AEl5Nk.gif AEl5Nk.gif


เหตุเกิดที่โรงแรมblPdyV.gif
โดย Tom Mm

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
29/07/66

เต้ยกับพี่ติ่ง blPdyV.gif
โดย ตฤษณา

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

ผิดที่เมย์เองเลยโดนจับขึงพืดblPdyV.gif
โดย Uratarou

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

ฝึกงานที่บริษัทขายหมู่บ้านจัดสรรblPdyV.gif
โดย 子翔吳

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

พ่อเลี้ยงของหนู EP1blPdyV.gif
โดย Ken Ken

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

วันพุธที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

แก้วกานดา ตอนที่ 10 – ช่องว่าง

แก้วกานดา ตอนที่ 10 – ช่องว่าง

      กานต์ ยืนโดดเด่นดึงดูดสายตาอยู่ท่ามกลางกลุ่มเพื่อนนักศึกษาสาวรุ่นเดียวกัน เธอยังคงสวมใส่ชุดนักศึกษาแบบถูกระเบียบมิดชิดกระโปรงยาวถึงข้อเท้าแทบไม่ยอมเปิดให้ใครเห็นผิวขาวละลานตา แว่นกรอบสีชมพูหนาเหมือนแว่นคุณป้ายังคงวางประดับอยู่ใบหน้าสวยเฉกเช่นปกติ แต่ถึงกระนั้นความสวยผุดผาดของใบหน้าและเรือนร่างที่เต็มไปด้วยส่วนโค้งเว้าก็ยังคงโดดเด่นข่มทับการแต่งตัวที่สุดแสนจะเรียบร้อยนี้ เธอกำลังเดินอยู่กับกลุ่มเพื่อนสนิทอีกสี่คนในห้างสรรพสินค้า นักศึกษาสาวทั้งห้าต่างพูดคุยส่งเสียงหัวเราะสนุกสนาน กานต์ยิ้มจนเห็นไรฟันขาวสะอาดแทบจะตลอดเวลา เพราะนี่คือกลุ่มเพื่อน
สนิทของเธอ เพื่อนที่คบหากันมานานตั้งแต่สมัยมัธยม โดยเฉพาะกับปรางสาวร่างท้วมที่สนิทกับเธอมาตั้งแต่สมัยประถมศึกษา ปรางคนนี้คือคนที่จะคอยออกหน้าให้กานต์เสมอมา ยกตัวอย่างเช่นเมื่ออรอนงค์มาหาเรื่อง ปรางจะเป็นคนออกหน้าลุยให้ทุกครั้ง “ชั้นล่ะอิจฉาแกจริง ๆ นะกานต์ เดินไปไหนก็โดนหนุ่ม ๆ มองกันแทบจะเหลียวหลัง ส่วนชั้นไม่เห็นมีใครจะมองสักคน” “แหม แหม แกจะไปอิจฉากานต์ทำไมล่ะปราง จริง ๆ แล้วแกเองก็มีอะไรดี ๆ ที่ดีกว่ายายกานต์ตั้งเยอะแต่แกมองไม่เห็นเอง” “เอ๋ จริงเหรอ ชั้นมีอะไรดีตรงไหน แกบอกหน่อยซิ” “แกหน้าอกใหญ่กว่าไง กานต์มันหุ่นแค่ 38-24-36 แต่ของแกตั้ง 40-40-40 เห็นหรือเปล่าล่ะ ตัวเลขสูงกว่าทุกค่าเป็นทรงกระบอกเลยเห็นหรือเปล่า” “อีพวกบ้า เดี๋ยวทับให้แบนซะนี่ แกว่าชั้นอ้วนเหรอ” “เปล่าเสียหน่อย แกไม่ได้อ้วนนะ แค่อวบระยะสุดท้าย” สาววัยรุ่นทั้งห้าส่งเสียงสนทนาหยอกล้อและหัวเราะกัน ปรางสาวหุ่นอวบขยับไล่ตามเพื่อนสาวที่หยอกล้อ หญิงสาวที่โดนไล่จึงวิ่งหลบเป็นวงกลมรอบกลุ่มเพื่อน ทุกคนจึงพากันส่งเสียงหัวเราะคิกคักหยอกล้อกันไม่หยุด กานต์อาจจะไม่ค่อยส่งเสียงคุยออกมา แต่ว่าบนใบหน้าของเธอก็มีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะอยู่ตลอดเวลา “โอย เหนื่อย ไม่ไหวแล้ว โอย ... หมดแรง ... หิวข้าว” วิ่งไล่กันสักพักปรางสาวร่างอวบก็ส่งเสียงหอบเนื่องจากเริ่มหมดแรงขยับร่างกายที่ใหญ่โตกว่าเพื่อนสาว ท่าทางนั้นทำให้เพื่อนสาวที่เหลือพากันส่งเสียงหัวเราะคิกคักออกมาอีกชุดใหญ่ กานต์เองก็กลั้นไม่อยู่ส่งเสียงหัวเราะขบขันออกมาจนปวดท้อง “ดึกแล้ว พวกเราแยกกันเลยดีกว่านะ กานต์รอกลับพร้อมกับปรางใช่หรือเปล่า พวกชั้นสามคนจะกลับก่อนแล้วนะ” “อืม ไปซิ เดี๋ยวชั้นจะรอกลับพร้อมปราง อีกเดี๋ยวคุณพ่อของปรางก็คงมารับแล้วล่ะ” “งั้นไว้เจอกันพรุ่งนี้ เอ๊ะ ไม่ใช่ซิ พรุ่งนี้ไม่มีเรียน งั้นเจอกันอีกวันนะจ๊ะยายกานต์ ยายปราง ไปล่ะ” กานต์และปรางโบกมือลาเพื่อนสาวสามคนที่เดินแยกตัวไปเพื่อกลับบ้าน ส่วนเธอสองคนนั้นจะรอให้คุณพ่อของปรางมารับที่ห้างสรรพสินค้าแล้วปรางจะไปส่งกานต์ที่คอนโดตามปกติ “ปราง ... ไปเป็นเพื่อนเราซื้อของหน่อยซิ” “อ้าว จะซื้ออะไรตอนนี้ล่ะกานต์ ดึกแล้วนะร้านเริ่มปิดกันแล้ว” “ชั้นจะซื้อชุดนักศึกษานิดหน่อยน่ะ นี่ไงร้านนี้ยังเปิดอยู่เลย” กานต์ชี้ไปทางร้านขายเสื้อผ้านักศึกษาซึ่งยังเปิดไฟสว่างอยู่ แต่ดูจากท่าทีของคนในร้านแล้วดูเหมือนว่ากำลังจะปิดร้านในไม่ช้า เนื่องจากใกล้เวลาปิดของห้างสรรพสินค้าแล้ว “ชุดใหม่เหรอ ชุดเก่าขาดหรือไง ชั้นจำได้ว่าแกเพิ่งซื้อชุดใหม่ไปยังไม่ถึงเดือนเลย” “เปล่า ... คือ ...” กานต์หลบสายตาสงสัยของปรางแล้วส่งเสียงตอบแบบอ้อมแอ้มไม่เต็มเสียง เธอยกมือขึ้นบีบกุมเข้าหากันด้วยท่าทางเหมือนอายไม่กล้าพูดเหตุผลออกมา ปรางจึงยิ่งมองท่าทางของกานต์ด้วยความงุนงงไม่เข้าใจ “คือ ... ชั้น ... เอ่อ ... ปราง ... แกคิดว่า ... ถ้าชั้นจะลองใส่ชุดนักศึกษาสั้น ๆ เหมือนคนอื่น