เหลือนั่งเรียงรายสลับกันถัดมา ด้านหนึ่งเป็นชายสองคนในชุดฝึกสีน้ำเงินเข้มติด
เครื่องหมายของสำนักงานตำรวจ อีกด้านหนึ่งเป็นชายในชุดรัดกุมสีดำไม่ติดเครื่องหมายใด ๆ ส่วนคนสุดท้ายอยู่ในชุดพรางลายติดเครื่องหมายหน่วยรบพิเศษของกองทัพบก บุคคลหัวโต๊ะอยู่ในชุดสีเขียวเข้มติดเครื่องหมายพันเอกของกองทัพบกเช่นกัน ทั้งหมดนั่งเงียบครู่หนึ่งก่อนที่ชายหัวโต๊ะจะมองไปทางนายตำรวจทั้งสองคน “วิชา เจ้านายคุณว่ายังไงบ้าง” “ผมรายงานไปแล้วครับ ท่านรับทราบแล้ว และยืนยันให้เราเดินหน้าต่อไป” นายตำรวจที่นั่งติดกันตอบ “โอเค ตามนั้น ก่อนเลิกผมขอกำชับพวกเราอีกครั้งว่า ปฏิบัติการครั้งนี้ขึ้นกับผมคนเดียว ไม่มีคนอื่นไม่ว่าในกองทัพไหนหรือในสำนักงานตำรวจจะทราบเรื่องนี้ ผมเองก็จะรายงานกับท่านคนเดียว ดังนั้นการปฏิบัติงานต่อไปทุกคนวางแผนประสานงานกันแล้วรายงานผมเป็นระยะ” นายพันเอกย้ำเสียงเรียบแต่เด็ดขาด “ใครมีคำถาม” “ผมอยากทราบครับ” นายตำรวจคนถัดไปซึ่งก็คือคนที่เข้าไปตรวจที่เกิดเหตุถามขึ้น “พอจะบอกได้ไหมครับว่าใครเป็นคนยิงไอ้ขบวนขนยาเมื่อห้าวันก่อนน่ะครับ ยิงเฉียบจริง ๆ แล้วอีกอย่างคือใช้อะไรยิงครับ มันถึงกระจุยกระจายขนาดนั้น” ผู้ที่นั่งหัวโต๊ะพยักหน้าไปทางชายร่างล่ำสันในชุดดำ “คุณชาติชายนั่น” นายพันเอกบอกเสียงเรียบ “แล้วไอ้ปืนที่ยิงน่ะผมเพิ่งซื้อมาให้เมื่อไม่สามเดือนก่อนนี่เอง วรวุฒิไม่ต้องสงสัยหรอก ลูกปืนจุดห้าศูนย์เจาะเกราะน่ะ” ชายในชุดดำยิ้มกริ่มขณะที่ตำรวจทั้งสองนายอ้าปากค้าง “ผมเองครับพี่วุฒิ” ชายในชุดดำรับคำ “พี่เขาส่ง เอ็ม 99 ให้ผมใช้น่ะครับ” “ถึงว่าซี” นายตำรวจสองคนหันมามองหน้ากัน “ไอ้ชายมันเป็นซีลน่ะพี่” วรวุฒิบอกนายตำรวจอีกคน “เอาล่ะ ไม่มีอะไรก็เชิญนะ ตามสบาย” ชายที่เหลือก็ลุกขึ้นคำนับในขณะที่นายพันเอกลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป คนที่เหลือนั่งปรึกษากันอีกครู่หนึ่งแล้วแยกย้ายกันออกจากห้อง ชาติชายหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเมื่อเสียงเรียกดังขึ้นได้สองสามครั้ง “ครับ” “ว่าไงนายชาย ไม่กลับบ้านเลยรึไง หนูดาเขาถามหา” เสียงผู้หญิงอีกทางหนึ่งดังขึ้น ชาติชายยิ้มกริ่มเมื่อรู้ว่าคนที่โทรมาคือใคร “สวัสดีครับแม่ เดี๋ยวคงอีกสักสองสามวันน่ะครับ เพิ่งออกมาจากป่าครับ” “ไปมีเมียรึไง” “โธ่แม่ครับ ไปทำงานน่ะครับ” “อยู่ไหนล่ะ บอกไม่ได้อีกหรือยะ พ่อตัวดี” “บอกไม่ได้ครับแม่ ถ้ายังไงแม่บอกคุณดาว่าอีกสักสัปดาห์ผมจะกลับบ้านนะครับ” ชาติชายพูดไปพลางยิ้ม “นี่ เสาร์อาทิตย์นี้หนูดาจะไปเชียงใหม่จ๊ะ ถ้าเรากลับมาคงไม่เจอกันหรอก” “อ้าว เหรอครับ งั้นฝากบอกเธอด้วยแล้วกันครับ” “ได้จ๊ะ แล้วใจคอจะให้แม่อยู่คนเดียวอีกนานไหมล่ะ” “ชายมีเวลาแล้วจะกลับนะครับแม่ แล้วชายจะให้คนแวะไปคอยดูบ้านให้ครับ” “ขอบใจจ๊ะ แม่นี่ก็เหมือนมีกรรมนะ พ่อเราก็คนหนึ่ง นี่ลูกชายก็อีกคน” เสียงอีกด้านตัดพ้อ “แล้วชายว่างจะกลับมาแน่นอนนะครับแม่ อ้อ แม่ครับ สามสี่วันนี้ ชายไม่เปิดโทรศัพท์นะครับ” “จ๊ะ ระวังตัวหน่อยนะลูก แค่นี้นะจ๊ะ” “ครับผม สวัสดีครับแม่” ชาติชายพูดจบแล้วปิดโทรศัพท์ วางลงบนโต๊ะตัวเล็กข้างปืนพกออโตเมติกที่วางอยู่ก่อนแล้ว