AEl5Nk.gif AEl5Nk.gif


เหตุเกิดที่โรงแรมblPdyV.gif
โดย Tom Mm

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
29/07/66

เต้ยกับพี่ติ่ง blPdyV.gif
โดย ตฤษณา

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

ผิดที่เมย์เองเลยโดนจับขึงพืดblPdyV.gif
โดย Uratarou

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

ฝึกงานที่บริษัทขายหมู่บ้านจัดสรรblPdyV.gif
โดย 子翔吳

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

พ่อเลี้ยงของหนู EP1blPdyV.gif
โดย Ken Ken

ข้อมูลอัฟเดทล่าสุด
28/07/66

วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2563

อาถรรพ์ปลัดขิก ตอนที่ 16 พ้นวิกฤต

อาถรรพ์ปลัดขิก ตอนที่ 16 พ้นวิกฤต
โดย Kamen Rider V-3"

อ้าาาาา......." ป๊อดส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด แล้วรวบรวมพละกำลังที่ยังมีอยู่ยึดจับมือของชิตที่พยายามผลักดันคมมีด ให้จมลึกลงมาในท้องของเขา "มึงตายซะเถอะ.......เหนียวนักใช่ไหมมึง.............นี่.........." "โอ๊ววว........" มีดหมอหลวงพ่อเดิม เป็นวัตุมงคลที่มีผ่านการอธิษฐานจิตจากพระอริยสงฆ์ผู้ทรงอภิญญาขั้นสูง จึงสามารถทำลายล้าง คุณไสย มนต์ดำ หรือแม้แต่การปลุกเสกใดๆได้ทุกชนิด ดังนั้นคมมีดหมอหลวงพ่อเดิมจึงสามารถทะลุผ่านร่างของป๊อด ที่ถึงแม้ว่าจะมีปลัดขิกที่ลงอักขะมหาอุตม์คุ้มครองอยู่ จนแม้แต่มนต์พญาลิงลมก็เสื่อมพลังอำนาจลงไปด้วย ถึงตอนนี้ป๊อดจึงมีแต่พละกำลังของตนเองแต่เพียงอย่างเดียว ที่จะหยุดยั้งคมมีดไม่ให้ทะลุผ่านร่างของเขามากไปกว่านี้ เลือดของป๊อดยังคงไหลออกมาไม่หยุด เรี่ยวแรงของเขาค่อยๆถดถอยลงเรื่อยๆ แต่เขาก็ยังพยายามรวบรวมกำลังทั้งหมด หยุดยั้งไม่ให้ชิตฝังคมมีดลึกเข้ามาได้อีก ขณะที่ชิตและป๊อดกำลังยื้อยุดกันอยู่นั้น ไอ้ซันที่ถูกเหวี่ยงออกไปด้วยกำลังแรงของฤทธิ์พญาลิงลม ก็ค่อยๆฟื้นจากอาการมึนงง แล้วหันไปเห็นลูกพี่ของมันกำลังโหมแรงขึ้นคร่อมร่างของป๊อดอยู่ มันจึงยันตัวลุกแล้วรีบเดินตรงเข้ามาหมายจะช่วยชิต ซ้ำเติมป๊อดอีกแรงหนึ่ง แต่ทันใดนั้น ก็บังเกิดเงาดำเคลื่อนที่ตัดหน้ามันไปวูบหนึ่ง แล้วใบหน้าของมันก็ผงะหงายไปข้างหลังอย่างแรงแล้วล้มลง กองอยู่กับพื้นนิ่งสนิท คล้ายอาการของคนคอหักตายอย่างไม่ทราบสาเหตุ แล้วเงาดำนั้นก็พุ่งปราดเข้าไปยังจุดที่ป๊อดกับชิต กำลังต่อสู้กันอยู่ แล้วร่างของชิตก็ลอยกระเด็นออกไปด้วยกำลังแรง ชนเข้ากับผนังห้องอย่างแรงจนมีดหมอหลวงพ่อเดิม กระเด็นหลุดออกจากมือ "โครมม ! " ชิตหันซ้ายหันขวาอย่างมึนงง ที่จู่ๆก็ถูกกระแทกอย่างแรงจนตัวมันต้องลอยออกมาแล้วจุกจนตัวงอ "ใครวะ.....ใครทำกู....." เมื่อมองไม่เห็นว่าเป็นใคร ชิตก็ยิ่งโกรธแค้น มันจึงปิดตาลงพึมพำออกมาเป็นมนต์ภาษาเขมรอยู่ครู่หนึ่งแล้วเป่าพรวดออกมา พลันก็ค่อยๆปรากฎเป็นเงาร่างของโหงพราย กำลังตรงเข้ามาประชิดถึงตัวมัน ชิตตกใจจนตาเหลือก รีบลนลานล้วงมือลงไปในย่าม หยิบหุ่นไม้ที่สะกดดวงวิญญาณของโหงพรายออกมาทันที แต่ไม่ทันการเสียแล้ว โหงพรายถลันเข้ามาถึงตัวมันเสียก่อนแล้วใช้สองมือที่มีเล็บงุ้มงอ บีบเข้าที่ลำคอของมันอย่างแรง พร้อมกับแผดเสียงกร้าวออกมาอย่างดุร้าย "ไอ้คนสารเลว.....มึงอย่าอยู่เลย......มึงทรมานกูมาช้านานแล้ว.....ตายซะในวันนี้เถอะ" "อ้อก....อ้อก......ไอ้โหงพราย....ปล่อยกู.....อ้อก.