AEl5Nk.gif AEl5Nk.gif


เหตุเกิดที่โรงแรมblPdyV.gif
โดย Tom Mm

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
29/07/66

เต้ยกับพี่ติ่ง blPdyV.gif
โดย ตฤษณา

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

ผิดที่เมย์เองเลยโดนจับขึงพืดblPdyV.gif
โดย Uratarou

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

ฝึกงานที่บริษัทขายหมู่บ้านจัดสรรblPdyV.gif
โดย 子翔吳

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

พ่อเลี้ยงของหนู EP1blPdyV.gif
โดย Ken Ken

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

วันศุกร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2558

พรหม ลิขิตผิดคิวตอนที่ 14

พรหม ลิขิตผิดคิวตอนที่ 14

พอวิภาวรรณเปลี่ยนชุดเสร็จเดินลงมา วีรพลจึงหันมาบอกกับปิ่นและโชคฝากดูแลบ้าน และบอกให้นัดคนงานที่จะมารับงานสวนและแม่บ้านวันรุ่งขึ้นตอนบ่ายหรือว่าเย็นก็ได้ แล้วจึงพาวิภาวรรณไปที่บ้านของเขา

“ดูสิพี่โชค คุณหมอดูท่าทางเป็นห่วงคุณภามากเลย ดีใจแทนคุณภาเหลือเกินจะได้มีคนมาดูแลใกล้ชิด ถึงแม้จะเป็นคนอายุน้อยกว่า แต่ปิ่นว่าดูเหมาะสมกันยังกับคนอายุเท่ากันเลย หวานแหววกันออกขนาดนี้ ไม่นานจะมีคุณหนูตัวน้อยๆให้เราเลี้ยงแน่ๆ พี่โชคว่ามั้ยจ๊ะ”
“อืมม... พี่ก็ว่างั้น เมื่อก่อนพี่ยังคิดเลย คุณนายภาจะอยู่ได้ยังไงผู้หญิงตัวคนเดียว แกก็ไม่ได้แก่จนเกินที่จะมีคู่ครอง อายุก็ห่างเราสองคนไม่กี่ปีแต่ดูคุณนายแกยังสวยพอๆ กับสาววัย 30 อยู่เลย ไม่รู้แกอยู่มาได้ไงจนป่านนี้ ฐานะก็ดี การงานก็มีทำ แต่ไม่ยักกะชอบใคร สงสัยเป็นบุพเพคู่เก่าแต่ชาติปางก่อนกันกับคุณหมอละมั้งนี่ ถึงได้มาเจอกันเอาป่านนี้”
“น่านสิพี่ เราทำงานบ้านนี้มาก็เกือบสิบปี คนเข้าออกบ้านคุณภามาก้อร้อก้อติกก็ไม่น้อยไม่เห็นคุณภาตกลงปลงใจกับใครสักคน ทีคุณหมออายุแทบจะเป็นลูกด้วยซ้ำมาอยู่แค่ไม่ถึงปี คุณภาเปี้ยนไป๋ซะงั้น”
“พี่ก็ดีใจแทนคุณนายเหมือนกัน บ้านนี้ก็จะได้มีสมาชิกเพิ่มขึ้นอีก อย่างน้อยพรุ่งนี้เราก็จะได้มีเพื่อนทำงานเพิ่มตั้งห้าคน ดูท่าทางบ้านนี้คงจะครึกครื้น เป็นบ้านที่อบอุ่นไม่น้อยเลย ว่าแต่คนอื่น แล้วเราละปิ่น พี่ว่าเราน่าจะมีลูกอีกสักคนนะ อย่าให้น้อยหน้าคุณนายกับคุณหมอสิ หึหึ...” โชคปกติเป็นคนพูดน้อยคราวนี้ดูพูดได้เป็นน้ำเป็นเนื้อ ไม่พูดเปล่า หันมามองหน้าเมียตัวเองส่งสายตาบอกความนัย ยิ้มกรุ้มกริ่ม กอดรัดร่างเมีย
“บ้า...พี่โชคเนี่ยพูดเรื่องคุณภาอยู่ดีๆ ไหง๋วกมาเรื่องเราได้ อุ้ย...พี่โชค นี่มันบ้านคุณภานะ ไม่ใช่บ้านเรา สัปปะดนจริงๆ”
“ก็คุณภาไปอยู่บ้านคุณหมอแล้วนี่ แล้วคุณหมอก็บอกให้เราอยู่เฝ้าบ้านนี้ น่า...ปิ่นจ๋า เราไม่ได้ทำการบ้านมาหลายวันแล้ว อยากกินน้ำพริกถ้วยเก่า รสชาติมันจัดจ้านหวานมันส์ของพี่ นะนะๆๆ เมียจ๋า”
“อึ้ย.....พี่โชคเนี่ย ทีวันก่อนเห็นทำอ่อนปวกเปียก วันนี้เกิดคึกอะไรขึ้นมาละเนี่ย ปล่อยปิ่นก่อน ไปที่ห้องดีกว่า ตรงนี้อายผีบ้านผีเรือน” ทีแรกโชคนึกว่าเมียจะขัดขืนเสียอีก กลับเห็นปิ่นรีบผลุนผลันเดินเข้าห้องชั้นล่างของบ้านวิภาวรรณ หันกลับส่งสายตายั่วเย้ากลับมา โชคยิ้มฉีกกว้างอย่างดีใจทำหน้ายังกับถูกหวยรางวัลที่หนึ่งรีบถลันตามปิ่นเข้าไปในห้องแทบจะวิ่งสะดุดธรณีประตูเรือนไทยชั้นล่าง ทำเอาปิ่นหัวเราะคิกคักชอบใจ
“พี่โชคเนี่ย ไม่ต้องใจร้อนหรอกจ๊ะ ดูทำเข้าเดี๋ยวก็หกล้มบาดเจ็บไปหรอก ทำยังกับไม่เคย บอกปิ่นหน่อยสิ เกิดคึกอะไรมาละจ๊ะ”
“ก็เห็นคุณหมอกับคุณนายเค้ามีความสุขกัน พี่ก็อยากจะมีบ้างสิ ไม่ได้หยอดน้ำหลังเต่ามาหลายวันแล้ว กระบอกน้ำพี่มันเต็มจนจะล้นแล้ว หิหิหิ”
“ยี้... ทำสำบัดสำนวน ปากดีแบบนี้อย่าล่มปากอ่าวล่ะ จะไล่ออกไปนอนตากยุงเลยคอยดูสิ”
“โธ่ ปิ่นก็ ทำยังกะไม่เคยรู้จักพี่ พี่เคยทำแบบนั้นที่ไหนกันจ๊ะ เมียจ๋า พี่น่ะถ้าเมียไม่หมดแรง พี่เคยหยุดซะที่ไหน เพียงแต่เดี๋ยวนี้เรี่ยวแรงมันเริ่มน้อย เอาถี่ทุกวันไม่ได้เท่านั้นเอง”
“จ้า...แล้วจะมัวพูดทำไมอยู่ล่ะ เดี๋ยวเต่ามันเฉาตายก่อนนะจ๊ะ ผัวจ๋า...ฮิฮิ” โชคก็เข้ากอดจูบเมียรักอย่างสุดทนไหวแล้ว แล้วถอยตัวออกมามือก็ถอดเสื้อตัวเองออก เข้าไปถอดเสื้อคอกระเช้าของปิ่นที่หล่อนมักจะใส่ก่อนนอนออก อกสล้างตูมพองาม ไม่ใหญ่ไม่เล็กปานใด ผิวสีน้ำผึ้งเรียบเนียนทั้งตัวตามแบบฉบับหญิงบ้านนาเผยโฉมอวดนายโชคอย่างท้าทาย โชคก็เข้าตะโบมจูบดูดดุนเต้าคู่นั้นสลับไปมา มีสลับดูเม้มที่จงอยหัวนมป้านน้ำตาลที่ตอนนี้มันแข็งชูชันท้าทายโชคยิ่งนัก ปิ่นเสียวสยิวจนต้องแอ่นอกรับการเล้าโลมของผัวรักคู่ขาคู่ชีวิตที่อยู่ร่วมกันมาร่วม 20 ปี