ชาติชายเดินออกจากห้องนอนตนเองไปยังห้องข้าง ๆ เคาะประตูเบา ๆ แล้วเปิดเข้าไป ข้างในห้องมีชายหนุ่มอีกคนนั่งทำความสะอาดเครื่องมืออยู่ ปืนออโตเมติกถอดออกเป็นชิ้น ๆ วางเรียงอย่างเป็นระเบียบ “ศรัณย์ คืนนี้ปล่อยผี แต่พรุ่งนี้ตีห้าครึ่ง เหมือนเดิมนะ” “โห พี่ เพิ่งออกมาไม่เว้นมั่งเหรอครับ” ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นประท้วง แต่น้ำเสียงไม่ได้มีสำเนียงอ้อนวอนขอความเห็นใจ “เอาไว้เที่ยวหน้า คราวนี้อีกสองวันมีอีกงานหนึ่ง เตรียมไว้ดีกว่า” ชาติชายตอบเรียบ ๆ “ได้พี่ งั้นพรุ่งนี้เจอกันครับ” ชาติชายเดินกลับห้องเอนร่างลงนอน พลิกตะแคงข้างมองไปโต๊ะตัวใหญ่ริมห้อง บนโต๊ะนั่น “บาร์เร็ต เอ็ม99” ปืนซุ่มยิงขนาดใหญ่ชั้นยอดกระบอกหนึ่งของโลกวางตั้งสงบอยู่ กระสุนตั้งเรียงกันอยู่เคียงกับกล่องกระสุนอีกตั้งใหญ่ ด้านหน้าของมันเป็นปืนอัตโนมัติ “เอชเค 417” และ “เอชเค ยูเอ็มพี 9” วางอยู่เคียงกัน ถัดไปเป็นกองกล่องกระสุนวางชิดขอบโต๊ะ อุปกรณ์อื่น ๆ วางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบทั้งกล้องเล็งกำลังขยายสูง อุปกรณ์การมองกลางคืน และอุปกรณ์ลดเสียง ชาติชายมองกองอาวุธที่ตนเองใช้ปฏิบัติงานนั่น ก่อนจะหลับตาลง แสงจ้า ๆ แยงตาจนชาติชายรู้สึกตัว แต่เมื่อลืมตาขึ้นก็เห็นว่าเพดานห้องไม่ใช่ห้องที่เขานอน มาทาสีเขียวนวลสบายตาเมื่อมองไปด้านข้าง ๆ ก็เห็นว่าเขามานอนในห้องขนาดกะทัดรัดมิดชิด เครื่องปรับอากาศส่งเสียงเบา ๆ ช่วยให้อากาศเย็นสบาย ข้างเตียงเป็นเสาตั้งแขวนขวดน้ำสีเหลืองที่ต่อสายเข้ามายังหลังมือเขา สภาพต่าง ๆ บอกว่าเขามานอนในห้องพยาบาลแห่งหนึ่ง ขณะที่กำลังทบทวนความจำประตูห้องก็เปิดเข้ามา ชายร่างสันทัดในเครื่องแบบทหารบกยศร้อยเอกคลุมด้วยเสื้อกาวน์เดินถือแฟ้ม แข็งเดินเข้ามา ตามติดมาด้วยพยาบาลร่างเล็กหน้ากลมขนตาโก่งเดินตามมาติด ๆ หลังสุดคือศรัณย์ นายทหารหน่วยสงครามพิเศษรุ่นน้องที่ทำงานเป็นคู่หูเขานั่นเอง “สวัสดีครับพี่ชาย เป็นไงพี่” ศรัณย์ยิ้มแป้น หมอในเสื้อกาวน์ยิ้มตาม “พี่มาได้ไงวะ” “ก็ผมไปปลุกพี่ตอนเช้าน่ะ ตัวเป็นไฟเลยพี่ เหงื่อท่วมเลย ผมเลยแบกพี่มานี่แหละ” “มาลาเรียเหรอครับหมอ” ชาติชายหันไปถามหมอ “ครับผู้กอง” หมอยืนมองพยาบาลที่เข้ามาจัดการวัดไข้และความดันของเขา “อย่างผู้กองนี่อันตรายเลยครับ เชื้อพีเอฟ” “มันไม่มีอาการเลยนี่ครับหมอ” หมอหนุ่มหัวเราะเบา ๆ “อย่างผู้กองนี่แหละครับ มีอาการก็ไม่เฉลียวใจไงครับ แข็งแรงเกินไป มันเลยกดอาการ พอมีอาการทีหนึ่งก็ร่วงเลย” หมอรับแฟ้มที่พยาบาลส่งให้มาดู “แต่ก็ดีครับหายไวดี ยังไง ๆ ผมต้องให้ผู้กองนอนพักที่นี่สักสามวันนะครับ ขอดูให้แน่นอนหน่อย” “สามวันก็พอไหวครับ นึกว่าจะโดนสักสัปดาห์นึงด้วยซ้ำไป” ชาติชายตอบหมอ “งั้นผมให้ยานี่อีกสองวัน ทนรำคาญหน่อย แล้ววันที่ออกเอายาไปกินเพิ่มนะครับ” หมดจดอะไรลงในแฟ้มยุกยิก “ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลงคุณรจนา พยาบาลเขาจะโทรไปตามผมเองนะครับ เขาจะอยู่ดูแลผู้กองตลอดสามวันนี่เลย” “อ้าว ผมไม่ได้อยู่โรงพยาบาลเหรอครับ” ชาติชายขมวดคิ้ว “ไม่หรอกครับ ขืนไปโรงพยาบาลคนคงสงสัยว่า ซีลของกองทัพเรือมาทำอะไรแถวนี้” หมอตอบแล้วส่งแฟ้มให้พยาบาล “ตอนที่ผู้อำนวยการเรียกผม