AEl5Nk.gif AEl5Nk.gif


เหตุเกิดที่โรงแรมblPdyV.gif
โดย Tom Mm

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
29/07/66

เต้ยกับพี่ติ่ง blPdyV.gif
โดย ตฤษณา

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

ผิดที่เมย์เองเลยโดนจับขึงพืดblPdyV.gif
โดย Uratarou

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

ฝึกงานที่บริษัทขายหมู่บ้านจัดสรรblPdyV.gif
โดย 子翔吳

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

พ่อเลี้ยงของหนู EP1blPdyV.gif
โดย Ken Ken

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2563

อาถรรพ์ปลัดขิก ตอนที่ 6 เปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็นมิตร

อาถรรพ์ปลัดขิก ตอนที่ 6 เปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็นมิตร
โดย Kamen Rider V-3

ป๊อดนอนกอดก่ายร่างของหนิงภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันท่ามกลางความเย็นฉ่ำของแอร์ หลังจากทั้งคู่พึ่งผ่านความสุข จากเรือนร่างของกันและกันไปไม่นาน ทั้งเธอและเขาต่างเคล้าเคลียและพูดคุยกันด้วยความสนิทสนมเหมือนกับว่า ได้รู้จักกันมาเป็นเวลานาน ตลอดการพูดคุยนั้น เรือนร่างเปลือยเปล่าของหนิงถูกมือของป๊อดลูบคลำไปทั่วอย่างไม่หยุดมือ ทั้งๆที่เขาเองก็พึ่งจะเชยชมเรือนร่างนี้จนสุขสมไปแล้วไม่นาน "ป๊อด...อะไรเนี่ยยย.......ลูบอยู่ได้....มันเสียวนะ" "แหม....ก็หนิงสวยอ่ะ....อื้อหือ...ใหญ่ด้วย........ป๊อดชอบจังเลย" "พอแล้ว......ไม่เอา....ฮิๆๆๆ.......ตาบ้านี่....." "น่า....ขอป๊อดจับหน่อยนะ......." แล้วป๊อดก็มุดเข้าไปในผืนผ้าห่ม ใช้ปากโลมไล้หน้าอกของหนิง ท่ามกลางเสียงหัวเราะเบาๆของเธอ ในตอนนี้เธอยอมรับอย่างเต็มใจแล้วว่า ป๊อดคือผู้ชายที่เธอรัก และแม้ว่าเขาจะอยู่ในฐานะที่ต่ำกว่าเธอ เธอก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นอุปสรรคใดๆสำหรับเธอเลย "ฮิๆๆๆ.......ออกมาได้แล้ว....เธอนี่หื่นจริงๆ.......ฮิๆๆๆๆ........บอกว่าพอแล้ว......ซี๊ดดดด.........." หนิงร้องห้ามด้วยเสียงที่เบา และสั่นพร่า เธอกำลังถูกป๊อดกระตุ้นให้เกิดความต้องการขึ้นอีกครั้ง ลิ้นของป๊อดไล้วนแล้วดูดกินที่ปลายยอดสีชมพูของหนิง ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็วางลงบนหลังเต่า อันโคกนูนของเธอเหมือนกับจะวัดขนาดของมันด้วยมือของเขา ในขณะที่นิ้วกลางของป๊อดก็คลึง วนที่ติ่งเสียวของเธออยู่ไปมา "ป๊อด.......ไม่เอา.....พอได้แล้ว....จะแกล้งหนิงไปถึงไหน" "ก็คุณหนิงอยากสวยทำไมล่ะครับ.....มา...มาให้ป๊อดหอมหน่อยมา" ทั้งสองหยอกล้อกัน จนเกิดเสียงหัวเราะดังขึ้นเป็นช่วงๆ มิได้ขาด หนิงเบี่ยงหลบการลูบไล้ของป๊อด ด้วยการหันหลังให้ แต่ป๊อดก็ตามติดด้วยการเขยิบร่างเปลือยเปล่าของเขาเข้าไปประชิดติดร่างของเธอ ลำเอ็นของป๊อดถูกสอดเข้าไปที่ช่องว่างระหว่างเรียวขาของเธออย่างจงใจ ส่วนมือนั้นก็โอบรัดร่างของเธอ แล้วลูบไล้ไปตามส่วนสัดต่างๆก่อนที่จะสอดมือล้วงลึกลงไปใช้สองนิ้วแยกกลีบเนื้อทั้งสองของหนิง เปิดทางให้ท่อนเอ็นของเขาที่จ่ออยู่ปากทางเข้ามุดจมหายเข้าไปในถ้ำของเธออีกครั้ง "อุ๊ยยย...........ซี๊ดดดดดด.............อืมมม.....ป๊อด......รังแกหนิงอีกแล้วนะ" ป๊อดซุกไซ้ปากของเขาไปที่ลำคอและใบหูของเธอ พร้อมกับยักย้ายท่อนเอ็นของเขาเข้าและออกอย่างเนิบนาบ ส่วนมือนั้นก็ช่วยคลึงวนที่ติ่งเสียวของเธออยู่มิได้ขาด จนหนิงเริ่มส่ายสะโพกไปตามจังหวะของเขาด้วยความ เคลิบเคลิ้ม "อืมมมมม............ซี๊ดดดดดดดดด.........................." แล้วป๊อดก็เร่งความเร็วเพิ่มขึ้นตามความรู้สึกเสียวซ่านที่กำลังได้รับ เขาคล้องขาข้างหนึ่งของหนิงไว้กับแขน เพื่อเปิดทางให้ลำเอ็นของเขาล่วงล้ำเข้าไปในถ้ำของเธอได้อย่างสะดวก แล้วเพิ่มความรุนแรงในการกระแทกกระทั้น มากยิ่งขึ้น หนิงถูกร่างของป๊อดกระหน่ำท่อนเอ็นใส่จนร่างของเธอสั่นสะท้าน เธอได้แต่หยีตาเผยอปากส่งเสียงครางออกมา อย่างซ่านเสียว "ป๊อด......หนิงเสียว........ซี๊ดดดดดดด...............อาาาาา..........ซี๊ดดดดด........" แต่แล้วในขณะที่หนิงกำลังส่งเสียงครางออกมาอย่างเพลิดเพลินอยู่นั้น ป๊อดก็กดท่อนเอ็นของเขาแช่ค้างเอาไว้ แล้วพลิกร่างของตัวเองทาบทับร่างของหนิงจากทางด้านหลัง แล้วจึงดันตัวเองลุกขึ้นพร้อมกับดึงสะโพกของหนิงให้โด่งขึ้นมา ด้วยท่านี้กลีบอันอวบอิ่มทั้งสองของหนิงก็เปิดอ้าย้อยออกมาจากด้านหลังอย่างเห็นได้ชัด ป๊อดเองก็ไม่รอช้าพอจัดท่าทางของหนิง ได้ตามต้องการแล้ว เขาก็จับท่อนอันเบ่งบานของเขาสอดใส่เข้าไปแล้วกระหน่ำแทงอย่างเมามันทันที "ตั้บ.....ตั้บ....ตั้บ......ตั้บ.....ตั้บ......ตั้บ....." หนิงถูกจู่โจมด้วยท่านี้ก็ถึงกับสูดลมเข้าปากอยู่เป็นระยะๆ เธอรู้สึกได้ว่าลำเอ็นของป๊อดได้ลุกล้ำถ้ำของเธอลึกมากกว่าก่อนหน้านี้ ทั้งยังสร้างความซ่านเสียวให้กับเธอมากขึ้นด้วย "ซี๊ดดดดดด...............