“อา...พี่โชคจ๋า......ชอบเลียนมปิ่นจังเลย ลิ้นพี่เลียปิ่นทีไร ปิ่นเสียวทุกทีเลย อ่ะ...อา....” สองมือปิ่นหยิบขยุ้มที่หัวของโชคเบาๆ เชิดหน้าครางเบาๆ โชคไม่ได้แค่เลียหัวนมเท่านั้น มือข้างหนึ่งก็ล้วงลูบแทรกผ่านชายกางเกงชาวเลตัวหลวมที่มีสายมัดไว้พอรั้งเอวอยู่เท่านั้น นิ้วสืบคืบคลานผ่านหน้าท้องไปยังโคกโหนกนูนของปิ่น หล่อนเป็นคนร่างผอมบางกะทัดรัด บริเวณหน้าท้องก็แบนราบไร้ไขมัน แต่บริเวณหว่างขาของปิ่นมันกลับโหนกนูนมีขนไรดำปกคลุมไม่หนาบางมากนักจนนายโชคมักจะเรียกตรงนั้นว่าเนินเต่าเวลาที่อยู่คลอเคลียกับเมียรัก เพราะมันเป็นเนินกะเปาะขึ้นมาจริงๆ เมื่อสืบคืบคลานไปถึงเนื้อเนินนิ้วอสรพิษของโชคก็ทำงานอย่างช่ำชอง มันฉกตอดเข้าบริเวณเนื้อติ่งที่โผล่นอกแคมออกมาทำเอาปิ่นต้องแอ่นเอวขยับสะโพกรับตอบ ตอนนี้ร่างของปิ่นบิดร่อนเป็นตัวหนอนทั้งด้านบนก็แอ่นรับสู้กับปากลิ้น ส่วนล่างก็ร่อนรับดัชนีที่รักของโชคเป็นพัลวัน
“พี่โชคจ๋า.....เมียเสียวไปหมดแล้ว...จะทำอะไรก็รีบเถอะ ปิ่นเงี่ยนอยากให้พี่เย็ดจะแย่อยู่แล้ว ทั้งดูดเลีย ทั้งบี้แตดแหย่หีปิ่นแบบนี้ ปิ่นทนไม่ไหวแล้ว พี่โชคจ๋า เย็ดเมียเถอะนะ..ซี้ดดดดดดดดดด”
“เดี๋ยวก่อนสิ อย่าลืมเป่าปี่ให้พี่ก่อน งั้นมานี่ พี่ยังไม่เต็มที่เลย อย่ารีบร้อนสิจ๊ะ นานๆ จะได้เย็ดกันที ขอให้มันครบเครื่องหน่อยสิจ๊ะ” พูดจบโชคเอนตัวนอนหงาย รูดกางเกงตัวเองออกโยนทิ้งไป ปิ่นรู้งานดี ก็เข้าคว้าปี่แท่งงามสีน้ำตาลคล้ำมือกำบีบเบาๆ แล้วรูดเล่นไปมาสองตามองไปที่ผัวรักส่งยิ้มเย้าชวนก่อนจะก้มหน้าลงไปฉกปลายลิ้นตวัดเลียปลายหัวหยักที่ออกสีน้ำตาลไหม้บ่งบอกถึงอายุการใช้งานมาอย่างโชกโชน ปิ่นละเลงปลายลิ้นระริกตรงปลายลำปี่อยู่สักพักก็เม้มปากดูดตรงปลายอย่างแรง โชคถึงกับสะดุ้งเฮือก ถึงแม้จะเล่นบทรักบทสวาทกันมานาน แต่เจอเข้าแบบนี้ก็สุดจะทานทน ปิ่นเล่นดูดตรงรูเยี่ยวอย่างแรงเหมือนจะให้น้ำบาดาลสีขาวข้นให้มันขึ้นมาซะอย่างนั้น
“อู้ววว.... ปิ่นจ๋า....อย่าดูดแรงอย่างนั้น พี่เสียวปลายควยหมดเลย เดี๋ยวพี่น้ำออกก่อนก็หมดสนุกสิ อู้ววว.....”
“ก็ไหนบอกจะไม่ล่มปากอ่าว เห็นคุยเก่งดีนัก ทีงี้ทำกลัวน้ำแตก อ่ะ...อุ้ยยย....เอานิ้วเย็ดหีเมียอีกแล้ว.....อา......เสียวดีจัง”
“ปิ่นถอดกางก่อนเถอะ แล้วคร่อมให้พี่เลียหีให้ดีกว่า จะได้เสียวด้วยกัน” ปิ่นก็ทำตามที่ผัวรักบอก หล่อนถอดกางเกงออกแล้วก็ขึ้นไปนั่งคร่อมหน้าเขาหันหน้าไปทางปลายเท้า ค่อยๆ โก้งโค้งโน้มหน้าไปยังลำท่อนขนาดย่อมที่กำลังผงกหงึกๆ ท้าทายอยู่ โชคเอามือรั้งสะโพกเมียรักค่อยๆ แบะแคมหีเอานิ้วลูบไล้ไปมา
“จ๊ะพี่ อูวว. ดูสิควยพี่เริ่มจะแข็งมาแล้ว อ่ะ...บีบไข่ให้ด้วยนะ”
“อะ โอยยย... มันเสียวอย่างบอกไม่ถูก อย่าบีบแรงนะ...”
“ควยพี่โชคแข็งแบบนี้แหละที่ปิ่นชอบนัก เข้าทะลวงหีเมียทีไรเสียวถึงใจจริงๆ อู้ยย...ลิ้นพี่โดนปลายแตดปิ่นด้วย อะ อาววว....ซี้ดดด....”
“ปิ่นเงี่ยนแล้วเหรอ ดูสิน้ำเงี่ยนไหลเป็นทางแล้ว รสชาติถูกใจพี่จังเลย ขอดูดเลียให้หมดเลย อื้อ...”
“อึ้ยยย.....พี่โชคจ๋า.....เบาๆสิจ๊ะ ทำอย่างกับหิวมาจากไหน อา.....อูยยย....ดูสิ ดูดซะเต็มปากเลยแถมแยงลิ้นเข้าลึกด้วย อ่ะๆ.....อึ้ยยย....ผัวจ๋า ปะ.. ปะ... ปิ่น อึ้ยยย.......” ปิ่นได้แต่ทำหน้าเหยเก ทำอะไรต่อไม่ได้ มือกำท่อนควยโชคค้างไว้แน่น สะโพกสั่นยึกยัก กัดริมฝีปากกลั้นเสียงกลัวว่าจะกรีดร้องดัง บดโหนกเต่าเข้ากับใบหน้าผัวรักแนบแน่นแถมมีกดกระเด้ายิกๆ จนโชคแทบจะหายใจไม่ออกต้องเอามือรั้งและดันยกขึ้น แล้วน้ำเงี่ยนของปิ่นก็รินไหลเยิ้มเป็นทางย้อยลงบริเวณปากครึ่งจมูกครึ่งของ อาการกระเด้าของปิ่นยังทำโดยอัตโนมัติอยู่ยิกๆ โชคเห็นอย่างนั้นก็ผงกหัวฉกลิ้นเลียไปตามซอกฉ่ำเยิ้มนั้น
“พี่โชคจ๋า..... อึ้ยยยย......พอก่อนจ๊ะ ปิ่นใจจะขาด...อย่าเพิ่งเลียต่อไปเลย ฮูยยย......”
“เป็นไรจ๊ะปิ่น เสร็จแล้วเหรอ ทำไมวันนี้ปิ่นเสร็จเร็วจัง พี่ยังไม่ได้เย็ดเลย”
“ปิ่นเสียวจนทนไม่ไหวแล้ว พี่อย่าเพิ่งแหย่หีปิ่นเลย อูยย.....ขอปิ่นพักสักหน่อยก่อนนะจ๊ะ ผัวจ๋า......ทำไมวันนี้มันเสียวอย่างนี้” โชคยิ้มชอบใจที่เห็นเมียรักได้ถึงสวรรค์ชั้นฟ้าไปแล้ว ได้แต่เอามือลูบสะโพกพร้อมบีบคลึงไปมาเบาๆ พอหายเหนื่อยแล้ว ปิ่นก็พลิกกายกลับมาหันหน้าเข้าหาเขา ดวงตายังเยิ้มอยู่เลย
“ปิ่นจะเย็ดพี่เองเหรอจ๊ะ ดีเลย ขย่มมาเลย พี่รอให้ปิ่นเย็ดอยู่”