จะเป็นยังไง” กานต์พยายามข่มกลั้นความเขินแล้วบอกความต้องการของตัวเองออกไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาจนปรางเกือบไม่ได้ยิน และเมื่อได้ยินสิ่งที่กานต์พูด ปรางซึ่งเป็นเพื่อนสนิทก็ขมวดคิ้วคล้ายไม่แน่ใจว่าตัวเองฟังผิดหรือเปล่า แต่เมื่อปรางกวาดสายตามองดูท่าทีเขินจนหน้าแดงของกานต์ ปรางก็รับทราบได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง และเริ่มแน่ใจว่าตนเองคงฟังไม่ผิด “เดี๋ยวนะแก ... นี่แกกำลังจะบอกว่า ... กานต์ที่แสนขี้อายคนนี้ อยากจะเปลี่ยนไปใส่ชุดนักศึกษาสมัยนิยมงั้นเหรอ นี่ชั้นฟังผิดไปหรือเปล่าเนี่ย หรือว่าโลกกำลังจะถล่มแล้ว” “... ก็ ... แกฟังไม่ผิดหรอก แต่ชั้นก็แค่อยากลองใส่ดูเฉย ๆ ... ไม่มีอะไรสักหน่อย” “หือ ไม่มีจริง ๆ เหรอ ... ไม่เชื่อหรอก ท่าทางของแกแบบนี้แสดงว่าต้องมีอะไรบางอย่างแน่ ๆ สารภาพมาซิดี ๆ ... เอ หรือว่าเพื่อนชั้นจะแอบไปถูกใจผู้ชายคนไหนเข้าแล้ว” ปรางมองสำรวจท่าทีของกานต์อย่างละเอียด ก่อนจะส่งเสียงโพล่งออกมาด้วยความตื่นตกใจ เพราะในฐานะเพื่อนสนิทแล้วปรางย่อมพอจะเข้าใจนิสัยของกานต์ และการที่กานต์คิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง เหตุผลที่เป็นไปได้เท่าที่ปรางจะนึกออก ก็คงจะมีแค่เพียงสิ่งเดียว กานต์โดนเพื่อนสนิทเปิดเผยความคิดจนต้องหลบหน้ามองไปทางอื่น เธอรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา ถึงแม้จะคาดไว้แล้วว่าปรางอาจจะเดาได้ เธอจึงรอให้เพื่อนคนอื่นกลับไปก่อน แล้วจึงค่อยพูดกับปรางให้เธอรู้แค่เพียงคนเดียวก่อน แต่กานต์ก็ยังอดเขินจนหน้าแดงไม่ได้อยู่ดี “นั่นแน่ ท่าทางแบบนี้ ใช่แน่ ๆ ใครที่ไหนกัน แอบไปคบกันตั้งแต่เมื่อไหร่ รีบบอกมาเลยนะ ไม่งั้นมีเคือง ใครกันผู้ชายที่แสนจะโชคดีคนนั้น อ้าปากคายความลับออกมาซะดี ๆ” “นี่ยายปราง ชั้นชวนให้เธอไปช่วยเลือกเสื้อผ้านะ จะช่วยชั้นหรือเปล่า ถ้าไม่ช่วยชั้นไปซื้อคนเดียวก็ได้ เดี๋ยวร้านปิดกันพอดี” “ย่ะ ทำเป็นไม่ยอมบอก งั้นชั้นจะไปช่วยแกเลือกเสื้อผ้าก่อนก็ได้ แต่เลือกเสร็จแล้ว แกต้องสารภาพมาให้หมดเลยนะ อย่าเม้มเด็ดขาด” ปรางพยายามซักถาม แต่กานต์พยายามบ่ายเบี่ยงไม่ตอบเพราะกำลังเขิน กานต์จึงพูดตัดบทแล้วเดินเข้าไปในร้านชุดนักศึกษา ปรางจึงไม่มีทางเลือกได้แต่เดินตามเข้าไปเพื่อเลือกซื้อเสื้อผ้าก่อนที่ร้านจะปิดลง หลังจากสองสาวช่วยกันใช้เวลาเลือกและลองอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง กานต์ก็ได้ชุดนักศึกษารัดสั้นตามสมัยนิยมมาหนึ่งชุดสมความตั้งใจ ความจริงแล้วกานต์อยากได้มากกว่านี้ แต่ว่าหน้าอกของเธอนั้นใหญ่กว่ามาตรฐานสักหน่อย เธอจึงไม่มีขนาดของเสื้อที่เหมาะสมกับตัวเอง แม้แต่ตัวที่เลือกมานี้ก็ยังคับอยู่สักหน่อยด้วยซ้ำ หลังจากได้ชุดนักศึกษาใหม่หนึ่งชุด กานต์ก็ยังไม่ยอมตอบคำถามที่ปรางอยากรู้ กานต์รีบจูงมือปรางไปยังร้านขายชุดชั้นใน และสิ่งที่ทำให้ปรางยิ่งแตกตื่นเต็มไปด้วยความสงสัยก็คือ กานต์เลือกซื้อชุดชั้นในเซ็กซี่เหมือนใส่ยั่วผู้ชายไปอีกหลายชิ้น การเปลี่ยนชุดนักศึกษาใหม่นั้นเป็นเรื่องหนึ่ง ปรางอาจจะคิดว่ากานต์แค่อยากเปลี่ยนแปลง หรือไม่ก็ถูกใจผู้ชายสักคน แต่ว่าการซื้อชุดชั้นในใหม่นั้นมีความหมายลึกล้ำกว่าหลายขั้น เพราะชุดชั้นในไม่ใช่สิ่งที่จะใส่ไปให้ใครเห็นก็ได้ และหากว่ากานต์จะเลือกไปเพื่ออวดใคร ใครคนนั้นก็ต้องมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งพอที่กานต์จะยอมให้เห็นถึงข้างในได้ ปรางพยายามถามเอาคำตอบแทบตลอดเวลา แต่ว่ากานต์ยังคงอุบเงียบไม่ยอมบอก จนกระทั่งเมื่อกานต์ซื้อของครบเท่าที่ต้องการ และทั้งคู่เดินมารอรถของพ่อปรางที่ด้านหน้าห้างสรรพสินค้า กานต์จึงค่อยยอมเปิดปากเล่าเรื่องราวด้วยท่าทีขัดเขิน “เดี๋ยว อะไรนะ นี่กำลังจะบอกว่า แกเสียสาวให้กับผู้ชายที่เพิ่งพบกันครั้งแรก แล้วคนนั้นก็เป็นแค่ยามด้วยเนี่ยนะ จะบ้าตาย แกแต่งเรื่องหลอกชั้นหรือเปล่า เรื่องนี้ไม่ตลกนะยายกานต์” ปรางส่งเสียงร้องโพล่งออกมาด้วยความแตกตื่นจนกานต์สะดุ้งตกใจกลัวว่าคนอื่นจะได้ยินเข้า แต่ยังดีที่พวกเธอสองคนยืนอยู่ข้างถนนที่เสียงค่อนข้างดัง ต่อให้มีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่คอยแอบมองกานต์อยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่น่าจะมีใครได้ยินเสียงของปราง “ปราง จะบ้าเหรอ ส่งเสียงดังทำไม” “ไม่เสียงดังได้ไงล่ะ สรุปว่าแกไม่ได้หลอกชั้นใช่หรือเปล่า” “อื้อ … แล้วชั้นจะหลอกแกทำไมล่ะ” “ก็มันไม่น่าเชื่อนี่นา