ๆๆ...." ชิตหน้าแดงกล่ำหายใจด้วยความยากลำบาก แล้วพยายามดิ้นรนออกจากมือทั้งสองของโหงพรายอย่างสุดกำลัง แต่แล้วมัน ก็กลับมามีสติฝืนร่ายมนต์สะกดที่กำกับหุ่นไม้นั้นออกมาด้วยลมหายใจที่กำลังจะหมดลง เมื่อมนต์สะกดถูกร่ายออกมาจนจบ โหงพรายก็ถูกอำนาจของมนต์ผลักดันจนผงะถอยออกมา โหงพรายกำลังอาฆาตแค้น ก็พุ่งเข้าหาชิตอีกครั้ง แต่มันก็ไม่สามารถที่จะฝ่ากำแพงมนต์เข้าไปทำร้ายชิตได้อีก ชิตลูบคลำที่ลำคออย่างโล่งอก หลังจากเกือบสิ้นสติจากการขาดอากาศหายใจ แล้วเพ่งจ้องไปที่ร่างของโหงพรายอย่างโกรธแค้น "ไอ้โหงพราย....มึง...มึงทรยศแว้งกัดกู...อย่างนี้กูคงเลี้ยงมึงไว้ไม่ได้แล้ว.......มึงจงทุกข์ทรมานไปตลอดกาลเถอะ" แล้วเชิดก็ล้วงมือลงไปในย่ามหยิบเอาเหล็กแหลมขึ้นมา แล้วทิ่มไปที่หน้าอกของหุ่นไม้อย่างแรง "นี่ !......." พลันโหงพรายก็ส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนออกมาอย่างทุกข์ทรมาน "โอ๊ยยยยยยย..............เจ็บเหลือเกิน.......โอ๊ยยยยยยยยยยยยย................." "พอเหรอ......นี่แหนะ...........ไอ้ผีทรยศ.............นี่.....นี่......." "โอ๊ยยยยยย.........ข้าเจ็บปวดเหลือเกิน.............พอแล้ว.....ข้ายอมแล้ว......โอ๊ยยยยยย......." ป๊อดนอนระทวยอยู่กับพื้นด้วยฤทธิ์ของบาดแผลที่ถูกแทง โดยมีหลิวเข้ามานั่งดูแลอาการอยู่ใกล้ๆด้วยความเป็นห่วง "ป๊อด....เป็นยังไงบ้าง....เจ็บมากไหม" ป๊อดพุ่งความสนใจไปที่เสียงร้องอย่างโหยหวนของโหงพราย ก็รู้ว่าโหงพรายกำลังถูกทรมาน จึงพูดกับหลิวอย่างแผ่วเบาว่า "คุณหลิวครับ....ช่วยพยุงผมลุกขึ้นนั่งที" "จะไหวหรือป๊อด" ป๊อดพยักหน้าอย่างเชื่องช้าแทนคำตอบ หลิวจึงสอดมือไปที่ต้นคอของเขาแล้วประคองร่างของป๊อดให้ลุกขึ้นนั่งโดยให้อิง ไว้กับร่างของเธอ ป๊อดพยายามนั่งขัดสมาธิแล้วปิดตาลง โดยตั้งใจจะเข้ากสิณไฟด้วยสติที่ยังพอเหลืออยู่ เขาพยามดิ่งจิตลึกลงเข้าสู่ระดับฌาณ ด้วยความยากลำบาก จากสภาพอันอิดโรยเนื่องด้วยพิษของบาดแผล แต่แล้วในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ เมื่อนิมิตรแห่งดวงไฟ ได้บังเกิดลุกโพลงขึ้นในมโนทวาร ป๊อดจึงลืมตาขึ้นแล้วเพ่งกระแสจิตไปยังหุ่นไม้ในมือของชิตนั้นเพียงจุดเดียว เนื่องจาก เขาประเมินแล้วว่ากำลังกสิณของเขาในตอนนี้อ่อนกำลังนัก พลันหุ่นไม้ในมือของชิตก็ลุกโชติช่วงไปด้วยเปลวไฟจนชิตตกใจสลัดมันทิ้งออกจากมือ โหงพรายก็พลันหลุดพ้นจากการถูกทรมาน แล้วจ้องมองชิตอย่างโกรธแค้น ชิตเห็นดังนั้นก็รีบถลาลนลานไปที่หุ่นไม้หมายจะหยิบมันขึ้นมา แต่โหงพรายก็ปราดเข้าไป ขวางหน้ามันเอาไว้ "หึ.....ทีนี้มึงก็ทรมานกูไม่ได้อีกต่อไปแล้ว.....อย่าอยู่เลยมึง" แล้วโหงพรายก็พุ่งเข้าหาชิตด้วยอาการโกรธแค้น แต่ร่างของโหงพรายก็สะท้อนกลับออกไปอย่างแรงเช่นกัน นั่นก็เป็นเพราะไฟกสิณ ที่ลุกไหม้หุ่นไม้นั้นมอดดับลงก่อนที่สายสิญจน์ที่พันธนาการหุ่นนั้นจะถูกทำลายลง โหงพรายจึงได้แต่จ้องมองมายังมันด้วยดวงตา อันวาวโรจน์ ชิตเห็นเป็นโอกาสดีที่โหงพรายทำอะไรตนเองไม่ได้ ก็หันมองไปโดยรอบแล้วก็เห็นปืนกระบอกหนึ่งตกอยู่ใกล้ๆร่างของลูกสมุนของมัน ชิตยิ้มออกมาอย่างเหี้ยมเกรียม แล้วตรงเข้าไปหาปืนกระบอกนั้นทันที เป็นเวลาเดียวกันกับที่ป๊อดก็กำลังบอกหลิวด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา "คุณหลิวครับ....คุณหลิวเห็นมีดหมอกับหุ่นไม้ที่อยู่ตรงหน้าของเราไหม ผมอยากให้คุณหลิวช่วยไปเอามีดหมอเล่มนั้นไปตัดสายสิญจน์ ที่พันหุ่นไม้นั้นออกให้หมด คุณหลิวจะทำได้ไหมครับ" หลิวมองตามไปยังสิ่งที่ป๊อดบอก และเห็นว่าของทั้งสองสิ่งอยู่ห่างจากจุดที่เธออยู่ไปไม่ไกลนัก "ได้สิป๊อด....