“ก็ตอบแทนที่พี่ทำให้ปิ่นมีความสุขไงจ๊ะ อุ้ยย....ค่อยๆ เด้งสวนสิจ๊ะ ของพี่มันยาว ครูดหีปิ่นเสียวไปหมด เมื่อกี้ยังเสียวไม่หายเลยพี่จ๋า.....อา......”
ปิ่นค่อยโหย่งก้นเอาหีคาบท่อนปลายควยผัวรักเบาๆ แต่โชคกลับเด้งรับอย่างแรงจนหล่อนร้องห้าม แล้วปิ่นก็ค่อยขย่มกายขึ้นลงเบาๆ ยาวๆ โชคได้แต่มองร่องโหนกนูนของเมียรักที่มันอ้าอมท่อนรักของเขาขยับขึ้นลงช้าๆ จนมองเห็นแคมยู่เข้าออกอย่างชัดเจน
“อู้ววว..พี่โชคจ๋า ควยพี่มันค่อยครูดเสียบหีเมีย เสียวจังเลย พี่เสียวควยมั้ยจ๊ะ ผัวจ๋า...”
“เสียวสิจ๊ะ อู้.......อย่างนี้แหละพี่ถึงชอบเย็ดเมีย หลงรักหีเมีย...เย็ดมาหลายปีไม่รู้เบื่อ .. เมียจ๋า ขย่มแรงๆ ก็ได้พี่เสียวปลายค่อยไปหมดแล้ว”
“จ๊ะ ปลายควยพี่มันชนมดลูกปิ่นจนเสียวซ่านไปหมด อุ้ยยย...รู้ใจเมียจริงๆ บี้แตดให้เมียด้วย....อา.....พี่จ๋า ปิ่นรักพี่โชค อยากเย็ดกับพี่โชคอย่างนี้ทุกวันเลย อึ้ย....ซี้ดส์.....ว้ายยยย.. พี่จ๋าอย่าเพิ่งเด้งสวนแรงๆ สิจ๊ะ เมียยังเสียวไม่หาย อุยยยย ควยผัวแทงทีไร เสียวซ่านถึงใจจริงๆ...”
“พี่จะทนไม่ไหวแล้วปิ่นจ๋า....ขอพี่เด้งเย็ดให้หนำใจเถอะนะ”
“เดี๋ยวสิพี่ ปิ่นอยากให้พี่เย็ดหลายๆ ท่า อูย....พี่จ๋า...ปิ่นก็เสียวจะทนไม่ไหวเหมือนกัน” แล้วปิ่นก็ตั้งกายตรงหมุนตัวโดยที่ยังไม่ถอนร่างจากแก่นกายของผัวรักเลย หล่อนกลับหันหน้าไปทางปลายเท้าของโชค ดังกับว่าโพรงหีหล่อนมันครูดบิดลำรักของเขาไปด้วยอย่างนั้นแหละ เล่นเอาโชคกัดฟันกรอดเอื้อมมือไปคว้าร่างบางให้เอนหลังเข้าหาเขาโอบกอดที่อกหยุ่นนุ่มมือบีบเคล้นไปมา ปิ่นก็เอนกายไปเอามือค้ำขนาบข้างลำตัวของโชค แล้วก็เริ่มออกแรงขายันกายโขยกให้ร่องหีคาบลำควยผัวรักเข้าออกๆ เริ่มจากช้าๆ แล้วเพิ่มสปีดขึ้นเรื่อย เหมือนจะไม่ทันใจเจ้าผัวหนุ่มใหญ่ที่ดูจะเงี่ยนง่านหนักขึ้น โอบแขนยึดร่างบางเพรียวเข้ากอดแล้วก็หยัดกายแอ่นบั้นเอวเด้งกระเด้าแทนเสียเอง คราวนี้ปิ่นสะท้านทั้งตัว
“อ่ะ อ๊ายยย....พี่จ๋า...เบาๆ เมียเสียวไปหมดแล้ว”
“ไม่เบาแล้ว ดูสิหีตอดปลายควยพี่จนน้ำจะแตกแล้ว อู้ว.....เมียจ๋า เย็ดท่านี้มันส์ไปอีกแบบ ขอพี่เย็ดให้น้ำแตกเลยนะจ๊ะ เมียจ๋า”
“จ๊ะพี่ ปิ่นก็สุดจะทนแล้ว อึ้ยยย...ผัวจ๋า....แรงๆ ได้แล้วจ๊ะ เมียพร้อมแล้ว เราแตกพร้อมกันนะจ๊ะ อึ้ย....ซี้ดส์” ปิ่นได้แต่อ้าปากหวอเมื่อจบการสนทนาโต้ตอบอย่างเผ็ดร้อน เพราะโชคกระทุ้งบั้นเอวเข้าใส่จนปลายควยชนมดลูกกึกๆ แคมยู่เข้าออก ลูกกะโปกที่ยานๆ ตอนนี้มันหดเกร็งจนเป็นก้อน การกระเด้งกระแทกกระทั้นรุนแรงขึ้นจนประหนึ่งว่าเตียงนอนแทบจะพัง ดังลั่นเอี๊ยดอ๊าด ถึงแม้มันจะปูทับด้วยเบาะหนานุ่มก็ตาม โชคเร่งฝีจักรอย่างลืมตาย สองมือบีบขย้ำหน้าอกปิ่นอย่างแรง สะโพกก็กระเด้งส่งท่อนควยแรงและถี่ขึ้นจนปิ่นได้แต่บิดส่ายหน้าไปมาอย่างสุดเสียวสะท้านทรวง
“ปิ่นจ๋า....ผัวจะออกแล้ว อ๊า.....อะ...ออกแล้ว”
“แรงๆ จ๊ะ เมียก็จะออกเหมือนกัน อึ้ยยย..อี้ๆๆๆๆๆๆ”
โชคเร่งจังหวะแรงเป็นเฮือกสุดท้ายจนก้นดันโด่งไม่ติดที่นอนร่างของปิ่นก็แอ่นขึ้นตามแรงดันของผัวรักแล้วค่อยทิ้งลงพื้นที่นอนอย่างหมดเรี่ยวแรง โชคดันร่างเมียรักพลิกไปนอนตะแคงกอดกัน เหงื่อชุ่มโชกด้วยกันทั้งคู่ ต่างหอบกระเส่าแข่งกัน ปิ่นพลิกร่างหันหน้ามาหาโชค โอบคอเขาเข้าไปประกอบจูบอย่างดูดดื่ม ก่อนส่งยิ้มหวานให้เขา
“สมใจเมียจริงๆ พี่จ๋า แต่วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะจ๊ะ พรุ่งนี้ต้องทำงาน”
“อยากเย็ดเมียต่อจัง งั้นพี่ขอแช่ในหีปิ่นได้มั้ย อูวว. ยังเสียวอยู่เลย”
“อึ้ยยย... พี่เนี่ย จะให้มันเน่าคาหรือไง ไม่เอาล่ะ ไปอาบน้ำล้างตัวกันเถอะ ปิ่นจะให้นอนกอดทั้งคืน คืนนี้ปิ่นจะไม่ใส่อะไรเลย ดีมั้ยจ๊ะ เก็บแรงไว้ใช้วันหลังเถอะ ปิ่นไม่หนีไปไหนหรอก เย็ดกันมาตั้งหลายปี ทำยังกะไม่เคยได้เย็ดกัน แต่วันนี้พี่รู้สึกคักคึกกว่าก่อนเป็นไหนๆ ฮิๆๆๆ คงอิจฉาคุณหมอเค้าเหรอ”
“ฮ่ะๆๆ ก็แหมๆ ใครจะไม่อิจฉา คุณหมอมีคุณนายสุดสวยอย่างงั้น ทำเอาพี่คึกไปด้วย อยากจะมีลูกแข่งกับคุณหมอซะแล้ว เราไม่มีลูกห่างกันหลายปีแล้ว เจ้ากล้วยมันก็จะจบ ป.6 แล้ว พี่เลยอยากมีอีกสักคน ก็ได้จ๊ะ ง้านเราไปอาบน้ำด้วยกันแล้วค่อยมานอนก็ได้จ๊ะ แต่ปิ่นต้องไม่ใส่อะไรนะ จะขอนอนกอดทั้งคืนเลย ไม่ได้เย็ดเมียแบบถึงใจแบบนี้มานานแล้ว” ทั้งคู่ต่างกอดจูบอย่างดูดดื่มสักพักจึงพากันไปชำระร่างกายกลับเข้านอน เพื่อเตรียมรอรับวันใหม่อย่างสุขสมตามประสาผัวเมียที่รักใคร่ ต่างนอนกอดก่ายกันนอนหลับพริ้มยิ้มหวานอย่างมีความสุขทั้งคู่..................

วิภาวรรณตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกสดชื่น ขยับตัวลุกจากการกอดของวีรพลที่ยังหลับพริ้ม หล่อนมองเขาตาแป๋ว อดใจไม่ได้เลยก้มลงจูบไปที่แก้มเขาอย่างหมั่นเขี้ยว นอนหลับยังยิ้มอยู่ได้ ตบท้ายด้วยจับที่ปลายจมูกขยี้เบาๆ แล้วก็ลุกจากเตียงสวมเสื้อคลุมทับชุดนอนบางหวิวที่หล่อนซื้อมา เมื่อครั้งไปเที่ยวระยองกับแพรวา รัดสายเสื้อคลุมเนื้อผ้าละเอียดสีเทาจนมิดชิดแล้วก็เดินลงมาที่ชั้นล่างโดยที่ยังไม่ได้ล้างหน้าแปรงฟัน ซึ่งจะใช้ห้องน้ำที่ชั้นบนก็ได้ แต่หล่อนอยากออกมารับอากาศยามเช้าเสียก่อน ออกมาหน้าบ้านสักพักก็กลับเข้าไปข้างในเดินไปในห้องครัวเล็กๆ สำรวจดูว่าจะมีข้าวของอะไรพอที่จะทำอาหารเช้า ยังดูข้าวของไม่ครบเลย ก็เห็นปิ่นเดินเข้ามา
“คุณภาคะ จะให้ปิ่นทำอาหารมาที่บ้านนี้หรือว่าจะจัดไว้ที่บ้านคุณภาคะ ปิ่นทำให้เสร็จแล้วคะ”
“อ่ะ เอ่อ....เอามาจัดที่นี่ก็ได้จ๊ะ ภาจะได้ไปปลุกพลเค้าลงมาทานด้วยกัน”
“แล้วเมื่อคืนคุณภานอนชั้นล่างเหรอคะ?” ปิ่นถามพร้อมทำหน้ายึกยักจ้องตาเหมือนค้นหาอะไรจากสีหน้าของวิภาวรรณ
“ภาก็ เอ่อ...ภาก็นอนที่ห้องทำงานชั้นล่างนี่สิ ทำไมเหรอ เอ๊ะ... ปิ่นนี่ถามแปลกๆ”
“ฮิๆๆ ไม่จริงม้าง ปิ่นถามไปงั้นแหละ เพราะปิ่นรู้อยู่แล้วว่าคุณภาไม่ได้นอนชั้นล่าง เมื่อคืนปิ่นจะเอายามาให้คุณภา เห็นคุณภาลืม พอเดินมาที่หน้าบ้านก็เลยเห็นคุณหมอ เอ่อ...ฮิๆๆ อุ้มคุณภาขึ้นไปข้างบน ปิ่นก็นึกได้ว่าคงไม่ต้องเอายามาหรอก ที่คุณหมอก็มี ปิ่นเลยเดินกลับ ลืมไปว่านี่บ้านหมอ ฮิๆๆ ไม่ต้องโกหกปิ่นหรอก ปิ่นเข้าใจคะ เรื่องอะไรคุณหมอจะให้คู่หมั้นที่ยังป่วยมานอนชั้นล่าง” พูดไปพลางก็ลอยหน้าลอยตาเสียงเล็กเสียงน้อย ออกทะเล้นๆ วิภาวรรณเองก็รู้สึกอายปิ่น แต่ก็รีบทำหน้าขึงขังกลบเกลื่อน
“ปิ่น....!!!!!”
“อุ้ย...ขอโทษค่า คุณภา” พอเห็นเจ้านายสาวทำหน้าจริงจัง ขึงตาโต ปิ่นก็สะดุ้งหน้าเจื่อน ยิ้มแหยๆ อย่างนึกได้ว่าก้าวก่ายเรื่องของเจ้านายเกินไป
“รีบไปจัดอาหารเช้ามาเลย แล้วก็ติดต่อคนงานให้มาพบคุณหมอด้วย.... ไป”
“คะๆ ไปเดี๋ยวนี้แหละคะ รอสักครู่นะคะ แฮ่ๆๆ” แล้วก็รีบเดินไปบ้านวิภาวรรณ ที่จริงปิ่นก็รู้ว่าวิภาวรรณไม่ได้โกรธอะไรหล่อนหรอก เพราะอยู่ทำงานกับหล่อนมานาน ไม่เคยเห็นหล่อนจะทำอารมณ์เสียมากนัก แม้กระทั่งเรียกสรรพนามตัวเองก็ไม่เคยได้ยินคำว่า “ฉัน หรือ ชั้น” จากปากหล่อนเลยเมื่อวิภาวรรณคุยกับปิ่น จะใช้คำว่า “ภา” เสมอ ทำให้ปิ่นรู้สึกเป็นกันเอง จะมีบางครั้งที่หล่อนจะจริงจังพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ สีหน้าขึงขังบ้าง แต่ก็น้อยเต็มที ปิ่นเห็นแต่วิภาวรรณพูดจาสำเนียงอ่อนหวานเป็นกันเองกับหล่อนและโชค ทำให้สองผัวเมียมาทำงานให้รู้สึกรักและเคารพเจ้านายสาวคนนี้ แต่วันนี้ดูท่าทำเสียงขึงขังคงจะเขินอายปิ่นที่ไปพูดจาหยอกล้อแซวเล่น
เมื่อทานอาหารเช้าเสร็จวีรพลก็ลุกไปโทร.บอกแพรวาเรื่องวิภาวรรณไม่สบายให้แพรวาทำงานแทนด้วย แล้วเขาก็เดินขึ้นชั้นบนไปยังระเบียบกว้างที่ประจำของเขา วิภาวรรณก็ช่วยปิ่นจัดเก็บเครื่องครัว สั่งงานให้ปิ่นกับโชคไปซื้อของทำกับข้าวไว้เพิ่ม และก็ไปแวะรับคนงานที่จะมารับทำงานที่บ้านมาพบหมอวีรพล สั่งงานปิ่นกับโชคเสร็จเรียบร้อย วิภาวรรณก็ขึ้นชั้นบนตามเขาไป มองเห็นเขานั่งสาละวนกับเอกสารที่ตั้งอยู่บนโต๊ะขนาดย่อมเป็นแฟ้มปึกใหญ่หลายแฟ้ม เขาสวมแว่นตาพลิกเอกสารอ่านไปมาอย่างใจจดใจจ่อ หล่อนไปนั่งข้างเขา คว้าแว่นตาถอดออก