ซี๊ดดดดดดดด...................อูยยยยยยย...............ซี๊ดดดดดดดดดดดดด............อูยยยยยยย........" ช่วงเอวของเธอถูกป๊อดยึดจับเอาไว้อย่างแน่นหนา พร้อมกับเร่งจังหวะถี่ขึ้นเรื่อยๆ จนเธอเองก็รู้สึกว่าความเสียวซ่านที่เกิดขึ้นนั้น มันช่างมากมายจนเธอต้องส่งเสียงร้องระบายออกมาไม่ขาดปาก "อูยยยยยย..........อูยยยยยยย............ซี๊ดดดดดดดด......ป๊อด....ซี๊ดดดดดดด.......อูยยยยยยยยย...........ซี๊ดดดดดด...... อ๊ายยยยยยยยยย............หนิงไม่ไหวแล้ว..........อ๊ายยยยยยยย.................." ลำตัวของหนิงเกร็งค้างแล้วสั่นกระตุกเป็นช่วงๆ ตาของเธอล่องลอยหรี่ปรือดื่มด่ำไปกับจุดสุดยอดที่กำลังได้รับ ป๊อดเห็นอาการของหนิงก็เร่งจังหวะให้เร็วขึ้นอีกจนระรัว เขากัดกรามจนขึ้นเป็นสันนูนโหมแรงกระแทกกระทั้นจนร่างของหนิง ล้มราบไปกับพื้นที่นอน แต่ป๊อดก็ยังเท้าแขนไว้แล้วโยกบั้นเอวอย่างต่อเนื่อง ยิ่งในตอนนี้ร่องหลืบของหนิงกำลังตอดรัด เขาอย่างรุนแรงเป็นช่วงๆ ก็เหมือนรีดเค้นให้เขาปลดปล่อยน้ำรักที่ใกล้จะแตกระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ "อู้ววว........หนิง......ผมใกล้แล้ว.....อึ๊บ...อึ๊บ...อึ๊บ........โอ๊ะ.....โอ้วววววววววววว.......อ้าาาาาาา......" และแล้วป๊อดก็ปลดปล่อยน้ำรักพรั่งพรูออกมาจนเอ่อล้นไปทั้งถ้ำของหนิง แล้วฟุบตัวลงทาบทับร่างของหนิงพร้อมกับ หายใจแรงๆอยู่หลายครั้ง แล้วทั้งคู่ก็หลับตานอนกอดก่ายกันหายใจอย่างเหนื่อหอบ แต่ใบหน้าของทั้งสองกลับเจือปน ไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข จนผลอยหลับไปพร้อมกันในห้องนั้น -------- วิไลผุดลุกผุดนั่งรอคอยเวลาให้ผ่านไปด้วยความรุ่มร้อนหัวใจ และเดินออกไปมองดูที่หน้าต่างห้องเป็นระยะๆ เพื่อดูว่าเถ้าแก่เจียงได้ออกจากบ้านไปแล้วหรือยัง เธอได้ยินมาว่าวันนี้เถ้าแก่เจียงมีนัดไปงานฉลองวันเกิดท่านผู้ว่าฯ ซึ่งก็ทำให้เธอคลายใจไปเรื่องหนึ่งที่เถ้าแก่เจียงจะไม่อยู่บ้านในคืนนี้ เธอหันไปมองดูนาฬิกาที่ผนังห้อง ก็พบว่าเป็นเวลาสามทุ่มแล้ว และเมื่อเหลือบมองไปที่รถของเถ้าแก่เจียงอีกครั้ง ก็เห็นคนขับรถเดินเข้ามาที่รถ แล้วขับออกไปเพื่อรับเถ้าแก่เจียงที่หน้าตึกใหญ่ ขณะนี้เธอคลายความกังวลเรื่องเถ้าแก่เจียงไปเรื่องหนึ่งแล้ว คงเหลือแต่เรื่องที่เชิดได้นัดหมายเธอไว้ วิไลทั้งนั่งและเดินไปมาอย่างใช้ความคิด เธอยังคงไม่สามารถหาทางออกสำหรับเรื่องนี้ได้เลย ลำพังเพียงเงิน 1 แสนบาทมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเธอเลย แต่เธอจะเชื่อใจเชิดได้อย่างไรว่า หลักฐานเหล่านั้นจะถูกทำลายลงไปจริงๆ และหากมันเป็นอย่างที่เธอคิด เชิดก็อาจใช้หลักฐานนั้นมาขู่เข็ญบังคับให้เธอทำตามสิ่งที่มันต้องการอยู่เรื่อยๆ หรือแม้แต่กระทั่งในวันนี้ที่เชิดนัดเธอไปที่ห้อง เธอก็เกรงว่ามันจะมีแผนชั่วอื่นๆ ซึ่งเธอทั้งกังวลและกลุ้มใจเป็นอย่างมาก เธอไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร หรือขอให้ใครช่วยเหลือได้เลยในเรื่องนี้ จนในที่สุดนาฬิกาที่ผนังห้องก็เดินมาถึงเวลา 4 ทุ่มซึ่งเป็นเวลาที่เชิดได้นัดหมายไว้ วิไลมองดูนาฬิกาอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ถอนหายใจยาวออกมา แล้วตัดสินใจหยิบซองใส่เงินที่เตรียมไว้ก้าวเดินไปออกจากห้องอย่างตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่า จะขอแก้ปัญหานี้ให้ลุล่วงไปด้วยตัวเธอเอง วิไลเดินฝ่าความมืดลัดเลาะไปตามด้านหลังตัวตึกแต่เพียงตัวคนเดียว จนมาถึงเรือนไม้ชั้นเดียวยกพื้นสูงอันเป็นที่อยู่ของเชิด เมื่อเธอเดินมาถึงที่หน้าเรือนก็พบว่าบานประตูทั้งสองปิดสนิทอยู่ คงเห็นแต่แสงไฟที่สว่างออกมาจากบานหน้าต่างและเสียงเพลง ที่ดังลอดออกมา ที่แสดงให้เห็นว่ามีคนอยู่ในเรือนนั้น เธอตัดสินใจเคาะไปที่บานประตูไม้ 3 ครั้ง จึงได้มีการลดระดับเสียงเพลง ภายในห้องลง พร้อมกับมีเสียงพูดดังลอดออกมาจากในห้อง "ใคร....ใครวะ....." "ฉันเอง......วิไล" วิไลตอบกลับด้วยเสียงที่เคร่งขรึม "อ้อ....คุณวิไลเองเหรอครับ.....ฮ่าๆๆๆๆ....มาๆๆ...ไอ้เชิดกำลังรออยู่เลยทีเดียว" แล้วบานประตูไม้เก่าๆทั้งสองบานก็ดูกดันให้เปิดออกมาจากข้างใน จนมองเห็นร่างของเชิดยืนถือแก้วน้ำสีเหลืองอำพัน ยืนทำตาฉ่ำเยิ้มด้วยฤทธิ์ของแอลกฮอลล์ "เชิญคุณวิไลเข้ามาในห้องก่อนซิครับ" "ไม่อ่ะ....เอ้านี่ฉันเอาเงินมาให้แกแล้ว....แกก็เอารูปพร้อมไอ้ฟิล์มบ้าๆนั่นส่งมาให้ฉัน...มันจะได้จบๆไป" เชิดยิ้มที่มุมปาก แล้วพูดด้วยเสียงที่ดังขึ้นกว่าเดิม "ทำไมเหรอครับ....รังเกียจห้องของผมเหรอ...ผมว่าเรามีเรื่องที่จะต้องตกลงกันยาวเลยล่ะ" "จะต้องมาตกลงอะไรกันอีก ฉันเอาเงินมาให้แกตามจำนวนที่ต้องการแล้ว ส่วนแกก็เอารูปทั้งหมดนั่น มาให้ฉัน มันก็จบแล้ว หรือแกคิดจะตุกติกอะไรอีก" "คุณวิไล.....ผมจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเมื่อคืนหลักฐานให้คุณแล้ว คุณจะไม่หันกลับมาเอาเรื่องกับผมอีก" "ฉันก็ไม่มั่นใจแกเหมือนกันว่าแกจะไม่แอบเก็บรูปพวกนั้นมาต่อรองกับฉันอีก" "ก็น่านนะสิคร๊าบ.....เราถึงต้องมาตกลงกัน แต่ถ้าคุณไม่อยากจะตกลงก็ตามใจคุณ" แล้วเชิดก็ผลักบานประตูทั้งสองทำทีเหมือนกับจะปิดไว้เหมือนเดิม จนวิไลต้องใช้สองมือง้างเอาไว้ "นำไปสิ....จะตกลงบ้าบออะไรของแกก็นำไปเลย" เชิดยิ้มออกมาอย่างพอใจ แล้วยกแก้วที่ถือมาด้วยขึ้นซดรวดเดียวหมด ก่อนที่จะถอยหลังไปข้างๆแล้วเผยบานประตู ให้กว้างออกด้วยท่าทีเหมือนเชื้อชวนให้วิไลเดินเข้ามาในห้องของเขา วิไลก้าวเท้าเข้าไปภายในห้องของเชิด แล้วใช้สายตาสำรวจดูทุกสิ่งภายในห้องเล็กๆนั้น แต่แล้วเธอก็ต้องรีบหันกลับ ไปเมื่อได้ยินเสียงเชิดกำลังลงกลอนประตู "เชิด.....แกจะล้อคห้องทำไมน่ะ" "อ้าว....แล้วจะปล่อยไว้ทำไมล่ะครับ....หรือว่าคุณวิไลชอบให้ใครมากวนเวลาที่เราจะมีอะไรกัน" วิไลตกใจหน้าซีดเผือด เมื่อได้ยินเชิดพูดอย่างนั้น "นี่แก....คิดจะทำอะไร" วิไลก้าวถอยหลัง จ้องมองท่าทีของเชิดด้วยความระวังตัว เชิดแสยะยิ้มสืบเท้าเข้าหาวิไลอย่างช้าๆ "คุณวิไล...ยอมเชิดดีๆเถอะนะครับจะได้ไม่เจ็บตัว มีวิธีนี้เท่านั้นที่เราจะตกลงกันได้โดยไม่ต้องมาระแวงกันและกัน" "ไอ้เชิด.....ถอยออกไปนะ....ไม่อย่างนั้นฉันจะร้องให้คนมาช่วยนะ" "ฮ่าๆๆๆๆ.....เอาเลยครับ....เอาเลย....คุณอย่าลืมสิตอนนี้คุณอยู่ในห้องของผม....หากใครเข้ามาผมก็จะบอกว่า คุณแอบเป็นชู้กับผมมานานแล้ว.....หึ...หากผมไม่รอด คุณก็จะไม่ได้อยู่บ้านหลังนี้ด้วย" วิไลก้าวถอยหลังไปชนกับโต๊ะที่วางอยู่กลางห้อง เธอหันกลับไปหยิบสิ่งของที่วางอยู่บนโต๊ะปาใส่เชิดที่กำลังย่างเท้า เข้าหาเธอ "ออกไป....ถอยไปนะ....ออกไป........ออกไป...." "โอ๊ยยย.........." เชิดยกมือขึ้นกุมที่หน้าผาก แล้วแบมือออกดูก็เห็นเลือดของเขาอยู่เต็มฝ่ามือ วิไลปาที่เขี่ยบุหรี่ไปถูกที่ผากของเขา อย่างถนัดถนี่ เชิดทั้งเจ็บและโกรธ ดวงตาของเขาเบิกโพลงแล้วพุ่งเข้าไปยึดจับสองแขนของวิไลไว้ไม่ให้คว้าสิ่งที่อยู่ใกล้มือของเธอ ทำร้ายเขาอีก วิไลพยามยามดิ้นและง้างมือตนเองออกจากการยึดจับของเชิดอย่างเต็มกำลัง "ไอ้เชิด....มึงปล่อยกูนะ.....ปล่อยกู.........ช่วยด้วย......ช่วยด้วย......" วิไลตัดสินใจส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ เชิดได้ยินอย่างนั้นก็ตกใจเขาไม่ต้องการใครเข้ามาขัดขวางแผนของเขา ในตอนนี้ เขาจึงตัดสินใจใช้กำปั้นต่อยเข้าไปที่ท้องน้อยของวิไลเพื่อหยุดการส่งเสียงร้องเธอ "นี่แหนะ.....มึง.....ฤทธิ์มากนัก" วิไลทรุดตัวงอเป็นกุ้งด้วยความจุกจนแทบหายใจไม่ออก มือและเท้าของเธอไร้เรี่ยวแรงที่จะต่อสู้แล้วค่อยๆทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้น "กูบอกให้มึงยอมดีๆก็ไม่ฟัง ชอบที่จะเจ็บตัว...แล้วเป็นไงล่ะ" เชิดก้มลงไปช้อนร่างของวิไลไว้ในอ้อมแขนของเขา แล้วนำไปวางลงบนเตียงอย่างไร้การขัดขืน วิไลจุกจนพูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองหน้าเชิดด้วยความโกรธแค้น เชิดยืนมองร่างของวิไลที่นอนอยู่บนเตียง แล้วยิ้มออกมาอย่างกระหยิ่มใจ ตาของเขามองเลื่อนลงมาถึงท่อนล่าง แล้วหยุดลงตรง ชายกระโปรงลายดอกไม้ที่ร่นสูงขึ้นมาจนมองเห็นเรียวขาขาวนวลตา เชิดทรุดตัวลงนั่งอย่างช้าๆ แล้ววางมือของเขาไว้ที่โคนขาขาวนั้น เขารู้สึกได้ถึงความนุ่มนิ่มเนียนมืออย่างบอกไม่ถูก วิไลกำลังจุกอยู่จนไม่มีแรงขัดขืน ได้แต่แต่พยายามดันตัวหนีให้ห่างจากมือของเชิด "คุณวิไล.....คุณรู้ไหม ผมน่ะแอบมองคุณมานานแล้วนะ.....คุณยังสาวแล้วก็ยังสวย...ผมเองก็เป็นพ่อหม้ายอยู่นานแล้ว แต่คุณก็ไม่คิดที่จะให้ความสนใจผมบ้างเลย.....เวลาจะเรียกใช้ผม คุณก็เอาแต่ตวาดใส่ผม....ด่าว่าผมต่างๆนาๆ...คุณคงคิดว่า ผมมันเป็นแค่คนขับรถขี้ข้าของคุณซินะ....ถึงได้ทำกับผมแบบนี้" มือของเชิดลามล้วงลึกเข้าไปในกระโปรงของวิไล แล้วลูบไล้โคนขาที่นิ่มนวลมืออย่างเมามัน พร้อมกับเขยิบตัวเบียดเข้าหาวิไล วิไลพยามยามรวบรวมกำลังอย่างเต็มที่ ที่จะยกเท้าถีบเชิดให้ห่างไปจากตัวเธอ แต่เชิดกลับคว้าขาของเธอไว้แล้วใช้มือ เข้าไปตะบปที่บริเวณเนินเนื้อกลางหว่างขาของเธอทันที "อื้อหือ.....คุณวิไล....ทำไมถึงใหญ่อย่างนี้ล่ะครับ..........อูยยยยยยย...ฮ่าๆๆๆๆๆ.....ใหญ่ๆอย่างนี้เชิดช๊อบชอบ...