งั้นป๊อดนอนลงก่อนนะ" แล้วหลิวก็ถอนวงแขนวางร่างของป๊อดลงนอนกับพื้น แล้วรีบตรงไปยังจุดที่มีดหมอตกอยู่ทันที พร้อมกับหยิบหุ่นไม้ที่อยู่ใกล้ๆกันขึ้นมา แล้วใช้คมของมีดหมอเฉือนตัดจนสายสิญจน์ที่พันรอบหุ่นไม้นั้นขาดสะบั้นลงทันที ทันทีที่สายสิญจน์ขาดสะบั้นลง โหงพรายก็รู้สึกได้ถึงอิสระภาพที่ได้รับการปลดปล่อย และสิ่งแรกที่มันคิดจะทำก็คือ ฆ่าไอ้คนที่จับมันมาสะกดไว้แล้วทรมานมันครั้งแล้วครั้งเล่า ร่างของโหงพรายหายวับไปจาก ณ ที่ตรงนั้น แล้วไปปรากฏอยู่ที่เบื้องหน้า ของชิตในขณะที่มันกำลังก้มลงไปหยิบปืน ชิตเงยหน้าขึ้นมองดูโหงพราย พร้อมกับแสยะยิ้มออกมาอย่างชะล่าใจ เพราะคิดว่าโหงพราย คงทำอะไรตนเองไม่ได้จึงไม่ทันระวังตัว มันจึงถูกโหงพรายรวบลำคอของมันไว้ด้วยมือข้างหนึ่งอย่างง่ายดาย แล้วใช้มืออีกข้างเงื้อตบไปที่หัวของชิตอย่างแรง "มึงตายซะเถอะ....ไอ้ชิต......กร๊อบบ" ชิตคอหักตายคามือของโหงพราย แล้วถูกโยนร่างทิ้งไปอย่างไม่ใยดี จากนั้นโหงพรายก็ตรงเข้าไปยังร่างของลูกสมุนคนหนึ่งของชิต ที่อยู่ใกล้ที่สุดหมายจะเข้าไปหักคอให้มันตายไปตามลูกพี่ของมัน แต่ก็ถูกป๊อดส่งกระแสจิตเข้าไปยับยั้งเอาไว้ "โหงพราย...พอเถอะ.....อย่าสร้างเวรกรรมให้ติดตัวไปเลย..." แล้วป๊อดก็สิ้นสติไปจากการเสียเลือดไปเป็นจำนวนมาก ----------- หลังจากที่เถ้าแก่เจียงโทรศัพท์ติดต่อไปยังนายพลตำรวจเพื่อนสนิทตั้งแต่ในวัยเด็ก แล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น ให้นายพลตำรวจท่านนั้นฟังจนหมดสิ้น เพียงไม่นานกองกำลังของตำรวจประจำพื้นที่ก็ถูกส่งมาที่บ้านของเถ้าแก่เจียง แล้วเข้ารวบตัวลูกสมุนทั้งหมดของชิตใส่กุญแจมือพร้อมกับเข้าเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ จากนั้นก็ตามติดมาด้วยเสียงของหวอรถพยาบาลที่ดังกระชั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แล้วจอดลงที่หน้าบ้านของเถ้าแก่เจียง บุคลากรของทางโรงพยาบาล กุลีกุจอลงมาจากรถพร้อมกับเปล รถเข็น และอุปกรณ์ปฐมพยาบาลครบมือ แล้วตรงไปที่ร่างของป๊อด เป็นคนแรก โดยมีหลิวและหนิงประกบอยู่ใกล้ๆ แล้วทำการปฐมพยาบาลให้กับป๊อด และในขณะที่ตำรวจและบุคลากรของโรงพยาบาลกำลังปฏิบัติหน้าที่กันอยู่อย่างรีบเร่ง รถยนต์หรูสีดำคันหนึ่งก็ขับเข้ามา ในบริเวณบ้านของเถ้าแก่เจียงอีกคันแล้วจอดสนิทลง พลตำรวจซึ่งทำหน้าที่เป็นพลขับ รีบลงมาเปิดประตูหลังให้นายพลตำรวจ นายหนึ่งลงมาจากรถ แล้วเดินตรงเข้าไปยังบริเวณบ้าน เหล่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังเก็บหลักฐาน พอเห็นนายพลตำรวจนายนั้นเดินใกล้เข้ามายังจุดที่ตนกำลังปฏิบัติภารกิจอยู่ ก็พากันยืนตรง แล้วกระทำวันทยาหัตย์อย่างตกใจ นายพลตำรวจคนนั้นก็กระทำวันทยาหัตย์ตอบพร้อมกับเดินตรงเข้าไป ภายในบ้านโโยมิได้ทักทายเจ้าหน้าที่ตำรวจเหล่านั้น ตำรวจยศนายสิบคนหนึ่งทนต่อความสงสัยไว้ไม่ได้ เมื่อเห็นว่านายพลท่านนั้นเดินห่างออกไปแล้ว ก็พูดขึ้นกับเพื่อนตำรวจด้วยกัน "ท่านอยู่สังกัดไหนวะ คดีนี้ถ้าจะไม่ธรรมดาซะแล้ว ขนาดท่านนายพลยังต้องมาลงพื้นที่ด้วยตัวเองเลย" "ใช่....ผมก็ไม่เคยเห็นท่านมาก่อนเลยนะ หมู่...สงสัยเราจะได้ออกข่าวกันแน่เลยงานนี้" ในระหว่างนั้นเองผู้หมวดหนุ่มก็เดินเข้ามายังจุดที่ตำรวจทั้งสองกำลังคุยกันอยู่ "เอาหมู่.......มัวแต่คุยกันอย่างเนี้ย แล้วเมื่อไหร่จะเสร็จล่ะ" "จะเสร็จอยู่แล้วครับหมวด........ว่าแต่หมวด เห็นท่านนายพลเมื่อสักครู่ไหม" "เห็น...ทำไมเหรอ....นั่นท่านรองฯ เดชา ท่านเป็นเพื่อนกับเสี่ยเจียงเจ้าของบ้านนี้" "อ๋อ...ถึงว่า....ผมตกใจหมดเลย......คิดว่าคดีนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องสำคัญๆที่ต้องเร่งมือกันทั้งวันทั้งคืนอีกแล้ว...