“ไหนว่าหยุดงานไงคะ พล นี่ยังจะมานั่งอ่านอะไรอีกตั้งเยอะ พักบ้างเถอะคะ นะ... ภาขอร้อง ภาเห็นก็เหนื่อยแทนแล้ว เอาเป็นว่างานเอกสารพวกนี้ภาจะตรวจดูแลให้ แล้วจะอธิบายให้พลฟัง ดีมั้ยคะ”
“หื้อ....ก็นี่มันงานของผมหน้าที่ผม ผมต้องรู้รายละเอียดทุกอย่าง ถ้าผมไม่อ่านซะเลย ไม่รู้เรื่องอะไร ผมจะดูแลงานบริษัททั้งหมดได้ยังไง”
“ภาพอมีความรู้เรื่องงานบริหารอยู่บ้าง ให้ภาดูให้เถอะคะ เอาเป็นว่าถ้าพลยังไม่เชื่อ ลองให้ภาไปอ่านดู แล้วพลค่อยมาอ่านทวนแล้วซักกับภา ภาจะบอกให้ละเอียดเลย นะคะพลจ๋า ภาไม่อยากให้พลต้องหักโหมมาก ถึงจะตั้งใจทำงานเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายยังไง ถ้าร่างกายมันไม่อำนวย ก็เปล่าประโยชน์นะคะ ทำเท่าที่เราจะทำได้ดีกว่า ไม่เห็นว่าพลต้องรีบร้อนไปถึงไหน ภาเข้าใจคะว่าพลน่ะหนุ่มไฟแรง อยากตั้งใจทำผลงานให้มันออกมาดีที่สุด แต่บางครั้งก็ต้องรู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา ไม่ใช่โหมทำ ต้องรู้จักจังหวะว่าช่วงไหนควรเร่งช่วงไหนควรผ่อน ที่บริษัทคุณพ่อพลเค้าก็คงไม่ได้เร่งรัดพลนี่คะ ผู้บริหารน่ะเค้าไม่ได้เคร่งครัดจริงจังไปซะทุกเรื่องหรอกคะ ต้องมีผ่อนคลายบ้าง คนหนุ่มไฟแรงน่ะ มีดีตรงที่มีความมุ่งมั่นกระตือรือร้นสูง แต่ก็มีข้อเสียคือทำอะไรใจร้อนขาดความยั้งคิดในบางคราว ไม่ง้านในบริษัทต่างๆ เค้าคงไม่จ้างกรรมการอาวุโสไว้เป็นประธานหรือว่ากรรมการที่ปรึกษาหรอกคะ เพราะบางอย่างต้องอาศัยคนมีประสบการณ์คอยแนะนำ รู้จักที่จะใจเย็นคิดอะไรให้รอบคอบบ้าง เชื่อภาเถอะ นะคะพลจ๋า...”
วีรพลวางเอกสารลงบนโต๊ะ มองหน้าวิภาวรรณในขณะที่หล่อนสาธยายให้ฟังอย่างตั้งใจแล้วก็ยิ้ม
“ยิ้มอะไรคะ?”
“แหม... ภานี่ทำเหมือนเป็นแม่ผมเลย”
“หา...อะไรนะคะ”
“ก็...ทำเหมือนแม่แนะนำลูก ชี้ทางแนะนำการทำงานไง ขอบคุณครับภาที่แนะนำเตือนสติผม ผมเองก็มัวแต่กลัวจะทำงานออกมาไม่เพอร์เฟ็ค มุ่งแต่อยากทำให้มันออกมาดีจนบางทีลืมนึกถึงเรื่องสุขภาพร่างกาย เพราะบางทีผมอ่านไปมากยิ่งอ่านยิ่งปวดหัว คิดอะไรไม่ออก เอ้อ...นึกขึ้นอย่างหนึ่ง ภารอแป้บนึงนะ เดี๋ยวผมมา” แล้ววีรพลก็ลุกเดินเข้าบ้านไป สักพักก็เดินกลับมานั่งข้างหล่อน
“ไม่รู้ว่าโลกนี้มันยังมีเรื่องอะไรๆ ที่ตลกๆ อย่างนี้อีกมั้ย นี่...ภาดูนี่สิ..นี่คือรูปคุณแม่ผม คุณพ่อเพิ่งเอาให้ผมเมื่อสองสามวันก่อน ผมยังขำไม่หาย ทำไมหน้าตาเหมือนภาเดี๊ยะเลย ยังกะเป็นฝาแฝด” วีรพลวางรูปนั้นลง วิภาวรรณตกตะลึง ก็มันเป็นรูปเดียวกันกับที่หล่อนเก็บไว้ที่หัวนอนตอนนี้ซ่อนไว้ในโต๊ะเครื่องแป้ง วิภาวรรณได้แต่อึกอักๆ สมองเริ่มสับสน พูดอะไรไม่ออก คิดไปต่างๆ นานา ถ้าหากวีรพลฉุกคิดได้หรือรู้ความจริง เขาจะคิดอย่างไรกับหล่อนละนี่ เขาคงโกรธและเกลียดหล่อนเป็นแน่ หัวใจวิภาวรรณเต้นแรง
“เป็นไงครับ เหมือนกันมากมั้ย อ้าว... ภา..... ภาเป็นอะไร ภา..!!!!”
วีรพลตกใจสุดขีดเมื่ออยู่ดีๆ วิภาวรรณก็หน้าซีดเผือดตาลอยแล้วก็ทิ้งร่างผล๊อยแทบจะร่วงตกจากเก้าอี้ถ้าหากเขาเข้าประคองร่างนั้นไม่ทัน วีรพลเขย่าร่างเรียกชื่อหล่อนจนแทบเสียงหลง วิภาวรรณก็แน่นิ่งไม่ไหวติง.......


วิภาวรรณสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงนอนให้ห้องของวีรพล ครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ว่ามันเกิดอะไรขึ้นก็พอนึกได้ลางๆ ว่านั่งอยู่กับเขาที่ระเบียงด้านนอกแล้วก็สติดับวูบไป นี่หล่อนสลบไสลไปนานหรือเปล่า เหลือบไปมองนาฬิกา ก็เป็นเวลาเกือบบ่ายโมง โอ!! เป็นเวลาน่าจะประมาณ 4 ชั่วโมงได้ที่หล่อนหมดสติไป เหลียวมองหาวีรพลก็ไม่เห็นเขา หล่อนลุกเดินเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าชำระร่างกายส่องมองที่กระจกก็พบใบหน้าตัวมันซีดแทบจะไม่มีสีเลือด วิภาวรรณก็ครุ่นคิดว่าตัวเองเป็นอะไร ทำไมหมู่นี้รู้สึกว่าจะหน้ามืดเป็นลมบ่อยทั้งๆ ที่ก็พักผ่อนตามปกติ เมื่อสะสางล้างหน้าเรียบร้อยแล้วก็ออกจากห้องเดินออกไปที่ระเบียง มองเห็นวีรพลนั่งอยู่บนเก้าอี้ยาวนั่งเล่นที่ประจำของเขา ทีแรกนึกว่าเขานั่งอ่านเอกสารอย่างที่เห็นเมื่อเช้า แต่เดินเข้าไปอีกหน่อยวิภาวรรณก็ได้ยินเสียงใสกังวานของกีต้าร์คลาสสิค เพลงที่เขาเล่นอยู่ออกทำนองละตินใสหวานปนจังหวะแดนซ์หน่อยๆ ตามสไตล์เพลงสแปนิชหรือละติน วิภาวรรณเดินไปอย่างเงียบกริบไปนั่งข้างเขาด้านขวามือซึ่งอยู่ทางด้านท้ายของกีตาร์ วีรพลคงสนใจแต่กีตาร์อยู่จึงไม่สังเกตเห็นพอรู้สึกว่าหล่อนมานั่งข้างๆ โอบแขนด้านขวาและหน้าซบไหล่เขาก็หันกลับมามองหล่อน
“ตื่นแล้วเหรอ เป็นยังไงบ้างครับ ทำไมอยู่ดีๆ ก็วูบไปซะอย่างนั้น”
“ภาก็ไม่รู้เหมือนกันคะ พล สองสามวันแล้ว ภารู้สึกว่าจะหน้ามืดบ่อยมากเลย แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้วคะ” สองแขนหล่อนกระชับข้างแขนเขาหน้าอกแนบประชิดกับลำแขนเขาใบหน้าหล่อนแนบบนไหล่ หน้าเขากับหล่อนห่างกันไม่กี่นิ้ว วีรพลชำเลืองตามองวิภาวรรณด้วยสายตาห่วงใย หยุดเล่นกีตาร์ยกแขนด้านขวาขึ้นมาโอบกอดวิภาวรรณ
“ผมตกใจแทบตาย พอให้ภาไปนอนพักก็เลยออกมานั่งคลายเครียด”
“ภาออกมาเห็นนึกว่าพลนั่งเอกสารเสียอีก พลเล่นกีตาร์เป็นด้วยเหรอ ตอนจัดของเข้าบ้าน ภาไม่เห็นกีตาร์สักตัว นึกว่าแต่จับเข็ม ถือมีดหมอ จรดปากกาเขียนใบสั่งยาเป็นอย่างเดียว นี่เล่นกีตาร์ก็เพราะด้วย”
“อ่ะ.. ไม่รู้อะไรซะแล้ว ตอนอยู่เชียงใหม่น่ะ ผมหัดเล่นจนแทบจะตั้งวงดนตรีได้เชียวนะ ถ้าผมตั้งวงออกอัลบั้มได้ละก็ เสกโลโซ แคลช หรือวงร็อคดังๆ ในเมืองไทย ผมว่าผมก็พอสู้เค้าได้ล่ะ หรือว่าทำได้ดีกว่าด้วยซ้ำ ไม่ได้โม้..............ฮ่ะๆๆ หึหึ... ผมเพิ่งเอามาจากกรุงเทพฯอ่ะ เมื่อตอนว่างๆ จากดูหนังสือหรือช่วงใกล้สอบที่มันเครียด ผมจะเอามาเล่นประจำ คิดว่าบางทีเบื่อๆ เครียดๆ มันก็น่าจะพอช่วยผ่อนคลายได้ ภาจะฟังมั้ยล่ะ ผมจะเล่นให้ฟังสักเพลงสองเพลง ฟังมั้ย” เขาหันไปจ้องหน้าถามหล่อน วิภาวรรณได้แต่ส่งยิ้มแล้วพยักหน้า หล่อนคงยังคลอเคลียกระชับข้างกายเขาอยู่ แล้ววีรพลก็ยกมือข้างขวาที่โอบหล่อนปล่อยหล่อนไปวางบนตัวกีตาร์ นิ้วก็เริ่มพลิ้วไปตามสาย มือด้านซ้ายก็ขยับปรับเปลี่ยนไปตามสายตามคอร์ดตามเมโลดี้ของเพลง มันเป็นเพลงสากล เสียงสายกีตาร์กังวานใสไปตามจังหวะที่เขากรีดนิ้วลง แล้วเสียงทุ้มกังวานน่าฟังของเขาก็เริ่มเปล่งเนื้อร้องของเพลง
Whenever I'm weary From the battles that rage in my head
You make sense of madness When my sanity hangs by a thread…
..............ฯลฯ.................
Until the day The oceans doesn't touch the sand
Now and forever I will be your man, Now and forever I will be your man..ฯ
ในท่อนสุดท้าย เสียงหวานๆ ใสของวิภาวรรณก็ประสานร้องกับเขาด้วยจนเพลงจบวิภาวรรณชำเลืองตามองเขาอย่างหวานซึ้ง วีรพลกรีดนิ้วตามสายลงเป็นช่วงสุดท้ายแล้วก็หันมาสบตาหล่อนที่อยู่แนบข้างอย่างหวานซึ้งตอบ
“ไม่น่าเชื่อว่าพลจะเล่นและร้องได้เพราะแบบนี้ ภาไม่เคยเห็นพลเล่นกีตาร์สักที เพิ่งมาเห็นครั้งนี้แหละ”
“ตอนผมเรียนมัธยม อยู่กับคุณลุงผมเห็นลุงแกเล่นซึงเพราะมากเลยอยากเล่นบ้าง แต่ก็เล่นไม่ได้เพราะเหมือนคุณลุงเลย อาศัยแต่กีตาร์พอที่จะเล่นคัฟเวอร์เพลงอื่นที่เขาฮิตกันได้ ผมเล่นได้ทุกแนวนะ เพื่อชีวิต ลูกทุ่ง สากล หรือจะเอาแบบสไตล์กีตาร์ฮีโร่ เฮฟวีเมทัล ก็เล่นได้”
“พลนี่ก็อารมณ์ศิลปินเหมือนกันนะนี่ แต่ภาขอห้าม ห้ามไปเล่นกล่อมใครเป็นอันขาด” วิภาวรรณทำเสียงเล็กเสียงน้อย ออดอ้อนแกมบังคับ บอกถึงความหึงหวงหรือแกล้งเย้าเขาเล่นก็ไม่ทราบ
“ฮ่ะๆๆ อารายกัน.... แค่นี้หวงเหรอ หึหึ.... สัญญาครับ ผมจะเล่นกล่อมภาคนเดียว” แล้ววีรพลก็โน้มหน้าเข้าหาหล่อนประทับจูบที่แก้มขาวที่อาจจะยังซีดอยู่บ้าง วิภาวรรณก็เอียงแก้มรับเขาอย่างเคลิบเคลิ้ม เขาช่างมีดีไปซะหมดเมื่อยามหล่อนอยู่ลำพังกับเขาทีไรเป็นต้องมีเรื่องให้หล่อนได้เคลิบเคลิ้มหลงใหลตามเขาไปซะทุกอย่าง ทำให้จิตใจวิภาวรรณแช่มชื่นขึ้น สีหน้าเริ่มมีเลือดฝาดระเรื่อ
“อืมม...ดูเหมือนอาการดีขึ้นแล้วนี่ เอ.......สงสัยผมต้องร้องเพลงกล่อมบ่อยๆซะละมั้งภาจะได้หายป่วย งั้นอีกซักเพลงนะ” วิภาวรรณได้แต่ยิ้ม ไม่ได้พูดจาโต้ตอบ แล้ววีรพลก็ดีดสายกีตาร์เล่นอีกเพลง เป็นเพลงที่เขาเคยได้ฟังแล้วประทับใจเมื่อคราวไปร้านแห่งหนึ่งใกล้ๆ กับวิทยาลัยเกษตรแม่โจ้ เขาจำชื่อนักร้องได้ว่าชื่อ ธวัชชัย ชูเหมือน เสียงของนักร้องคนนี้ทุ้มหวานจนเขาชื่นชอบและเล่นแกะเพลงตามจนคล่อง ชื่อเพลงอดีตฝัน วีรพลเล่นกีตาร์พลางร้องเพลงไปจนจบ โดยที่วิภาวรรณยังขนาบข้างกายฟังอย่างเคลิบเคลิ้ม
“ทำไมเล่นแต่เพลงหวานๆ ไหนบอกว่าแนวเฮฟวี่ก็เล่นได้”
“อ้าว... ยามนี้ผมคงจะเล่นแนวนั้นไม่ได้หรอก เดี๋ยวภาจะได้โยกหัวสั่นหัวคลอน คงน่าขำพิลึก ฮ่ะๆๆๆ” วิภาวรรณได้แต่ทุบต้นแขนเขาเบาๆ กับการเหน็บแนมหยอกล้อของเขา
“อ่ะ เอ่อ....คุณภา คุณหมอคะ อุ้ย....แหม.....มาสวีทหวานกันอยู่นี่เอง”
ทั้งสองสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงของปิ่น วิภาวรรรีบขยับตัวออกห่างวีรพลไปอีกศอกหนึ่งนั่งตัวตรง ปรับหน้าให้เป็นปกติเรียบเฉย
“มีอะไรครับ พี่ปิ่น”
“ตอนนี้คนงานที่จะมาทำงาน รออยู่ข้างล่างคะ คุณหมอจะลงไปพบเลยมั้ยคะ”
“อ่อ ให้เค้าขึ้นมาที่นี่เลยดีกว่า อากาศกำลังร่มเย็นดี ข้างล่างมันอบอ้าวไปหน่อย แล้วพี่ปิ่นช่วยจัดน้ำท่ามาต้อนรับด้วยนะ”
“ค่ะๆ...เด๋วปิ่นจะตามขึ้นมาให้คะ” ปิ่นหันกลับเดินลงไปด้วยใบหน้ายิ้มระรื่นแอบลอบมองวิภาวรรณที่ตอนนี้ยังหน้าปั้นยากอยู่ สักครู่คนงานที่ว่าก็ขึ้นมานั่งบนพื้นระเบียงกว้างที่ยื่นออกมานอกบ้านชั้นบน ทุกคนไหว้วีรพลกับวิภาวรรณแล้วก็นั่งพับเพียบอยู่ต่อหน้าทั้งสอง
“นั่งตามสบายเถอะครับ แล้วค่อยว่ากันเรื่องงาน”
“คุณหมอคะ นี่ ศักดิ์ ชล หาญ โต้ง และก็นี่ ประกาย คะ นี่ทุกคนนี่คือคุณหมอวีรพล เจ้าของบ้านหลังนี้ และนี่ก็คุณนายวิภาวรรณเจ้าของบ้านหลังที่ชั้นทำงานหลังโน้น” ทั้งหมดไหว้วีรพลกับวิภาวรรณอีกครั้งหนึ่งตามคำแนะนำของปิ่น วีรพลกับวิภาวรรณก็รับไหว้ตอบ ทั้ง 5 คนที่มาวันนี้ ดูจากลักษณะยังเป็นวัยหนุ่มสาวประมาณ 20 ปลายๆ ท่าทางแข็งแรงทะมัดทะแมงแต่ว่าร่างเล็ก สันทัด เมื่อเทียบกับวีรพล
“ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก คืองี้ ผมอยากจะให้ทุกคนมาช่วยงานที่สวนของผมและก็ที่บ้าน ก็ไม่ได้ทำทุกวันหรอกครับเอาแค่อาทิตย์นึงไม่น้อยกว่า 3-4 วัน จะอยู่ประจำหรือว่าไปกลับก็แล้วแต่ทุกคนจะสมัครใจ ถ้าจะอยู่ประจำผมจะได้สร้างเรือนคนงานเพิ่มให้ ตอนนี้ผมอยากจะทำสวนกล้วยไม้ ผมมีแปลนที่ผมร่างไว้แล้ว สักครู่นะครับ” แล้ววีรพลก็เดินเข้าไปในบ้าน เดินออกมาพร้อมกระดาษแผ่นกว้างสองสามแผ่นที่ขีดเขียนด้วยปากกาเป็นเส้นลาย ดูเป็นระเบียบ
“คุณหมอคะ ทุกคนที่มานี่ส่วนมากก็ทำสวนมาก่อน แต่ว่ามีที่เนื้อที่ไม่มาก ก็เลยว่างงานกัน เรื่องทำสวนคงไม่มีปัญหา ถ้าจะให้อยู่ประจำคงจะเป็น ศักดิ์ โต้งและก็ประกายน่ะคะ ถ้าเรือนคนงานพร้อมเสร็จ ปิ่นพูดคุยก่อนหน้านี้ทุกคนก็ยินดีทำงานที่คุณหมอสั่งได้เลยคะ”
“ขอบคุณครับพี่ปิ่น อีกอย่าง ผมอยากให้พี่ปิ่นกับพี่โชค มาอยู่ประจำที่บ้าน เอ่อ. บ้านพี่ภาเลยน่ะครับ พี่ปิ่นจะพาครอบครัวมาอยู่ด้วยเลยก็ได้ ลูกพี่ปิ่นผมจะรับผิดชอบดูแลเรื่องเล่าเรียนให้เอง พี่โชคเป็นหัวหน้างานเรื่องทำสวนและหาคนขับรถให้พี่ภาสักคนหนึ่งหรือใครในนี้ขับรถได้ก็ขอไว้สักคนนึง ส่วนพี่ปิ่นกับประกายให้ดูแลงานบ้านทั้งสองหลัง ที่เหลือก็อยากจะให้ทำเรื่องสวนกล้วยไม้เป็นอันดับแรก เรื่องค่าจ้างและค่าใช้จ่ายทุกอย่าง ผมจะขอมอบให้พี่ภาเป็นคนดูแลทั้งหมด เพราะพี่ภาเค้าเป็นคนดูแลบัญชีธนาคารให้ผมอยู่แล้ว เรื่องบัญชีรายรับรายจ่ายคงไม่มีปัญหา ตอนนี้ให้ประกายกับพี่ปิ่น พี่โชค อยู่บ้านพี่ภาไปก่อน แล้วทุกคนช่วยหาจ้างช่างมาทำเรือนคนงาน และก็ทำเรือนกล้วยไม้ เรือนคนงานเสร็จเมื่อไหร่ใครจะมาอยู่ประจำก็ให้บอกมา เรื่องค่าใช้จ่ายก่อสร้างทั้งหมดให้ทำบัญชีมอบให้พี่ภาดูแลนะครับ สวนผลไม้ที่เหลือเมื่อถึงฤดูก็ค่อยๆทำกันไป ไม่ต้องให้ดิบดีมากก็ได้ขอเพียงอย่าให้สวนรกเท่านั้นก็พอ จะขายหรือเก็บไว้ยังไงก็แล้วแต่ทุกคนจะเห็นว่าดีเท่านั้นแหละ งานที่ผมอยากให้ช่วยทำก็มีเท่านี้ใครจะมีอะไรซักถามเพิ่มเติมก็ได้ เชิญครับ อ้อ....และก็อีกอย่างผมอยากจะให้รื้อรั้วกั้นบ้านออกไปเลยดีกว่าผมขี้เกียจเดินอ้อมไปประตูรั้วหน้าบ้านพี่ภา เดินลัดไปบ้านพี่ภาแค่ไม่ถึงร้อยเมตรเอง พี่ภาว่ายังไงครับ”
วิภาวรรณนั่งจ้องมองวีรพลจัดแจงแบ่งงานคล่องปรื๋อ จนหล่อนเองก็แอบภูมิใจในตัวเขาไม่ได้ เมื่อตะกี้เขายังมีอารมณ์หวานโรแมนติกกับหล่อนอยู่เลย แต่พอเข้าเรื่องงานเขาก็ดูขึงขังเป็นเรื่องราว วางแผนงานได้อย่างเป็นระบบ คล่องแคล่ว ฉะฉาน เขาได้ความเป็นนักบริหารนักปกครองมาจากวีรวัฒน์แทบจะเหมือนหมด หล่อนได้แต่นั่งมองเขาอยู่ข้างๆอย่างอดปลื้มชื่นชมในใจไม่ได้ กำลังนั่งมองเขา ฟังเขาพูดไป พอเขาหันมาถามหล่อนถึงกับสะดุ้ง ปิ่นมองหน้าเจ้านายสาวเห็นท่าทางหล่อนก็แอบหัวเราะคิกคักคู่กับโชค วิภาวรรณปรับสีหน้าไม่ถูก เลิ่กลั่กๆ
“อ่ะ เอ่อ... ก็แล้วแต่คุณหมอก็แล้วกันคะ ถ้าคุณหมอว่าเหมาะภาก็ว่าตามนั้นคะ” วิภาวรรณยังตอบด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน ไม่ค่อยกล้าสบตาเขา
“แหม...คุณภา คุณหมอคิดถูกแล้วคะ ไหนๆ ก็จะเป็นแผ่นดินเดียวกันแล้ว เอารั้วออกเลยดีกว่า ปิ่นเคยบอกคุณภาแล้ว คุณหมอจะได้หมดห่วง เดินอ้อมไปประตูรั้วหน้าบ้านตั้งไกล เดินลัดไปบ้านคุณภาแค่นี้เอง ดีแล้วล่ะคะ จริงมั้ยคะ คุณหมอ...” วีรพลยิ้มพยักหน้า วิภาวรรณเหมือนโดนตอกย้ำให้เขินอายหนักเข้า ได้แต่ถลึงตาไปทางปิ่นทำปากขมุบขมิบเหมือนจะว่าอะไรสักอย่าง คนงานใหม่ 5 คนที่นั่งอยู่ต่อหน้าได้แต่ทำหน้าเลิ่กลั่กเพราะยังไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร แล้ววีรพลก็พูดคุยซักซ้อมกับคนงานใหม่ทุกคนในเรื่องการรับผิดชอบงาน เขาให้ความเป็นกันเองพูดคุยด้วยสนุกสนาน ทำให้ทั้ง 5 คนรู้สึกสบายใจ ทีแรกนึกว่าจะต้องมานั่งหงอต่อหน้าเจ้านาย โดยทีแรกๆ ทุกคนคิดว่าเจ้าของบ้านน่าจะเป็นคนมีอายุ แต่พอมาเจอรู้ว่าเป็นหนุ่มหน้าคมสันหล่อเหลาแถมให้ความเป็นกันเอง ทุกคนก็พลอยคลายความประหม่ากลัว ทุกคนก็ต่างรับมอบหน้าที่ตามที่วีรพลสั่งแล้วทุกคนจึงลากลับ โดยจะมาทำงานในอีกสองวันข้างหน้า..........