กานต์ แกโดนเขาหลอกหรือข่มขืนอะไรหรือเปล่า ตั้งแต่เด็กชั้นไม่เคยเห็นแกสนใจผู้ชายคนไหน แล้วอยู่ดี ๆ แกจะยอมให้ผู้ชายที่เจอหน้ากันวันแรกฟันเนี่ยนะ ชั้นคนนึงล่ะที่ไม่อยากเชื่อ” ปรางสาวร่างอวบถามออกมาเป็นชุด ส่วนกานต์นั้นได้แต่อ้ำอึ้งและแสดงท่าทีเคอะเขิน เธอตอบไม่ค่อยปะติดปะต่อเนื่องจากเธอทั้งเขิน และต้องแต่งเรื่องขึ้นมากลบเกลื่อน เธอย่อมไม่กล้าบอกว่าคนที่ได้ครั้งแรกของเธอไปคือนายบอลตามข่าวลือ เธอจึงเปลี่ยนเป็นสร้างเรื่องว่าอาร์ตเป็นผู้ชายคนแรกของเธอ นอกจากนี้กานต์ยังแต่งเรื่องเพิ่มเติม เธอบอกเจออาร์ตแล้วคุยกันถูกคอ แล้วอารมณ์มันก็เตลิดพาไป รู้ตัวอีกครั้งเธอก็ตามยามหนุ่มขึ้นห้องไปเสียแล้ว บอกกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังขนาดนี้ ปรางก็ยังเบิกตามองกานต์เหมือนไม่อยากเชื่อ สุดท้ายกานต์เลยต้องหยิบเอาโทรศัพท์มือถือเปิดรูปที่ถ่ายคู่กับอาร์ตให้ปรางดู รูปนั้นเป็นรูปที่ถ่ายจากภาพสะท้อนบนกระจกเงาในห้องน้ำ อาร์ตยืนเปลือยเห็นใบหน้าร่างเปลือยเปล่าท่อนบนได้อย่างชัดเจน ส่วนกานต์ซึ่งเป็นคนถ่ายนั้นยืนกอดแนบเขาจากด้านข้างในสภาพเปลือยเปล่าเช่นกัน เพียงแต่กานต์นั้นยืนหันข้างแนบทรวงอกเข้ากับสีข้างของอาร์ต ภาพนี้จึงไม่ได้ดูโป๊เปลือยมากเกินไป “… ไม่จริงน่า … อืม … แต่ก็หล่อแฮะ หุ่นก็น่ากินชะมัด … มิน่าล่ะ แกถึงได้เผลอตัว … เอ จะว่าไป … นายยามคนนี้ก็คุ้นหน้าอยู่นะ” ปรางเบิกตาโตมองดูภาพบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ เธอส่งเสียงบ่นพึมพำก่อนที่ดวงตาคู่นั้นจะทอประกายแวววาวเมื่อได้เห็นใบหน้าและร่างเปลือยของยามหนุ่ม จากนั้นไม่นั้นสาวร่างอวบก็หยุดชะงักและแสดงท่าทีครุ่นคิดอะไรบางอย่าง กานต์จึงหันไปมองด้วยความสนใจ จะอย่างไรเธอก็ต้องอยากรู้ข้อมูลของอาร์ต และหากว่าเพื่อนรักของเธอรู้จักอาร์ตก็คงจะดีไม่น้อย “พี่เขาชื่ออาร์ต … แกเคยเห็นเหรอ” “… อาร์ต … อาร์ต … ชื่อไม่คุ้นแฮะ … อาร์ต … คุณอาทิตย์? … ไม่มั้ง ไม่หรอก จะใช่ได้ไง ชั้นคงจะจำคนผิดน่ะ ไม่ใช่คนนั้นแน่ … แล้ว … เอ่อ เป็นยังไงบ้างล่ะแก … โดนเปิดซิงแล้ว ดีหรือเปล่า” ปรางพยายามนึกและเหมือนจะนึกภาพใครบางคนขึ้นมาได้ แต่ทันใดนั้นเธอก็ส่ายหน้าปฏิเสธความคิดตนเอง แล้วหันไปถามคำถามที่ทำให้กานต์ต้องก้มหน้างุดตอบแบบไม่เต็มเสียงอีกครั้ง “อือ ก็ … ดีนะ … ดีอยู่” “ดียังไงล่ะ แกต้องเล่ามาละเอียดเดี๋ยวนี้เลยนะ เล่ามาให้หมดเลยว่าแกโดนทำอะไรบ้าง ทำยังไง ตรงไหน กี่ครั้ง แล้วรู้สึกยังไงบ้าง ลีลานายนั่นเป็นยังไง” “เดี๋ยว เดี๋ยว เรื่องน่าอายแบบนั้นใครจะเล่ากัน” “แกไงที่ต้องเล่า ถ้าไม่เล่าล่ะก็ชั้นโกรธจริงด้วยจะบอกให้ ชิ อยู่ดี ๆ ก็หนีไปมีแฟน แซงกันแบบทิ้งห่างไม่เห็นฝุ่นอีกต่างหาก” “บ้าเหรอ เรื่องแบบนี้จะให้เล่าได้ยังไง ไม่เล่าหรอก” “ไม่ได้ ยังไงแกก็ต้องเล่า ยังไม่ต้องเล่าวันนี้ก็ได้ แต่แกต้องเล่าให้ฟัง ไม่งั้นโกรธ … ว่าแต่ … แกคิดดีแล้วเหรอกานต์” “คิดเรื่องอะไร?” “ก็ … กานต์ … แกเป็นคนสวย บ้านรวย เรียนเก่ง … แบบว่าสมบูรณ์แบบจนน่าอิจฉา ถึงแกจะขี้อายมากไปนิด แต่ผู้ชายตามจีบแกเป็นพรวน แกจะเลือกหล่อรวยแบบไหนก็ได้ ไฮโซเป็นคุณชายก็ไหว แต่ว่านี่แกกลับไปเลือก … ยาม … แบบนี้จะดีจริงเหรอ” ปรางพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง และคำพูดของปรางนั้นก็ถือได้ว่ามีเหตุผล เพราะกานต์นั้นมีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่มาติดพันหมายเด็ดดอกฟ้าอย่างมากมาย หากกานต์ต้องการเธอก็สามารถที่จะเลือกใครก็ได้ ปรางจึงไม่เข้าใจว่าทำไมกานต์จึงเลือกยามที่มีศักดิ์ฐานะชนชั้นต่ำต้อยคนหนึ่ง ทั้งคู่ไม่ใช่เด็กสาวไร้หัวคิด พวกเธอต่างก็เติบโตมาในครอบครัวที่ค่อนข้างมีฐานะมีศักดิ์ศรีที่ไม่แพ้กัน ทั้งปรางและกานต์ถูกสั่งสอนมาเป็นอย่างดี พวกเธอจึงเข้าใจว่าโลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่าชนชั้นวรรณะและความเหมาะสมอยู่ การมีคู่ครองนั้นไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ นอกจากจะหาคนที่ถูกใจตัวเองแล้ว พวกเธอยังจะต้องระวังเรื่องศักดิ์ฐานะที่ไม่ต่ำกว่าเกินไป ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นขี้ปากของสังคมไปจนตาย ยิ่งหากว่าความรักนั้นผิดพลาดต้องแยกทาง พวกเธอก็จะยิ่งโดนเยาะเย้ยถากถางจนไม่กล้าสู้หน้าเข้าสังคม ดังนั้นการที่กานต์เลือกคบหากับชนชั้นล่างระดับยามจึงเป็นเรื่องที่น่าห่วงเป็นอย่างยิ่ง กานต์หันไปมองปรางด้วยรอยยิ้มอบอุ่น