ฮ่าๆๆๆๆๆ มามะมาเป็นเมียไอ้เชิดเถอะนะ" เชิดตะปบมือไปที่ชายกระโปรงของวิไลแล้วกระชากโดยตั้งใจว่าจะให้มันหลุดออกมา แต่ตะขอกลับเกี่ยวรั้งกระโปรงของเธอไว้ ที่อย่างแน่นหนา เชิดกำลังหน้ามืดจึงเปลี่ยนวิธีจากดึงมาเป็นการใช้สองมือจับฉีกออก จนกระโปรงของเธอขาดแหวกออกจากกัน มองเห็นโคนขาขาวผุดผ่องทั้งสองได้อย่างชัดเจน วิไลพยายามขยับเท้าทั้งสองถีบสกัดไม่ให้มือของเชิดล่วงล้ำเข้ามา จนเชิดรู้สึกหงุดหงิด คว้าจับข้อเท้าทั้งสองของเธอไว้ได้ แล้วใช้พละกำลังที่เหนือกว่าจับมันแยกออกจากกัน จนมองเห็น เนินเนื้อกลางหว่างขาภายใต้กางเกงในสีขาวของเธอได้อย่างชัดเจน เชิดกลืนน้ำลายมองตาค้างอย่างหื่นกระหายแล้วคิดจะใช้มือข้างหนึ่งดึงกางเกงในของเธอออกมา แต่เมื่อมือนั้นคลายการยึดจับ วิไลก็ชักขาข้างนั้นของเธอกลับแล้วยันไปที่ร่างของเชิดอย่างแรง จนเชิดหงายตกเตียงไป "ช่วยด้วย.....ช่วยด้วย............ใครก็ได้ช่วยฉันที....." วิไลคลานลงมาจากเตียงแล้วส่งเสียงร้องขอให้ช่วยเท่าที่แรงของเธอจะมี เธอมองไปที่บานประตูแล้วคืบคลาน พยายามที่จะไปให้ถึงจุดนั้น เชิดลุกขึ้นนั่งแล้วหันไปจ้องมองดูวิไลด้วยความโกรธ เขารีบลุกขึ้นตรงไปรวบร่างของวิไลขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน แล้วโยนกลับบนเตียงอย่างรุนแรง พร้อมกับคว้าขดเชือกที่แขวนอยู่ผนังห้องมาไว้ในมือ "ฤทธิ์มากจริงๆนะมึง" แล้วเชิดก็พยายามใช้เชือกผูกที่ข้อมือของวิไล แต่วิไลไม่ยอมง่ายๆ เธอพยายามสะบัดมือให้เป็นอิสระพร้อมกับ พยายามที่จะลุกออกจากเตียง จนเชิดรู้สึกหงุดหงิดและสิ้นสุดความอดทน ฟาดหลังมือไปที่ใบหน้าของเธออย่างรุนแรง จนหน้าของวิไลสะบัดไปตามแรงแล้วแน่นิ่งไป จากนั้นเขาก็จัดการผูกโยงมือและเท้าของวิไลไว้กับขาเตียงด้านละข้างอย่างแน่นหนา โดยไร้การขัดขืนจากเธอ จากนั้นจึงหันมาเทเหล้าใส่แก้ว แล้วยืนจิบเพื่อผ่อนคลายความเหนื่อย พร้อมกับจ้องมองดูร่างที่ถูกพันธนการไว้บนเตียง ด้วยประกายตาที่ลุกวาว วิไลเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง แล้วเปิดเปลือกตาขึ้น เมื่อเห็นสภาพห้องก็นึกขึ้นได้ว่านี่คือห้องของเชิด จึงพยายามดิ้นรน ที่จะลุกลงจากเตียงแต่ก็สายไปเสียแล้ว ร่างของเธอถูกเชิดใช้เชือกผูกโยงไว้กับขาเตียงอย่างแน่นหนาจนเกินกว่า เรี่ยวแรงของเธอจะดิ้นหลุด "ไอ้เชิด.....มึงปล่อยกูเดี๋ยวนี้นะ.........กูบอกว่าให้ปล่อยกู.......ไม่อย่างนั้นกูจะให้มึงติดคุกทั้งชีวิตเลย....ไอ้ชั่ว....." เชิดยิ้มเผล่ถือแก้วเหล้าขึ้นจิบอย่างอารมณ์ดี แล้วเดินเข้าไปหาวิไลจนชิดขอบเตียง "ด่าผมอีกแล้วนะคุณวิไล.....คุณนี่มันน่าเอาตอนที่ด่านี่แหละ....หึๆๆๆ......ด่าผมเข้าไป...เดี๋ยวผมจะทำคุณคราง จนด่าไม่ออกเลยล่ะ" เชิดกระดกแก้วในมือเทลงคอจนหมด แล้วตรงเข้าไปนั่งบนเตียงข้างๆวิไล "ขอผมดูให้ชัดๆหน่อยนะว่าคุณจะสวยขนาดไหน" แล้วเชิดก็เริ่มปลดกระดุมเสื้อของวิไลออกทีละเม็ดๆจนหมด แล้วแบะมันออกจนมองเห็นยกทรงสีขาวที่ปกปิด ทรวงอกขนาดใหญ่ทั้งคู่ไว้แทบไม่มิด เชิดจ้องมองเนินอกขาวผ่องทั้งคู่ที่ล้นทะลักออกมาจากยกทรงแล้ว เหลือบตาขึ้นไปยิ้มให้กับวิไล "ช่วยด้วย........ช่วยด้วย........มีใครอยู่ข้างนอกบ้างช่วยฉันที" "จุ๊...จุ๊....จุ๊....จุ๊.......ไม่เอาน่า......ผมหนวกหู เสียอารมณ์หมดเลย" เชิดยกนิ้วชี้ขึ้นจุ๊ปากเป็นเชิงห้ามวิไล แล้วหันไปคว้าเสื้อกล้ามของเขาที่ถอดไว้มายัดใส่ปากของเธอ จนมีแต่เสียงอู้อี้ที่เธอพยายามจะเปล่งออกมาร้องขอความช่วยเหลือ แล้วเขาก็หันไปจัดการปลดตะขอยกทรง แล้วโยนมันทิ้งไปให้พ้นจากสายตาของเขา ทรวงอกเปลือยเปล่าขนาด 36นิ้วของวิไล ปรากฎต่อสายตาของเชิดเต็มสองตา มันมีสภาพแทบไม่ได้ผ่านการใช้งานมาเลย ในสายตาของเขา อีกทั้งหน้าท้องที่ขาวนวลเนียนตาก็ไม่มีร่องรอยเป็นริ้วเหมือนผู้หญิงที่ผ่านการมีลูกทั่วไป วิไลพยามส่งเสียงออกมาอย่างเต็มที่ แต่ก็เป็นได้แค่เสียงอู้อี้อยู่แต่ในลำคอเท่านั้น ตาของเธอจ้องมองเชิด ที่กำลังใช้มือของเขาสัมผัสคลึงเค้นหน้าอกของเธออย่างหลงใหล "อู้หู.....เต็มไม้เต็มมือดีจริงๆ" เชิดกัดฟันคำรามออกมาอย่างหมั่นเขี้ยวพร้อมกับใช้ทั้งสองมือบีบเค้นหน้าอกของวิไลอย่างรุนแรง เขาเหลือบไปมองหน้าวิไลโดยใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้บี้บดหัวนมของเธอข้างหนึ่ง พร้อมกับแสยะยิ้มออกมาอย่างพอใจ แล้วเมื่อเชิดสาสมใจกับการได้คลึงเค้นหน้าอกของวิไลแล้ว เขาก็เปลี่ยนตำแหน่งมานั่งอยู่ตรงกลางหว่างขาของวิไล ที่ถูกเชือกผูกโยงไว้ให้อ้าออกจากกัน สองตาของเขาในตอนนี้เพ่งไปที่เนินเนื้อหลังเต่าภายใต้กางเกงในสีขาวตัวจิ๋ว ที่แทบจะปิดมันไว้ไม่มิด กลีบเนื้ออวบอวมที่แพลมออกมาจากขอบขากางเกงในพร้อมกับเส้นขนดำสนิทบางเส้น ทำให้เขายิ่งอยากเห็นมากยิ่งขึ้นไปอีกว่า หากไร้กางเกงในปกปิดแล้วจะเป็นอย่างไร --------- ภายในห้องห้องของหนิงในตอนนี้มีแต่ความมืดมิด เพราะเจ้าของห้องและป๊อดหลับไปตั้งแต่ในตอนที่สภาพภายนอก ยังคงสว่างอยู่ จนถึงตอนนี้ก็เป็นเวลา 4 ทุ่มแล้ว ก็ยังไม่ได้เปิดไฟในห้อง ป๊อดเริ่มรู้สึกตัวก่อน แล้วหันไปมองหนิงที่นอนอยู่ข้างๆพร้อมกับรอยยิ้ม เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าระหว่างเขากับหนิง จะมีวันนี้เกิดขึ้นได้ หนิงในวันนี้ช่างน่ารักและผิดกับหนิงที่ก่อนหน้านี้มีแต่ความเย่อหยิ่งจากหน้ามือเป็นหลังมือ เขาเพ่งมองดูใบหน้าของเธอที่กำลังหลับอยู่อย่างไม่รู้สึกเบื่อหน่าย แต่แล้วเขาก็ต้องสะดุ้งเมื่อเสียงของน้าขิกดังขึ้น "เป็นไง.....