“คุณภาจะไปบ้านคุณหมอเหรอคะ อุ้ย...ดูสิ แต่งตัวสวยหวานขนาดนี้ คุณหมอได้นอนหลับยิ้มหวานแน่ๆ ฮิฮิๆ” ปิ่นมองเห็นวิภาวรรณสวมชุดเสื้อคล้องคอสีชมพูหวานแหววเป็นเนื้อเดียวกับกระโปรงเนื้อบางละเอียด เป็นจีบพลิ้ว เป็นชุดสีสันที่วิภาวรรณชอบใส่ประจำ ยิ่งมองหล่อนในยามเย็นแสงแดดอ่อนๆ ระเรื่อแบบนี้ วิภาวรรณดูผิวขาวผ่องนวลอมชมพูสวยหวานบาดใจ ปิ่นทำตาล้อวิภาวรรณเจ้านายสาวที่สนิทคุ้นกันจนแทบจะเป็นเพื่อนหรือน้องมากกว่าแม่บ้านเสียอีก
“ก็คุณหมอบอกให้ไปนอนพักที่บ้าน คุณหมอกลัวภาจะไม่สบายเหมือนเมื่อตอนสายอีก ภาฝากให้ปิ่นเฝ้าบ้านด้วยละกัน”
“ค๊า...ไม่ต้องห่วงบ้านใกล้กันแค่นี้เอง รู้มั้ยคะคุณภา ปิ่นน่ะ อิจฉาคุณภานะเนี่ย คุณหมอเอาใจใส่ดูแลคุณภาทุกอย่างทั้งรักษาอาการป่วยทั้งร้องเพลงกล่อม แบบนี้คุณภาคงหายป่วยเป็นปลิดทิ้งแน่ๆ ยิ่งตอนนี้สั่งให้รื้อรั้วบ้านแล้ว เหมือนคุณหมอจะบอกนัยๆ ว่าไม่ช้านี้คุณภาคงไม่ต้องมาอยู่บ้านหลังนี้แล้วมั้ง ฮิฮิฮิ”
“บ้าน่า.... ปิ่น นี่ก็บ้านภา ทำไมภาจะมาอยู่ไม่ได้ภาไม่ทิ้งหรอก ไม่คุยกับปิ่นแล้ว ฝากดูบ้านด้วยนะจ๊ะ ไปล่ะ” ขืนอยู่ต่อไปวิภาวรรณคงมองหน้าปิ่นไม่ติดแน่ๆ ก็ปิ่นเล่นมองตาหล่อนล้อๆ แซวๆ อยู่เรื่อย วิภาวรรณจึงตัดบทห้วนๆ เดินจากไปซะอย่างนั้น ทิ้งให้ปิ่นอ้าปากค้าง แต่แล้วหล่อนก็ได้แต่ยิ้มอย่างชื่นชมยินดีที่นายสาวใหญ่จะมีคนรู้ใจมาคอยดูแลเอาใจใส่
วิภาวรรณเดินเข้าไปหาวีรพลที่ห้องทำงานชั้นล่าง เห็นเขานั่งอ่านเอกสารที่ดูค้างไว้เมื่อตอนสาย หล่อนรีบเดินไปหาเขา
“เอาอีกแล้ว ดูจะคร่ำเคร่งกับงานมากไปแล้วมังคะ พล ไม่เอา ภาไม่ยอมแล้ว ตั้งแต่คุยกับคนงานเสร็จก็เห็นพลมาขลุกอยู่แต่ห้องทำงาน เอาไว้ค่อยดูวันหลังก็ได้ นะคะ”
“แหม...ภา ก็ไม่รู้จะทำอะไรนิ ว่างๆ ก็หยิบจับมาดูบ้างไม่เห็นเสียหาย รับรองว่าผมไม่จะไม่คร่ำเคร่งหรอกน่า ว่าแต่ภาเถอะ อาการดีขึ้นหรือเปล่า เอ..รู้สึกภาจะทำตัวเหมือนเป็นแม่ผมไปทุกขณะเลยนะ”
“พล...!!!! นี่ภาเป็นห่วงพลนะคะ ยังมาหาว่าภาจุ้นจ้านเหรอ ก็ได้คะ งั้นภาไม่รบกวนล่ะ” วิภาวรรณพูดตัดพ้อเชิงน้อยใจ เพราะคำพูดที่ว่า “เป็นแม่” มันรู้สึกจะจี้หัวใจหล่อนมาก หันกลับกำลังเดินออกจากห้องทำงานของเขา ก็รู้สึกถึงร่างกำยำใหญ่สูงโปร่งตามมารวบกอดรั้งไว้
“ไม่เอาน่า ภา... ผมขอโทษ ผมไม่ได้ว่าภาจุ้นจ้านหรอกนะ ขอบคุณด้วยซ้ำที่เป็นห่วง ผมแค่ไม่อยากอยู่ว่างๆ น่ะ อีกนิดเดียวก็จะอ่านหมดแล้ว อย่าโกรธเลยน่า เดี๋ยวจะไม่สบายอีกนะ อืมม... ผมก็ลืมไปเลย พรุ่งนี้ภาไปโรงพยาบาลกับผมนะ เดี๋ยวผมจะขอตรวจให้ละเอียดว่าภาเป็นอะไร จะได้หายกังวลซะที ที่นี่เครื่องมือผมไม่ได้ติดมาด้วย”
“ภาเป็นห่วงพลนี่คะ อยากให้พลพักสบายๆ บ้าง ตอนนี้พลมีแต่เรื่องให้คิดหนัก ถึงภาจะไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องอะไรบ้าง ภามองตาก็รู้ว่าพลมีหลายเรื่องที่ยังกลุ้มอยู่ แค่นี้ภาก็อดห่วงไม่ได้แล้ว แล้วยังจะต้องมารับงานหลายอย่าง เดินทางไปโน่นมานี่จนแทบไม่ได้พักผ่อน เรื่องตรวจสุขภาพของภา คุณหมอธรณ์เขาแอดฯ รับภาไว้เป็นคนไข้แล้วคะ เขาไม่อยากให้พลรับภาระหลายอย่าง ภาก็เห็นด้วย ให้คุณหมอธรณ์เขาดูแลเรื่องสุขภาพภาก็ได้คะ พลแค่รับฟังผลจากคุณหมอธรณ์ก็พอ นะคะ ภาไม่เป็นอะไรมากหรอก ไม่ต้องห่วง”
“ไม่ห่วงได้ยังไง นี่ภาเป็นลมมา 2-3 ครั้งแล้วนะ มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่าผมไม่สามารถจะดูแลคนรักของตัวเองได้ ผมยิ่งไม่สบายใจ ถ้าภาเป็นอะไรไปโดยที่ผมไม่รู้ไม่ได้มีส่วนในการดูแล ตกลงครับเอางั้นก็ได้ เอาเป็นว่า....เดือนนี้ผมจะไม่ไปกรุงเทพฯ อีกแล้ว จนกว่าจะแน่ใจว่าภาไม่เป็นอะไรมาก และงานเอกสารผมจะให้ภาช่วยดูให้ มีอะไรเพิ่มเติมผมจะให้พี่ผ่องส่งงานมาให้ดูและคุยทางโทรศัพท์ก็พอ ภาสบายใจหรือยังครับ” เขายังโอบกอดวิภาวรรณจากด้านหลังพูดอยู่ข้างหูหล่อนกระชับร่างโอนเอนไปมาเป็นการปลอบโยนเอาใจ วิภาวรรณหันกลับมาประจันหน้าเขาส่งยิ้มถึงแม้จะดูซีดๆ เนือยๆ แต่ก็เริ่มดูดีขึ้นมาก
“คะ ขอเวลาให้ภาอีกสักระยะนะคะ ขอทำเรื่องร้านให้เสร็จ ภาจะมอบหมายให้ก้อยเขาดูแลเองทั้งหมด และก็เรื่องตัวแทนจำหน่ายร้านที่จะไปหาทำเลที่กรุงเทพฯ ภาจะทำหน้าที่แค่วางแผนขยายการตลาดก็พอ จากนั้นภาจะเคลียร์งานทุกอย่างและลาออกจากธนาคารมาช่วยงานพลที่บ้านคะ ภาไม่อยากเห็นพลต้องมารับภาระคนเดียวอีกแล้ว”
“ขอบคุณครับ ภา ได้ยินอย่างนี้ชื่นใจจัง ที่รัก รอให้ภาเคลียร์งานทุกอย่างหมด ผมจะพาไปกรุงเทพฯ ไปดูที่บ้านและที่ทำงาน ผมจะได้วางแผนงานให้ภาช่วยทำ ผมกะว่าเมื่อบริหารบริษัทจนอยู่ตัวแล้ว ยัยมีนโตพอที่จะรับช่วงต่อได้ ผมจะยกให้น้องทั้งหมดแล้วเรามาอยู่ที่นี่กันพ่อแม่ลูกอย่างที่ผมฝันไว้ ไม่ต้องดิ้นรนอะไรอีก ดีมั้ยครับ ภาจ๋า”
วิภาวรรณมองหน้าเขาอย่างซาบซึ้ง สวมกอดเขาแน่น แค่ชีวิตนี้มีเขาอยู่เคียงข้าง หล่อนก็จะไม่ขออะไรอีกแล้ว แล้ววีรพลเดินไปเก็บเอกสารจัดเข้าระเบียบ ปิดไฟห้องทำงานแล้วเดินมาประคองวิภาวรรณขึ้นชั้นบน
“ไปเถอะ วันนี้ผมจะเล่นกีต้าร์ร้องเพลงกล่อม หรือจะเอาสไตล์เฮฟวี่เมทัล ดีล่ะ โยกหัวให้มันหลุดไปเลย ฮ่ะๆๆๆ”
“ไม่เอา....ขอแบบคลาสิคๆ หวานๆ ดีกว่า จะได้นอนหลับสบาย ขืนเล่นเฮฟวี่ ภาปวดหัวมากกว่าเดิมแน่คะ” แล้วทั้งสองก็ประคองกันเข้าห้อง ประสานเสียงร้องเพลงไปเรื่อย จนดึก ต่างพากันหลับผล๊อยอยู่ในอ้อมกอดกันและกัน...

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น