เล่ห์สวาทเพลิงราคะ 17
ฐิติพรรณพารุจิราไปเดินตระเวณในศูนย์รวมเสื้อผ้าวัยรุ่นแถวๆ สยาม เพราะพริตตี้สาวแนะนำว่าให้เปลี่ยนชุดใหม่ไปเทสต์หน้ากล้องจะดีกว่า
“พวกที่สตูดิโอเขาขอเวลาเตรียมของหน่อยจ้ะ...พอเสร็จแล้วคงโทรมาบอก...ตอนนี้แค่ทุ่มกว่าๆ เอง...เรามีเวลาเดินช๊อปกันให้สนุกก่อน”
พริตตี้สาวกล่าวอย่างร่าเริง ขณะที่รุจิราที่กำลังมีความคาดหวังอย่างเต็มเปี่ยมในใจก็หัวเราะสนุกไปด้วย
แต่ถึงกระนั้นพอเข้ามาหาซื้อชุดเปลี่ยนที่ร้านหนึ่ง....รุจิราก็ทำสีหน้าอิดเอื้อนไม่ค่อยเต็มใจ เมื่อฐิติพรรณชี้ให้เธอเปลี่ยนจากชุดนักศึกษาที่สวมอยู่เป็นตัวที่อีกฝ่ายเลือกมาให้ เด็กสาวหน้าผ่องด้วยเชื้อจีน มองดูตัวเสื้อที่ตัวนิดเดียว และกระโปรงที่ค่อนข้างสั้นแล้วสั่นศีรษะ
“รุ..ไม่กล้าใส่หรอก...เสื้ออย่างนี้มันผิดระเบียบนี่นา...ไอซ์”
พริตตี้สาวซ่อนยิ้มในหน้า
“โธ่...นี่เราไม่ได้ใส่ไปเรียนนะ...ใส่ไปเทสต์หน้ากล้อง...มันต้องดูเซ็กซี่หน่อย...เชื่อไอซ์สิ”
“จำ..จำเป็นด้วยหรือ...ไอซ์...รุอายนะ...”
พริตติ้สาวหัวเราะคิกๆ ถือวิสาสะเข้ามาปลดกระดุมเสื้อของอีกฝ่าย เพราะตอนนี้ทั้งคู่อยู่ภายในห้องลองเสื้อด้วยกัน กล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“เชื่อไอ
ซ์สิ...ไอซ์น่ะมีประสบการณ์...ต้องให้เด่นสะดุดตาเข้าไว้...ไม่อย่างนั้นพวกเอเจนซี่เขาไม่สนใจเราหรอก”
รุจิราพยายามปฏิเสธ บอกปัด ใจหนึ่งนั้นรู้สึกอายที่จะต้องอยู่ในเครื่องแต่งกายนั้น...แต่ใจหนึ่งก็อยาก...อยากจะเด่นดังในหมู่เพื่อน...
ในที่สุดอำนาจฝ่ายหลังมีเหนือกว่า....ทำให้ในไม่ช้าเด็กสาวก็อยู่ในชุดนักศึกษารัดรูปจนทำให้ทรวงอกที่อูมนั้นตูมตั้งขึ้นมาจนแทบปริออกมา กระโปรงสีดำที่ปลายบานนั้นสั้นเลยเข่าขึ้นมากว่าครึ่งขาอ่อนเผยให้เห็นผิวขาวเป็นหยวกไปตลอดช่วงขาเรียว
ที่จริงสิ่งเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในแผนที่ตกลงไว้กับแก๊งเด็กนรก แต่พริตตี้สาวคิดเองอย่างเลือดเย็น
ยิ่งแต่งอีลูกเจ๊กให้ยั่วเท่าไหร่....มันก็โดนมากเท่านั้นแหล่ะ....สมน้ำหน้า...อยากรู้นัก...ผ่านคืนนี้ไป...แกจะหัวเราะใส่หน้าคนอย่างฐิติพรรณคนนี้ได้อีกไหม...