โล่งไปที" "ไม่โล่งแล้วล่ะหมู่ คดีนี้ผู้กำกับฯ ท่านสั่งมาเองเลยว่า จะต้องเร่งมือหาตัวผู้ที่อยู่เบื้องหลังให้ได้โดยเร็วที่สุด ฉันถึงต้องมาเร่งหมู่นี่ไง" "นั่นไง...ผมว่าแล้ว คดีนี้มันต้องไม่ธรรมดา" เถ้าแก่เจียงทราบจากคนรับใช้ที่เข้าไปเชื้อเชิญต้อนรับท่านนายพลให้เข้าไปยังห้องรับแขก ก็รีบออกมาพบนายพลตำรวจเพื่อนเก่าในทันที "โอ้วว.....สวัสดีครับท่านรองฯ เดชา ขอบพระคุณท่านมากๆ เลยครับ ที่ช่วยจัดการเรื่องนี้ให้กับผม แต่ท่านไม่จำเป็นต้องมาเองก็ได้นี่ครับ ผมเกรงใจ" "เฮ้ยยย.....เจียง...ทำไมลื้อพูดกับอั๊วอย่างนี้วะ....ไม่เอาๆ...พูดใหม่ เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆ...ลื้อต้องเรียกอั๊วเหมือนเดิมสิวะ" "ไม่ได้หรอกครับ...ถ้าทำอย่างนั้นก็จะเป็นการไม่ให้เกียรติท่าน ถึงสนิทแค่ไหนผมก็ทำอย่างนั้นไม่ได้..." "แต่สำหรับลื้อ...ได้เสมอ...อั๊วไม่ถือ...สมัยที่อั๊วยังเด็ก หากไม่ได้เตี่ยลื้อ แล้วก็ตัวลื้อช่วยไว้ มีเหรอที่อั๊วจะมีวันนี้" "ฮ่าๆๆ.......ย้อนอดีตไปไกลเลยนะท่าน เอาเป็นว่า ผมขอเอาไว้ตอนที่เราอยู่กันเพียงลำพังเถอะนะครับ จะให้ผม เรียกชื่อท่านเฉยๆก็ได้ แต่ในตอนที่มีคนอื่นอยู่ด้วยแบบนี้ มันดูไม่เหมาะสม" "ฮ่าๆๆๆ.......เอาเถอะ...ตามใจลื้อ แต่อั๊วจะเรียกลื้อเหมือนเดิมนะเจียง ฮ่าๆๆๆๆ....เออว่าแต่ที่ลื้อเล่าให้อั๊วฟังทางโทรศัพท์ เห็นว่าพวกมันมากันสี่ห้าคน พร้อมปืนเลยไม่ใช่เหรอ แล้วลื้อรอดมาได้ยังไงวะเนี่ย" "โอวว....เรื่องมันยาวท่านรองฯ โน่น..." เถ้าแก่เจียงชี้มือไปยังป๊อดที่กำลังถูกพยุงร่างให้ขึ้นไปนอนบนเตียงรถเข็น "ท่านเห็นเด็กหนุ่มที่บรุษพยาบาลกำลังหามไปขึ้นเปลนั่นไหม หากไม่ได้เจ้าเด็กนั่น ป่านนี้ผมคงไม่ได้อยู่คุยกับท่านแล้ว" รองฯเดชา หันมองไปยังจุดที่เถ้าแก่เจียงชึ้ ก็เห็นเป็นเด็กหนุ่มรูปร่าง ผอมบาง ที่กำลังถูกพยุงตัวอยู่ แม้จะมีร่างกายที่สูงแต่ก็ดูเด็กนัก อายุคงราวๆ 17 ปี ก็ยิ่งเกิดความสงสัย "เด็กคนนั้นคนเดียวเนี่ยนะ ที่ฟาดให้พวกนี้ซะสลบเหมือดไปอย่างนี้" "ใช่ครับท่าน เขานี่แหละ ผมรับเขามาอุปการะให้เรียนหนังสือ เดิมทีเขาเป็นเด็กวัด ผมก็พึ่งรู้วันนี้แหละว่าเด็กคนนี้ มันมีฝีมือ ผมเองก็อยากจะให้มันไปสอบนายสิบตำรวจแล้วก็คิดจะฝากฝังไว้กับท่านอยู่เหมือนกัน" "เฮ้ย....ดีเลยเจียง...อั๊วกำลังอยากได้เด็กที่มีแววมาปั้นทีมอยู่พอดี ให้มันไปสอบได้เลยเดี๋ยวอั๊วจัดการให้" "ทีมอะไรเหรอ..ท่านรองฯ" "อ้าว...นี่ลื้อจำไม่ได้เหรอว่าอั๊วดูแล ตำรวจพลร่ม ค่ายนเรศวรอยู่ อั๊วจะให้เด็กของลื้อไปฝึกที่นี่ร่วมกับเด็กของอั๊ว อั๊วกำลังจะสร้างทีมตำรวจสายลับ เพื่อจัดการกับกลุ่มอิทธิพลที่กำลังแผ่บารมีอยู่ในเวลานี้ ไอ้เสี่ยวิชัยศัตรูของลื้อก็อยู่ในข่ายที่อั๊ว กำลังเฝ้าจับตามองอยู่เหมือนกัน" แล้วรองเดชาฯ ก็รับปากกับเสี่ยเจียงว่า จะช่วยบอกกับพรรคพวกให้เร่งสืบค้นหลักฐานคดีนี้เพื่อเอาผิดกับเสี่ยวิชัยให้ได้ จากนั้นก็พูดคุยสอบถามข้อมูลกับเถ้าแก่เจียงอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงลากลับไป ------ รุ่งเช้าวันใหม่ที่โรงพยาบาลเอกชน อันเป็นที่สมาชิกในบ้านของเถ้าแก่เจียงใช้บริการอยู่เป็นประจำ ร่างของป๊อด ถูกเข็นออกมาจากห้องผ่าตัด แล้วเข้ามาพักฟื้นอยู่ในห้องคนไข้พิเศษตามที่เถ้าแก่เจียงได้จัดเตรียมไว้กับทางโรงพยาบาล ภายในห้องนั้นมีสมาชิกครอบครัวของเสี่ยเจียง เฝ้ารอคอยฟังอาการของป๊อดจากหมอผู้ผ่าตัดกันครบทุกคน หมอผู้ทำการผ่าตัด แจ้งว่าป๊อดพ้นขีดอันตรายแล้ว เขาถูกคมมีดแทงทะลุไปถึงกระเพาะต้องผ่าตัดใหญ่เพื่อเย็บแผลภายในและต้องพักฟื้นอยู่ที่ โรงพยาบาลอีกหลายวัน เสี่ยเจียงรู้สึกซาบซึ้งที่ป๊อดได้เสี่ยงชีวิตช่วยครอบครัวของเขาไว้ และยินดีที่เขาพ้นขีดอันตรายมาได้ บุตรสาวทั้งสองของเถ้าแก่เจียง เองก็เช่นเดียวกัน พอทราบผลของการผ่าตัดจากหมอแล้ว ก็พากันล้อมดูป๊อดที่ยังหลับสนิทอยู่บนเตียงด้วยฤทธิ์ของยาสลบ หลิวรู้สึกกระวนกระวายเป็นห่วงป๊อดจนไม่สามารถนั่งได้นานๆ เธอเอาแต่ผุดลุกผุดนั่งคอยดูว่าเมื่อไหร่ป๊อดจึงจะรู้สึกตัว แต่ก็ไม่กล้าแสดงออกมาให้คนอื่นเห็นมากนัก เหตุการณ์ในคืนที่ผ่านมาทำให้เธอรู้แก่ใจของเธอดีว่า เธอรู้สึกเป็นทุกข์มากเช่นใด ยามเมื่อเห็นเขาเป็นอันตราย ทั้งยังรู้สึกขอบคุณในน้ำใจของเขา ที่ไม่ว่าครั้งใดที่เธอต้องการความช่วยเหลือ เขาคนนี้ ก็จะปรากฎตัวและเข้ามาให้การช่วยเหลือเธอไว้ได้ทันท่วงทีทุกครั้ง ถึงตอนนี้เธอเริ่มเข้าใจแล้วว่า เธอรู้สึกกับเขาเช่นใด เธอต้องการเห็นเขาปลอดภัยและลืมตาขึ้นมาพูดคุยกับเธออย่างที่สุด ผิดกับหนิงที่แสดงถึงความเป็นห่วงป๊อดออกมาอย่างชัดเจน เธอนั่งเฝ้ามองดูหน้าเขาจนชิดขอบเตียงอยู่ตลอดเวลา จนวิไล เองก็มองดูอย่างรู้สึกขัดเขินแทน และลอบมองไปยังเถ้าแก่เจียงว่าจะมีอาการเช่นไรกับพฤติกรรมของลูกสาวคนเดียวของเธอ เวลาผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง เข้าสู่ช่วงเวลาสายของวันนั้นป๊อดก็รู้สึกตัวและลืมตาขึ้น เขาเหลียวมองไปโดยรอบก็รู้ว่าตนเอง อยู่ในโรงพยาบาล แล้วจึงเพ่งมองไปยังใบหน้าของคนที่กำลังห้อมล้อมอยู่รอบเตียงที่เขานอนอยู่ทีละคน ป๊อดมีสติกลับมาเป็นปกติแล้ว เขายิ้มอย่างรู้สึกดีใจที่เห็นบุคลเหล่านี้ซึ่งเขาถือเสมือนเป็นครอบครัวของเขา ได้มารวมตัว มองดูเขาด้วยดวงตาที่แฉวแววแห่งความยินดีที่เห็นเขาลืมตาขึ้น เถ้าแก่เจียงเป็นคนแรกที่เริ่มเอ่ยปากทักขึ้น "ป๊อด ลื้อเป็นอย่างไรบ้าง เจ็บแผลมากไหม" ป๊อดพยายามจะยกมือไหว้ แต่ถูกห้ามไว้ "รู้สึกตึงๆที่แผลเท่านั้นครับ ขอบคุณครับเถ้าแก่" "เฮ้ย....อั๊วต่างหากที่ต้องขอบคุณลื้อ.....ถ้าลื้อไม่เข้ามาช่วย ป่านนี้ทุกคนในบ้านจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้" ป๊อดรู้สึกภาคภูมิใจที่ตนเองได้มีโอกาสปกป้องบุคคลที่เขารัก จึงเอ่ยขึ้นด้วยความรู้สึกจากใจ "ผมรักทุกคนที่อยู่ในบ้านนี้ ผมจะไม่มีวันยอมให้ใครมาทำร้ายคนในบ้านหรอกครับ เถ้าแก่" เถ้าแก่เจียงรู้สึกซาบซึ้ง และยิ่งมีเมตตาต่อป๊อดมากยิ่งขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดของป๊อด ถึงกับเอื้อมมือไปลูบหัวป๊อด "ดีมาก ดีมาก....ที่ลื้อคิดอย่างนี้ อั๊วเองก็ไม่เคยเห็นลื้อเป็นคนอื่นเลย" แต่แล้วเถ้าแก่เจียงก็นึกเรื่องหนึ่งที่เขาคิดสงสัยขึ้นมาได้ จึงถามขึ้น "อาป๊อด....อั๊วขอถามลื้อจริงๆนะ เมื่อคืนที่ลื้อสู้กับไอ้พวกนั้น ลื้อไปเรียนวิชาแบบนั้นมาจากไหน" ป๊อดถูกถามเข้าเช่นนี้ก็ถึงกับนิ่งอึ้ง เขาเองก็ลืมไปเลยว่าได้เปิดเผยความลับที่เขาได้เรียนไสยดำออกไปอย่างเปิดเผย เพราะในตอนนั้นเขามีเพียงแต่ความวิตกกังวลที่จะช่วยเหลือคนในบ้านเท่านั้น ป๊อดนิ่งอึ้งแล้วมองไปยังใบหน้า ของแต่ละคนที่กำลังจ้องมองมายังเขาเหมือนกำลังรอคอยคำตอบอยู่เช่นกัน "เอ่อ.....เอ่อ.........." "เอาเถอะ...ๆ อั๊วเข้าใจ ลื้อคงลำบากใจที่จะพูดออกมาเอง แต่อั๊วก็พึ่งรู้นะว่าหลวงตาเปลวท่านก็เป็นวิชาพวกนี้ด้วย ลื้ออยู่กับหลวงตามาโดยตลอดหนิ ลื้อจะไปเรียนจากคนอื่นได้อย่างไร จริงไหม" "ไม่ใช่ครับเถ้าแก่...ไม่ใช่หลวงตา....แต่......" "เออน่า....อั๊วเข้าใจ...