สุขสุดๆเลยซินะเอ็ง" "ไม่เอาน่า น้าขิก จริงๆผมก็อายน้าเหมือนกันนะ เล่นดูผมทุกขั้นตอนอย่างนี้ ......เออ...น้าขิก...น้าขิกรู้ไหม ทำไมจู่ๆหนิงเขาถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้ หรือว่าน้าเป็นคนทำให้เขาเปลี่ยน" "เฮ้ย...ข้าไม่ได้ทำ.....นังนั่นมันรู้สึกดีกับเอ็งจากจิตใต้สำนึกของมันเอง...ก็เอ็งเล่นซะมันจำฝังใจไปเลยนี่หว่า" พอป๊อดได้ยินน้าขิกพูดอย่างนั้น ป๊อดก็เผลอคิดเข้าข้างตัวเองว่า การใช้อำนาจของน้าขิกในครั้งแรกที่ทำกับหนิง อาจจะไม่ใช่สิ่งเลวร้ายก็ได้ เพราะหากถ้าเขาไม่ทำอย่างนั้น เขาและหนิงก็คงไม่มีความรู้สึกดีๆต่อกันเหมือนในวันนี้ "ใช่แล้วไอ้หนู.....อำนาจของข้าไม่ใช่สิ่งเลวร้าย ข้าเพียงทำให้เอ็งได้ตามสิ่งที่ต้องการ และนังหนูนั่นก็ดูมีความสุขดี เห็นไหมล่ะ....ฮ่าๆๆๆๆ.........จะมีก็แต่แม่ของมันที่กำลังถูกไอ้คนขับรถจับขึงพรืดอยู่นั่น ดูท่ามันคงไม่มีความสุขเท่าไหร่นัก" ป๊อดตาโตขึ้นอย่างสนใจ เมื่อได้ยินน้าขิกพูด เขารับเอ่ยปากถามขึ้นอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ "อะไรนะ...น้าขิก...น้ากำลังพูดถึงคุณวิไลใช่ไหม" "เออ...ก็นังวิไลนั่นแหละ...มันถูกคนขับรถของมันเอารูปตอนที่ถูกเอ็งเย็ดมาขู่เอาเงิน และหลอกไปให้มันเย็ดถึงบ้าน" "หา......น้าเชิดนั่นเหรอ...แล้ว...แล้วเขารู้ด้วยเหรอว่า....ผม...ผม...." "เออ...มันเห็นเต็มสองตาเลยหล่ะ...แล้วก็แอบถ่ายรูปเอาไว้ด้วย" "อ้าว....แล้วทำไมน้าถึงปล่อยให้เขาทำหล่ะ" "ก็ข้าเห็นว่าเอ็งไม่ได้เสียหายอะไรนี่....แล้วหน้าเอ็งในรูปข้าก็บังเอาไว้จนไม่มีใครรู้ว่าเป็นเอ็ง" ป๊อดรู้สึกร้อนใจขึ้นมาทันทีที่รู้ว่า วิไลกำลังจะถูกทำร้ายก็เพราะเขา "ไม่ได้แล้วน้าขิก ผมต้องไปช่วยคุณวิไล....ตอนนี้คุณวิไลอยู่ที่ไหนน้าขิก" "ก็บ้านไอ้เชิดไง" ป๊อดลุกลี้ลุกรนลงมาจากเตียงแล้วใส่เสื้อผ้า แต่พอหันไปมองหนิงก็เห็นว่าเธอมีท่าทีเหมือนกำลังจะตื่น "น้าขิก....ช่วยหน่อย อย่าพึ่งให้หนิงตื่นมาตอนนี้เลย" ภูตแห่งปลัดขิกพอทราบความต้องการของป๊อด ก็ใช้อำนาจจิตบังคับให้หนิงหลับต่อไป แล้วป๊อดก็รีบวิ่งออกจากห้องของหนิงตรงไปยังเรือนไม้ที่เชิดอยู่อย่างรวดเร็ว --------- เชิดใช้สองมือของเขาเกี่ยวขอบกางเกงในของวิไลลงมาทีละน้อยๆ จนเนินนูนอันกว้างขวางที่ปกคลุม ไปด้วยเส้นขนสีดำเริ่มปรากฎต่อสายตาของเชิด เขาจ้องมองมันด้วยตาที่พองโตอย่างตื่นเต้น จนในที่สุด กางเกงในตัวน้อยก็ถูกร่นมาอยู่ที่เหนือเข่าของวิไล วิไลทั้งโกรธและแสนจะอับอาย ที่ในตอนนี้เธอไม่มีสิ่งใดปกปิดของสงวนของเธออยู่เลย เธอเห็นเชิด จ้องมองที่เนินสวาทของเธออย่างไม่วางตา แล้วเอื้อมมือเข้ามาจะสัมผัส เธอจึงพยายามดิ้นรนให้หลุดพ้นจากเชือกที่ ผูกโยงเธอเอาไว้อย่างสุดฤทธิ์พร้อมกับเสียงร้องอู้อี้ของเธอ เชิดใช้ฝ่ามือลูบไล้เนินเนื้อที่ทั้งโหนกนูนและกว้างใหญ่รกครึ้ม มืออันหยาบกร้านของเขาพยายามจะห่อหุ้มเนินเนื้อ ของวิไลไว้ในฝ่ามือ แต่ก็ไม่สามารถห่อหุ้มได้หมด เขาจึงเปลี่ยนมาคลึงเค้นมันด้วยความหมั่นเขี้ยวแล้วสบถออกมาอย่างลืมตัว "อูยยยยย........หีใหญ่ชิบหายเลยเว้ย......." มือของเชิดสำรวจเนินเนื้อกลางหว่างขาของวิไลอย่างเมามัน ยิ่งคลึงเค้นเขาก็ยิ่งหนักแรงขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหว รีบถอดกางเกงเปลือยท่อนล่างออกจนเห็นท่อนเอ็นอันแข็งเด่ยื่นยาว ตรงเข้ากระชากกางเกงในที่คาอยู่เหนือเข่าของวิไล จนขาดติดมือออกมา แล้วแทรกตัวเข้าไปกลางหว่างขาของวิไลทันที "เป็นของไอ้เชิดเถอะนะคุณวิไลจ๋า........ผมทนไม่ไหวแล้ว.....คุณน่าเย็ดเหลือเกิน" วิไลน้ำตาไหลพราก พร้อมกับส่งเสียงอู้อี้ออกมาอย่างเต็มที่ เธอพยายามดิ้นอย่างสุดแรงจนเจ็บไปทั้งมือและเท้า เชิดจับท่อนเอ็นที่แข็งเต็มที่เตรียมจะจ่อไปที่ร่องที่เปิดอ้าจากการถูกผูกโยงขาของวิไล แต่ทันใดนั้นก็เกิด เสียงดังขึ้นที่บานประตูไม้ จนทั้งเขาและวิไลหันไปมองยังแหล่งกำเนิดเสียง ก็เห็นบานประตูทั้งสองถูกเปิด ออกด้วยแรงกระแทกอย่างรุนแรง พร้อมกับการถลาเข้ามาของเด็กหนุ่มซึ่งเป็นที่รู้จักของคนทั้งสองเป็นอย่างดี เชิดโกรธจัดที่ถูกขัดจังหวะ หันไปตะเบ็งเสียงใส่ผู้ที่บุกรุกอย่างเกรี้ยวกราด "ไอ้เด็กเหี้ย....มึงเข้ามาทำไมวะ.....มึงอยากตายใช่ไหม" ป๊อดเห็นร่างเปลือยเปล่าของวิไลถูกผูกโยงไว้กับเตียงอย่างน่าเวทนา ก็โกรธขึ้นมาเช่นกัน เขาจึงตะเบ็งเสียง กลับไปอย่างไม่กลัวเกรง "ไอ้เชิด....มึงนี่ชั่วจริงๆ........