รักยม (R) ตอนที่ 3 - ชะตา
โดย assasin008
“ไอ้เอก
อย่ามัวแต่ยืนมองซิวะ รีบมาช่วยกันหน่อย ไอ้โป้งมันบ้าไปแล้ว อยู่ดี ๆ
ก็ทำลายข้าวของ ตบตีคนอื่น มาช่วยหน่อยเร็ว ประชุมงานกันอยู่ดี ๆ
มันก็คลั่งขึ้นมาเฉยเลย”
ท่ามกลางสภาพอันวุ่นวายโกลาหลในสำนักงาน
หนึ่งในผู้ชายสามคนที่กำลังนั่งกดทับรุ่นพี่ชื่อโป้งได้ส่งเสียงร้องตะโกนออกมาดังลั่น
เอกนิ่งอึ้งมองดูก่อนจะพบว่าโป้งกำลังดิ้นจนคนสามคนแทบกดเอาไว้ไม่อยู่
คนอื่นอาจจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่เอกนั้นพอจะคาดเดาได้แล้วว่ามันเกิดเรื่องอะไร
เอกรีบวิ่งเข้าไปช่วยก่อนเป็นอันดับแรก
เขาขยับไปนั่งใช้เข่ากดทับแขนซ้ายของโป้ง
ตอนนี้จึงกลายเป็นว่ามีผู้ชายสี่คนที่ช่วยกันนั่งกดทับเอาไว้
และมีอีกคนพยายามเอาเชือกและสายไฟในสำนักงานมามัดตัวโป้ง
แต่โป้งก็ยังสามารถดิ้นจนคนสี่คนเซไปมาเกือบเอาไม่อยู่
เรี่ยวแรงที่แสดงนั้นราวกับไม่ใช่ของมนุษย์
โป้งดิ้นรนและส่งเสียงแผดร้องราวกับสัตว์ป่า
ดวงตาของเขาแดงฉาน ผมเผ้ายุ่งเหยิง
สภาพเช่นนี้เมื่อบวกกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ทำให้เอกนึกได้ถึงเพียงเรื่องเดียว
ซึ่งก็คือสิ่งที่เรียกว่าของขลังย้อนเข้าตัว
ของขลังย้อนเข้าตัวคืออะไร?
การใช้น้ำมันพรายนั้นเป็นหนึ่งในการเล่นของ การเล่นของคือการใช้ศาสตร์มืดอันต่ำตมเพื่อสนองกิเลสทั้งสิบและตัณหาทั้งหก เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นศาสตร์มืดแล้วย่อมมีอันตรายแฝงเร้นมากมาย
เริ่มตั้งแต่คนสร้างของที่อาจจะโดนของตีกลับทำร้ายได้ทุกขณะ ต่อให้สร้างของสำเร็จ ผู้นำไปใช้ก็อาจจะโดนของย้อนเข้าตัวได้เช่นกัน ทุกย่างก้าวในการเล่นของนั้นล้วนเต็มไปด้วยความเสี่ยง และเมื่อทำผิดพลาดก็จะโดนอำนาจของขลังนั้นย้อนเข้าตัว
โป้งเพิ่งจะพยายามใช้น้ำมันพรายกับหญิง หากเขาทำสำเร็จ หญิงจะถูกวิญญาณผู้หญิงตายทั้งกลมสิงสู่และกลายเป็นตุ๊กตาไว้บำบัดความใคร่ แต่เมื่อการสิงสู่นี้ไม่สำเร็จ ‘ของ’ หรือวิญญาณหญิงตายทั้งกลมจึงย้อนกลับไปยังผู้ใช้ หากผู้ใช้เป็นหมอผีมากอาคมก็อาจจะยังพอป้องกันบรรเทาได้ แต่โป้งนั้นเป็นแค่คนธรรมดาที่ไม่มีอะไรคุ้มกัน เขาจึงถูกของย้อนกลับอย่างจัง
เมื่อถูกของย้อน ความรุนแรงจะไม่ได้เหมือนตอนใช้งาน แต่มันจะแรงขึ้นหลายเท่า ตอนนี้โป้งจึงถูกวิญญาณผีตายทั้งกลมสิงสู่เล่นงาน สติสัมปชัญญะจึงแทบไม่มี ร่างกายเต็มไปด้วยความเจ็บปวด อารมณ์กลายเป็นเกรี้ยวกราดบ้าคลั่งเหมือนสัตว์ป่า สภาพโกลาหลเละเทะในสำนักงานนี้เป็นหลักฐานยืนยันชั้นดี
เอกนั่งใช้เข่ากดแขนของโป้งเอาไว้ด้วยความรู้สึกเย็นเยียบจนขนแขนลุกชัน เขาเคยเห็นคนโดนของเข้าตัวที่ไปหาหลวงปู่ให้ช่วยอยู่บ้าง แต่เขายังไม่เคยเห็นใครที่กำลังอยู่ในสภาพคลั่งเหมือนสัตว์ป่าเช่นนี้มาก่อน และเขาทราบดีว่าความร้ายแรงยังไม่ใช่เพียงแค่นี้ สิ่งที่เลวร้ายมากกว่ายังจะตามมาอีกในภายหลัง