ผมยังแปลกใจเลย อาการไม่มีอะไรต้องห่วงนะครับ สวัสดีครับ” หมอหนุ่มยกมือไหว้แล้วเดินออกไปจากห้องพร้อมกับพยาบาล ศรัณย์เดินเข้ามาข้างเตียง “ผมรายงานผู้การแล้วครับ ตอนนี้ท่านเลยสั่งให้เลื่อนปฏิบัติการออกไปก่อน” ศรัณย์บอกเบา ๆ “ของของพี่ผมจัดการทำความสะอาดเก็บเข้าที่แล้วครับ” “ขอบใจนะศรัณย์ งั้นตอนนี้คุณพักไปก่อนตามสบาย อีกสามวันเจอกัน ระวังตัวด้วย” “ครับพี่ชาย” ศรัณย์หลิ่วตาให้แล้วหันหลังเดินไปที่ประตูห้องก่อนหันกลับมา “พี่พักให้เต็มที่เลยนะครับ เดี๋ยวผมคงต้องตรวจเลือดด้วยแหละ แล้วถ้าเรียบร้อยผมจะกลับบ้านสักวันหนึ่งนะครับ” “โอเค” ชาติชายบอกรุ่นน้อง พอศรัณย์ปิดประตูตามหลังห้องก็ตกอยุ่ในความเงียบ ชาติชายวางหัวลงบนหมอนนุ่มแล้วหลับตาครู่เดียวก็หลับไปด้วยฤทธิ์ยา วันรุ่งขึ้นอาการของชาติชายก็เกือบจะเป็นปกติ นายทหารหนุ่มนอนพักเป็นส่วนใหญ่ รจนาพยาบาลสาวก็คอยดูแลทั้งวัดไข้วัดความดันและยกอาหารมาให้ ชาติชายไม่ได้เอะใจอะไรจนกระทั่งถึงมื้อกลางวันถัดมาจึงสังเกตได้ว่าพยาบาล สาวออกจะไม่ค่อยพอใจอะไรสักอย่างเพราะตลอดเวลาที่เข้ามานั้นเธอปั้นหน้าตึง เวลาที่เอายาหรืออาหารมาให้ก็ติดจะกระแทกกระทั้นอยู่บ้าง จวบจนบ่ายที่น้ำเกลือหมดเธอก็เดินเข้ามาในห้องเปลี่ยนถุงน้ำเกลือที่เจือ ยาจนเป็นสีเหลืองจาง ๆ “มีอีกถุงเหรอครับนี่ ผมนึกว่าจะหมดแล้วซะอีก” “ก็ใช่” รจนาตอบห้วน ๆ “ปกติน่าจะพอตั้งแต่เมื่อถุงที่แล้ว ไม่รู้ว่าจะให้หายเร็วขนาดไหน” “อืมมม เป็นความผิดของผมด้วยซีครับ” ชาติชายขยับตัวขึ้นเอนหลังพิงหัวเตียง “ไม่ทราบ หมอสั่งมา” “คุณ ไม่พอใจอะไรหรือครับ” “เปล่า ไม่ได้ไม่พอใจอะไร ทหารก็ต้องทำตามคำสั่ง” “ผมก็ทำตามคำสั่ง แต่ดูคุณไม่พอใจผม” ชาติชายมองหน้ากลมแฉล้มที่ปั้นจนตึงยามที่จัดการวัดความดันโลหิตของเขา “ถ้ามีอะไร ก็พูดกันตรง ๆ ได้ครับ” “แค่ไม่เข้าใจว่า ทหารเรืออย่างคุณมาทำอะไรที่นี่” รจนาพูดพลางออกแรงบีบลูกยางของเครื่องวัดความดันโลหิต “คุณไม่พอใจที่ผมมาทำงานแถวนี้ล่ะงั้น” “ไม่เชิง แต่ชั้นคิดว่าพวกเราก็ทำงานนี้ได้ ยังไงก็ไม่ด้อยกว่าคุณแน่” “เห็นด้วยเลยครับ คนของกองทัพบกทำได้แน่ ๆ คนมีฝีมือก็เยอะแยะ” ชาติชายพูดเรื่อย ๆ “ลองถามผู้การท่านดูไหมครับ” “ไม่ต้องหรอก ทหารไม่ต้องถามอะไรมาก เขาสั่งมาก็ทำไป เท่านั้น” “งั้น คุณก็บอกหมอไปว่า ยาถุงนี้เกินความจำเป็นแล้ว พอได้แล้ว หมอจ่ายยามากินก็พอ” “นั่นไม่ใช่หน้าที่ของชั้น ชั้นทำตามที่หมอสั่งเท่านั้น” รจนาตวัดเสียงห้วน ๆ จดบันทึกลงในแฟ้มแล้วเก็บของ “งั้นคุณก็ไปทำตามที่ผมสั่งแล้วกัน ยังไงผมก็ยศสูงกว่าคุณ แล้วผมก็ไม่อยากนอนเฉย ๆ ยิ่งมีคนดูแลหน้าตาบอกบุญไม่รับด้วย จะทหารหรือพลเรือนก็เถอะ ไปจัดการตามที่ผมบอกแล้วกัน” “คุณมีอำนาจอะไรมาสั่งชั้น” “คุณก็รู้อยู่ว่าคุณชั้นยศต่ำกว่าผม และที่นี่ผมยศสูงสุด ดังนั้นคุณจงไปทำตามที่ผมสั่ง” “ถ้าชั้นไม่ทำ” รจนาเงยหน้าขึ้นสบตาอย่างท้าทาย “ผมก็รายงานผู้การเรื่องขัดคำสั่ง นายทหารสัญญาบัตรที่มีอาวุโสสูงกว่า เท่านั้น และผมก็จะ..” ชาติชายพูดไม่ทันจบ “เชิญรายงานไปเลย” พยาบาลสาวกระแทกเสียงใส่แล้วก็ต้องยืนอ้าปากค้าง ชาติชายลุกขึ้นนั่งแล้วหมุนตัวขึ้นมายืนข้างเตียง “นั่นคุณจะทำอะไรน่ะ” เธอถามเสียงหลงเมื่อมือของชาติชายจับเข็มน้ำเกลือที่แทงอยู่บนหลังมืออีก ข้างเอาไว้ ดึงพลาสเตอร์ที่แปะมันออกแล้วดึงเข็มออกจากหลังมือ น้ำเกลือผสมยาไหลพุ่งออกจากปลายเข็มพร้อมกับเลือดที่ไหลออกจากปากแผลที่หลัง มือ “จะบ้าหรือคุณ” รจนาปราดเข้ามาปิดน้ำเกลือ “นี่จะดึงออกทำไม อยากตายเหรอ” ชาติชายหันมาจ้องหน้านัยน์ตาดุกร้าวจนรจนาผงะถอยออกไปสองสามก้าว นายทหารหนุ่มหยิบเอาผ้าก๊อซที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงมาแปะลงกับปากแผลที่ เลือดไหลออกมา แล้วคว้าผ้าพลาสเตอร์มาฉีกแล้วแปะลงบนผ้าก๊อซจนอย่างทุลักทุเล รจนายืนมองละล้าละลังหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ “มาลาเรียแค่นี้เอาผมไม่อยู่หรอก แล้วคุณจงโทรบอกหมอของคุณด้วยว่าให้สั่งยามาให้ผมด้วย ถ้าไม่อยากให้ผมออกไปซื้อยากินเอง แล้วถ้าอยากรายงานผู้การก็เอา” ชาติชายถอดเสื้อแบบคนไข้ออกแล้วเดินไปยังตู้เสื้อผ้า เมื่อเปิดออกมาก็เห็นเสื้อผ้าของเขาที่ใส่เมื่อคืนก่อนมานอนที่นี่จึงหยับ ออกมาแล้วโยนลงกับเก้าอี้ข้าง ๆ หยิบเสื้อขึ้นมาใส่ “เฮ้ย อะไรกัน” เสียงที่ดังขึ้นพร้อมกับบานประตูเปิดเข้ามาเป็นเสียงของผู้การนั่นเอง “ทะเลาะอะไรกันดังไปถึงข้างล่าง ผมเดินเข้ามาก็ได้ยินแล้ว ว่าไงยายรจ” “ก็ผู้กองนี่แหละค่ะลุง ดื้อชะมัด หนูบอกให้พักก็ไม่เชื่อ” ชาติชายยืนหรี่ตามอง นายพันเอกมองทั้งสองคนสลับไปมา “ว่าไงชาติชาย” “ไม่มีอะไรครับ” ชาติชายยืนตรงตามที่รับการฝึกมาอย่างเข้มงวด “อ้าว แล้วทะเลาะกันเรื่องอะไร แล้วนี่ลุกได้แล้วหรือ หมอว่าไง” “หมอยังไม่ทราบครับ คุณพยาบาลกำลังจะโทรบอก ผมอยากจะไปออกกำลังกาย เธอเลยห้ามผมครับ” “เฮ่ย พักผ่อนให้หายดีก่อนเหอะว้า มาลาเรียไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ แล้วเรื่องงานก็เลื่อนไปก่อนได้” นายพันเอกพูดเรียบ ๆ หันไปมองรจนาแบบรู้ทัน “ยังไงคุณหายแล้วก็ต้องรอวางแผนกันใหม่อยู่ดี อ้าวนี่ยายังไม่หมดเลยนี่นา แล้วหนูถอดยาทำไมล่ะ” “ผมดึงออกเองครับ” ชาติชายรีบตอบ “ผมว่ากินยาเอาก็พอแล้วครับ” “งั้นก็ตามใจ เดี๋ยวผมโทรบอกหมอให้ แต่ยังไงคืนนี้คุณต้องนอนที่นี่ก่อน ผมยังไม่วางใจ ถ้าไม่มีไข้อะไรพรุ่งนี้ค่อยกลับ” นายพันเอกพูดพลางส่ายหัว “ถึงว่า ไอ้ภุชงค์ นายคุณมันถึงบอกว่าให้ระวังหน่อย” “ระวังอะไรหรือครับ” “คุณนั่นแหละ ฝีมือเยี่ยม ทำงานประณีต ไว้ใจได้ แต่ดื้อ หัวแข็ง แล้วก็ไม่ค่อยฟังใคร” “เอ้อ.. ครับ” ชาติชายมองข้ามไปยังพยาบาลสาวที่ยืนยิ้มเยาะอยู่เบื้องหลังนายพักเอก “เราด้วยแหละยายรจ ลุงรู้จักเราดีนะ แล้วลุงก็เห็นหน้าเราในกระจกนั่นด้วย” พยาบาลสาวหน้าสลดเมื่อเงยหน้าขึ้นสบตานายพันเอกในกระจกเงาที่ติดอยู่บนผนัง ห้องอีกด้าน “แหม เหลือเกินทั้งคู่เลยนะ..” คืนเดือนมืดท้องฟ้าดารดาษด้วยดวงดาวระยับ ชาติชายออกมานั่งที่ระเบียงบ้านพักที่เขาเห็นเมื่อเย็นว่ามันอยู่แยกห่างจาก เรือนพักอื่น ๆ ที่บัดนี้มองเห็นแค่แสงไฟวับแวบลอดสุมทุมพุ่มไม้ แต่ในหัวเขาไม่ได้ชื่นชมกับดวงดาวหรืออากาศเย็นฉ่ำแต่กลับไปจดจ่ออยู่กับ ภารกิจที่ต้องทอดเวลาออกไปเนื่องจากอาการป่วยของเขา ศรัณย์นายทหารหนุ่มที่เป็นคู่หูกลับบ้านไปแล้วเพราะเป็นโอกาสอันน้อยนิดใน