มึงเข้ามาเลย" เชิดอายุ 45 ปี ส่วนป๊อดพึ่งจะย่าง 16 แม้ป๊อดจะมีขนาดร่างกายเทียบเท่ากับเชิด แต่ก็อ่อนประสบการณ์ เชิดย่างสามขุมเข้ามาทำทีเหมือนว่าจะต่อย แต่เขากลับยกเท้าถีบไปที่ตัวป๊อดอย่างรุนแรง ป๊อดไม่ทันระวังตัวก็เซถลาล้มกลิ้งไปอย่างไม่เป็นท่า เชิดไม่ปล่อยโอกาสทอง เขารีบสาวเท้าก้าวตามไป โดยตั้งใจจะใช้เท้าเตะไปที่ปลายคางของป๊อดโดยหมายจะให้ป๊อดสลบคาตีนของเขา ภูตแห่งปลัดขิกจึงเข้าช่วยเหลือด้วยอำนาจฤทธิ์ ร่างของเชิดถูกทำให้ให้ลอยกระเด็นไปจนกระแทกกับ ผนังห้องดังโครมใหญ่ "ไอ้หนู....เป็นไงบ้างวะ.....เอ้ารีบหน่อย เดี๋ยวมันจะกลับมาเล่นงานเอ็งอีกแล้ว ข้าจะสอนให้เอ็งใช้หมัดธนู หลับตาแล้วกำหมัดขึ้นมา จงใช้จิตเพ่งไปที่กำปั้นของเอ็งแล้วอธิษฐานขอให้มันเป็นเหมือนธนู แล้วว่าคาถาตามข้า นะโมพุทธายะ นะธนู นะกาโรโหติ สัมภะโว" ป๊อดอธิษฐานจิต แล้วว่าคาถาตามที่ภูตแห่งปลัดขิกกล่าวนำถึงสามครั้ง จนเขารับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น กับมือทั้งสอง เขารู้สึกว่ามือของเขามีเรี่ยวแรงอย่างมหาศาล และพร้อมที่จะเคลื่อนไหวอย่างน่าประหลาด เชิดนอนนิ่งด้วยความมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงพยายามยันร่างลุกขึ้น จนความมึนงงของเขาหายไปก็คว้าท่อเหล็ก ติดมือมา แล้วเดินตรงดิ่งมที่ป๊อดทันที ป๊อดรีบลุกขึ้นยืน เมื่อเห็นเชิดเดินถือแป๊บไว้ในมือแล้วตรงเข้ามาหาเขาด้วยความโกรธเกรี้ยว "เมื่อกี๊มึงทำอะไรกูวะ ไอ้สัตว์" เชิดก้าวเข้ามาแล้วเงื้อมือที่ถือท่อเหล็กหวดเข้าไปที่ใบหน้าของป๊อดอย่างเต็มแรง แต่ภูตแห่งปลัดขิกรอท่าอยู่แล้ว ป๊อดย่อตัวหลบด้วยการควบคุมจากพลังอำนาจของภูตแห่งปลัดขิกได้อย่างทันท่วงที พร้อมกับส่งเสียงบอกให้ป๊อด ออกอาวุธตอบโต้ไปในทันที "ใช้หมัดขวาต่อยไปที่ปลายคางมันเลย...ไอ้หนู" ป๊อดเชื่อมั่นในตัวน้าขิกของเขาอย่างสุดใจ เขาพุ่งหมัดขวาตรงไปที่ปลายคางของเชิดอย่างเต็มแรงในทันที "ตึ้บ!. หมัดของป๊อดถูกเข้าที่กรามของเชิดอย่างจัง เสียงหมัดกระทบกับกรามดังสนั่นจนได้ยินอย่างชัดเจน เชิดรู้สึกเหมือนถูก ของหนักๆตีเข้าที่กรามของเขาอย่างจัง แล้วสติของเขาก็ดับลงกลางอากาศ ในขณะที่ร่างลอยขึ้นจากพื้นแล้วร่วงผล็อยลงมา นอนแน่นิ่งไป เมื่อป๊อดเห็นว่าเชิดสิ้นสติไปแล้ว เขาก็รีบตรงหาวิไลที่ถูกมัดตรึงเอาไว้บนเตียง แต่เขาก็ต้องนิ่งตะลึงไปครู่หนึ่ง เมื่อสายตาของเขาได้พิจารณาเรือนร่างเปลือยเปล่าของวิไลบนเตียงอย่างเต็มตา ทั้งหน้าอกขนาดใหญ่เต่งตึงน่าคลึงเค้น และเนินสวาทกลางหว่างขาที่ทั้งใหญ่และโหนกนูนจนเขาไม่สามารถจะละสายตาไปจากมันได้ วิไลส่งเสียงอู้อี้ขึ้นเตือน จนป๊อดรู้สึกตัว จึงตรงเข้าเอาผ้าที่อุดปากของเธอออก "ป๊อด....ช่วยแก้เชือกให้ฉันหน่อย เดี๋ยวใครมาเห็นฉันในสภาพนี้ คงได้อับอายไปทั่วแน่ๆ" "คะ...คะ...คร๊าบ..." ป๊อดรีบเร่งแก้เชือกให้วิไลอย่างกุลีกุจอ แต่สายตาของเขาก็แอบลอบมองเรือนร่างของวิไลอยู่เป็นระยะ จนวิไลเป็นอิสระ แล้วสวมใส่เสื้อผ้าเสร็จ เธอก็ตรงเข้ารื้อค้นข้าวของในห้องของเชิดอย่างร้อนรน "คุณวิไลกำลังหาอะไรอยู่หรือครับ" "เอ่อ....อืมม....." วิไลอ้ำอึ้ง แล้วก็รื้อค้นของในห้องของเชิดต่อ เธออายจนเกินกว่าจะพูดออกมาว่าสิ่งที่เธอค้นหานั้นคืออะไร" "นังนั่นมันกำลังหารูปถ่ายตัวมันตอนที่ถูกเอ็งเย็ด รูปถ่ายไอ้เชิดมันซ่่อนเอาไว้ในซองใต้ที่นอน แล้วก็มีอยู่ในโทรศัพท์ของมันด้วย" น้าขิกพูดขึ้นมาให้ความกระจ่างจนป๊อดหายสงสัย แล้วจึงแกล้งทำเป็นรื้อค้นบ้าง ป๊อดยกที่นอนขึ้นแล้วหยิบซองสีน้ำตาล ออกมาพร้อมกับพูดขึ้นว่า "ใช่ของในซองนี้หรือป่าวครับคุณวิไล" วิไลหันกลับมาตามเสียงเรียกของป๊อด พอเห็นซองในมือของป๊อด เธอก็รีบตรงเข้ามาขอรับซองไปแล้วเปิดออกดูทันที พอเห็นว่าเป็นภาพถ่ายที่เธอตามหา วิไลก็มีอาการโล่งอกแล้วสบตากับป๊อดพร้อมกับพูดขึ้นว่า "มันเป็นภาพถ่ายที่เป็นความลับของฉัน และฉันก็อายจนเกินกว่าจะให้ใครดูได้ ที่ฉันต้องเข้ามาหาไอ้เชิด ถึงในห้องนี้ ก็เพราะว่ารูปถ่ายพวกนี้แหละ เธอคงเข้าใจนะป๊อด" ป๊อดเห็นอาการของวิไลก็คิดสงสารและรู้สึกผิด ที่เธอต้องเป็นอย่างนี้ก็เพราะว่าเขาเป็นสาเหตุ ป๊อดจึงยิ้มแล้วพูดว่า "ผมเข้าใจครับคุณวิไล แต่ถ้าสิ่งนั้นเป็นภาพถ่ายมันก็ต้องมีฟิล์ม กล้อง หรือโทรศัพท์ที่ใช้ถ่ายภาพเหล่านี้ ใช่ไหมครับ" วิไลตาเบิกกว้าง หันมองไปรอบๆห้อง แล้วตรงเข้าไปยังกางเกงของเชิดที่ถอดกองอยู่กับพื้น พร้อมกับล้วงมือเข้าไป ในกระเป๋ากางเกงแล้วดึงเอาโทรศัพท์ของเชิดออกมา วิไลเปิดหาภาพในโทรศัพท์จนพบแล้วกดลบทิ้งรูปของเธอทุกรูป ที่มีอยู่ในนั้น ก่อนที่จะขว้างโทรศัพท์นั้นลงกับพื้นจนแตกออกเป็นชิ้นๆ "ขอบใจเธอมากนะป๊อด หากไม่ได้เธอฉันคงแย่แน่ๆ" แล้ววิไลก็หันไปมองร่างของเชิดที่นอนแน่นิ่งอยู่ พร้อมกับดึงโทรศัพท์ของตัวเองออกมา "ฉันจะโทรหาตำรวจให้เอามันไปเข้าคุก" "เดี๋ยวครับ คุณวิไล ถ้าคุณวิไลโทรหาตำรวจ ตำรวจก็จะสืบหาสาเหตุที่คุณวิไลเข้ามาหาน้าเชิด แล้วคงจะโยงไปถึง รูปถ่ายพวกนี้ ผมว่าถ้าคุณวิไลไม่อยากให้ใครรู้เห็นเรื่องราวเกี่ยวกับรูปถ่ายพวกนี้ก็อย่าแจ้งความเลยครับ" วิไลฟังที่ป๊อดพูดก็เห็นจริง เธอลืมไปว่าหากเชิดปากโป้งพูดถึงเรื่องในภาพถ่าย ถึงแม้ว่าจะไม่มีหลักฐานแล้ว แต่เถ้าแก่เจียงก็คงคิดสงสัยเป็นแน่ เธอจึงเปลี่ยนความคิด เรียกคนงานชายในบ้านให้เข้ามาพบเธอ เพียงครู่หนึ่ง คนงานชายกลุ่มหนึ่งก็พากันเข้ามาหาเธอที่เรือนไม้ "สิม จ่อย ปลั่ง แก 3 คน ช่วยกันเก็บเสื้อผ้าไอ้เชิดใส่กระเป๋าแล้วเอาตัวมันไปให้พ้นจากบ้านของฉัน อ้อ....