รุจิราหน้าแดง เธอไม่เคยแต่งตัวอย่างล่อแหลมอย่างนี้มาก่อน รู้สึกลมเย็นๆ นั้นพัดต้องเลยเข้าไปถึงตลอดช่วงล่าง จนต้องขนลุกซู่ ยืนบิดตัวหนีบเข่าแน่น
ฐิติพรรณหยิบรองเท้าส้นสูงที่เลือกเอาไว้ส่งให้
“เปลี่ยนรองเท้าเถอะ สวมถุงเท้าและรองเท้าอย่างนั้นมันไม่เข้ากันหรอก ต้องใส่ส้นสูงถึงจะดูสง่า...”
รุจิราถึงตอนนี้ก็ไม่รู้จะปฏิเสธอะไร ได้แต่ถอดถุงเท้ารองเท้า และสวมรองเท้าส้นสูงกว่าสองนิ้วนั้น
ซึ่งฐิติพรรณที่ดึงตัวของรุจิราไปยืนหน้ากระจก กล่าวเสียงหวาน
“ดูสิ...รุ...สวยเซ็กซี่อย่างนี้...จะไม่ได้งานก็ให้มันรู้ไป”
รุจิราหน้าแดง ดูภาพของเธอที่สะท้อนออกมาจากกระจก แล้วก็ต้องอดที่จะเชิดหน้าอย่างภูมิใจในเรือนร่างของตัวเองไม่ได้
ใช่...ถ้าเธอแต่งตัวให้ดูดีกว่าที่ผ่านมา...เธอก็คงไม่น้อยหน้าฐิติพรรณเท่าไหร่หรอก...
..................
ดวงตาของเชิดเอเยนต์ค้ายานรกเต็มไปด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง เมื่อเอ่ยเสียงค่อนข้างสั่นกับโทรศัพท์ในมือ
“เอ่อ...ผม...ผม...ต้องขอโทษพ่อเลี้ยง....ที่...ที่...ไอ้ชิด...มันหาเรื่องเดือดร้อนให้”
ปลายสายนั้นนิ่งไปอึดใจ ซึ่งเชิดนั้นเหงื่อแตกออกมา จนต้องใช้หลังมือป้าย ดวงตาพล่านไปด้วยความหวาดหวั่น เพราะรู้ดีถึงอารมณ์อันกราดเกรี้ยว และการลงโทษอย่างน่าสะพรึงกลัวกับผู้ที่เป็นปฏิปักษ์ของคนที่อยู่อีกด้านหนึ่งของสายโทรศัพท์
แต่ทว่าสุ้มเสียงที่ดังมานั้นกลับราบเรียบจนชายหนุ่มนักค้ายานรกแทบจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างโล่งอก
“ผู้หญิงของไอ้สิงห์....นังนั่น...มันเป็นใคร”
“เอ่อ...เอ่อ..ผมไม่ทราบครับ...คงต้องถามไอ้ชิด...”
“ไปหารายละเอียดมา...แล้วรีบโทรบอกกู”
เสียงทางปลายสายนั้นมีประกายเหี้ยมเกรียมฉาบอยู่อย่างเด่นชัด เอเยนต์ค้ายานรกรีบรับคำอย่างนอบน้อม
“ครับ..ครับ...ผมจะรีบติดต่อกับไปหาพ่อเลี้ยงอย่างเร็วที่สุด”
จากนั้น เชิดก็กลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ
“ตอนนี้...ไอ้สิงห์...มัน...มัน...เอ่อ...เอ่อ...เรื่องขนสินค้า...เราจะ...ทำยังไงดีครับ...”