ระหว่างภารกิจที่ยังไม่รู้กำหนดเสร็จสิ้นแน่นอน ชั่วขณะนี้ความง่วงยังไม่กรีดกรายเข้ามา ชาติชายจึงมองไปในความมืดอย่างไร้จุดหมาย ถ้านายพันเอกไม่ห้ามไว้เขาคงลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไปวิ่งให้เหงื่อท่วม แล้วกลับมาอาบน้ำนอน ถึงตอนนี้นายพันเอกจะไม่อยู่แต่เท่าที่เขามีคือกางเกงขาสั้นกับเสื้อคอกลม ที่สวมเมื่อคืนก่อนล้มป่วยเท่านั้น ขณะที่นั่งอยู่เขาก็มีแต่ชุดคนป่วยที่สวมอยู่ ซ้ำยังเป็นเสื้อแบบชิ้นเดียวที่ผูกชายติดกันเสียอีก ยังดีที่มันทบอยู่ข้างหน้าหาไม่แล้วเขาคงไม่มานั่งดูดาวกับพุ่มไม้อยู่ได้ เพราะถึงเก้าอี้ที่นั่งอยู่จะทำจากไม้แต่ถ้าเสื้อเป็นแบบผ่าหลังเขาคงต้อง แนบก้นลงกับแผ่นไม้เย็น ๆ นี่แน่นอน อึดใจถัดมาชาติชายก็ลุกขึ้นกลับเข้าบ้านระหว่างที่เดินเข้าในตัวบ้านก็ได้ ยินเสียงน้ำไหลซู่ซ่าอยู่ในห้องน้ำ พลันแสงไฟก็ดับลง ชาติชายยืนนิ่งหลับตาให้สายตาชินกับความมืด ได้ยินเสียงกรีดจากในห้องน้ำ เสียงของหล่นและบานประตูห้องน้ำเปิดออก ชาติชายลืมตาขึ้นพยายามมองแต่สายตายังไม่ชิดกับความมืดจึงไม่เห็นร่างผ่อง ขาว ๆ เดินคลำทางออกมาจากห้องน้ำ ชาติชายจึงหลับตาลงอีกครั้ง พยาบาลสาวเดินคลำทางสะเปะสะปะมาในความมืด มือข้างหนึ่งยืนออกมาควานกวาดไปมาอีกข้างหนึ่งกอบผ้าขนหนูห่อตัวปิดหน้าอก ตัวเองเอาไว้ พยายามคว้าหาโต๊ะหรือฝาห้องอยู่ในความมืด สมองพยายามนึกกำหนดภาพของบ้านพักว่าอะไรอยู่ที่ไหนขณะที่ก้าวเท้าไปช้า ๆ แต่แล้วผ้าเช็ดเท้าที่ว่างอยู่บนพื้นก็เกี่ยวเท้าจนเสียหลักเซผวาไปข้างหน้า ด้วยความตกใจมือจึงปล่อยชายผ้าที่กุมปิดอกให้มันหล่นลงไปกองกับพื้นขณะที่ ตัวคะมำไปจนชนเข้ากับร่างแข็งบึกบึนในความมืด ปากจิ้มลิ้มกรีดเสียงสั้น ๆ ด้วยความตกใจเมื่อปะทะเข้ากับร่างสูงแต่แขนแข็งแรงก็ตวัดรัดตัวเธอเอาไว้จน หยุดนิ่ง ขณะที่หัวใจยังเต้นตุบ ๆ ด้วยความตกใจ เธอก็ได้รู้ว่าตัวเองเปลือยเปล่าอยู่ในความมืด ท่อนแขนแข็งแรงโอบรัดเอวไว้ดึงตัวเธอแนบเข้ากับร่างสูงของผุ้กองหนุ่ม พริบตาต่อมาก็ใจหายวาบเมื่อรู้สึกถึงองคาพยพของผู้กองหนุ่มที่ตื่นขึ้นมาดัน เอาตรงโคกเนิน “เป็นอะไรไหมครับ” ชาติชายถามพยายามถอยตัวออกช้า ๆ แต่รู้สึกตัวเองว่าร่างอวบนวลที่กอดเอาไว้นั้นหอมระรื่นด้วยกลิ่นสบู่อ่อน ๆ จนอวัยวะสำคัญมันตื่นตัวขึ้นมา เต้านวลเต็มแน่นบดอยู่กับอกจนรู้สึกถึงจังหวะที่หัวใจเต้นตูมตามอยู่ในอก รจนาใจหายวูบ ร้อนผ่าวไปทั้งตัวเมื่อมือหยาบประทับลงบนแผ่นหลัง สะท้านใจจนต้องเงยหน้าขึ้นมองในความมืดเห็นเงาของใบหน้าคมสันก้มลงมา พอปากประกบกันรจนาก็ได้แต่ถอนใจ แข้งขาหมดแรงจนตัวทรุดลงต้องปล่อยให้ผู้กองหนุ่มช้อนร่างอวบเอาไว้ มือที่ตอนแรกกางยันหน้าอกแข้งแรงนั้นก็กลับไปคล้องคอเหมือนจะพยุงตัวไว้แต่ ก็เหมือนกับโน้มคอเขาลงมาหาตนเองไปด้วย เรียวลิ้นแข็งแรงสอดผ่านริมฝีปากเข้ามาแตะปลายลิ้นของตนจนเสียวซ่านไปทั้ง ตัว เบื้องล่างที่โคกนูนเนื้อก็โดนแท่งเอ็นแข็งเกร็งบดกดสอดผ่านง่ามขาเข้ามา ประกบกับกลีบเนื้อที่ร้อนผะผ่าว อึดใจต่อมาก็รู้สึกว่าอ้อมแขนแข็งแรงช้อนตัวเธอขึ้นจนลอยแล้วพาเดินดุ่ม ๆ ไปที่เก้าอี้รับแขกบรรจงวางเธอลงนอนทอดร่างไปตามเก้าอี้ รจนาหายใจด้วยความรัญจวนเมื่อร่างเงาตะคุ่มทรุดลงข้าง ๆ แล้วโน้มลงมาหาร่างอวบอัดที่ซ่านไปด้วยเลือดสาว พริบตาต่อมายอดจะงอยถันก็โดนความอบอุ่นชุ่มชื้นโอบอมไว้ ปลายลิ้นชายหนุ่มตวัดแผ่วจนต้องหยัดอกแอ่นด้วยความเสียว “อู.....” รจนาครางแผ่วพลิ้วเมื่อรู้สึกถึงมือหยาบ ๆ ที่กดลงบนโคกเนื้ออย่างนุ่มนวลจนเหลือเชื่อ นิ้วมือแข็งแรงทาบลงไปตามรอบประกบของกลีบแคม ขยับหยุกหยิกจนกลีบเนื้อแบะออกปล่อยให้มันรุกไล่เข้าไปที่เม็ดติ่งจนต้อง สะดุ้งเป็นคำรบสอง สะโพกกลมกลึงยกหยัดขึ้นรับนิ้วที่เริ่มถูไถติ่งเนื้อไปจนถึงปากรูสวรรค์ หน้าขาของเธอทวีความอุ่นซ่านเมื่อโดนกระตุ้น ช่องทางเนื้อคับก็เริ่มหยาดหลั่งน้ำเมือกลื่นใสออกมาชโลมนิ้วมือที่เกลี่ย ไกล่ไล้มันไปจนทั่วเนิน ความเสียวซ่านพล่านไปทั่วกายเมื่อยอดเต้าข้างหนึ่งถูกมือหยาบกดคลึงแผ่วเบา อีกข้างหนึ่งถูกปลายลิ้นนุ่มตวัดเลียพลิ้วสลับดูดเม้ม ส่วนเบื้องล่างนั้นอุ้งมือหยาบ ๆ อุ่นร้อนประกบกดลงบนโคกเนินปลายนิ้วของมันขยับขยุกขยิกอยู่กับเม็ดติ่งเนื้อ ไวความรู้สึก แล้วมันก็เลื่อนลงไปที่ปากรูเนื้อที่ขมิบ ขับหลั่งน้ำเมือกออกมาวาบ ๆ ปลายนิ้วแข็งเขี่ยไล้ปากรูจนเธอต้องยกโคกดันเข้าประกบอุ้งมือด้วยความเสียว สองมือเรียวยกขึ้นโอบกอดศีรษะที่ซุกไซ้เต้าอวบอัด “อ้า....ยยยยย” รจนาครางเมื่อปลายนิ้วเบียดช่องทางมุดเข้ามาในร่างแล้วกระดกเขี่ยผนังช่อง เนื้อไวความรู้สึก สะโพกอวบยกขึ้นด้วยความเสียว แล้วโลกก็พลันมืดหายไปกับตาเมื่อความเสียวซ่านพลุ่งขึ้นจนถึงสุดระงับ ร่างอวบอัดแอ่นหยัดขึ้นจนสุดตัว สองแขนกอดรัดแล้วดึงศีรษะผู้กองหนุ่มขึ้นมาประกบจูบอย่างตะกละตะกราม ร่างกายสั่นสะท้านเหมือนตกลงในบ่อน้ำแข็งแต่กลับร้อนผ่าว ๆ แล่นไปจนทั่วร่าง จวบจนครู่ถัดมาตัวเธอจึงผ่อนคลายลง แต่ยังคงเสียววูบวาบเพราะทั้งเต้าทั้งโคกเนินยังคงโดนโลมเลียคลึงเคล้าอยู่ ร่างแข็งแรงผละลุกขึ้นในความมืดแล้วเงาดำ ๆ ก็หายไปจากสายตา รจนาสองจิตสองใจว่าจะลุกขึ้นผละหนีเข้าห้องหรือว่าจะอยู่รอเหตุการณ์ที่จะ เกิดขึ้นต่อไป ความคิดแล่นพล่านจนไม่ได้ยินเสียงปิดประตูบ้านจนอึดใจถัดมาเมื่อเงาดำทาบทับ เข้ามาอีกครั้ง ความคิดที่จะผละจากไปก็ปลาศนาการไปสิ้นเมื่อเจ้าของเงาช้อนตัวเธอยกขึ้นนั่ง หมิ่น ๆ แล้วเบียดตัวเข้ามากลางเรียวขา แท่งเอ็นแข็งร้อนประกบเข้ากับกลีบเนื้อจนเธอเสียวซ่านไปทั้งโคกนูนเมื่อแน่ ใจแล้วว่าเหตุการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไร เธอยกเรียวขาขึ้นพักน่องรัดรอบเอวเรียบ หายใจยาว ๆ เมื่อรู้สึกถึงปลายท่อนเนื้อที่ค่อย ๆ บรรจงงัดแงะกลีบเนื้ออ่อนของเธอเข้ามาทีละน้อย ความอึดอัดคับแน่นเพิ่มมากขึ้นเมื่อมันมุดชอนใชลึกเข้ามาในตัวเธอ สองมือแข็งแรงที่ประคองสะโพกเนียนของเธอก็กุมกระชับจับประคองมั่นพร้อมกับ ออกแรงดึงร่างเธอเข้าให้กลีบเนื้อนวลกลืนแท่งเอ็นเนื้อเข้ามาทีละน้อยจนคับ แน่นไปทั้งหน้าขาและโคกเนิน มันมุดซุกไซ้ปัดป่ายเข้ามาเรื่อย ๆ จนกระทั่งปลายหัวมนบานผลุบเข้ามานอนแน่นิ่งอยู่ในตัวจนเธออุ่นซ่าน ปลายมนร้อนผะผ่าวบานวาบ ๆ พร้อมกับจังหวะที่รูเนื้อกระชับรัดตัวรับ มันหยุดตัวอยู่กับที่เพียงแต่ขยับไปมาและวนส่ายเล็กน้อย เพิ่มความเสียวซ่านไปพร้อมกับอุ้งมือที่กุมเคล้นเต้าอวบอยู่ไม่หยุดยั้ง