รอให้มันฟื้นแล้วช่วยซ้อมมันให้หลาบจำด้วย มันจะได้ไม่กล้าคิดชั่วกับฉันอีก" ทั้งสามคนขานรับคำสั่ง แล้วก็เริ่มจัดการทำตามสิ่งที่วิไลสั่งไปทันที วิไลหันมามองป๊อดแล้วก็พูดขึ้นว่า "ป๊อด...ฉันต้องขอขอบใจเธออีกครั้งนะ........เอ...แล้วเธอรู้ได้เนี่ย....ว่าฉันถูกไอ้เชิดมันทำร้าย" ป๊อดนิ่ง อ้ำอึ้งคิดไม่ออกว่าจะตอบโต้อย่างไรดี แต่แล้วเสียงของน้าขิกก็ดังขึ้น "ก็บอกมันไปซิวะ ว่าเอ็งเดินอยู่แถวนี้พอดี แล้วได้ยินเสียงนังนี่ร้องให้ช่วย" แล้วป๊อดก็ตอบออกไปตามที่น้าขิกแนะนำทันที "พอดีผมเดินออกมาตรวจดูประตูหลังบ้านนะครับ ก็เลยได้ยินเสียงคล้ายเสียงคุณวิไลร้องให้ช่วย ก็เลยแน่ใจว่า คุณวิไลต้องอยู่ในห้องนี้แน่ๆ" พอวิไลได้ยินคำตอบเธอก็ยิ้มให้กับป๊อด พร้อมกับก่อเกิดความรู้สึกด้านดีในตัวป๊อดขึ้นอย่างมาก "ไปเถอะป๊อด เรากลับไปพักผ่อนกัน ดึกมากแล้ว" แล้วทั้งคู่ก็เดินไปจากเรือนของเชิด แล้วแยกย้ายไปนอนพักผ่อนที่ห้องของตน ---------- เป็นเวลาสองสัปดาห์แล้ว ที่รถสีดำของมาร์คแวะเวียนมารับและส่งหลิว ป๊อดคอยเฝ้าติดตามดูพฤติกรรมของมาร์ค ด้วยการทำทีว่ากำลังทำงานอยู่บริเวณใกล้เคียงทางเข้าออกประตูบ้านทั้งเวลาเช้าและเย็น โดยกะเวลาให้ใกล้เคียงกับที่มาร์คจะเข้ามา เขารู้สึกหงุดหงิดใจที่เห็นทั้งคู่สนิทสนมกันมากขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ จนวันหนึ่งมาร์ครู้สึกแปลกใจที่เห็นป๊อดเกือบทุกครั้งที่เขามารับมาส่งหลิว จนในเย็นวันนั้นหลังจากที่เขามาส่งหลิวแล้ว ก็อยู่รอจนหลิวเดินเข้าไปในตัวบ้าน จึงเดินเข้ามาหาป๊อดที่กำลัง ตัดแต่งกิ่งไม้อยู่แล้วพูดขึ้นว่า "เฮ้ย.....มึงตั้งใจมาดักดูกูใช่ไหม..ฮึ..........มึงชอบหลิวเหรอ.." ป๊อดรู้สึกตกใจ ที่มาร์คพูดออกมาตรงใจดำของเขา "เห็นหลิวเขาเล่าให้กูฟังว่า มึงเป็นเด็กวัดที่มาอาศัยเขาอยู่ใช่ไหมวะ ฮ่าๆๆๆ ขำว่ะ ดอกฟ้ากับหมาวัด" ป๊อดถึงกับเบิกตากว้างด้วยความโกรธ จ้องมองหน้ามาร์คนิ่งอยู่หลายนาที แล้วก็รู้สึกว่า จิตของตนเองกำลังตก จึงพยายามหายใจช้าๆ เพื่อระงับความโกรธที่ก่อตัวขึ้น แต่แล้วน้าขิกก็พูดขึ้นว่า "ไอ้หนู...เอ็งต้องการอัดปากมันซักทีไหม....เดี๋ยวข้าช่วย" "ไม่น้า...ปล่อยมันไป" มาร์คเห็นป๊อดพูดพึมพำอยู่คนเดียว แล้วหันหลังเดินหนีเขาไป ก็พูดตามหลังป๊อดออกมา "อีกไม่นาน กูก็คงจะได้ฟันน้องหลิวแล้ว...แล้วก็คงจะได้อีกหลายทีหลังจากนั้น มึง....ต้องรอกูเบื่อก่อนก็แล้วกันนะ ไอ้หมาวัด ฮ่าๆๆๆๆ" ป๊อดหยุดเดินด้วยความรู้สึกพลุ่งพล่าน แล้วพยายามสะกดอารมณ์โกรธที่กำลังพุ่งพวยขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยใจจริงแล้ว เขาอยากจะใช้อำนาจแห่งปลัดขิกจัดการกับมาร์คให้สาสมกับความโกรธของเขาในตอนนี้ แต่เขาคิดถึงคำของพ่อ จึงพยายามสะกดกลั้นอารมณ์โกรธเอาไว้แล้วรีบเดินจากไปโดยเร็ว สองวันต่อมาในตอนเช้า ป๊อดยังคงทำทีเป็นว่ามีงานอยู่บริเวณปากทางประตูบ้านเหมือนเช่นเคย แต่เช้าวันนี้กลับเปลี่ยนไป รถสีดำของมาร์คไม่มาจอดรอตอนเช้าเหมือนเช่นเคย แต่เขากลับเห็นหลิวใส่ชุดนักศึกษาเดินออกมาเหมือนกับว่ากำลังจะออกนอกบ้าน ป๊อดจึงร้องทักหลิวขึ้น "คุณหลิวครับ....คุณหลิวจะไปไหนครับ" . "ไปมหาลัยจ้ะ....." "อ้าว....ไม่มีรถมารับแล้วจะไปยังไงล่ะครับ" "ไปรถประจำทาง.....ฉันยังหนักใจอยู่เลยเนี่ย....ฉันยังไม่เคยเลยจริงๆนะป๊อด กับการขึ้นรถประจำทาง แต่คงต้องหัดแล้วล่ะ จะได้เป็นเหมือนคนอื่นเขาซะที" ."แล้วทำไมไม่ใช้รถของบ้านเราล่ะครับ" "มีแต่รถ...คนขับไม่อยู่ซักคน..น้าใจก็ป่วย ฉันก็ขับรถไม่เป็น แหม....เสียดายจังถ้าป๊อดขับรถเป็นก็ดีนะสิ จะได้ไปส่งฉัน" พอป๊อดได้ยินอย่างนั้นก็นึกเสียใจที่เขาขับรถไม่เป็น แล้วก็นึกวางแผนไว้ในใจว่าจะต้องหาวิธีหัดขับรถให้เป็นให้ได้ จะได้มีโอกาสใกล้ชิดกับหลิวมากขึ้น "แต่ถึงขับไม่เป็นก็ไปส่งได้นะครับ คุณหลิวรอผมเปลี่ยนเสื้อแป๊บนึง เดี๋ยวผมจะพาคุณหลิวขึ้นรถประจำทาง" "จริงเหรอป๊อด.....เอาสิ...