กว่าที่เอเยนต์ค้ายานรกจะพูดจบไปได้ ก็ต้องปาดเหงื่อไปอีกหลายรอบ นั่งตัวสั่นรอคอยคำตอบ ทางปลายสายเงียบไปก่อนจะตอบว่า
“เรื่องนั้นกูจะจัดการเอง...มึงแค่ไปทำตามคำสั่งของกูก็พอ...เร็วๆ ด้วย”
“ครับ...ครับ”
เอเยนต์ยานรกถึงกับถอนหายใจพรืดใหญ่ดังๆ เมื่อปลายสายวางหูไปแล้ว ยกมือปาดเหงื่อ ดวงตาขมึงทึง
“ไอ้เหี้ยชิด....เจอกันอีกครั้ง...กูจะตบให้คว่ำ...ไอ้เหี้ย....หาเรื่องให้กู”
.......................
“รุดูสิ...ใครๆ ก็หันมามองรุกันทั้งนั้น...คิกคิก…เห็นไหมไอซ์บอกแล้ว...แต่งตัวให้ดูเซ็กซี่หน่อยๆ..น่ะกินขาด”
ฐิติพรรณกระซิบกล่าวเสียงใส เมื่อพารุจิราเดินเล่นอยู่บริเวณห้างหรูแถวสยามเซ็นเตอร์ ซึ่งในตอนนั้นเด็กสาวหน้าผ่องใบหน้าแดงก่ำ เพราะสายตาของคนที่เดินผ่านไปผ่านมานั้นคอยจะแวะเวียนเข้ามายังเรือนกายของเธอ ที่เวลาเดินต้องคอยเอามือลูบลำตัวกระโปรงเอาไว้ไม่ให้ถูกลมพัดจนเลิกขึ้น
แต่อย่างช้าๆ อารมณ์ที่เขินอายก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความตื่นเต้น ในใจของรุจิรานั้นพล่านไปด้วยความรู้สึกอิ่มเอมใจในสิ่งที่เธอปรารถนามานาน
...การที่เป็นจุดสนใจของคนจำนวนมากมันสนุกอย่างนี้เอง....ดีจัง...
จากนั้นเมื่ออารมณ์นั้นกรุ่นจนได้ที่ รุจิราก็ยิ้มหวาน หัวเราะเสียงแจ่มใส คิกคักไปกับฐิติพรรณที่เดินเกี่ยวก้อยกันชมสินค้าในห้างนั้นด้วยอารมณ์ที่เบิกบาน
....................................
เรือนร่างของรุจิราในชุดนักศึกษาที่รัดรูปนั้นเป็นจุดสนใจของคนที่เดินไปมาในห้างนั้นอย่างแท้จริง แต่เด็กสาวหน้าผ่องคงจะแทบช๊อคถ้ารู้ว่าการแต่งกายของเธอนั้น กำลังยั่วยวนให้กับดวงตาหื่นกระหายห้าคู่ที่เดินจ้องตามมาห่างๆ นั้น
“ไอ้เหี้ยเอ๊ย...มึงดูสิ...อีหมวย...แม่งขาวจั๊วะ...ขาขาวอย่างกับหยวก”
แจ๊กพึมพำ ปากหนานั้นแห้งผากด้วยความกระหายหื่น จนต้องแลบลิ้นออกมาโลมเลีย ดวงตาเบิกโพลงจ้องไปยังเรียวขางามของรุจิราที่สวยเด่นเป็นลำงามไปจรดปลายเท้าที่สวมส้นสูงสีดำ ซึ่งช่วยชูให้เรียวขานั้นดูเรียวสลวยงามยวนตาขึ้นไปอีกหลายเท่า
มืดเองก็แลบลิ้นเลียปากไม่แพ้กันกับเพื่อน จุ๊ปาก ร้องเสียงกระเส่า
“ดูๆ....อีหมวยนั่นเดินบิดก้นยั่ว...ไอ้สัตว์เอ๊ย...อยากจับมันกระเด้าตรงนี้เลย...”