อั๊วจะไม่บอกใครให้หลวงตาท่านเสื่อมเสียหรอก ลื้อก็ไม่ได้เอาวิชาของหลวงตาไปทำความชั่วนี่ จริงไหม อั๊วเชื่อว่า ถ้าลื้อเรียนมาจากหลวงตาเปลว มันต้องเป็นวิชาที่ดีแน่ๆ" ป๊อดกลืนน้ำลายลงคอ แล้วก้มหน้าลงเมื่อเห็นแววตาของเถ้าแก่เจียงและทุกๆคนที่มองมายังเขาอย่างเข้าใจไปเองอย่างนั้น และเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดแก้ต่างให้หลวงตาได้ยังไง ตลอดวันในวันนั้น สมาชิกในบ้านของเสี่ยเจียงทุกคนต่างก็อยู่พร้อมหน้ากันในห้องผู้ป่วยพิเศษ เป็นเพื่อนป๊อดจนถึงเวลาเย็น ป๊อดรู้สึกอบอุ่นและเป็นสุขอย่างที่สุด มันเหมือนกับว่า เขาได้อยู่กับครอบครัวของตนเองที่มีแต่ความรัก ความห่วงใยให้กัน มีเพียงวันนี้เท่านั้นที่เขาได้เห็นสมาชิกในบ้ายทุกคนกินข้าวกลางวันพร้อมกัน พูดคุยซักถามกันและส่งเสียงหัวเราะ อย่างสนุกสนาน จนเวลาได้คืบคลานมาถึงเวลาเย็น เถ้าแก่เจียงก็เอ่ยขึ้น "อาป๊อด....เดี๋ยวพวกเราจะกลับบ้านแล้วนะ ลื้อคงต้องนอนอยู่คนเดียวที่โรงพยาบาล แต่ไม่ต้องเป็นห่วง อั๊วจ้างพยาบาลพิเศษ มาดูแลลื้อเป็นอย่างดี ลื้อต้องการอะไร อยากได้อะไร ก็บอกเขาไปนะอาป๊อดนะ" พอหนิงได้ยินอย่างนั้นก็พูดขึ้นทันที "ไปจ้างทำไมล่ะเตี่ย พยาบาลน่ะ เดี๋ยวหนิงช่วยอยู่เฝ้าเป็นเพื่อนป๊อดเองก็ได้" หนิงพูดออกไปโดยไม่ได้ยั้งคิดเพราะความต้องการที่จะอยู่ใกล้ชิดกับป๊อด จนมาสำนึกได้เมื่อเห็นแววตาตำหนิของเถ้าแก่เจียง "อาหนิง ลื้อโตเป็นสาวแล้วนะ ไม่ใช่เด็กๆ จะมานอนค้างอย่างนี้จะเหมาะสมเหรอ...รู้จักคิดบ้างนะ" หนิงก้มหน้านิ่งอย่างยอมรับในความผิดพลาดของตนเอง ได้แต่เงียบแล้วเดินตามเถ้าแก่เจียงออกไปจากห้อง หลิวเดินรั้งท้ายสุดอย่างตั้งใจ เธอเดินเข้ามาหาป๊อดก่อนที่จะไปจากห้องแล้วพูดขึ้นอย่างแผ่วเบา "ป๊อด...พรุ่งนี้หลิวจะมาเยี่ยมอีกนะ" ป๊อดสบสายตากับหลิวด้วยหัวใจอันคับพองไปด้วยความดีใจ นี่เป็นครั้งแรกในหลายๆวันที่ผ่านมาที่เขาได้ยินหลิว พูดกับเขาด้วยน้ำเสียงที่เขาคุ้นเคย ไม่ห้วนและเย็นชาเหมือนที่ผ่านมา "ครับ...ผมจะรอ" หลังจากที่ทุกคนกลับไปแล้ว บรรยากาศในห้องก็เงียบสนิท ป๊อดลืมตาโพลงนอนอยู่ในห้องแต่เพียงลำพัง แล้วหันไป หยิบรีโมททีวีมาเปลี่ยนช่องไปมาอย่างเบื่อหน่าย พอเวลาผ่านไปนานเข้าเขาก็คิดที่จะลุกลงจากเตียงเพื่อเดินไปดูทัศนียภาพ ภายนอกที่กระจกหน้าต่างบ้าง แต่แล้วเขาก็ต้องชะงักและร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เนื่องจากแผลที่เย็บไว้ที่ท้อง ยังไม่ประสานกัน เขาจึงอยู่ในท่าหยั่งเท้าข้างหนึ่งลงกับพื้น ส่วนลำตัวยังคงคาอยู่ที่เตียงอยู่อย่างนั้น "ก๊อก...ก๊อก....ก๊อก..." เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น แล้วเปิดออกมาโดยไม่ได้รอคำอนุญาตจากผู้ที่อยู่ในห้อง ปรากฏเป็นร่างของนางพยาบาลสาว หุ่นบอบบางคนหนึ่ง เดินฉับๆ เข้ามาพร้อมกับถาดใส่อุปกรณ์ในมือ พอเธอหันไปพบร่างของป๊อดที่กำลังค้างเติ่งอยู่ที่ขอบเตียง เธอก็รีบวางถาดลงแล้วพุ่งตรงเข้ามาช่วยประคองร่างของป๊อดอย่างรวดเร็ว "โอ๊ะ....ระวังค่ะ..............ทำไมถึงทำอย่างนี้ล่ะคะ..แผลพึ่งเย็บมาใหม่ๆ คุณไม่ควรลงมาจากเตียงโดยลำพังนะคะ" พยาบาลสาวคนนั้น เอ่ยคำตำหนิป๊อดพร้อมกับสอดตัวเข้าไปใต้วงแขนของเขา พร้อมกับโอบร่างของเขาดันขึ้นบนเตียงเช่นเดิม วงแขนของโอบไหล่ของนางพยาบาลเอาไว้จนใบหน้าของเธอแทบจะสัมผัสกับปลายจมูกของเขา ป๊อดรู้สึกตะขิดตะขวงในทีแรก แต่เมื่อจมูกของเขาสัมผัสกับกลิ่นหอมละมุนของนางพยาบาลสาวคนนั้น เขาก็แทบจะใช้วงแขนรั้งร่างของเธอไว้อย่างนั้น แล้วสูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆของเธอให้สาแก่ใจของเขา