เธอรับรู้ได้ถึงความห่วงใยที่ปรางสื่อออกมา แต่ว่าเธอไม่มีท่าทีลังเลสับสน เพราะว่าก่อนหน้านี้เธอได้ถามคำถามนี้กับตัวเองซ้ำไปซ้ำมาแล้วหลายครั้ง และคำตอบที่กานต์ได้รับจากหัวใจตัวเองก็คือ เธอไม่สนใจอะไรทั้งนั้น กานต์ลองถามตัวเองและพบว่าหากเป็นบอล กานต์คงมีความลังเลสับสน ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นผู้ชายคนแรก แต่เธอไม่ได้มีความรู้สึกลึกซึ้งอะไรกับบอลมากมายนัก หากทว่ากับอาร์ตนั้นแตกต่าง ถึงแม้กานต์จะไม่แน่ใจนักว่าอาร์ตจะรู้สึกอย่างไรกับเธอ แต่เธอรู้สึกว่าอาร์ตนั้นเป็นเหมือนรักแรกจากส่วนลึกของจิตใจ เธอรู้สึกได้ถึงความเข้ากันได้อย่างน่าประหลาดระหว่างเธอและอาร์ต ถึงแม้จะได้ใกล้ชิดกันแค่เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ไม่กี่ชั่วโมง แต่กานต์กลับชื่นชอบในสิ่งที่เขาแสดงออก เธอชอบในสิ่งที่เขาเป็น เธอชอบในสิ่งที่เขามอบให้ มันเป็นทั้งความสุขทางร่างกายและทางใจ เธอชื่นชอบที่เขาทำความรู้จักกับตัวเธออย่างละเอียดได้ภายในระยะเวลาอันสั้น เธอรู้สึกเหมือนว่าสามารถกอดแลกไออุ่นกับผู้ชายคนนี้ได้ตลอดกาล กระนั้นปัญหาที่ยังค้างคาใจเพียงหนึ่งเดียวกลับเป็นสิ่งที่เพื่อนของเธอนึกไม่ถึง กานต์รู้สึกไม่แน่ใจว่าอาร์ตจะเลือกเธอ ลางสังหรณ์ของผู้หญิงทำให้เธอไม่ได้รู้สึกว่าเธอเป็นดอกฟ้าและเขาเป็นหมาวัด อะไรบางอย่างบอกเธอว่าเขาไม่ได้เป็นหมาวัด หรือต่อให้เขาเป็นหมาวัดเธอก็ไม่สนใจ “ขอบใจที่เป็นห่วงนะแก … แต่ชั้นไม่เป็นอะไรหรอก … ชั้นคิดดีแล้วล่ะที่เลือกเขา … แต่ถ้าพูดกันจริง ๆ แล้ว ชั้นเองก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน ว่าเขาจะเลือกชั้นหรือเปล่า” กานต์ตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเหมือนตัดสินใจมาแน่นอนแล้ว ปรางจึงมองดูด้วยความรู้สึกงุนงง ปรางไม่แน่ใจในคำพูดที่ว่ากานต์ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะเลือกเธอหรือเปล่า แต่ว่ายังไม่ทันได้เอ่ยถามออกมา เสียงแตรรถยนต์ก็ดังมาจากด้านหน้า พ่อของปรางขับรถมาจอดเทียบริมถนนและบีบแตรเรียกให้พวกเธอสองคนไปขึ้นรถเสียแล้ว ปรางได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ แล้วรีบวิ่งไปขึ้นรถพร้อมกับกานต์ ถึงแม้ว่าปรางจะเต็มไปด้วยความสงสัยมากเพียงใด แต่ว่าเธอไม่กล้าเอ่ยปากถามเนื่องจากสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย ปรางจึงได้แต่พยายามเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ และพยายามครุ่นคิดจินตนาการว่าเหตุใดยามหนุ่มคนนั้นจึงสามารถขโมยหัวใจของดอกฟ้าอย่างกานต์ไปครอบครองได้ …………………. “อ้าว มาทำอะไรที่นี่ครับคุณอาทิตย์ …” ชายวัยประมาณห้าถึงหกสิบซึ่งกำลังนั่งซักผ้าในกะละมังสังกะสีรีบลุกพรวดขึ้นส่งเสียงทักทายอาร์ตด้วยท่าทางแตกตื่น มือสองข้างที่เหี่ยวย่นมีฟองสบู่สีขาวเกาะจนถึงข้อมือ และภาพที่ทำให้แก้วต้องเบือนหน้ามองไปทางอื่นก็คือภาพร่างกายเหี่ยวย่นชุ่มเหงื่อที่เกือบเปลือย เพราะชายวัยกลางคนนั้นเพียงสวมใส่ผ้าขาวม้าผืนเล็กปิดบังร่างกายเอาไว้ตรงส่วนสำคัญเท่านั้น “พูดเล่นอะไรลุง ผมก็กลับมานอนที่บ้านน่ะซิ ลุงอย่าให้ใครรบกวนล่ะ ผมมีธุระคุยกับคุณผู้หญิงคนนี้นิดหน่อย” อาร์ตรีบส่งเสียงโพล่งพร้อมกับเดินเข้าไปยกมือไหว้ ชายวัยกลางคนนั้นทำท่าสะดุ้งโหยงตกใจเหมือนไม่คุ้นชินกับการโดนยกมือไหว้ แต่ยังไม่ทันได้แสดงท่าทีอะไรอีกอาร์ตก็ก้าวเท้าเข้าไปแตะไหล่ชายวัยกลางคน เขาขยิบตาให้โดยที่แก้วซึ่งยืนอยู่ด้านหลังมองไม่เห็น ชายวัยกลางคนนั้นจึงยิ่งแสดงท่าทีงุนงงไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่ได้พูดจาอะไรออกมานอกจากยืนนิ่งเงียบ เพราะว่าสายตาที่ผ่านกาลเวลามาไม่น้อยนั้นกำลังโดนเรือนร่างสวยงามของแก้วสะกดจนอารมณ์พลุ่งพล่าน และหากจะสังเกตให้ดีแล้วจะพบว่ามีอะไรบางอย่างกำลังแข็งตัวดันผ้าขาวม้าขึ้นมาเป็นลำ แก้วซึ่งยืนอยู่ด้านหลังไม่ทันสังเกตเห็นกิริยาแปลกประหลาดเหล่านี้ หนึ่งนั้นเธอไม่อยากหันไปมองชายวัยกลางคน และสองก็คือเธอกำลังรู้สึกตื่นตาตื่นใจและกังวลไปกับสภาพแวดล้อมที่เรียกว่าสลัมหรือชุมชนแออัด เพราะนี่คือครั้งแรกที่เธอได้เข้ามาสัมผัสกับสิ่งที่เรียกว่าสลัมด้วยตนเอง หลังจากมีความสัมพันธ์ครั้งแรกกับอาร์ตบนสะพานข้ามแม่น้ำ เขาก็พาแก้วลัดเลาะไปตามซอกซอยของชุมชนแออัดจนกระทั่งมาถึงบ้านสังกะสีผุเก่าหลังนี้ ความเก่าชำรุดของสภาพแวดล้อมทำให้แก้วต้องนิ่วหน้าทั้งที่เตรียมใจมาแล้ว