ดวงตาเบิกถนนของเด็กช่างกลหน้าปรุ จ้องไปยังสะโพกผายของรุจิราที่ตอนนั้นเดินบิดน้อยๆ กระโปรงนักศึกษาตัวสั้นพลิ้วล้ออยู่บนท่อนขาอ่อนขาวราวกับหยวกนั้น ยวนยั่วจนอารมณ์หื่นของมืดพล่านจนขนลุก ตัวสั่นระริก ควยกระดกโป่งตึงไปคับเป้ากางเกง
อ้วนตอนนั้นเสริมเสียงหื่นด้วยว่า
“แต่กูชอบนมอีหมวยว่ะ..แม่งตูมกลมดีจริงๆ...ดูสิเว้ย...นมแม่งแทบปริเสื้อออกมาแล้ว…ฮ่ะฮ่ะ”
พรรคพวกมองตามไปก็เห็นจริงดังคำอ้วนว่า เพราะชุดนักศึกษาตัวนั้นมันรัดจนทรวงอกของรุจิรานั้นเด่นตูมออกมา จนดันเสื้อและเห็นลายลูกไม้ของยกทรงที่เด็กสาวสวมใส่อย่างถนัด
ชิดยิ้มหื่นกล่าวว่า
“กูก็ว่าอย่างพวกมึงนั่นแหล่ะ...อีหมวยนี่...ถึงแม้จะสวยสู้นังไอซ์ไม่ได้...แต่กูชอบว่ะหน้าหมวยๆ..อย่างอีนี่ เอาควยยัดปากมันแล้ว ดูหน้าหมวยๆ ของมันอมควย...ซี๊ดดดด...แค่คิดก็น้ำแทบแตกแล้ว....”
อ้วนตอนนั้นลดเสียงกระซิบกระซาบ
“แล้วอีหมวยนี่แม่งจะเป็นแบบ...อีนังตัวแสบวันก่อนหรือเปล่าวะ...ไอ้ห่า...ตัวนิดเดียว ตีนหนักชิบหาย...”
อ๋องสั่นศีรษะ มองไปยังร่างสะคราญตาของรุจิราที่เดินอ้อยสร้อยอยู่ตรงหน้า แล้วหัวเราะกระหยิ่ม
“กูว่าคงไม่หรอก...มึงดูอีหมวยดีๆ สิ...แค่นี้ก็รู้...ประเภทพวกคุณหนูชัดๆ...เดินมืออ่อนตีนอ่อนอย่างนี้...ไม่ใช่เป็นแบบอีตัวแสบนั่นแน่ๆ...”
ชิดดีดนิ้ว ใบหน้าเสี้ยมนั้นแสยะ
“แต่ไอ้อ้วนพูดมา...กูว่ากันไว้ก่อนก็ดีว่ะ...เปลี่ยนแผนหน่อยเว้ย...ไอ้มืด...มึงโทรไปตามพรรคพวกมา...เอาแบบคืนที่จับนังไอซ์เย็ดบนรถเมล์...รุมฮือกันเข้าไป...ต่อให้อีหมวยนี่เป็นกังฟู...เก่งกว่าอีห่าตัวแสบวันนั้น..ก็ไม่รอดเว้ย...ฮ่า ฮ่า”
ใบหน้าปรุด้วยสิวของมืดเต็มไปด้วยความตื่นเต้นหฤหรรษ์ ผงกศีรษะถี่ถี่ ยกมือถือขึ้นโทรออกไปทันที
..............................