พยาบาลสาวประคองให้เขานอนลงไปอย่างเดิมแล้ว ก็ปรับระดับเตียงให้ชันขึ้นอีกเล็กน้อย "ทีหลัง ถ้าอยู่คนเดียวแล้วต้องการอะไร กดสัญญาณเรียกพยาบาลได้นะคะ อย่าพยายามลงมาจากเตียงโดยลำพัง" ป๊อดสบสายตากับพยาบาลสาวคนนั้น แล้วยิ้มตอบให้เธอ ไม่เพียงแต่กลิ่นหอมจากตัวเธอเท่านั้นที่น่าใกล้ชิด แต่พยาบาลคนนี้ ยังมีใบหน้าที่น่ารักชวนมอง เธอละสายตาไปจากป๊อดแล้วหันกลับไปสวมถุงมือยางอย่างเงียบๆ ป๊อดยังคงลอบมองเธอและคิดอยู่ภายในใจ จะดีไม่น้อย หากว่าเธอคนนี้มีใบหน้าที่เจือไปด้วยรอยยิ้มบ้าง เขามีความรู้สึกว่า ใบหน้าของเธอเฉยเมยและแฝงด้วยความเศร้าหมอง เป็นทุกข์ เธอรูดม่านบางตากั้นเตียงไว้ แล้วพูดขึ้น "เดี๋ยวพยาบาลจะเช็ดตัวให้นะคะ" พอป๊อดได้ิยินอย่างนั้นก็รู้สึกตะขิดตะขวงใจ แล้วพูดขึ้นอย่างเกรงใจ "ไม่เป็นไรครับ คุณพยาบาล ผมพอจะทำเองได้" "ไม่ได้หรอกค่ะ...คนไข้พึ่งจะผ่าตัดผนังช่องท้อง ไม่ควรเอี้ยวตัวขยับไปมาเดี๋ยวแผลจะเปิด" คำพูดของเธอห้วนสั้น ได้ใจความ และพูดโดยไม่มองหน้าเขา พร้อมกับเอื้อมมือไปปลดกระดุมเสื้อของโรงพยาบาล ที่ป๊อดสวมใส่อยู่แล้วแบะออก เธอหยิบผ้าขนหนูที่เตรียมมาบิดน้ำลงไปอ่างพลาสติค แล้วเริ่มเช็ดไปตามลำคอของเขา อย่างแผ่วเบา ป๊อดจ้องมองไปทุกความเคลื่อนไหวของพยาบาลสาวอย่างใกล้ชิด แม้ใบหน้าของเธอเมินเฉยอยู่ก็จริงแต่ก็ยังแฝงไปด้วย ความน่ารักแบบใสๆและดูเยาว์วัยเกินกว่าที่จะเป็นพยาบาล จากนั้นเธอก็ใช้ผ้าผืนนั้นเช็ดไปแผงอก รักแร้ แขนทั้งสองข้างและหน้าท้อง แม้เธอจะใส่ถุงมือยางแต่ป๊อดก็เห็นอยู่กับตา ว่าผู้ที่กำลังใช้ผ้าลูบไล้เรือนร่างของเขาอยู่เป็นหญิงสาวที่มีความสวยและน่ารัก ด้วยพื้นนิสัยเจ้าชู้ที่มีอยู่เดิมทำให้ป๊อด พูดขึ้นด้วยความคะนอง "คุณพยาบาลหน้าเด็กจัง...เป็นนักศึกษาอยู่ใช่ไหมครับ" พยาบาลสาวชะงักนิดหนึ่งแล้วเงยหน้าสบตากับป๊อด "ใช่ค่ะ พี่เป็นนักเรียนพยาบาล ปี 4 เป็นรุ่นพี่น้องหลายปีเลยล่ะ" ป๊อดชะงักคำพูดที่คิดจะพูดต่อในทันที เมื่อเธอแสดงตนว่าเป็นรุ่นพี่ของเขาออกมาอย่างชัดเจน แต่แล้วเขาก็คิดว่าควรจะ ทำความสนิทสนมเธอไว้ดีกว่าปล่อยให้บรรยากาศในห้องดูเงียบและเกร็ง "คุณพยาบาลรู้ได้ยังไง...ว่าผมอายุน้อยกว่า" เธอเหลือบตาขึ้นมองป๊อดอีกครั้ง "พยาบาลทุกคนต้องอ่านประวัติคนไข้ก่อนที่จะเข้ามาปฏิบัติงานค่ะ" ป๊อดพยักหน้าแล้วยิ้ม "ถ้าอย่างนั้น ผมจะเรียกคุณพยาบาลว่าพี่นะครับ...ไม่ทราบพี่ชื่ออะไรครับ" พยาบาลสาว ไม่ตอบแต่ขมักเขม้นกับผ้าที่กำลังขยี้อยู่ในอ่างแล้วบิดน้ำ ป๊อดเลื่อนสายตาลงไปที่ป้ายชื่อบนอกของเธอ " นิสาชล ศิริสกุล งั้นผมเรียก พี่นิสา ก็แล้วกันนะครับ" พยาบาลสาวยังคงบิดผ้า เหมือนกับไม่ได้ยินคำพูดของป๊อด แล้วเอื้อมมือไปปลดผ้านุ่งคนไข้ของป๊อด เธอนึกหมั่นไส้และรู้ทันว่า ป๊อดพยายามหาทางพูดคุยกับเธอเหมือนคนไข้ชายหลายๆรายที่มักจะทำอย่างนี้ ป๊อดถึงกับตาเหลือก ร้องออกมาอย่างตกใจ "อย่าครับ...พี่นิสา..........ตรงนั้นไม่ต้องครับ......พรึบบ......" ช้าไปเสียแล้ว ผ้าสีฟ้าอ่อนที่ห่มคลุมท่อนล่างของป๊อดไว้อย่างหลวมๆ ถูกแบะกว้างออกอย่างง่ายดาย จนมองเห็นทุกอย่าง ของป๊อดอย่างชัดเจน ป๊อดพยายามหุบขาและคิดจะโน้มตัวเอาผ้าไปปิดส่วนนั้นไว้ด้วยความอาย แต่ก็ถูกพยาบาลสาวห้ามเอาไว้ "อย่าค่ะ..น้อง...อย่าพยายามขยับตัว...เดี๋ยวปากแผลจะเปิดนะคะ" เธอมีรอยยิ้มน้อยๆที่มุมปาก คล้ายกับพอใจที่ทำให้ป๊อดรู้สึกอาย "ไม่...ไม่ต้องเช็ดตรงนั้นก็ได้ครับ...." "ไม่ได้ค่ะ......