ชาติชายหยุดกระเด้าเอวปล่อยให้ท่อนเอ็นคาค้างอยู่แค่ปลายหัวที่มุดเข้าไปใน ร่างพยาบาลสาว ยกมือขึ้นเชยคางมนขึ้นแล้วประทับจูบแนบแน่น พยาบาลสาวส่งเสียงอยู่ในลำคออย่างพึงใจ มืออีกข้างกำกุมเต้าอวบกดบดอุ้งมือหยาบ ๆ กับหัวนมที่ตั้งชันชูเป็นไตแข็ง เจ้าของเต้าก็หยัดอกแอ่นขึ้นรับพร้อมกับที่สะโพกนวลเนียนเริ่มขยับยักส่าย เหมือนจะกระตุ้นให้ท่อนเอ็นที่คาช่องเนื้ออยู่เริ่มทำงานของมัน ชาติชายเริ่มขยับเอวกระทั้นมันเข้าไปช้า ๆ เมือกใสที่หลั่งออกมาจากช่องเนื้ออาบท่อนเอ็นจนมันเริ่มจะไหลเข้าได้สะดวก แคมเนื้ออ้าอมท่อนเอ็นจนคับบวมกลีบเนื้อย่นยุยยู่ผลุบเข้าออกตามจังหวะที่ ท่อนเอ็นแข็งขมึงขยับตัว ช่องทางที่เอ็นเนื้อผ่านเข้าไปนั้นถึงจะไม่คับตีบแต่มันก็แน่นกระชับบีบรัด จนผู้กองหนุ่มเสียวหัวถอกวาบ ๆ ส้นเท้าเล็ก ๆ นุ่ม ๆ ที่กดอยู่ด้านหลังตรงบั้นเอวกดลงเป็นจังหวะเหมือนจะกระตุ้นให้เขามอบความ เป็นชายให้แก่ร่างอวบในอ้อมแขน ชาติชายดึงเอวถอยถอนท่อนเนื้อออกมาจนเกือบสุดแล้วกดเอวดันมันเข้าไปเนิบนาบ จนมันมุดเข้าไปมิดโคน โคกเนื้อสองหนุ่มสาวแนบกันสนิทแน่น ปลายหัวบานมุดเข้าไปจนสุดช่องทางยันเอาไตเนื้อก้นถ้ำทองเข้าอย่างจัง ร่างพยาบาลสาวถึงกับแอ่นขึ้นบดอกเต้าอวบเข้ากับแผ่นอกกว้าง สองแขนโอบกระชับร่างแข็งแรงบึกบึนเข้าหาตัวพร้อมกับเรียวขาที่รัดเอวชาย หนุ่มไว้แน่น “อู๋ยยยยยยย” รจนาครางไม่เป็นส่ำ เมื่อความรู้สึกของสาวเจ้าเบ่งระเบิดออกเป็นคำรบที่สอง ชาติชายกดโคกแนบเนินเนื้อนวลดันกระทุ้งท่อนเอ็นเบา ๆ หนอกโคนเนกดเม็ดเนื้ออ่อนจนรจนาเสียววาบ ๆ กัดฟันกรอด ๆ รัดร่างชาติชายแน่น ซบหน้าลงกับบ่ากว้าง แล้วขบไหล่แข็งแรงกลั้นเสียงกรีดของตนเอง ชาติชายสะดุ้งเมื่อโดนฟันขาวเรียบขบเข้าเต็มไหล่ แต่ยังรักร่างขาวอวบในอ้อมแขนเอาไว้จนปากจิ้มลิ้มคายปล่อยไหล่ของเขา พร้อมกับร่างกะทัดรัดที่คลายอ้อมกอดรัดตัวเขาออก พยาบาลสาวหายใจหนัก ๆ จนเหมือนหอบ ชาติชายเชยคางจิ้มลิ้มขึ้นก้มลงมองฝ่าความมืดลงไปสบดวงตาใสเป็นประกายที่มอง เห็นอยู่ลาง ๆ “ขอโทษนะครับ ที่ออกอารมณ์กับคุณเมื่อกลางวัน” ชาติชายกระซิบเบา ๆ เรียวคิ้วของรจนายกขึ้น “คุณขอโทษคนอื่นแบบนี้หรือคะ” รจนากระชับอ้อมกอด ยังรู้สึกถึงความแข็งแกร่งที่ฝังกระทุ้งเบา ๆ อยู่ในร่างเธอ “อืมมม” ผุ้กองหนุ่มทำท่าคิด “ไม่หรอกครับ ผมอยู่ระหว่างปฏิบัติการพิเศษ คุณก็เป็นกรณีพิเศษเหมือนกัน” “ถ้าดิฉันไม่รับคำขอโทษล่ะคะ” ปากจิ้มลิ้มแย้มยิ้ม ดวงตากลมใสวาววับ “ผมคงต้องขอโทษคุณรจ จนกว่าคุณจะยอม” ชาติชายตอบแล้วก้มลงหอมแก้มนวล “งั้นคุณก็เริ่มขอโทษได้แล้วค่ะ” รจนายื่นหน้าขึ้นไปจูบปลายคางสาก ๆ แล้วรับริมฝีปากที่กดลงมาหา ปากจิ้มลิ้มรับจูบนั้นโดยดุษณี พร้อมกับสะโพกกลมกลึงขยับเด้งรับจังหวะที่ที่เนื้อเริ่มขยับเข้าออก มันครูดเอาผนังถ้ำนวลจนเธอเสียววาบ ๆ ความอึดอัดที่มันแทรกเข้ามาฝังในตัวเธอจางหายไปพร้อมกับความสุขเสียวแผ่ขึ้น มาจนท่วมท้น รจนากระชับอ้อมกอดของตนเองเข้ากับผู้กองหนุ่ม หายใจหอบกระเส่าเมื่อองคาพยพของเข้ามันกำลังเพิ่มจังหวะกระชั้นถี่ขึ้นจน ความเสียวทวีไปจนทั่วร่าง สะโพกกลมกลึงก็เร่งจังหวะดันดึงให้รับกับจังหวะของมัน ถ้ำเนื้อบีบรัดเหมือนจะดึงแท่งเนื้อนั้นเอาไว้จนชาติชายก็เสียวจนสุดจะทน