เธอคิดว่าสภาพความเป็นอยู่ของอาร์ตซึ่งเป็นยามคงจะไม่ค่อยดีนัก แต่ว่าเธอไม่ได้คิดว่าจะย่ำแย่ถึงขนาดนี้ “อาร์ต … เอ่อ … เราไปที่อื่นเถอะ เดี๋ยวชั้นจะเปิดห้องในโรงแรมให้ก็แล้วกัน” “อ้าว คุณแก้วบอกว่าอยากมาบ้านผมไม่ใช่เหรอครับ เข้ามาเถอะ ไม่ต้องไปเปิดโรงแรมหรอก เปลืองเงิน” แก้วแสดงท่าทีลังเลไม่สบายใจที่จะเข้าไปในบ้านสังกะสีเก่าผุพัง แต่อาร์ตไม่สนใจท่าทีของแก้ว เขาจับมือนุ่มนิ่มของแก้วแล้วจูงเข้าไปในบ้านสังกะสีมีกลิ่นเหม็นอับเล็กน้อยทันที แก้วจึงได้แต่เดินตามเขาเข้าไปด้านในทั้งที่ในใจนั้นไม่อยากเข้าไป จะอย่างไรแก้วก็เป็นลูกคุณหนูที่ไม่เคยผ่านความยากลำบาก ทุกสิ่งที่เธอได้รับนั้นล้วนแล้วแต่เป็นของชั้นดี ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่ อาหาร เครื่องใช้ หรือเพื่อนฝูง เธออาจจะไม่ได้มีนิสัยดูหมิ่นเหยียดหยามชนชั้น แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอยินดีจะใช้ชีวิตลำบากยากแค้นเช่นชนชั้นล่าง ด้านในเพิงสังกะสีนั้นมีขนาดเล็กยิ่งกว่าห้องนอนของแก้ว ตรงกลางห้องมีหลอดไฟสีเหลืองส่งแสงอ่อนสลัวให้ความสว่าง ผนังรอบด้านล้วนแล้วแต่เป็นสังกะสีขึ้นสนิมมีรูและรอยแตก ตรงมุมหนึ่งของห้องมีพัดลมเก่าเก็บวางอยู่ แก้วมองเห็นราวแขวนเสื้อที่มีชุดยามสีฟ้าและเสื้อผ้าเก่าขาดอีกหลายชุด นอกจากนี้แล้วก็ยังมีเบาะนอนสีซีดวางอยู่ใต้มุ้งสีขาวหม่น ทุกสิ่งอย่างที่เธอเห็นในสถานที่แห่งนี้ล้วนแล้วแต่ทำให้แก้วต้องกระพริบตาปริบ ๆ เพราะสภาพโดยรวมของมันดูจะย่ำแย่กว่าภาพของสลัมที่เธอเคยจินตนาการตอนอ่านหนังสือเรียนไปมากโข “ที่นี่ … บ้านนายเหรอ นายอาร์ต …” แก้วถามย้ำอีกครั้งเหมือนไม่อยากเชื่อ แต่อาร์ตดูจะไม่สนใจตอบคำถาม เขาเพียงเผยรอยยิ้มที่ยากจะอ่านออกให้แก้ว แล้วก็เริ่มถอดเสื้อของตัวเองเพื่ออวดร่างกายที่แข็งแรงเหมือนนายแบบ และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่แก้วรู้สึกว่าอาร์ตนั้นไม่เข้ากันกับสถานที่แห่งนี้ นอกจากในแง่ของความหล่อเหลาแล้ว อาร์ตยังมีผิวพรรณที่ไม่ได้หยาบกร้านเหมือนชนชั้นแรงงาน ร่างกายของเขานั้นดูเหมือนนักกีฬามากกว่าชนชั้นแรงงาน “ไปอาบน้ำกันก่อนครับคุณแก้ว คืนนี้จะได้นอนหลับสบาย” “อาบน้ำเหรอ … อาบที่ไหน” หลังจากถอดเสื้อออกไปแล้ว อาร์ตก็เดินไปหยิบผ้าขนหนูจากตู้วางเสื้อผ้ามาสองผืน แล้วจึงเดินมาจับมือแก้วเดินจูงไปทางด้านหลังบ้านและเปิดประตูสังกะสีไปยังพื้นที่ว่างหลังบ้านซึ่งเปิดด้านบนโล่งจนเห็นด้วงจันทร์ที่ลอยบนท้องฟ้ามีดำมืด พื้นที่ว่างขนาดไม่เกินสี่ตารางเมตรนี้มีแผ่นสังกะสีจากบ้านหลังอื่นปิดกั้นเป็นเหมือนกำแพงแบบลวก ๆ และที่มุมหนึ่งนั้นมีโอ่งน้ำความสูงเท่าเอวอยู่สองโอ่ง “ก็อาบน้ำที่นี่ล่ะครับคุณแก้ว ปิดไฟไว้รับรองไม่มีใครเห็น” อาร์ตพูดพลางปิดประตูหลังบ้านจนแสงไฟที่มืดอยู่แล้วเลือนหายไป แก้วยืนอยู่ในความมืดสลัวที่มองเห็นชายหนุ่มเป็นเงามืด สายตาของแก้วกวาดมองไปโดยรอบ เธอมองเห็นแสงไฟลอดผ่านรอยแตกบนแผ่นสังกะสีหลายรอย เธอได้ยินเสียงกระทะและตะหลิวกระทบกันดังมาจากบ้านด้านหลัง กลิ่นของเครื่องแกงที่โชยวูบมาทำให้เธอทราบว่าด้านหลังบ้านกำลังทำกับข้าว เธอได้ยินเสียงพูดคุยสนทนาหัวเราะจากบ้านด้านข้าง เธอได้ยินเสียงด่าทอทะเลาะกันจากบ้านอีกข้างหนึ่ง และบรรยากาศเหล่านี้ทำให้เธอรู้สึกกังวลไม่สบายใจ เธอรู้สึกได้ถึงความไม่เป็นส่วนตัว สถานที่แห่งนี้คล้ายมิดชิดแต่กลับไม่มิดชิดอย่างที่ควรเป็น และนี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่าตนเองได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของชุมชนแออัดอย่างแท้จริง “มาเถอะครับคุณแก้ว เดี๋ยวผมถอดเสื้อให้ แต่อย่าส่งเสียงดังมากล่ะเดี๋ยวข้างบ้านเขาสงสัยแล้วจะชะโงกหน้ามาดูกัน” อาร์ตขยับเข้ามาสวมกอดด้านหลังพร้อมกับกระซิบที่ข้างหู ความอบอุ่นที่ส่งผ่านมานั้นทำให้แก้วรู้สึกคลายกังวลลงไปด้านบ้าง ยิ่งโดนเขาจูบไซร้ที่ซอกคอ พร้อมกับขยำขยี้ทรวงอกอวบ และล้วงมือลงไปตะปบขยำใส่เนื้อโหนกนูนพร้อมกับสามจุดความวาบหวิวแห่งเพลิงโลกีย์ก็ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง “อืม … อาร์ต … อย่า … เดี๋ยวคนอื่นเห็น” แก้วส่งเสียงครางแผ่วเบาพยายามกระซิบบอกเขา รสเสียวซาบซ่านที่เขาบรรจงมอบให้ทำให้ร่างกายของเธอสั่นเทิ้มและส่งเสียงครางออกมาอย่างต่อเนื่อง เธอรู้สึกกังวลเรื่องสถานที่ หากทว่าร่างกายของเธอกลับตอบสนองเขาอย่างเต็มที่ “ไม่มีใครเห็นหรอกครับคุณแก้ว