ฉันจะรอ" เมื่อป๊อดเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ทั้งคู่ก็เดินออกจากบ้านไปพร้อมกัน ในระหว่างที่เดินไปปากซอยเพื่อรอรถประจำทาง ป๊อดก็ชวนคุยและสอบถามถึงสาเหตุที่มาร์คไม่มารับหลิวในวันนี้ จนเขารู้ความจริงว่า มาร์คพยายามชวนหลิวไปเที่ยวกับเขา หลังเลิกเรียนอยู่หลายครั้ง แต่หลิวไม่ยอมไป มาร์คจึงรู้สึกไม่พอใจต่อว่าหลิว จนมาถึงเช้าวันนี้ก็ไม่ยอมขับรถมารับหลิว เหมือนอย่างเคย เขารู้สึกโล่งใจ หากมาร์คจะไม่มายุ่งวุ่นวายกับหลิวอีก และเขายิ่งรู้สึกดีใจมากขึ้นเมื่อหลิวบอกกับเขาว่า ความจริงเธอก็ไม่ได้คิดอะไรกับมาร์ค เพียงแต่มาร์คเสนอตัวเข้ามา ชวนเธอพูดคุยอยู่หลายครั้ง เธอก็เลยทดลองคบดูเพื่อศึกษานิสัย แต่ถ้าหากมันเข้ากันไม่ได้ มาร์คก็คงจะเลิกไปเองเหมือนที่เป็นอยู่ตอนนี้ ป๊อดหน้าบานอย่างมีความสุข เมื่อรู้ว่าสิ่งที่เขากำลังเป็นกังวลมันได้คลี่คลายไปในทางที่ดีแล้ว ทั้งคู่ก้าวขึ้นรถประจำทางที่มาจอดเทียบ แต่ไม่ได้ที่นั่ง หลิวพึ่งเคยขึ้นรถประจำทางเป็นครั้งแรก และก็พึ่งสัมผัสกับการยืนบนรถประจำทางเป็นครั้งแรกเช่นกัน เธอค่อนข้างเก้ๆกังๆ กับท่ายืนที่ต้องใช้มือจับเหล็กที่พนักเก้าอี้ และการวางเท้าเพื่อต้านแรงโคลงเคลงของรถเวลาเบรค ร่างของเธอจึงไม่ค่อยมั่นคงนัก และมักจะเซมากระทบกับป๊อดที่ยืนประกบอยู่ข้างๆอยู่บ่อยครั้ง "อุ๊ย.....ขอโทษนะป๊อด....หลิวไม่ได้ตั้งใจ" เธอพูดขึ้น เมื่อรถเบรคกระทันหัน จนร่างของเธอเซไปกระทบกับร่างของป๊อดอย่างแรง ใบหน้าของเธอห่างจากใบหน้าของป๊อดแค่เพียงคืบ จนป๊อดได้กลิ่นหอมละมุนจากแก้มของเธออย่างเต็มๆ แต่มันไม่เพียงแค่นั้นสะโพกอันเต่งตึงภายใต้กระโปรงที่รัดติ้ว ก็มักจะเซไปโดนกับเป้าของเขา อยู่บ่อยครั้ง จนป๊อดเริ่มมีอาการแข็งตัวอย่างควบคุมไม่อยู่ ป๊อดพยายามชวนเธอคุย เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเองไม่ให้หมกมุ่นคิดอย่างนั้นกับเธอ การพูดคุยเป็นไปอย่างเพลิดเพลินออกรสชาติ จนป๊อดรู้สึกว่า เพียงเดินทางร่วมกับหลิวแค่เพียงวันเดียวก็ทำให้ทั้งเขาและเธอเพิ่มความสนิทสนมกันมากขึ้น ทั้งนี้ก็เพราะหลิวเป็นคนไม่ถือตัว และมีอัธยาศัยที่ดี แล้วรถประจำทางคันนั้นก็มาจอดที่ป้ายใหญ่ซึ่งมีคนรอรถอยู่เป็นจำนวนมาก คนเหล่านั้นพากันแย่งขึ้นรถจนเกิดสภาพเบียดเสียดกันในรถ เกิดขึ้น หลิวถอยเท้าเข้ามาด้านในจากการถูกคนที่เข้ามาใหม่ผลักดันเข้ามา คนแล้วคนเล่า จนในที่สุดเธอก็ไม่มีที่ให้ถอย ด้านหลังของเธอในตอนนี้ จึงแทบจะแนบสนิทกับตัวป๊อด ส่วนด้านหน้าเธอก็ใช้กระเป๋าสะพายและลำแขนบังเอาไว้ ป๊อดพยายามควบคุมท่อนเอ็นของเขาที่กำลังจะแข็งตัว เมื่อรู้สึกว่ามันกำลังอยู่ในตำแหน่งกลางร่องสะโพกของหลิวอย่างพอดี ยิ่งในเวลาที่รถเบรคจนหลิวเซเข้ามาหาเขา มันก็ยิ่งแนบแน่นจนกดลึกลงไป อีกทั้งกลิ่นหอมจากซอกคอของหลิวก็โชยอ่อนๆมาตลอดเวลา มันจึงเป็นเรื่องยากอย่างยิ่งที่จะให้เขาทำใจไม่คิดได้ ยิ่งสะโพกของหนิงแช่นิ่งค้างอยู่อย่างนี้นานเข้า เขาก็ไม่สามารถอดทนที่จะไม่คิดได้อีกต่อไป ป๊อดเริ่มปลดปล่อยอารมณ์ตัวเองไปตามสถานการณ์ ท่อนเอ็นของเขาแข็งตั้งเป็นลำและกำลังฝังตัวลงไปในร่องก้นของหลิว จนหลิวเองก็เริ่มรู้สึกได้แต่เธอก็ไม่รู้ที่จะเลี่ยงหลบไปทางไหน จึงได้แต่ยืนเฉย ทำเป็นไม่รับรู้อะไร ป๊อดเองก็พยายามกลบเกลี่อนด้วยการชวนคุยเรื่องอื่นๆ แต่ความรู้สึกในตอนนี้จริงๆของเขากลับหมกมุ่นอยู่กับสะโพกอันเต่งตึงของหลิว รสสัมผัสจากการแนบชิดและถูไถอยู่ไปมา ทำให้ป๊อดสร้างจินตนาการจนเกิดความเสียวไปทุกรูขุมขน และนึกเสียดายเมื่อเห็นว่า รถประจำทางได้เดินมาใกล้ที่หมายแล้ว "ป๊อดคนแน่นอย่างนี้ แล้วหลิวจะออกยังไงล่ะป๊อด" หลิวหันมากระซิบจนเกือบติดใบหน้าของเขา ลมปากอุ่นๆของเธอ แทบทำให้เขาอยากจะจูบเธอเลยซะตรงนั้น "ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวคุณหลิวตามผม" ป๊อดพยายามแหวกช่องที่แออัดนำออกไป พร้อมกับเอ่ยปากขอทางโดยมีหลิวเขยิบตามมาติดๆ แต่ด้วยความแน่นนั่นเอง ทำให้รองเท้าของหลิวข้างหนึ่งหลุดติดอยู่ในรถด้านใน หลิวร้องบอกป๊อดด้วยความรู้สึกร้อนรน "ป๊อด ...รองเท้าของหลิว หลุดอยู่ข้างในทำไงดี" ป๊อดหันกลับมาแล้วตัดสินใจเบียดตัวแทรกกลับเข้าไปใหม่เพื่อควานหารองเท้า แต่ครั้งนี้มันกลับแน่นกว่าขาออกมา เพราะมีตัวของหลิวยืนอยู่ ป๊อดพยายามเบียดตัวเข้าไปจนตามเก็ยรองเท้าคืนมาได้ แต่เขาก็พึ่งรู้สึกว่าเขาได้หันไปประจัญหน้ากับหลิว เสียแล้ว ดังนั้นสิ่งที่เป้าของเขากำลังเบียดอยู่จนรู้สึกได้ว่า มันโหนกนูนขึ้นมามากกว่าส่วนอื่นๆ ก็คงไม่ใช่อย่างอื่นเสียแล้ว มันต้องเป็นเนินเนื้อของหลิวอย่างแน่นอน พอเขาคิดได้อย่างนั้นลำเอ็นของเขาก็แข็งผงาดออกมาอย่างเต็มที่ทันที ตอนนี้ทั้งสองกำลังรอรถจอดป้ายเพื่อจะลง แต่ไม่สามารถจะมองหน้ากันได้อย่างเต็มตานัก เพราะต่างคนต่างก็รู้ว่า เป้าของทั้งสองฝ่ายกำลังเบียดเสียดแนบชิดกันอยู่ จนรู้สึกได้ถึงขนาดของกันและกัน

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น