อึดใจต่อมาจังหวะกระเด้าเขาก็กระชั้นถี่เร็วและหนักแน่นจนร่างอวบในอ้อม กอดกระเทือนไหว แต่พยาบาลสาวก็ไม่ได้ถอยคงดันสะโพกเข้ารับท่อนเอ็นที่บุกเข้าออกไม่ลดละ ความเสียพลุ่งขึ้นจนเธอรู้สึกมืดไปอีกครั้ง “อ๊าซซ อ้ายยยยย” ร่างอวบผวาเข้ากอดรัดชายหนุ่มแน่นพร้อมกับกระเด้าสะโพกกระชั้นถี่ ชาติชายโดนถ้ำทองบีบขมิบท่อนเอ็นเอาจัง ๆ ความรู้สึกเหมือนมันจะดูดกลืนแท่งเนื้อเขาเอาไว้ก็สุดจนกลั้นใจไหว กระดกกระเด้าถี่ยิบแล้วเอ็นเนื้อก็เบ่งพองขึ้นอีกเมื่อมันปลดปล่อยหยาดน้ำ ฉีดพุ่งกระหน่ำเข้าในถ้ำจนรจนาร้อนวาบไปทั้งตัว “อ๊ะ อ๊ายย อ๊ายยย” รจนาครางเมื่อโดนน้ำอุ่นซ่านฉีดเข้ามาในร่างเป็นจังหวะ สองหนุ่มสาวกอดรัดกันดื่มด่ำกับความรู้สึกที่ได้ผสานกันจนแนบแน่น รจนาเกร็งจนสั่นกระตุก ชาติชายเองก็เกร็งด้วยความเสียวกดควงเอวส่งท่อนเนื้อส่ายไปมาในถ้ำทองฉีดพ่น น้ำรักไปจนท่วมท้นเนืองนอง สองหนุ่มสาวตระกองกอดกันจนกระทั่งจังหวะหายใจค่อยกลับมาเป็นปกติ ชาติชายก้มลงจูบแก้มนวลแล้วเลื่อนไปที่ริมฝีปากจิ้มลิ้มที่เผยอรับ ร่างอวบอัดแนบแน่นอยู่ในอ้อมกอด ท่อนเนื้อของเขายังฝังจมอยู่ในถ้ำกระชับที่บีบรัดตัวเป็นจังหวะแผ่ว ๆ “คุณรจจะยกโทษให้ผมหรือยังครับ” ชาติชายกระซิบถาม “ตอนนี้ยังค่ะ คุณคงต้องขอโทษรจอีก เอาไว้ถึงพรุ่งนี้รจจึงจะพิจารณาว่าจะยกโทษให้คุณหรือเปล่า” พยาบาลสาวตอบแล้วยื่นหน้าขึ้นจูบ “งั้นผมคงต้องขอโทษคุณรจอีกแล้วซีครับ แต่คงต้องหาที่ที่จะขอโทษใหม่ เดี๋ยวคุณรจจะเมื่อย” ชาติชายลุกขึ้นพร้อมกับยกร่างอวบตามขึ้นมา อุ้มร่างอวบเดินเข้าห้องนอนของรจนาแล้วปิดประตู ไฟฟ้ามาตอนไหนทั้งสองหนุ่มสาวก็ไม่รู้ได้เพราะเวลาของทั้งสองในคืนนั้นอยู่ ที่การวนเวียนพลอกรักกันจนดึกโขก่อนจะม่อยหลับไปคาอ้อมกอดของกันและกัน เมื่อนายพักเอกเดินเข้ามาในบ้านในตอนเช้าถัดมาจึงเห็นภาพของสองหนุ่มนาวนั่ง กินข้าวเช้าคุยกันหน้าตาสดชื่นยิ้มแย้มแจ่มใส พยาบาลสาวลุกขึ้นไหว้พร้อกับนายทหารหนุ่มลุกขึ้นยืนตรง “ตามสบายคุณชาติชาย หนูรจ ด้วย ทำอะไรกินกันล่ะ” ผู้อาวุโสถามพร้อมกับก้มลงมองชามอาหารบนโต๊ะ “โจ๊กรึ น่ากินเหมือนกันนะ” “คุณลุงรับด้วยไหมคะ เดี๋ยวรจไปเตรียมให้” พยาบาลสาวถามพร้อมกับขยับตัวแต่ผู้เป็นลุงโบกมือ “ไม่ต้องหรอก ลุงเรียบร้อยมาแล้ว ขอบใจ” พูดจบก็มองหน้าสองหนุ่มสาวสลับกันด้วยสีหน้าแปลกใจ “ดีกันแล้วหรือ” “เอ่อ ครับผม คุยกันเรียบร้อยแล้วครับ” ชาติชายตอบในขณะที่รจนายืนนิ่งหน้าแดงระเรื่อ “ก็ดี วันนี้สองทุ่มจะมาบริฟท์กันที่นี่นะ อีกห้าวันคุณออกทำภารกิจต่อ” “ครับผม” ชาติชายรับคำ นายพักเอกหันหลังเดินกลับออกไป “หนุ่มสาวสมัยนี้ โกรธง่าย หายง่ายดีว่ะ” เสียงผุ้อาวุโสดังมากระทบหูสองหนุ่มสาวที่ยืนอมยิ้มกับคำพูดของผู้อาวุโส กว่า ชาติชายพูดด้วยเสียงที่พอได้ยินกันแค่สองคน “กว่าจะหาย ก็ค่อนคืนแหละครับ ผู้การ.. อุ๊ย” พูดจบก็ถึงกับสะดุ้งเมื่อนิ้วเรียว ๆ หยิกหมับเข้าที่สีข้าง หันไปยิ้มหน้าเป็นกับรจนา “เดี๋ยวเหอะ” พยาบาลสาวเข่นเขี้ยว “งั้น ผมขอโทษอีกครั้งแล้วกันนะครับ” พยาบาลสาวกลั้นเสียงหวีดแทบไม่ทันเมื่อนายทหารหนุ่มช้อนร่างเธอปลิวหวืออุ้ม เดินเข้าห้องนอนแล้วปิดประตู

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น