เสี่ยเซี้ยงที่นอนพิงพนักหัวเตียงอยู่ หัวเราะก๊ากๆ ใหญ่อย่างสนุกอารมณ์ ยิ้มกระหยิ่มก่อนจะวางหูโทรศัพท์ลง
คันธรสที่นอนเปลือยอยู่ข้างๆ หันตัวเข้ามากอดร่างกำยำนั้น เงยหน้าขึ้นยิ้มหวานอย่างฉอเลาะ
“เสี่ยหัวเราะดีใจอะไรคะ...เสี่ยทองเขาพูดอะไร”
เสี่ยโฉดยิ้มหื่น มองใบหน้าของคันธรสซึ่งตอนนั้นเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อที่อาบไปทั่วเพราะกามกิจที่ต่อเนื่องยาวนานมาตั้งแต่เย็น เพิ่งมาจบไม่นานก่อนที่เขาจะได้รับโทรศัพท์จากเสี่ยทอง
“เสี่ยคิ้มเขาโทรมาบอก...คือ...คือว่า...เอ่อ...อย่าว่าโง้นงี้เลยนะ...เสี่ยเซี้ยง...คือ..เสี่ยคิ้ม...เขามาเปรยกับผม...อยากดูโชว์ของคุณรสคนสวยอีกน่ะ...เขาบอกว่าถ้าเสี่ยตกลง...เรื่องธุรกิจที่เคยเจรจาค้างกันอยู่...เขายอมตามข้อเสนอของเสี่ยเต็มที่เลย”
เสี่ยเซี้ยงหัวเราะกระหยิ่ม บดขยี้จูบไปปากงามนั้น มือหยากลากไปตามหน้าท้องขาวผ่องอย่างละลานใจ
“ไม่มีอะไร...เสี่ยทองแค่อยากเลี้ยงฉลองให้ผมกับคุณรสเท่านั้น...”
“ฉลอง..เรื่องอะไรคะ...”
คันธรสแหงนหน้าอ้าปากรับการจูบอย่างดูดดื่มนั้น ก่อนจะซบหน้าไปที่หน้าอกหนา ถามเสียงแผ่วๆ ด้วยความรัญจวนใจจากมือที่เริ่มลากคลำไปจนถึงบริเวณเนินสวาทที่ฉ่ำแฉะของตนเอง
เสี่ยโฉดหัวเราะกระเส่า
“ก็ฉลองเรื่องธุรกิจน่ะครับ...ที่รัก...ไปอาบน้ำแต่งตัวสวยๆ..ดีกว่า...เดี๋ยวเราไปฉลองกัน...”
คันธรสยิ้มหวาน หัวเราะคิกคัก ยื่นหน้าไปจูบที่ปากหนา แลกลิ้นพัวพันดูดดื่มกับเสี่ยโฉดอีกครู่หนึ่ง ก่อนจะผละออกจากไปเตียงเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างว่าง่าย ขณะที่เสี่ยเซี้ยงนอนควยกระดกบนเตียง คำนึง
“อือม์....อีไฮโซนี่มันสวยจริงๆ...กูลืมไปเลย...น่าจะใช้ประโยชน์จากมันได้อีกหลายทางเว้ย...ฮ่ะฮ่ะ...เออ...กูนึกออกแล้ว...ตอนนี้ยังไม่มีช่องเรื่องมรดกของไอ้เฒ่าเดชก็ไม่เป็นไร...กูพอมีช่องหาเงินจากอีไฮโซหน้าโง่นี่ได้ไปพลางๆ ก่อนแล้ว...ฮ่าฮ่าฮ่า”
.........................