หากเป็นผู้ถูกกระทำนั้นยังเป็นเรื่องหนึ่ง อำนาจสายขาวยังพอช่วยเหลือได้ หากไปวัดหาเกจิอาจารย์ที่มีวิชาก็ยังพอมีทางคลี่คลาย แต่ว่าผู้ที่ถูกของย้อนเข้าตัวนั้นไม่นับเป็นผู้ถูกกระทำ แต่จะเข้าข่ายผู้ใช้ศาสตร์มืดทำร้ายคนอื่น อำนาจสายขาวจึงยากจะช่วยเหลือจิตที่เต็มไปด้วยอกุศลได้
ตอนนี้หากเอกยังมีสายสิญจน์ห้อยคออยู่ เขาอาจจะทดลองเอามาช่วยบรรเทาอาการให้โป้งได้ ถึงจะไม่มั่นใจว่าจะเอาอยู่ แต่ก็น่าจะพอลดอาการลง น่าเสียดายที่เวลานี้สายสิญจน์นั้นไม่ได้อยู่ที่เขาแล้วแต่มันแขวนอยู่บนคอของน้องหญิง หากจะให้เขาเดินไปขอเธอคืนตอนนี้ก็ดูจะไม่เหมาะ
แม้จะโดนศาสตร์มืดเล่นงานจนมีพลังเหนือมนุษย์ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะมีพลังไม่มีวันหมด ไม่นานนักกล้ามเนื้อของโป้งก็เริ่มหมดสภาพ เขาไม่มีเรี่ยวแรงดิ้นรนอีก คนที่พยายามจับมัดจึงทำงานได้ง่ายกว่าเดิม เพียงครู่เดียวโป้งก็ถูกมัดพันด้วยเชือกและสายไฟจนแทบจะกลายเป็นมัมมี่ผีจากประเทศอียิปต์
โป้งถูกยามรักษาความปลอดภัยช่วยกันหอบหิ้วเพื่อพาส่งโรงพยาบาล เพื่อนร่วมงานบางส่วนตามไปดูด้วยความเป็นห่วง ภายในแผนกจึงเหลือแค่คนไม่กี่คนที่มีงานเร่งด่วน และเอกก็เป็นหนึ่งในนั้น เพราะว่าเขามีงานต้องนำเสนอในช่วงบ่าย
“อ้าว จะว่าไป คนที่จะเข้าประชุมไม่อยู่สักคน แล้วเราจะนำเสนอใครล่ะ พี่โป้งไม่อยู่ หัวหน้าก็โดนตีหัวแตกเลือดอาบ รองหัวหน้าก็ตามไปดูอาการ เหลือแค่คนเดียว ...”
หลังจากยืนคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นได้ระยะหนึ่ง เอกก็กลับมานั่งที่โต๊ะทำงานแล้วเพิ่งนึกขึ้นได้ เขาเพิ่งนึกได้ว่าประชุมในช่วงบ่ายนี้คนที่สมควรเข้าไม่อยู่กันเลยแม้แต่คนเดียว ยกเว้นก็แต่เพียงคุณหนูคนสวยที่เขาเพิ่งจะได้เอารัดเอาเปรียบไป
เมื่อนึกถึงตอนนี้ เอกก็หันไปมองดูน้องหญิงที่นั่งห่างออกไป บังเอิญเหลือเกินที่เธอเองก็ชำเลืองมองมาทางเขาพอดี สายตาทั้งคู่จึงมองประสานกันแวบหนึ่ง ก่อนที่หญิงจะรีบเบือนหน้าหนีไปทางอื่นทำทีเป็นว่าไม่ได้มองมาทางชายหนุ่ม
“ซวยล่ะ โดนเกลียดแล้วแหงเลยเรา”
เอกยิ้มแห้ง ๆ ให้กับตัวเอง เขาเข้าใจว่าหญิงอาจจะโกรธเขาจนไม่อยากมองหน้าแล้ว เพราะว่าปกติเธอไม่เคยจะเบือนหน้าใส่เขาแบบนี้มาก่อน แต่ว่าความจริงนั้นกลับดูเหมือนจะไม่ใช่ หญิงไม่ได้รู้สึกโกรธอะไรทั้งนั้น เธอแค่รู้สึกเขินอายร้อนวาบจนไม่กล้ามองหน้ากับชายหนุ่ม
หญิงกำลังเขินจนทำตัวไม่ถูก เธอกำลังว้าวุ่นใจกับเรื่องตัวเองจนขี้เกียจจะให้ความสนใจกับเรื่องความวุ่นวายในที่ทำงาน เธอยังไม่เข้าใจเรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้นในห้องประชุมนัก แต่ไม่ว่าจะพยายามขบคิดอย่างไร เธอก็สรุปเรื่องราวออกมาได้แค่อย่างเดียว เธอคิดว่าเพราะผลจากความฝันในคืนที่ผ่านมา ทำให้เธอเกิดอารมณ์วาบหวิวจนทนไม่ไหว เธอจึงไปทำเรื่องลามกในห้องประชุม แล้วมันก็เลยเถิดอย่างที่เห็น