แค่อย่าส่งเสียงดังมากไปก็พอ” อาร์ตส่งเสียงกระซิบที่เต็มไปด้วยอารมณ์กระสันออกมา เขากอดจูบร่างงามที่บิดเกร็งอยู่ในอ้อมกอดจนเธอเริ่มหอบหายใจกระเส่า ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อภายใต้ความมืดสลัว และเพียงแค่พริบตาเดียวเสื้อผ้ารวมถึงชุดชั้นในแบรนด์เนมราคาแพงของเธอก็โดนปลดเปลื้องไปแขวนบนราวตากผ้าที่ทำมาจากลวดขึ้นสนิม “อาร์ต … อือ … อืม … อูย …” เสียงครางวาบหวามดังแผ่วเบาในความมืด เรือนร่างที่ขาวโพลนราวกับหยกเนื้อดีบิดส่ายสะบัดไปมาตามจังหวะลีลารัก ทรวงเต้าสวยใหญ่ล้นมือโดนบีบขย้ำอย่างหนักหน่วงในความมืด ก่อนจะโดนเขาจับหมุนตัวและก้มหน้าลงไปดูดเลียด้วยท่าทีเหมือนเด็กน้อยที่หิวโหย แก้วจิกมือใส่แผ่นหลังของเขาพลางสูดปากคราง ปากและมือของเขากำลังละเลงความเสียวซ่านให้เธอผ่านทางเต้านมขาวเนียน ร่างกายของเธอกระตุกเกร็งถี่ยิบตลอดเวลา รสชาติความเสียวซ่านจากการโดนเขาดูดเลียและขบเม้มใส่นั้นราวกับได้ขึ้นสรวงสวรรค์ก็มิปาน แต่ที่รุกเร้ารุนแรงยิ่งกว่าก็คือปลายนิ้วที่แหย่แยงลากเข้าลากออกในร่องหลืบ “อือ … อาร์ต … เสียว … ไม่ไหวแล้ว อาร์ต … อื้ออออ ซี้ดดสส” สาวสวยดิ้นพราดบิดส่ายไปมาได้ราวห้านาทีก็ทานทนไม่ไหว เธอจิกเล็บลงไปบนแผ่นหลังของเขาอย่างแรงพร้อมกับหนีบเขาเข้าหากัน จากนั้นร่างกายก็กระตุกเฮือกดิ้นพราดด้วยความเสียวซาบซ่านจากจุดสุดยอดที่เขามอบให้ “เดี๋ยวผมอาบน้ำทำความสะอาดให้นะครับคุณแก้ว” อาร์ตกล่าวพลางค่อย ๆ ถอนนิ้วออกมาจากร่องรักที่กำลังขมิบตอดอย่างรุนแรง เขาค่อย ๆ ประคองร่างงามที่กระตุกสะท้านไม่หยุดลงไปนั่งพิงอยู่บนขอบโอ่งน้ำ แก้วในเวลานี้คล้ายกับตุ๊กตาตัวน้อยที่คอยทำตามคำสั่งของเขา เธอทรุดนั่งลงไปบนขอบโอ่งน้ำอย่างว่าง่าย ก่อนจะส่งเสียงหอบหนักหน่วงอยู่ในความมืดสลัว “น้ำเย็นนิดนึงนะครับคุณแก้ว” เสียงของเขาดังขึ้นพร้อมกับสายน้ำเย็นฉ่ำที่ราดลงไปบนร่างเปลือยเปล่า แก้วสะดุ้งโหยงส่งเสียงร้องด้วยความตกใจออกมาแผ่วเบา จากนั้นชายหนุ่มก็ใช้ขันน้ำตักเอาน้ำขันที่สองมาราดใส่ร่างกายของเธอตามด้วยขันที่สาม สี่ และห้า จนร่างกายของเธอเปียกชุ่ม แก้วนั่งพิงขอบโอ่งน้ำนิ่งเงียบด้วยอารมณ์ที่บอกไม่ถูก เธอรู้สึกกังวลและไม่ปลอดภัยในสถานที่แห่งนี้ หากทว่าในขณะเดียวกันเธอก็รู้สึกได้ถึงความตื่นเต้นระทึก รวมไปถึงความอบอุ่นและความไว้วางใจในตัวอาร์ต ด้วยเหตุนี้เธอจึงนั่งนิ่งไม่ขัดขืนต่อต้านทั้งที่เธอยังรู้สึกกังวล “อืม … อาร์ต …” หลังจากที่ร่างกายของเธอเปียกชุ่ม อาร์ตก็ใช้มือลูบไล้ไปทั่วตัวของเธอ ในมือของเขานั้นมีสบู่ก้อนหนึ่งอยู่ด้วย เขากำลังใช้สบู่ขัดถูทำความสะอาดร่างกายให้เธอด้วยท่าทีนุ่มนวลทะนุถนอม อุ้งมือและนิ้วยาวเรียวของเขาซอกซอนลูบไล้ไปทั่วทุกตารางนิ้วบนเรือนร่างงาม โดยเฉพาะตรงจุดอ่อนไหวไวต่อสัมผัส ความสุขและความอบอุ่นที่ส่งผ่านมาทำให้แก้วแทบลืมเลือนไปว่าตนเองกำลังอยู่สถานที่เช่นใด เธอทราบแค่เพียงว่าเธอชื่นชอบสัมผัสเช่นนี้ เธอชื่นชอบความรู้สึกที่เขาแตะลูบไล้อย่างทะนุถนอมจนแทบไม่อยากให้เขาหยุดมือ เธอจึงต้องถอนหายใจด้วยความเสียดายเมื่อเขาถอนนิ้วออกไปจากร่องหลืบ หยาดน้ำเย็นฉ่ำโดนราดลงไปบนร่างกายที่เต็มไปด้วยฟองสบู่อีกครั้ง เขาราดน้ำอย่างเบามือพร้อมกับใช้มือลูบไล้ถูไถไปทั่วร่างเพื่อล้างคราบฟองสบู่จนร่างงามสะอาดสะอ้าน และสิ่งที่เขาทำให้นั้นก็ทำให้แก้วรู้สึกอบอุ่นวาบหวามในหัวใจ “อุ๊ย … อาร์ต ทำอะไร … อูย … อาร์ต ไม่เอา ซี้ดสส” แก้วสะดุ้งโหยงน้อย ๆ เมื่อชายหนุ่มขยับก้มตัวลงไปนั่งคุกเข่าที่กลางหว่างขา เขาจับขาของเธอข้างหนึ่งขึ้นพาดบนไหล่กำยำ จากนั้นศีรษะของเขาก็ซุกเข้าไปหาเนื้อโหนกนูนพร้อมกับส่งผ่านความเสียวซาบซ่านจนเธอตัวกระตุกเฮือกอีกครั้งหนึ่ง อาร์ตไม่สนใจเสียงห้าม เขาซุกหน้าลงไปตวัดลิ้นเลียใส่ความชุ่มชื้นราวกับกำลังดื่มกินน้ำอมฤตแสนหอมหวาน เขาดูดกินพร้อมกับแหย่ลิ้นชอนไชเข้าไปสัมผัสกระตุ้นใส่จุดซ่อนเร้นจนร่างบางที่นั่งพิงขอบโอ่งน้ำดิ้นพราดส่งเสียงครางกระเส่า สะโพกของเธอส่ายไหวไปมาพร้อมกับกดมือจิกลงไปบนหลังศีรษะของเขา สองมือของเธอกดให้เขาเข้าหาตัวเอง ในขณะที่ด้านล่างพยายามแอ่นเบียดเข้าหาใบหน้าด้วยความเสียวซาบซ่าน แก้วหอบหายใจระรัวด้วยความเกร็งที่ท้องน้อย ลิ้นของเขาชอกชอนล่วงล้ำสอดลึกไปถึงไหนต่อไหน เธอหลับตาปี๋ใบหน้าเหยเกบิดส่ายไปมาอยู่บนโอ่งน้ำ ภายใต้ลีลารักเช่นนี้ถึงแม้จะต้องอยู่ในเพิ่งสังกะสีเก่าผุก็ยังทำให้เธอรู้สึกเหมือนสรวงสวรรค์ ไม่ว่าจะอยู่แห่งหนไหน ขอแค่เพียงมีเขาสถานที่นั้นก็ไม่ต่างอะไรกับสรวงสวรรค์ “ไม่ไหวแล้วอาร์ต อูย เสียว … อาร์ตจ๋า โอย ซี้ดส เสียว อาร์ต อื้อ” ความสุขซาบซ่านโถมเข้าใส่เพียงไม่นานสาวสวยก็ทานทนไม่ไหว ร่างเปลือยเปล่ากระตุกเกร็งดิ้นพราดสูดปากครางออกมาเสียงดัง ภายในเวลาแค่ไม่ถึงสิบห้านาทีเธอโดนเขาส่งขึ้นสวรรค์ติดกันถึงสองรอบ ความเสียวซ่านในครั้งนี้จึงรุนแรงกว่าครั้งแรกดังสังเกตได้จากปฏิกิริยาตอบสนองของแก้ว แก้วเกร็งหน้าท้องกดจิกสองมือดึงใบหน้าของเขาเข้าหาตัวสุดแรง ความสุขในครั้งนี้ทำให้สติของเธอขาวโพลนและเกร็งกระตุกไปทั่วทั้งร่าง เสียงครางที่หลุดออกจากปากในครั้งนี้ดังกว่าครั้งก่อนหน้า ทำให้เสียงพูดคุยจากข้างบ้านเงียบลงไปชั่วขณะ เพราะว่าได้ยินเสียงครางนี้เข้า แต่แล้วเสียงคุยก็ดังขึ้นมาอีกครั้งเหมือนไม่แน่ใจว่านั่นคือเสียงอะไร อาร์ตรับรู้ได้ว่าสาวสาวยเสร็จไปแล้วอีกหนึ่งรอบ หากทว่าเขายังคงฝังซุกใบหน้าใช้ปากและลิ้นเล้าโลมกระตุ้นอารมณ์ของเธอไม่ให้สงบลงโดยง่าย อาการกระตุกของแก้วจึงค้างคายาวนานกว่าปกติอีกหลายนาที เมื่อชายหนุ่มยอมถอนใบหน้าออกมา สาวสวยก็นั่งหอบหายใจหนักหน่วงปริ่มว่าจะขาดใจ กระนั้นเธอกลับรู้สึกว่าไม่อยากให้เขาถอนร่างให้ห่างออกไป และดูเหมือนว่าชายหนุ่มเองก็รับรู้ได้ว่าเธอต้องการอะไร เขาจึงขยับประกบเข้าหาใช้ร่างร้อนผ่าวโอบกอดรัดร่างนุ่มนิ่มหอมกรุ่นของเธอเอาไว้พร้อมกับกระซิบบอกรักเติมรสชาติให้เกมกามครั้งนี้ “รักคุณแก้วจัง” “โรคจิต ชอบแกล้งคนอื่นให้ทรมานหรือไง” “งั้นไม่แกล้งล่ะครับ จะจัดการเดี๋ยวนี้แล้ว” อาร์ตพูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ก่อนจะจับร่างงามหมุนยืนหันหน้าไปทางโอ่งน้ำ เขาจัดท่าทางให้แก้วยืนโก้งโค้งใช้สองมือยันไว้กับขอบโอ่งน้ำ ส่วนตัวเขาเองนั้นขยับไปประกบจากทางด้านหลังจับเอาความเป็นชายกดจ่อที่ปากร่องแล้วกดแทรกเข้าไปอย่างเชื่องช้า “อือ … อาร์ต … เบา ๆ … จุก … อูย … ซี้ด … อือ” แก้วยืนโก้งโค้งหลับตาปี๋หอบหายใจกระเส่า สองมือของเธอจิกกดลงไปบนขอบปากโอ่งน้ำสุดแรง เธอกัดเม้มริมฝีปากระบายความเสียวคับแน่นที่เดินหน้ากดแทรกเข้ามาในร่างกาย ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่สองเธอจึงไม่รู้สึกเจ็บหน่วงเท่าครั้งแรก เธอแค่รู้สึกจุกแน่นในร่องหลืบอยู่บ้าง แต่โดยรวมแล้วเธอกำลังรู้สึกตื่นเต้นมีความสุขอย่างท่วมท้น “ดีจังครับคุณแก้ว ของคุณแก้วตอดดีมากเลย” อาร์ตสูดปากส่งเสียงแหบพร่าออกมา จากนั้นจึงเริ่มขยับบั้นเอวลากออกแล้วกระแทกกลับซ้ำไปซ้ำมา ลีลาของเขาเริ่มจากเชื่องช้าในคราวแรก กระทั่งเมื่อเห็นว่าสะโพกผึ่งผายเริ่มเด้งตอบรับ เขาจึงเริ่มเร่งเครื่องซอยเอวถี่ยิบเร็วขึ้นและหนักหน่วงขึ้นทีละน้อย ความเสียวซาบซ่านร้อนแรงทำให้แก้วดิ้นพราดสะบัดหน้าไปมา ใบหน้าของเธอบิดเบี้ยวเหยเกขณะที่ส่งเสียงร้องครางออกมาไม่เป็นภาษาคน เสียงครางในครั้งนี้ดังพอที่จะลอดผ่านสังกะสีบางเฉียบไปเข้าหูเพื่อนบ้านโดยที่เธอไม่ทราบ แต่ถึงแม้ว่าเธอจะทราบ เวลานี้แก้วก็คงไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ขณะที่สาวสวยกำลังมีความสุข ชายหนุ่มก็เองมีความสุขไม่แพ้กัน เขารู้สึกได้ว่ารสชาติหอมหวานละมุนของแก้วนั้นสุดยอดไม่แพ้รสชาติที่ได้รับจากกานต์ ถึงแม้จะมีจุดแต่งต่างเล็กน้อยในแง่ของลักษณะนิสัยและปฏิกิริยาตอบสนอง หากทว่าทั้งแก้วและกานต์นั้นเป็นผู้หญิงที่ชื่นชอบมากที่สุดเท่าที่เคยพบเจอมาโดยไม่ต้องสงสัย เสียงครางของแก้วดังขึ้นทีละน้อย เช่นเดียวกันกับเสียงเนื้อกระแทกเนื้อที่กระหน่ำระรัวถี่ยิบ ยิ่งเวลาผ่านลีลาของยามหนุ่มก็ยิ่งรวดเร็วรุนแรงราวกับพายุหมุนอันบ้าคลั่ง และความบ้าคลั่งนั้นก็กำลังทำให้แก้วเริ่มกระตุกด้วยกำลังจะถึงจุดสุดยอดอีกรอบหนึ่ง อาร์ตรับทราบได้ถึงแรงตอดรัดที่หนักหน่วงขึ้น และแรงตอดรัดสุดยอดนั้นก็ทำให้ชายหนุ่มทานทนไม่ไหวเช่นกัน เขาจึงเอื้อมมือลอดใต้ราวแขนไปขยำนม พร้อมกับโหมเร่งกระแทกสุดแรงเป็นการปิดท้ายด้วยเรี่ยงแรงทั้งหมดที่มี เสียงกระแทกหนักหน่วงดังขึ้นอีกเพียงไม่ถึงสิบครั้ง สองหนุ่มสาวก็ตัวกระตุกเกร็งพร้อมกัน แก้วส่งเสียงหวีดร้องเสียงหลง ในขณะที่อาร์ตสูดปากครางออกมายาวเหยียด ร่องหลืบของสาวสวยตอดใส่สุดแรง ในขณะที่ชายหนุ่มเองก็ปลดปล่อยระเบิดความใคร่ร้อนผ่าวทะลักเข้าไปในร่องสาวจนล้นทะลัก แก้วแข้งขาอ่อนจนแทบจะหมดแรงค้ำยันล้มลงไปหาโอ่งน้ำ แต่ยังดีที่อาร์ตยื่นมือมาโอบกอดและดึงร่างของเธอขึ้นไปโอบกอดแนบกับร่างของเขาเอาไว้ ตอนนี้เขากอดเธอแน่นพร้อมกับซุกใบหน้าที่ปรางแก้มนุ่ม