เดี๋ยวมันจะหมักหมม คุณพ่อน้องป๊อดจ่ายเงินให้พี่นิสาตั้งเยอะ ทั้งท่านยังกำชับให้พี่ดูแลน้องเป็นอย่างดี อยู่นิ่งๆ เถอะเดี๋ยวก็เสร็จ" ป๊อดได้ยินพยาบาลนิสาพูดถึงเถ้าแก่เจียง และเข้าใจว่าเป็นพ่อของเขาก็รู้สึกดีใจ นี่คงเป็นเพราะเถ้าแก่เจียงคงแนะนำตัวไว้อย่างนี้ "พอเถอะครับ..พี่นิสา" นิสาลอบยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ แต่ก็ไม่รอดไปจากสายตาของป๊อด เขาทั้งอายทั้งประหม่าอย่างบอกไม่ถูก เมื่อต้องมาเปลือยร่างล่อนจ้อนต่อหน้าหญิงสาวที่เขาเพิ่งจะเคยรู้จัก แม้ว่าที่ผ่านมาเขาจะเคยเปลือยกายในลักษณะนี้หลายๆต่อหลายครั้ง ต่อหน้าผู้หญิง แต่นั่นก็เป็นการเปลือยด้วยกันทั้งคู่ ไม่ใช่เหมือนในครั้งนี้ที่หญิงสาวยังคงอยู่ชุดพยาบาลที่มิดชิด เท่านั้นยังไม่พอเธอยังใช้ ผ้าลูบไล้ไปตามลำขาทั้งสอง วกกลับเข้ามาที่ใต้พวงไข่อย่างแผ่วเบาแล้วลามเลยไปจนถึงไอ้จ้อนที่ไวต่อความรู้สึกของเขา พยาบาลนิสาใช้ผ้าขนหนูเช็ดสูงขึ้นมาบริเวญหัวหน่าว แล้วใช้มือข้างหนึ่งจับลำเอ็นของเขาพลิกไปมาเพื่อที่จะได้เช็ดได้สะดวกขึ้น ป๊อดรู้สึกเสียววาบขึ้นในทันที แม้ว่ามือของเธอยังใส่ถุงมือยางอยู่ แต่มันก็แทบจะไม่ต่างจากสัมผัสด้วยมือแท้ๆเลย ป๊อดมีสีหน้าวิตกกังวล เมื่อเริ่มรู้สึกตัวว่าเจ้าท่อนเอ็นของเขามันกำลังทรยศหักหน้าผู้เป็นเจ้าของ มันเริ่มแข็งตัวผงาดง้ำแสดงตัวว่ามันนั้นใหญ่ และยาวออกมา อย่างสุดจะควบคุม จนพยาบาลนิสาสังเกตเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน เธอเริ่มสีหน้าแดงระเรื่อ และออกอาการประหม่าอย่างเห็นได้ชัดทั้งๆที่เธอก็เคยทำเช่นนี้กับคนไข้ชายมาหลายต่อหลายครั้ง ก็ยังไม่เคยมีความรู้สึกเช่นนี้ เธอมองไปที่ลำเอ็นของป๊อดอย่างตื่นตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก็รีบพูดกลบเกลื่อนขึ้น พร้อมกับเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาด ทันที "เสร็จแล้วค่ะ...เลิกอายได้แล้ว...พี่ก็ทำแบบนี้ให้กับคนไข้ที่รับผิดชอบทุกคน ไม่เห็นเขาจะเขินแบบน้องเลย" เธอพูดไปอย่างนั้น แต่หน้าของเธอกลับแดงซ่านไปด้วยเลือดลมที่สูบฉีด พร้อมกับจังหวะหัวใจที่เต้นเร็วถี่ขึ้น ป๊อดไม่กล้ามองหน้าพยาบาลนิสาตรงๆ แสร้งทำเป็นดูทีวีอยู่อย่างสนใจ แต่พอพยาบาลนิสาเดินไปที่ประตูห้อง เขาก็ลอบสำรวจเรือนร่างของพยาบาลสาวอย่างมีอารมณ์จนร่างเธอหายลับไปจากประตูห้อง เพียงครู่พยาบาลนิสาก็กลับเข้ามาอีกครั้ง พร้อมกับ หนังสือสองสามเล่ม เธอนั่งลงแล้วกางออกอ่านอย่างนิ่งเงียบ ป๊อดหันไปดูทีวี แล้วก็ลอบแอบมองเป็นระยะ ป๊อดเห็นว่านิสาเป็นผู้หญิงที่สวยเรียบๆแต่มองแล้วไม่น่าเบื่อ ตามความรู้สึกของเขา เธอไม่แต่งหน้าทาปากเหมือนผู้หญิงทั่วไป ผมก็รวบไว้หลวมๆไม่ได้ตัดเซ็ตตามแฟชั่น เขาชอบผู้หญิงที่สวยอย่างเป็นธรรมชาติอย่างนิสาที่สุด เมื่อเห็นว่าเธอนั่งนิ่งพุ่งความสนใจไปที่หนังสือที่อยู่ตรงหน้า เขาก็จึงจ้องมองเธอนานขึ้นอย่างตั้งใจ จนนิสาเงยหน้าขึ้น มาจากหนังสือแล้วหันมาสบตากับเขาพอดี แล้วเอ่ยขึ้นอย่างสงสัย "ถ้าต้องการเป็นส่วนตัวก็บอกนะคะ พี่จะได้ออกไป" ป๊อดสะดุ้งเล็กน้อยยิ้มกลบเกลื่อน แล้วแกล้งพูดขึ้น "ถ้าผมต้องการให้พี่นั่งเป็นเพื่อนผมจนถึงเช้าเลยล่ะ" พยาบาลสาววางหนังสือลง แล้วหันมามองเขาด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยเหมือนเคย "คนไข้มีชื่อเล่นว่าอะไรคะ" "ป๊อดครับ...แล้วพี่ละครับ" "เรียกพี่ว่านิสา นั่นแหละ.........ป๊อดนี่...ท่าทางเธอน่าจะเจ้าชู้ไม่เบาเลยนะ" "ครับ....ผมยอมรับ..แต่ผมรักจริงนะ ผู้หญิงที่ผมเจ้าชู้ด้วยผมรักเขาด้วยใจจริงทุกคน"

 

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น