“ตายแล้ว พี่เอกจะมองว่าเราเป็นผู้หญิงนิสัยไม่ดีหรือเปล่า เราทำอะไรลงไปเนี่ย ทำไมเราเป็นแบบนี้ล่ะ”
คุณหนูคนสวยเม้มปากและส่งเสียงบ่นกับตัวเองในใจ เธอไม่กล้าสู้สายตาของเอก เธอจึงรีบลุกขึ้นเดินหนีไปสงบสติอารมณ์ในห้องน้ำทั้งที่เธอเพิ่งจะออกจากห้องน้ำไปได้ไม่ถึงสิบนาที
หลังจากเดินออกมาจากห้องน้ำอีกครั้ง หญิงก็ยืนอยู่หน้ากระจกและมองดูสายสิญจน์สีขาวหม่นตรงลำคอ มันดูไม่เข้ากับภาพลักษณ์คุณหนูไฮโซของเธอนัก แต่เธอกลับใช้นิ้วแตะลูบมันด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าแดงซ่าน
ถัดจากการใช้นิ้วลูบไล้บนสายสิญจน์ เธอก็อมยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะมองซ้ายมองขวา เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ในห้องน้ำอีก เธอจึงค่อย ๆ รั้งเสื้อคลุมตัวเล็กที่มีไว้เพื่อสวมใส่กันหนาวออก จากนั้นจึงค่อยลากปลายนิ้วลงไปแตะสัมผัสแผ่วเบาตรงบริเวณปลายถันที่ดันเสื้อนักศึกษาออกมาเป็นเม็ด เธอไม่ได้สวมใส่ยกทรง และใช้เสื้อคลุมปิดเอาไว้ไม่ให้คนเห็น
“คอยดูเถอะ ถ้ารู้ว่ายกทรงกับกางเกงในเราเลอะเหม็นเหงื่อจนใส่ไม่ได้ พี่เอกต้องตาลุกวาวแน่เลย”
.................................
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนถึงเที่ยงวัน เอกพ่นลมหายใจยาวเหยียดออกมาหลังจากเพิ่งกดส่งรายงานชิ้นสำคัญให้พวกหัวหน้าและรุ่นพี่ เขายกเลิกประชุมในช่วงบ่ายไปแล้ว แต่ยังต้องส่งรายงานเพื่อให้ฝ่ายบริหารพิจารณาตามกำหนดเวลา และดูเหมือนว่าบ่ายนี้เขาจะว่างงาน
หลังจากเสร็จภาระกิจ เอกก็แอบชำเลืองมองไปทางที่นั่งของหญิงช้า ๆ แต่ว่าเขามองไม่เห็นใครตรงนั้น เขาจึงถอนหายใจออกมาด้วยความเสียดาย เขาอยากจะไปคุยอธิบายให้เธอเข้าใจ แต่ว่าเธอเหมือนจะหายตัวไปเลยหลังจากเกิดเรื่อง
“ไปทานข้าวเที่ยงกันไหมคะ พี่เอก”
ขณะมองไปทางขวานั้น อยู่ดี ๆ ก็มีเสียงหวานใสดังมาจากทางซ้าย เอกจึงสะดุ้งรีบหันไปมองด้วยความตกใจ ก่อนจะพบว่าคนที่เขามองหานั้นกำลังยืนตาแป๋วมองเขาอยู่ข้างกายของเขานี่เอง
เอกชะงักนิ่งมองดูเธอครู่หนึ่งเพื่อประเมินว่าเธอกำลังคิดอะไร แต่หญิงไม่ได้แสดงท่าทีอะไรพิเศษ ไม่มีอารมณ์โกรธหรือท่าทีไม่พอใจ ท่าทางของเธอนั้นราวกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องประชุมนั้นเป็นแค่ความฝัน และมันทำให้เอกเริ่มรู้สึกสับสนขึ้นมา
“อะไรนะครับ”
“ข้าวเที่ยงค่ะ ออกไปทานกันหรือเปล่าคะ”
“เอ๋ ปกติน้องหญิงจะไปกับพวกพี่ ๆ ไม่ใช่เหรอ”
“วันนี้ไม่มีใครอยู่นี่คะ หญิงเลยมาชวนพี่เอกไปเป็นเพื่อน วันนี้หญิงอยากทานอาหารอิตาเลียน”
“โห พี่จ่ายไม่ไหวหรอก อาหารอิตาเลียน ข้าวแกงพอไหว”
“ไม่เป็นอะไรค่ะ วันนี้ให้หญิงเลี้ยงพี่เอกก็ได้”
“ทำไมต้องเลี้ยงพี่ล่ะ”
>> ยังไม่จบตอนที่ 3 อ่านต่อในรูปแบบ PDF <<
สนุก
ตอบลบ