ส่วนบั้นเอวหนานั้นยังขยับซอยแผ่วเบาเพื่อซึมซาบความสุขเสียว “อือ … อาร์ต … อืม … ดีจัง” แก้วหอบหายใจกระเส่าพิงร่างของเขาเอาไว้ เธอส่งเสียงพึมพำออกมาอย่างมีความสุข ใบหน้าของเธอประดับไปด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุข เธอชอบทุกสิ่งที่เขามอบให้ เธอชอบรสรักแสนเร่าร้อน เธอชอบความอบอุ่นของการทะนุถนอม เธอชอบความร้อนผ่าวที่เขาปลดปล่อยเข้ามาในร่างกาย สะโพกของเธอจึงส่ายเด้งเบา ๆ เหมือนจะบอกว่าความต้องการของเธอยังไม่มอดดับลงไป “ติดใจผมแล้วล่ะซิ แต่เราไปทำต่อในบ้านดีกว่า ตอนนี้เริ่มมีคนแอบดูเยอะแล้ว ถึงจะมืดมองอะไรไม่เห็นแต่คุณแก้วคงไม่ชอบเท่าไหร่” อาร์ตรับรู้ได้ถึงความต้องการของแก้ว แต่ว่าเขายังไม่ตอบสนองเธอในเวลานี้ เขาจูบแก้มของเธอฟอดใหญ่แล้วกระซิบบอกแผ่วเบา ก่อนจะขยับถอนบั้นเอวออกมาอย่างเชื่องช้า แก้วซึ่งกำลังใบหน้าแดงก่ำด้วยรสรักยืนงงอยู่ครู่หนึ่ง แรกสุดนั้นเธอรู้สึกไม่พอใจที่เขาถอนร่างออกไป แต่เมื่อเริ่มได้สติเธอก็พบว่าตอนนี้เสียงทำกับข้าว เสียงทีวี หรือแม้แต่เสียงทะเลาะที่เคยได้ยินก่อนหน้าเงียบลงแล้ว อีกทั้งตามรอยแตกของแผ่นสังกะสีที่เคยมีแสงลอดออกมานั้นก็มีเงาเคลื่อนไหวของผู้คน เธอจึงค่อยทราบว่ามีคนกำลังแอบดูเธออยู่ สาวสวยเขินอายหน้าแดงวูบทำตัวไม่ถูก แต่ยังดีที่อาร์ตรีบจับเอาผ้าขนหนูมาคลุมร่างของเธอเอาไว้ ก่อนจะจูงเธอเข้าไปในตัวบ้านอย่างรวดเร็วจนเธอได้ยินเสียงหยอกล้อโห่ฮาที่ดังมาจากข้างบ้าน ความอายทำให้แก้วได้สติกลับคืนมาส่วนหนึ่ง และเธอก็ได้ระบายอารมณ์ส่วนหนึ่งออกไปแล้ว เวลานี้เธอจึงมีความคิดอยากจะหยุดการกระทำเอาไว้เพียงแค่นี้ก่อน แต่เมื่อชายหนุ่มประคองเธอมุดเข้าไปนอนในมุ้งสีขาวซีดและเริ่มกอดจูบฟอนเฟ้นร่างงามของเธออีกแค่ครู่เดียว ร่างกายของเธอก็เริ่มร้อนผ่าวบังเกิดอารมณ์รักจนไม่อาจหยุดยั้งเอาไว้ได้ สุดท้ายเธอจึงได้แต่ปล่อยตัวปล่อยใจปล่อยให้เขาปรนเปรอมอบความสุขให้อีกหลายครั้งจนหมดแรงสลบไสลอยู่ในบ้านเพิงสังกะสีเก่าผุพัง แก้วสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้งกลางดึกเนื่องจากเสียงฟ้าร้องและเสียงฝน ความมืดในสถานที่อันไม่คุ้นเคยและเสียงกระหน่ำดังจากหลังคาสังกะสีทำให้แก้วรู้สึกหวาดหวั่นไม่ปลอดภัย เธอคล้ายลูกนกน้อยในรังที่โดนพายุฝนกระหน่ำ หากยังดีที่ยังมีร่างอบอุ่นแข็งแรงโอบกอดเธอเอาไว้ แก้วจึงไม่ประหวั่นลนลานหวาดกลัวจนคุมไม่อยุ่ สาวสวยขยับร่างนุ่มนิ่มเบียดชิดกับร่างกำยำอบอุ่นของเขามากกว่าเดิม เธอเคยอยู่แต่ในสถานที่โอ่อ่าหรูหรา หากแต่เวลานี้เธอกำลังอยู่ในเพิงสังกะสีที่ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดคล้ายจะพังทลายให้กับลมพายุได้ในทุกวินาที เธอมองเห็นบานสังกะสีบางแผ่นโดนลมพัดจนเปิดอ้าแล้วปิดลงซ้ำไปซ้ำมา เธอได้ยินเสียงหยดน้ำที่หยดลงมาจากรอยรั่วบนหลังคา เสียงเหล่านั้นสร้างความไม่สบายใจให้แก่เธอ ถึงแม้ชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้างจะทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย เธอถึงกับแน่ใจว่าเขาจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องดูแลเธออย่างดีที่สุด หากทว่าความรู้สึกไม่คุ้นเคยนี้ทำให้เธอรู้สึกเหมือนมีช่องว่างบางอย่างระหว่างเขาและเธอ แก้วไม่ใช่เด็กน้อยช่างฝันไร้เดียงสา เธอโตเป็นผู้ใหญ่มีฐานะทางสังคมสูงส่ง เธอมีความฝันที่จะทำให้พ่อแม่ภาคภูมิใจ เธอมีความฝันอยากปีนป่ายขึ้นไปให้สูงที่สุด และเธอกำลังทำได้ดี อนาคตของเธอนั้นสดใสเต็มไปด้วยความหวังเหมือนดาวบนฟากฟ้า หากทว่าสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ในตอนนี้คล้ายหล่มโคลนที่กำลังฉุดรั้งเธอไม่ให้เป็นดาวบนฟากฟ้า สาวสวยไม่ปฏิเสธว่าเธอชื่นชอบอาร์ต อย่างน้อยเธอก็รู้สึกดีกับเขายิ่งกว่าผู้ชายคนไหนในเวลานี้ หากทว่าฐานะของเขาและเธอนั้นแตกต่างกันเกินไป เธอเป็นลูกคุณหนูมีฐานะสูงส่งทางสังคม เธอมีต้นทุนทางสังคมสูงส่งในระดับหัวแถวของประเทศ หากทว่าเขากลับเป็นเพียงแค่ยามซึ่งมีศักดิ์ฐานะต่ำต้อยคนหนึ่งในสังคม แก้วถอนหายใจออกมาพร้อมกับขยับวางฝ่ามือนุ่มลงไปสัมผัสบนแผงอกของเขา เธอรับฟังเสียงหัวใจของเขาขณะครุ่นคิดตัดสินใจอะไรบางอย่าง ไม่ทราบว่าเวลาผ่านไปเนิ่นนานเพียงใดเธอจึงค่อยตัดสินใจเลือกได้ เธอถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะกอดเบียดเข้าหาร่างกำยำแล้วผล็อยหลับไหลไปด้วยความเหนื่อยอ่อน

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น