“ค่ะ...พวกพี่ๆ...พร้อมแล้วใช่ไหมคะ...ค่ะๆ...เดี๋ยวเราจะไปหา”
ฐิติพรรณส่งเสียงใสกรอกใส่มือถือ ขณะที่ยกนิ้วหลิ่วตาให้กับรุจิราที่ยืนใจเต้นอยู่ข้างๆ
“ค่ะๆ...ไอซ์เข้าใจ...แล้วเจอกันค่ะ”
พริตตี้สาวรับคำก่อนจะปิดสัญญาณ หันไปยังรุจิรา
“รุไปรถเมล์นะ...เพราะสตูดิโอมันแคบ...วันนี้พวกพี่ๆ เขาบอกว่ารถใหญ่มาลงหลายคัน....หาที่จอดรถลำบากน่ะ…ถ่ายเสร็จ แล้วรุค่อยโทรมา...ไอซ์รออยู่แถวๆ นี้ล่ะจะขับรถไปรับ”
ฐิติพรรณกล่าวเสียงใส
“อ้าว...ไอซ์ไม่ไปกับรุเหรอ...ไม่เอานะ...ไปด้วยกัน”
รุจิราถามเสียงสั่นๆ เกาะแขนของฐิติพรรณเอาไว้ พริตตี้สาวยิ้มปลอบ กระซิบกระซาบ
“ที่ไอซ์ไม่ไป...ก็เพราะอยากให้รุเป็นจุดเด่น...เด่นคนเดียวจริงๆ...เพราะที่สตูดิโอน่ะ...มีแมวมองเยอะนะ...ไอซ์อยากไถ่โทษที่เคยทำไม่ดีกับรุ...อยากให้รุได้โอกาสดีๆ...โดยที่ไม่ต้องมีไอซ์เข้าไปเปรียบเทียบจ้ะ”
ฐิติพรรณซ่อนใบหน้าที่เลือดเย็นเอาไว้ภายใต้สีหน้ายิ้มแย้ม ดวงตาวาววับด้วยความสมใจ เมื่ออ่านสายตาของรุจิราที่ลังเลใจออก
เช๊อะ...นังลูกเจ๊ก...ถูกฉันพูดจี้ใจดำน่ะสิ...แกมันกลัวฉันเด่นเกินหน้า...
รุจิราคิดเช่นนั้นจริงๆ ปมในใจที่เธอคิดมาโดยตลอดว่าสวยสู้ฐิติพรรณไม่ได้มันหยั่งรากลึกลงไปในใจของเด็กสาว จนคำพูดของอีกฝ่ายทำให้เธอรู้สึกกลัวขึ้นมาจริงๆ...ถ้าฐิติพรรณไปด้วยกับเธอ...ทุกคนก็คงจะเทความสนใจไปที่ฐิติพรรณหมด...
ยิ่งคิดแล้วใบหน้าผ่องของรุจิราก็เชิดขึ้น กล่าวกับตัวเอง
ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัว...เราต้องแสดงให้ทุกคนเห็นว่า...รุจิรา...คนนี้ก็มีดีไม่แพ้ใคร
ดังนั้นรุจิราจึงผงกศีรษะยอมทำตามคำแนะนำของฐิติพรรณ
“รุ..ไม่ต้องกลัวหลงนะ...พอขึ้นไปก็แค่บอกกระเป๋ารถว่าจะขอลงป้ายที่สตูดิโอ 926 เขาก็จัดการให้เอง”
พริตตี้สาวพูดยิ้มแย้ม จากนั้นก็เดินจูงมือรุจิราออกเดินเลียบถนนใหญ่ ซึ่งถึงแม้จะไม่ใช่ป้ายรถเมล์ แต่เวลานั้นรถเมล์คันใหญ่คันหนึ่งที่ดูราวกับจะพุ่งวาบเข้ามารับทันที เมื่อพริตตี้สาวยื่นมือไปเรียกโบก
ฐิติพรรณหัวเราะคิกคักอย่างสมใจ ขณะที่โบกมือลาให้กับรุจิราที่ก้าวเข้าไปในรถเมล์คันนั้น
นังลูกเจ๊ก....ฉันขอให้แกสมหวังกับการเป็นพริตตี้หน้ากล้องนะ...แต่...ขอโทษ...เป็นกล้องบนมือถือของไอ้สวะพวกนั้นนะ...คิกๆๆๆ
พริตตี้สาวหัวเราะร่วนในใจ ดวงตาพร่าพราวไปด้วยความสะใจสาแก่อารมณ์
|
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น
(
Atom
)
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น